การเบิร์นก็ยังจำเป็นอยู่ครับ เพื่อให้ตัวดอกลำโพงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามที่ทางแบรนด์ตั้งใจจูนเสียงออกมา แต่ไม่ได้ถึงกับซีเรียสมากนัก ใช้การฟังไปเรื่อย ๆ แทนก็ได้ครับ พอถึงจุดนึงก็จะทำงานได้เต็มที่เอง ส่วนเรื่องการเปิดเฉพาะแนวซ้ำไปมา ไม่ได้ช่วยมากนักครับ เพราะยังไงก็ไม่สามารถบูสให้มันมากไปกว่าเสียงที่ทางแบรนด์เค้าตั้งใจออกแบบมาอยู่แล้วครับผม 

สำหรับลำโพง Bluetooth ในยุค 2020 นั้น ผมแนะนำว่า "ไม่จำเป็น" ต้องสนใจเรื่องการเบิร์นอีกต่อไปแล้วครับ ผมมีเหตุผลประกอบหลายๆอย่างถึงความไม่จำเป็นดังนี้ครับ

- การเบิร์นอาจจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงหากเปิดเพื่อการ"เบิร์น" โดยเฉพาะ
- การฟังคำแนะนำที่ผิดๆต่อๆกันมา เรื่องอยากได้ความถี่ไหน ให้หาเพลงที่เน้นความถี่นั้นมาเปิด อันนี้ผิดครับ
- หากอยากเน้นเบสแล้วไปหาเพลงฮิปฮอปที่บูสเบสไว้สูงๆแล้วเปิดดังๆ เปิดวนไปวนมาโอกาสที่วอยซ์คอยส์ของลำโพงจะเสียหายนั้นเยอะมาก
- ต้องอย่าลืมว่าปัจจุบัน ผู้นำเข้าประกันลำโพงที่ 1 ปี แล้วไม่สามารถซ่อมได้ในบางกรณีหากเลย 1 ปีด้วยครับ

ก็เลยอยากจะแนะนำว่า การเบิร์นลำโพง 2020 ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไป การใช้งานที่ถูกวิธี การใช้งานเปิดฟังไปเรื่อยๆตามความต้องการปกติ ในระดับความดังที่ฟังปกติ เหล่านี้ถือเป็นการเบิร์นไปในตัวแล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับ^^

ขอขอบคุณคำตอบจากทั้งสองท่านค่ะ :D

ตามเฮียมั่นเลยครับ หู bluetooth มันมีแบต เปิดนานๆ เปิดบ่อย แบตมันก็เสื่อมเรื่อยๆครับ
หูฟัง bluetooth มันมีอายุการใช้งานจำกัดครับ เวลาซื้อมาก็ท่องไว้ก่อนเลยว่า "ใช้ให้คุ้ม"

เบิร์นดอกลำโพงซื้อมาใหม่ๆจำเป็นระดับช่างเทคนิคโดยเฉพาะครับยิ่งดอกแข่งโมมา ให้เสียงที่ดีระดับเดชิเบลที่สูงกว่างานตลาดเยอะมุ่งเน้นให้รายละเอียดเสียงออกมาครบทุกย่านความถี่ที่เหลือมาตราฐานลำโพง ลำโพงราคาแพงๆค่อยๆเปิดฟังไปนานๆเสียงจะดีขึ้นเอง(ถ้าทำไม่เป็น) ส่วนใหญ่จะวอร์มกันที่ 65-70% ของกำลังวัตต์นานไม่เกิน 45 วินาทีต้องเช็คความร้อนว้อยซ์ด้วยฯล ลำโพงงานดีๆหน่อยจะคุมคุณภาพเสียงให้เสมอต้นเสมอปลายทำได้ดีเสียงกลางฉ่ำๆหวานๆเสียงเครื่องทองเหลือชัดเจนจัดจ้านไม่เเพ้ฟังจากอุปกรณ์โดยตรงฉิ่งฉาบเคาะสแน ปลายไม้กระทบชัดเจนเบสอิ่มๆลอยๆเป็นลูกๆนุ่และแน่นโน้ตเบส มาครบความสูญเสียน้อย
ไปจัดว่าลงสนามแข่งไม่อายคัยครับ