Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

สงสัยเรื่อง Downsampling ครับ

139m

26/06/2020 16:49:45
1
คือ ผมใช้ iPhone 7 Plus ฟัง Hi - res เลยครับ แต่ขาด DAC + หูฟังดีๆ มีแต่เดิมๆ และเป็นพอร์ท Lightning ด้วย คาดว่า DAC Ship ถูกยกออก แล้วแยกขายเป็นหางหนูแทน แต่ประเด็นคือ ตอนนี้กำลังใช้ iAdiogate ฟังอยู่

เท่าที่ผมอ่านมาทั้งบอร์ดนอก ไทย เค้าว่า iPhone 7 Plus รองรับไว้ที่ 24/48 ครับ ทีนี้สมมติผมมี FLAC จริงๆ แท้ๆ เลย เพลงเดียวกัน 2 ไฟล์ แค่ต่างตรงที่ 48 กับ 96 ตอนฟัง 96 มันจะถูก Downsampling แน่ๆ ให้เหลือไว้ที่ค่า MAX คือ 48 ผมเห็นมันโชว์ในหน้าแอพตอนเล่นครับ (นอกจากเปิดลำโพง)

1. ผมอยากทราบว่า ถ้าการที่ถูกดาวน์ลงมาเหลือ 48 ยังงี้ เราจะเสียคุณภาพที่แท้จริงของ 96 ใช่มั้ยครับ

2. และผมเดาว่ายังไงต่อให้ถูกดาวน์เหลือ 48 ยังไงตัว 96 นี้ก็ยังฟังแล้วรู้สึกเสียงดีกว่าตัว 48 ใช่มั้ยครับ

ผมเข้าใจว่าหูฟังผม และไม่มีการต่อ DAC ยังไงก็ฟังไม่ออก แต่ถ้าทางเทคนิคคือผมคิดตามที่ถามถูกมั้ยครับ ?? แบบไม่พึ่ง DAC วัดกันด้วยค่ากราฟอะไรแบบนี้อ่ะครับ เพราะถ้าผมคิดถูก ผมจะได้เอาตัว 192 มาลงแทน

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

139m

26/06/2020 16:56:46
1
อีกนิดครับ ผมแก้ไขกะทู้ไม่ถูกพึ่งเข้าใช้งานครับ
คือ เครื่องผมใช้หูฟังเดิมๆ ไม่มี DAC แต่เล่นผ่านแอพเอา อยากทราบว่าที่ผมคิดจากในกะทู้มันถูกใช่มั้ยครับในทางเทคนิค ที่ว่า ต่อให้ 96 ถูกดาวน์ลงมาเหลือ 48 ยังไง 96 ก็ยังดีกว่า 48 อยู่ดีใช่มั้ยครับ ถึงต่อให้ใช้หูฟังเดิมๆ ในกรณีที่หูเทพจริงก็แยกออกต่อให้ไฟล์ 96 ถูกดาวน์มาแล้วก็ตาม ?? แบบนี้มั้ยครับ หรือเข้าใจผิด ช่วยอธิบายทีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

LosInBlue

26/06/2020 17:27:15
116
เวลาอัดเสียงใน Studio เค้าก็ใช้ Format 96khz อัดอยู่แล้วครับ และลงในแผ่น CD ถึง Downsampling มาเป็น 44.1khz

เพราะฉะนั้น 96khz 48khz 44.1khz ล้วนแต่เป็นมาตรฐาน Studio และ CD แบบ Lossless ทั้งสิ้นครับ

96khz ที่ downsampling เป็น 44.1khz มาจากตัวห้องอัดเอง หรือทั้ง Downsampling มาจาก Dac เอง ก็ล้วนแต่ใช้ไฟล์ต้นฉบับเดียวกันครับ  เสียงยังจึงไม่น่าจะต่างกันมาก


ที่สำคัญจริงๆสำหรับคุณภาพเสียงแล้ว ไม่ใช่ Sampling Rate ครับ แต่เป็นคุณภาพการบันทึกเสียง ความสามารถของศิลปิน ที่เป็นตัวกำหนดว่าเสียงจะดีหรือไม่ดีอย่างแท้จริง บันทึกเสียงมาดีคุณภาพ CD ก็ดีกว่า Hi-res บันทึกเสียงแย่มากโขแล้วครับ

หูคนเราฟังความถี่ได้ไม่เกิน 20khz เลยไปนิดหน่อยครับ มากกว่านี้ก็ระดับปลาโลมาได้ยินละ 555
Hi-res กับ CD quality เวลาเล่นจะต่างกันเล็กน้อยก็เพียงแค่ ช่องไฟ ambient และบรรยากาศแค่เล้กน้อยเท่านั้นครับ
Bandwitch มันมากกว่า จึงเหมาะกับการอัดเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพสูงเท่านั้นครับ เวลาลงแผ่น CD ก็แปลงเป็น 44.1khz อยู่ดี

เพราะฉะนั้นถ้า iphone เครื่องเล่นที่ใช้นั้น พอใจเสียงมากอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องหาเครื่องเล่น Hi-res มาใช้ครับ

กลับกัน Recorder ตัวท็อปๆหลายตัวรุ่นเก่าที่เล่นได้เพียง 48khz กลับให้เสียงที่อิ่มหนาสดเป็นดนตรีจริงๆ มากกว่าเครื่องเล่น Hi-res ระดับกลางๆกึ่งบนอีกครับ รวมไปถึง iPod classic ที่เสียงดีกว่า มือถือหลายรุ่นที่ระบุเล่น Hi-res ได้ด้วย

สรุปก็คือ พอใจเสียงแล้วก็ OK เลยครับ ไม่ต้อง serious กับ Hi-res มากเกินไป ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 3

139m

26/06/2020 17:36:18
1
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 2 - LosInBlue
เวลาอัดเสียงใน Studio เค้าก็ใช้ Format 96khz อัดอยู่แล้วครับ และลงในแผ่น CD ถึง Downsampling มาเป็น 44.1khz

เพราะฉะนั้น 96khz 48khz 44.1khz ล้วนแต่เป็นมาตรฐาน Studio และ CD แบบ Lossless ทั้งสิ้นครับ

96khz ที่ downsampling เป็น 44.1khz มาจากตัวห้องอัดเอง หรือทั้ง Downsampling มาจาก Dac เอง ก็ล้วนแต่ใช้ไฟล์ต้นฉบับเดียวกันครับ  เสียงยังจึงไม่น่าจะต่างกันมาก


ที่สำคัญจริงๆสำหรับคุณภาพเสียงแล้ว ไม่ใช่ Sampling Rate ครับ แต่เป็นคุณภาพการบันทึกเสียง ความสามารถของศิลปิน ที่เป็นตัวกำหนดว่าเสียงจะดีหรือไม่ดีอย่างแท้จริง บันทึกเสียงมาดีคุณภาพ CD ก็ดีกว่า Hi-res บันทึกเสียงแย่มากโขแล้วครับ

หูคนเราฟังความถี่ได้ไม่เกิน 20khz เลยไปนิดหน่อยครับ มากกว่านี้ก็ระดับปลาโลมาได้ยินละ 555
Hi-res กับ CD quality เวลาเล่นจะต่างกันเล็กน้อยก็เพียงแค่ ช่องไฟ ambient และบรรยากาศแค่เล้กน้อยเท่านั้นครับ
Bandwitch มันมากกว่า จึงเหมาะกับการอัดเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพสูงเท่านั้นครับ เวลาลงแผ่น CD ก็แปลงเป็น 44.1khz อยู่ดี

เพราะฉะนั้นถ้า iphone เครื่องเล่นที่ใช้นั้น พอใจเสียงมากอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องหาเครื่องเล่น Hi-res มาใช้ครับ

กลับกัน Recorder ตัวท็อปๆหลายตัวรุ่นเก่าที่เล่นได้เพียง 48khz กลับให้เสียงที่อิ่มหนาสดเป็นดนตรีจริงๆ มากกว่าเครื่องเล่น Hi-res ระดับกลางๆกึ่งบนอีกครับ รวมไปถึง iPod classic ที่เสียงดีกว่า มือถือหลายรุ่นที่ระบุเล่น Hi-res ได้ด้วย

สรุปก็คือ พอใจเสียงแล้วก็ OK เลยครับ ไม่ต้อง serious กับ Hi-res มากเกินไป ^^
ขอบคุณมากกกกกกก ก.ไก่ ล้านตัวครับพี่ กระจ่างเลยผม กระจ่างอย่างแรงเหมือนผมมัวแต่แคร์เรื่อง sampling จนจะบ้าตายอยู่แล้ว พอพี่มาตอบเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยครับ ขอบคุณพี่จริงๆ ว่าไอตัว recoder ที่พี่ว่ายังดีกว่าตัวระดับกลาง พอจะมีแนะนำมั้ยครับ เอาสักถึง 96 อ่ะครับ พอดีผมมีเพลงขนาดนี้เยอะอยู่กะจะใช้ให้คุ้มกับ Sampling เพลงสักนิด ถ้าแนะนำหูฟังด้วยจะดีมากๆ ครับ ว่าแล้วก็ยังอยู่ที่ Sampling จนได้ 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 4

LosInBlue

26/06/2020 17:36:57
116
ขออภัย Bandwidth ครับ ไม่ใช่ Bandwitch 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 5

เปา เรือธง

26/06/2020 19:29:07
390
ตามที่คุณ LosInBlue อธิบายมานั้นถูกต้องเลยครับ การฟังเสียงที่ออกมาจริง ๆ ขึ้นอยู่ที่การบันทึกเสียงล้วน ๆ ครับ ตัว Sample Rate สูง ๆ นั้นเวลาฟังแล้วก็อาจจะแยกความแตกต่างได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแยกไม่ออกซะทีเดียว แล้วก็หากเรามี Dac ที่รองรับก็ค่อยเลือกเป็น Sample Rate ที่สูงขึ้นมาลงได้ครับ ช่วยประหยัดเนื้อที่ไปได้เยอะเลย 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 6

ตามนั้น

26/06/2020 22:02:22
ถ้าห่วงเรื่องsample rateขนาดนั้นลองdragonfly,q5s,mojo,hugo2มันมีหลอดไฟเปลี่ยนสีตามsample rateของไฟล์เพลงที่เล่นแล้วจะรู้เองว่าiphoneเล่นไฟล์24/96,24/192,mqa,dsdได้หรือไม่ได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

สมัครเล่น

27/06/2020 09:55:32
412
เทคนิคการใช้ไมค์โครโฟนในห้องอัดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ
รวมไปถึงเรื่องอคูสติคของการอัดเสียงด้วย
วิศวกรระบบเสียง ต้องมีความเข้าใจในเรื่องดนตรีเป็นอย่างดีด้วยครับ

เท่าที่เคยอ่าน หลักสูตรของการบันทึกเสียงของบางที่
ต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านดนตรีด้วย ในระดับใช้งานได้ดี
แต่ระบบการอัดเสียงแบบ multitrack ยิงตรงจากเครื่องดนตรีเข้าคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
ก็ทำให้เสน่ห์ของการบันทึกเสียงหายไปเยอะครับ
ความคมชัด ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญของอรรถรสในการฟังเพลงอย่างเดียวครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 8

golf8023

27/06/2020 14:02:16
39
หลังๆมาผมแทบไม่สนใจ Sampling rate บางทีผมฟังไม่ออกครับ ถ้าเพลงไหนศิลปินคนไหนบันทึกเสียงจากห้องอัดดีๆ 16/44ผมก็พอใจแล้ว 
Sampling Rateนี่ต้องต่างกันมากๆจริงๆถึงจะพอฟังออก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

MaxxIE

27/06/2020 23:57:54
107
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 7 - สมัครเล่น
เทคนิคการใช้ไมค์โครโฟนในห้องอัดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ
รวมไปถึงเรื่องอคูสติคของการอัดเสียงด้วย
วิศวกรระบบเสียง ต้องมีความเข้าใจในเรื่องดนตรีเป็นอย่างดีด้วยครับ

เท่าที่เคยอ่าน หลักสูตรของการบันทึกเสียงของบางที่
ต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านดนตรีด้วย ในระดับใช้งานได้ดี
แต่ระบบการอัดเสียงแบบ multitrack ยิงตรงจากเครื่องดนตรีเข้าคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
ก็ทำให้เสน่ห์ของการบันทึกเสียงหายไปเยอะครับ
ความคมชัด ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญของอรรถรสในการฟังเพลงอย่างเดียวครับ

เจอคำตอบนี้เข้าไป  ผมเห็นแจ้งเลยว่าทำไมผมชอบเพลงยุคเก่าๆมากกว่ายุคใหม่ๆ

เพราะบางทีผมก็งงๆตัวเอง  ว่าทำไมชอบเพลงเก่าๆที่เสียงเครื่องดนตรีไม่ชัดเท่าเพลงสมัยใหม่ๆ  เพราะมันขาดบรรยากาศจากห้องอัดนี่เอง

เพลงใหม่ๆเสียงมันชัดแบบไม่เหมือนเสียงที่ออกมาจากเครื่องดนตรีแล้ววิ่งผ่านอากาศมาเข้าหู  มันขาดเสียงสะท้อนก้องกังวาลเล็กๆน้อยๆที่เราคุ้นเคย  เหมือนตอนที่เราไปนั่งฟังดนตรีสดไม่ผ่านเครื่องขยาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

LosInBlue

15/10/2020 21:30:18
116
แนะนำ Sony PCM-A10 ละกันครับ ราคาไม่สูงเกินไป ขนาดไม่ใหญ่เกินไปพกใส่กระเป๋ากางเกงได้

แต่ทำใจไม่ได้ออกแบบมาสำหรับฟังเพลง/เป็นเครื่องเล่นเพลง Interface นั้นห่วยกว่า iPod ครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

เฟี้ยว

24/01/2021 02:59:13
ไม่ต้องไปสนใจเรื่อง sampling rate มากครับ มีเยอะไปก็เปลือง HD เพราะหูคนเราได้ยินเสียงแค่ในย่านความถี่โดยเฉลี่ย 20 Hz - 22 Khz ใน bit depth ที่ 14 bit เท่านั้น ดังนั้นการมี sampling rate ที่ 44.1 Khz ก็แปลว่ามี nyquist frequency ที่ 22,050 Khz ใน bit depth ที่ 16 bit ซึ่งนับว่าเพียงพอ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

เฟี้ยว

24/01/2021 03:39:17
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 7 - สมัครเล่น
เทคนิคการใช้ไมค์โครโฟนในห้องอัดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ
รวมไปถึงเรื่องอคูสติคของการอัดเสียงด้วย
วิศวกรระบบเสียง ต้องมีความเข้าใจในเรื่องดนตรีเป็นอย่างดีด้วยครับ

เท่าที่เคยอ่าน หลักสูตรของการบันทึกเสียงของบางที่
ต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านดนตรีด้วย ในระดับใช้งานได้ดี
แต่ระบบการอัดเสียงแบบ multitrack ยิงตรงจากเครื่องดนตรีเข้าคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
ก็ทำให้เสน่ห์ของการบันทึกเสียงหายไปเยอะครับ
ความคมชัด ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญของอรรถรสในการฟังเพลงอย่างเดียวครับ

ระบบการบันทึกเสียงแบบ mulitrack มีมานานตั้งแต่ยุค analog แล้วครับ ไม่ได้เพิ่งมีในยุค digital มันเริ่มมาใช้กันแพร่หลายตั้งแต่ยุค 70s แล้วครับ เป็นการอัดเสียงลง tape reel แล้วทำการบันทึกเสียง overdub ทับลงไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ ก็คิดง่ายๆว่าถ้าเทคโนโลยีนี้ไม่มีวง queen ก็คงไม่สามารถทำเพลง bohemian rhapsody ได้ พวก david bowie หรือ pink floyd ก็คงไม่มีซาวด์ล้ำๆให้เราฟัง แต่ที่ซาวด์ยุค 90s เป็นต้นมามันฟังดูมีความแตกต่างจากยุคเก่าๆเป็นอย่างมากมัไม่ได้เกิดมาจากเทคนี้การใช้ไมค์ครับ เพราะเทคการใช้ไมค์แบบ close miking ที่ให้เสียงเครื่องดนตรีชัดๆมันก็เกิดมาพร้อมๆกับเทคโนโลยีบอร์ด mixer กับการบันทึกเสียงแบบ mulitrack นี่แหละ

แต่ที่เป็นแบบนั้นมันเกิดจากการมาของระบบคอมพิวเตอร์ software ในการทึกเสียงที่ทำให้สามารถทำ digital audio edit ได้ซึ่งมันละเอียดกว่าการ audio edit ยุคก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก เพราะว่ายุคก่อนนี้ต้องตัดเทปมาแปะกัน แต่อันนี้ใช้โปรแกรมตัดแปะเคลื่อนย้ายได้ตามใจนึกในระดับ millisecond จนไปถึง microsecond หรือจนในระดับ sample ก็ยังได้ อีกทั้งยังมี digital signal processor ที่มีความแม่นยำ และมีความ transparent สูงยกตัวอย่างเช่น EQ ที่มีค่า Q ที่แคบมากๆ และค่า slope ที่ชันมากๆอย่างที่ EQ แบบ hardware analog ไม่มีวันทำได้ ทำให้การ cut หรือ filter ย่านความถี่เครื่องดนตรีเวลาตอนมิกซ์นั้นมีความละเอียดและแม่นยำสูงมาก ทำให้เสียงที่ได้ออกมาคมชัด สะอาด และไม่เบลอ เพราะไม่มีการสูญเสียงย่านความถี่ดีๆที่ต้องการเก็บเอาไว้ของเครื่องดนตรี

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"สงสัยเรื่อง Downsampling ครับ"