หูฟังเป็นตลาดที่คนซื้อน้อยมากๆๆๆๆครับ จึงขายในราคาระดับสินค้าฟุ่มเฟือย


ทำมาต้นทุนไม่มาก แต่ถ้าขายถูกเกินไป ไม่มีคนซื้อ ไม่ได้กำไร คือเจ๊ง

ขายแพงเกินไปก็แน่นอนไม่มีใครสน จึงขายตามราคาตลาด Marketing price คืออยู่ได้ครับ

ทำมาเสียงเหมือนกัน ตัวแพงกว่าก็ขายไม่ได้อีกคือเจ๊ง จึงทำให้แต่ละรุ่น รุ่นกลาง รุ่่นต่ำ รุ่นสูงเสียงต่างกัน


ผลลัพท์ก็คือ ของราคาถูกนั้นกั๊กไว้ ลดต้นทุน ลดคุณภาพเสียง ให้สามารถขายได้ถูกๆ
ของที่ทำออกมาเสียงดีนั้น ก็กั๊กไว้ให้ขายได้ราคาแพงๆๆ
ยิ่งเพิ่มความ Premium Housing ดูสวยอลังการ ใช้โครตอภิมหาไม้หายากอย่างดี หนังแกะแท้ สายเงินล้วน บลาๆ
ยิ่งอัพราคาขาย premium ได้มากขึ้น

ในขณะที่ตลาด Professional หรือใน Studio นั้นจะใช้ของที่เสียงดีที่สุดเลย และทำได้ในราคาถูกสมเหตุสมผล เพราะ ทำออกมาดี ก็มีคนซื้อไปใช้งานใน Studio งาน Radio จริงๆ ไม่ต้องคำนึงราคาตลาดนักเล่นหูฟัง
ไม่ต้องทำให้ดูหรูอลังการ เพื่ออัพราคาด้วยครับ 555

สรุปคือราคาเป็นไปตามกลไกลตลาดครับ ต้นทุนคงไม่เท่ากันหรอก แต่ต้องทำแล้วขายให้ได้กำไรมากๆๆครับ ไม่งั้นคือ เจ๊ง 555

นอกจากที่ความเห็นข้างบนว่าไว้ แล้วยังอยู่ที่เทคโนโลยีของแต่ละ brand ด้วยครับ เช่น จำนวนไดรเวอร์ ในแต่ละ housing  การวางตำแหน่งไดรเวอร์ภายใน housing   การจูนเสียง ซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละรุ่นแต่ละ brand และต้องใช้ต้นทุนในการประดิษฐ์ คิดค้น และ พัฒนา จึงทำให้ต้องขายในราคาสูง หรือสามารถขายในราคาสูงได้เนื่องจากคนซื้อไม่สามารถหาจากรุ่นอื่นๆหรือ brand อื่นๆได้  อย่างไรก็ตามในการออกรุ่นราคาถูกๆ ลดหลั่นกันออกมา ก็มีหลายเหตุผล เช่น ตัดคุณสมบัติของรุ่นท๊อปออกโดยพยายามตัดในส่วนที่ทำให้เสียงมันดรอปน้อยที่สุด  ลดจำนวนไดรเวอร์ลง การวางตำแหน่งไดรเวอร์ใหม่  การใช้วัสดุที่ใช้ต้นทุนลดลง เพื่อให้สามารถแข่งกับ brand อื่นๆได้ หรือเพื่อให้เกิดรายได้ค้ำจุน หรือเพื่อรักษา market shrare หรือตำแหน่งทางการตลาดไว้ เพราะถ้ามัวแต่มาเน้นรุ่นท๊อปราคาสูงๆ ก็อาจทำให้เสียโอกาสหรือบริษัทอาจจะไปไม่รอดก็ได้

ผมว่าประเด็นหลักอยู่ตรงนี้แหละครับ แล้วก็มีคุณค่าของแบรนดิ้งด้วย คล้ายๆพวก lv,hermes,chanel หรือก็เหมือนพวกรถ ญี่ปุ่น vs ยุโรป ทำหน้าที่ได้เหมือนกันแต่คุณภาพกับสมรรถนะแตกต่างครับ

หูฟังก็เช่นกันครับราคาขึ้นตามวัสดุกับคุณภาพไดรเวอร์ที่ใช้แต่ที่บวกราคาได้ขึ้นไปอีกก็น่าจะเป็นการ tuning กับ แบรนด์ดิ้งครับ
แต่หูฟังบางตัวก็แข่งขันด้วย gimmick หรือ technology อย่างเช่นพวก dip switch,module, tia etc..

สุดท้ายถ้าผมว่า "ถ้าชอบ ไม่มีคำว่าแพง" ครับสำหรับตลาดนี้ ถึงเราจะรู้ว่าต้นทุนมันห่างจากกำไรมาก 5555555

ของเกี่ยวข้องกับรสนิยมนี่
ราคามันไม่สมเหตุผลจริงๆ
ขนาดอุปโภคบริโภค ยังปั่นภาพลักษณ์กันเลย
ขอบคุณความคิดเห็นครับ

ครับ ลองเอา pk2 มาขายตัวละ 3~400 คนทั่วไปก็ไม่สนใจซื้อหรอกครับ ผลคือไม่ได้กำไร เจ๊ง

เลยจำเป็นต้องขายในราคาสินค้าฟุ่มเฟือยไปเรื่อยๆครับ เพราะตลาดมันเล็กมากๆๆๆๆ กำลังซื้อน้อยจริงๆ