Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ขอวิทยาทานจากเฮียและทุกท่านเรื่อง "การฝึกหู" ครับผม

หนุ่มครับ

10/04/2020 18:08:13
สวัสดีครับ แรกเริ่มเลยคือผมเป็นมือกลองเมื่อสมัยเรียนกับมหาลัย ชอบฟังมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากในยุค X-Japan ตามสูตรด้วย Dream Theater มาเรื่อยๆ 

จนช่วงนี้ทำงาน พอจะมีตั้งเก็บบ้าง ก็มาลงทุนกับพวก DAC ตั้งโต๊ะ, DAP และพวกหูฟังต่างๆบ้างตามกำลัง แต่จนตอนนี้ยอมรับแบบไม่อายเลยว่า บางทีเห็นพี่ๆพูดกันในกระทู้ (ประโยคด้านล่าง) ผมนึกภาพไม่ออก หรือตามได้ไม่ครบ 100% เลยอยากจะขอคำแนะนำว่า ผมควรตั้งต้นจากตรงไหนดี เพื่อศึกษาลงลึกให้เกิดสุนทรีในการฟังมากขึ้น (คือ passion มี แต่หูยังไม่ถึง) ... ตอนพี่ๆตั้งต้นจากศูนย์ พี่ๆเริ่มจากตรงไหนกัน ช่วยแชร์ประสบการณ์ได้มั้ยครับ ... หรือไม่รู้สมัยนี้มันมี youtube ที่สอนกันเลยรึเปล่า ว่าเสียงแบบนี้ มันคืองี้ๆๆๆ ...

ประโยคที่ผมมักเจอในบอร์ด

- หูตัวนี้จะแนว color, musical ...
- เสียงร้องจะนำหน้าหน่อยๆ ...
- แยกเครื่องดนตรีออกเป็นชั้นๆ ...
- เสียงแหลมทอดได้ไกล แต่ไม่ ซซซซซซ
- ฟังแล้วอย่างกับนักร้องมาหายใจรดต้นคอ
- mid bass / sub bass หมดจดมาก
- เสียงกลางเด่น (อันนี้นี่ผมแยกไม่ค่อยออกจริงๆ ที่ออกชัดๆคือ เบส กับเสียงแหลม)
- soundstage กว้าง / แคบ
- bass ลงได้ลึก แต่ไม่ย้วย เก็บตัวเร็ว
- ฯลฯ

ยังไงก็รบกวนช่วยสอนเด็กเข้าวงการใหม่หน่อยนะครับ อยากฟังเสพย์เพลงให้อินกว่านี้แบบทุกๆท่านครับผม

ขอบคุณครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

beverzone

10/04/2020 20:17:03
13

จริงๆมันก็ตามคำเลย  ถ้าเทียบอย่างง่ายๆ ก็ลองเอาพวกหูฟังเครื่องบินถูกๆ มันไม่มีข้อดีอยู่ในลิสที่ว่ามาเลย  แล้วก็ลองเอามาเทียบกับหูที่ซื้อมาหลักพัน  มันก็จะบอกได้เลย ซาวมันก็กว้างกว่าหูเครื่องบินนะ อะไรงี้     แต่บางอย่าง อย่างแหลมทอดไปไกล เก็บตัวเร็ว ก็อาจคงต้องมีคนแนะนำใกล้ๆช่วยแนะนำ


ปล
ผมว่าถ้าเฮียมั่นเปิดคอส มีคนเรียนเยอะนะ เป็นห้องเรียนเล็กๆสอนหูฟัง เทคนิคการฟัง 2-4 ชม จบคอส
แล้วก็มีหู,แดค,แอม ตัวท๊อป กลาง ต่ำ  ให้ลองในห้อง   รอบละ 30 คน 50คน  คนละ500 คนละ 1000  เปิดเดือนละรอบ 
คนมาเรียนคง ถือโอกาสได้ฟังหูดีๆ แอมดีๆ แบบไม่ต้องไปเกรงใจเข้าร้าน แล้วลองทุกอย่าง แล้วก็แนะนำกันสดๆ ถามตอบไปมา  

สุดท้ายคนก็คงได้ซื้อของกลับบ้านไปอีก 555  

มาเสนอให้5555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

เล่าเล่นๆ

10/04/2020 20:29:28
เล่าให้ฟังสนุกๆ

ผมอายุ 28 อาจดูไม่เยอะเทียบกับน้าๆในวงการ

แต่!!!!!

ผมฟังเพลงอย่างจริงจังมาตั้งแต่ อายุ 14-15

เด็กในวัยน้้น ส่วนใหญ่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรกับ งานอดิเรกที่ตัวเองชอบ ส่วนมากจะเล่นเกมส์ออนไล หรือไม่ก็จีบสาว 

แต่!!!

ผมบ้าหูฟัง เหมือนคนบ้าในกลุ่มเพื่อน ในห้องมีเพื่อน 50 คน มีผมบ้าอยู่คนเดียว
(เพื่อนก็บอกว่า หูฟังก้เหมือนกันหมด แค่มีเบสกับไม่มีเบส )

ในช่วงเด็กวัยนั้น ไม่มีใครรู้จักลุงมั่นสักคน(ผมเรียกส่วนตัวว่าลุงเหม่ง) มีแต่ผมที่ตามอ่านกระทู้แกใน pantip ห้องหูฟัง และ เกินกว่า 80% มีแต่คอมเม้นของคนอายุ 25+ ทั้งนั้น

ถามว่าเด็กอายุ 14 ที่จริงจัง กับเรื่องหูฟังเริ่มฟังตัวไหน

ไม่ใช่ westone ไม่ใช่ UE(สมัยนั้นโคตรดัง) ไม่ใช่ shure หรือ akg

แต่!!!! 

เริ่มจากหูฟัง asaki mp300 ตามด้วย sound magic mp21 ตามมาด้วยหูฟัง copy แต่เจือกเสียงดีอย่าง jbl (body ไม้)

เพราะงั้นไอ้ของดีแล้วถูก อย่าง  koss ksc 35 หรืออย่าง  portapro หรือโคตรคุ้มแห่งยุคอย่าง akg420 ไม่ได้กินผมหรอก 

เพราะถึงแม้มันจะถูก แต่ราคามั้นก็เกิน1,000 อยู่ดี
ผมจึงสรรหาแต่ของดีราคาต่ำ 1,000 มาเล่นมาฟัง

ระดับการเล่นหูฟังผมจะไต่ราคามาตั้งแต่ 300-30000
(เกิน30,000 ยังไม่มีปัญญา)

ผมจึงค่อนข้างแยกแยะได้ดีพอสมควรว่า ตัวไหนเสียงดี ตัวไหนคุ้มราคา หรือเสียงแบบนี้ควรราคาเท่าไร

พวกตัวดังๆ ตัวเทพๆ ของยุค ผ่านหูผมหมดแล้ว ซื้อมาขายไป มือสองทั้งนั้น เอารุ่นที่ชอบและตรึงใจ และพอจำได้เช่น

ของถูกต่ำ1000
asaki mp300  (bodyโลหะ )
jbl (copy บอดี้ไม้)
skullcandy full metal jacket (copy แต่เจือกดี)
soundmajic mp21

ของแพงเกิน1000
ue triple fi 4
ue triple fi 10
vmoda vibe
westone w4r
akg420
koss ksc35
shure315
ath im70
hifiman re400

และอีกเยอะมากมาย
จำไม่ได้ ไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ ฟังเยอะชนิดที่ว่าแม่บอกว่า พอเถอะมึงหยุดเถอะ


แนะนำได้อย่างเดียวคือ "ฟังเยอะๆ" 

ส่วนตัวตอนนี้จบที่ re400 มากว่า 4 ปี ได้แล้ว

และเริ่มหา แบบไร้สายมาฟังเพราะเกะกะสายเหลือเกิน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

เล่าเล่นๆ

10/04/2020 20:35:06
ขอเสริมอีกนิดนึง

พนักงานมั่นคงไม่ได้กินผมหรอก (หมายถึงเชียร์อัพผมไม่ขึ้นเวลาขายของ)

เพราะผมมันโตจากหูฟัง copy หูฟัง 7-11 หูฟังถูกๆ
เปรียบเหมือนผมมันมวยวัด พอฝึกฟังมากๆ ก็ไปต่อยลุมพินี

แต่พนักงานร้านเฮีย เหมือนนักมวยที่ถูกเทรนด์มาอย่างดี โภชนาการ วิทย์ศาสตร์กีฬาครบ 
แต่ไม่เคยลิ้มรสของ ข้าวก้นบาตรหลวงพ่อ!!

แต่ผมก็ซื้อหูฟังร้านเฮียตลอด แค่ไม่ได้ซื้อตามที่พนักงานมาเชียร์เท่านั้นเอง


ปล คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ของพี่ๆน้าๆลุงๆ และของเฮียที่ขี้โม้ ได้สนุกยิ่งนักเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง!

และคิดถึงเทพหลอดมารฟ้าพยามังกรหงศ์ ที่เอา  oker ds300 คัดเกรด มาขายในราคาแพงพร้อสรรพคุณที่บรรยายได้ไม่รู้เหนื่อย !!!

ขอบพระคุณ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

นายมั่นคง

10/04/2020 22:07:31
4,290

ไม่ต้องอายหรอกครับ เพราะไม่มีใครรู้มาแต่เกิด แม้แต่ผมเองก็ไม่ได้รู้ครบถ้วนอะไรเชนกันครับ 555

จากที่บอกมามันคือคำพรรณาหรือบอกเล่าลักษณะของเสียง เนื่องจากเสียงมันเป็นนามธรรม จึงจำเป็นต้องมีคำมาอธิบายให้เขาใจได้ตรงกันครับ ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่เรื่องใหม่ นักเขียนต่างประเทศเค้าใช้คำเปรียบเทียบเหมือนกันทุกสำนัก เป็นคำสากลที่เวลาพูดปั๊บ คนเขียนด้วยกันก็เข้าใจ คนอ่านก็เข้าใจ

ยกตัวอย่างเช่น Transparency ถ้าเราอ่านก็จะแปลเป็นไทยได้ว่า ความโปร่งใส กระจ่าง โปร่งโล่งลอด พอเราอ่านคำว่าโปร่งใส เราจะไม่นึกถึงคำว่าอับทึบ ซึ่งทั้งหมดจะรู้ได้ไงว่าอะไรใส หรืออะไรทึบ อะไรโปร่ง อะไรไม่โปร่ง มันต้องเกิดจากการหาฟังเปรียบเทียบครับ การฟังเปรียบเทียบถ้าเป็นยุคก่อนก็คือตระเวนไปฟังเปรียบเทียบระหว่างโปร่งกับไม่โปร่ง

แต่ยุคใหม่ เรามีคลิปทางยูทูปมากมายที่สาธิตหรือบอกว่าเพลงนี้มันโปร่งหรือไม่โปร่ง ซิสเต็มนี้โปร่งหรือไม่โปร่ง พอเราเริ่มรู้และเปรียบเทียบการฟังด้วยตัวเองเป็น ครั้งต่อไปเราก็สามารถบอกได้ว่าอันนี้ควรจะเป็นเสียงลักษณะใด อันนั้นควรจะเรียกว่าอะไรครับ

จากที่ถามมา ผมจะลองอธิบายคร่าวๆนะครับ^^

-----------------------------------------------------

ประโยคที่ผมมักเจอในบอร์ด

- หูตัวนี้จะแนว color, musical ...

หมายความว่าหูฟังตัวนั้นให้เสียงที่เกินจริง เกินกว่าต้นฉบับ ไม่ว่าจะทุ้มเกิน หรือแหลมเกิน ส่วนมิวสิคอล คือฟังแล้วรู้สึกเพลิดเพลินคล้อยตามเพลง ไม่รู้สึกว่าฟังเสียงสังเคราะห์ครับ


- เสียงร้องจะนำหน้าหน่อยๆ ...

เสียงร้องจะนำหน้า เราจะเรียกว่าเสียงกลางพุ่ง เสียงร้องจะอยู่ในย่านเสียงกลางเป็นส่วนใหญ่ นักร้องหญิงก็อยู่ในย่านกลาง-สูง ถ้าศัพท์ที่เขียนๆกันก็จะบอกว่า Forward Mid


- แยกเครื่องดนตรีออกเป็นชั้นๆ ...

ดนตรีแยกออกเป็นชั้นๆ ก็คือเรื่องของมิติครับ การที่เราฟังแล้วรู้สึกว่าดนตรีมีความลดหลั่นเป็นชั้นๆเข้าไปเป็นลิ่ม แสดงว่าอุปกรณ์เราตอบสนองได้ ไฟล์ที่ฟังตอบสนองได้ ไม่แบนเป็นหน้ากระดาน ให้ลองฟังเพลงคลาสสิค จะรู้สึกว่าดนตรีเค้าจะวางไว้เป็นเลเยอร์เป็นชั้นๆลึกเข้าไปครับ


- เสียงแหลมทอดได้ไกล แต่ไม่ ซซซซซซ

เสียงแหลมทอดไกล แสดงว่าอุปกรณ์หรือไฟล์ตอบสนองความถี่สูงหรือแหลมได้ดี การที่เราได้ยินเสียงแหลมไปจนสุด ไดรเวอร์ต้องตอบสนองความถี่สูงได้ดีมาก หากเราได้ยินเสียงแหลมที่ห้วนๆ แสดงว่าเกิดอาการ Roll-Off หรือปลายแหลมกุดตรงปลาย ถ้าฟังบ่อยๆจะทราบว่าเวลาฟังแล้วมันจะไปหยุดกึกหรือหายวับที่ความถี่ระดับหนึ่ง ส่วน ซซซซ มันเป็นเสียงความถี่สูงส่วนเกิน ที่ถูกบูสขึ้นมาให้เราได้ยินครับ ถ้าบูสมากฟังแล้วรำคาญ ซึ่งหูฟังบางตัวก็แต่งเสียงสูงจนไม่น่าฟัง หรือไฟล์เพลงก็บันทึกมาจนเวอร์วังครับ


- ฟังแล้วอย่างกับนักร้องมาหายใจรดต้นคอ

มี 2 นัยยะ คือหูฟังที่ฟังแล้วเหมือนคนร้องมาตะโกนให้หน้าหรือหายใจรดต้นคอ อันนี้เป็นอาการของเวทีเสียงแคบ หูฟังไม่สามารถให้เสียงที่หลุดหัวไปไกล แต่จะรู้สึกว่าคนร้องมาร้องอยู่ตรงหน้า มักจะอยู่บริเวณหน้าผาก แต่ถ้าหูฟังที่ดี เสียงร้องจะถอยห่างจากศีรษะเราออกไป ทำให้เราอึดอัดน้อยลง อีกนัยยะคือ การที่น้กร้องมายืนร้องแบบหายใจรดต้นคอ สำหรับคนเล่นเครื่องเสียงบ้านจะรู้สึกว่ามันคือความเด่นที่สมจริง คือเหมือนนักร้องออกมายืนอยู่หน้าเวทีครับ


- mid bass / sub bass หมดจดมาก

มิดเบสก็คือเบสช่วงกลาง หูฟังบางตัวให้เสียงมิดเบสไว้เยอะ พอฟังแล้วจะรู้สึกติดหู แต่หารู้ไม่ว่ามิดเบสที่ถูกบูสเยอะๆนั้น ฟังไปนานๆแล้วจะรำคาญ อาจจะมีอาการบวมเบลอร่วมด้วย สาเหตุที่ต้องแต่งเสียงมิดเบสให้เยอะ เพราะคนเล่นหูฟังมือใหม่มักจะอยากได้หูฟังที่ฟังแล้วมีเบสเยอะๆ ส่วน Sub bass หมดจดหรือมิดเบสหมดจดก็คือมันต้องสมจริง เราได้ยินเสียงต่ำแต่ไม่บวมเบลอ แต่ทั้งนี้ต้องความความว่าไฟล์ต้องบันทึกเสียงย่านนี้ได้ดีด้วยนะครับ


- เสียงกลางเด่น (อันนี้นี่ผมแยกไม่ค่อยออกจริงๆ ที่ออกชัดๆคือ เบส กับเสียงแหลม)

เสียงกลางเด่นก็คือเสียง Mid นั่นเอง ซึ่งที่ว่าเด่นก็คือมันต้องดีดตัวออกมาอยู่แถวหน้าครับ เวลาฟังเพลงร้องของนักร้องหญิง จำเป็นที่เราจะต้องได้ยินเสียงนักร้องที่เปิดเผย โชว์ให้เห็นถึงแก้วเสียงที่ชัดเจน แต่ถ้าเสียงกลางไม่เด่น หรือ laid back เสียงนักร้องจะจมถอย ทำให้ขาดความน่าฟัง ขาดความหวานที่ควรจะได้ยิน ซึ่งลักษณะแบบนี้ควรเลือกหูฟังตามแนวเพลงที่เราฟังบ่อยๆครับ


- soundstage กว้าง / แคบ

ซาวด์เสตทก็คือเวทีเสียงครับ ให้เรานึกถึงขอบเขตที่อยู่ซ้ายสุดกับขวาสุดก่อน ถ้ารู้สึกว่าซ้ายอยู่ไม่ไกล ขวาก็ไม่ไกล เราจะเรียกว่าซาวด์เสตทแคบครับ แต่ถ้าเมื่อไรเรารับรู้ว่าเสียงที่อยู่ไกลสุดทางด้านซ้ายหรือด้านขวามันอยู่ไกลมาก และแอบได้ยินบรรยากาศหรือเครื่องดนตรีเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนอยู่ แสดงว่าซาวด์เสตทกว้างมากๆครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่ปราถนาเวทีเสียงที่กว้างแทบทุกคนครับ


- bass ลงได้ลึก แต่ไม่ย้วย เก็บตัวเร็ว

เบสลงได้ลึกก็คือ Deep Bass หรือเบสย่านต่ำว่า 60Hz ลงไป ความลึกของเบสนั้นไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ที่ดีอย่างเดียวนะครับ เสียงต่ำที่ดีต้องเกิดจากการบันทึกต้นฉบับที่ดีในห้องอัดด้วย เราไม่สามารถฟังได้ถ้าทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์หรือเอื้อต่อกัน และคำว่าเก็บตัวเร็วก็คืออัตราการสั่นค้างของไดรเวอร์นั้นทำได้ดี สามารถหยุดได้เร็ว หรือเรียกว่าค่า Damping Factor ดี ถ้าไม่ดีมันก็จะไม่หยุดง่ายๆ จะกระพือไปเรื่อยๆ ทำให้โน้ตตัวแรกและตัวสองตามกันมา แยกแยะโน้ตไม่ออกครับ


- ฯลฯ

อย่างอื่นๆที่ละไว้ ก็คงมีอีกมากมายเหลือเกินครับ ติดขัดตรงไหนลองถามมาครับ ผมยินดีตอบเท่าที่มีความรู้จะตอบให้ได้ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะพยายามไปค้นมาให้ครับ

ขอให้มีความสุขกับการฟังครับ^^

เฮียมั่น

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 5

LosInBlue

10/04/2020 22:09:45
116
คุณเล่าเล่นๆครับ RE400 เสียงดีมากจริงๆครับ ราคาตอนนี้ 1490 คุ้มจนฆ่าหูฟังทุกตัวบนโลกนี้ตายเรียบ


กะว่าถ้าขายชุดฟังหมด ไม่เหลืออะไรให้เล่นจริงๆแล้ว อย่างน้อยจะเก็บ Re400 ไว้ฟังเพลงจริงๆจังๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

นายมั่นคง

10/04/2020 22:19:30
4,290
เดี๋ยวผมขอเอาไปลงในเฟซหน่อยนะครับ ผมว่าคนที่สนใจน่าจะได้อ่านกันก็ดีครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Peerasak

10/04/2020 22:45:35
6
ผมบอกสั้นๆว่า ถ้าได้ฟังอุปกรณ์หลากหลายรุ่นบ่อยๆ หูของเรามันจะสามารถแยะแยะความต่างได้ดีขึ้นครับ พวกศัพย์ต่างๆตอนแรกก็จะงงว่ามันหมายถึงอะไร

แต่เชื่อไหมว่าถ้าฟังจนถึงจุดที่แยกแยะออกแล้ว เกิดได้ยินคำศัทย์นั้นขึ้นมาเราจะนึกถึงตอนที่ฟังกับอุปกรณ์ที่เคยผ่านหูบางตัวขึ้นมาทันทีครับ

ส่วนตัวผมเองฟังออกก็ตอนช่วงเล่นเครื่องเสียงบ้านแล้วเสียงไม่ได้ดังใจจับมาโมอุปกรณ์ในเครื่องซะเลย การได้ลองผิดลองถูกจับผิดเสียงอุปกรณ์ที่โมบ่อยๆ มันทำให้ผมแยกแยะความแตกต่างเสียงได้จนถึงทุกวันนี้ครับ

จริงๆ ร้านเฮียมีของให้ลองเยอะถ้าไม่ติดอะไรผมว่าไปนั่งฟังฟรีบ่อยๆ ไม่นานเดี๋ยวได้เรื่อง (เสียเงิน) ครับ 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

สมัครเล่น

11/04/2020 09:31:45
412
ฟังมาก ใส่ใจในรายละเอียดที่ฟัง ก็จะได้มาก
แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสุขในการฟังเพลงด้วยครับ
เพราะไม่งั้น จะกลายเป็นการจับผิดมากเกินไป
ซึ่งไม่น่าจะนำมาซึ่งความสุข มากกว่าความตื่นเต้นในการเสาะแสวงหา

ฟังให้ชำนาญ แล้วก็ลืมให้หมดเวลาฟังเพลงครับ
จะมีความสุขดี
ถ้าฟังไม่ออกเลย ก็ยิ่งดีึครับ มีความสุข โดยไม่ต้องเสียเงินมาก ๆ 

สมัยเด็ก ผมฟังเพลง โดยเอาวิทยุเทป โมโน ไปเปิดใต้เตียง (เสียงมันก้อง)
ก็ฟังได้อย่างเพลิดเพลิน วิทยุจัดรายการเพลง ก็ฟังได้อย่างมีความสุข
พอมาเล่นเครื่องเสียง แรก ๆ ก็เริ่มฟังอะไรก็ไม่เพราะ
จนมาพิจารณาว่า แท้จริงเราอยากได้อะไร 
สุดท้ายก็เลิกคิดมากครับ พิจารณาเฉพาะสิ่งที่เราคิดว่าเหมาะสม
และไม่ทำให้เราเดือดร้อนในเรื่องงบประมาณก็พอแล้วครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

SpaceTem

11/04/2020 10:38:25
37
เดี๋ยวนี้เค้ามีรีวิวด้วยการอัดเสียงมาให้เราลองฟังกัน แล้วลองเอาไปเปรียบเทียบกับที่เค้าเขียน ๆ กัน ก็น่าจะทำให้เกิดทักษะมากขึ้นได้ครับ (ผมเองก็ประสบการณ์น้อยเหมือนกัน) ลองดูช่องของลุงคนนี้ดูครับ ผมว่าเค้าอัดเสียงมาดีมาก ๆ 

https://www.youtube.com/watch?v=FmnyyWEp4aY&t=550s 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

Dawn

11/04/2020 13:41:44
88
อ้างอิง : ขอวิทยาทานจากเฮียและทุกท่านเรื่อง "การฝึกหู" ครับผม - หนุ่มครับ
สวัสดีครับ แรกเริ่มเลยคือผมเป็นมือกลองเมื่อสมัยเรียนกับมหาลัย ชอบฟังมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากในยุค X-Japan ตามสูตรด้วย Dream Theater มาเรื่อยๆ 

จนช่วงนี้ทำงาน พอจะมีตั้งเก็บบ้าง ก็มาลงทุนกับพวก DAC ตั้งโต๊ะ, DAP และพวกหูฟังต่างๆบ้างตามกำลัง แต่จนตอนนี้ยอมรับแบบไม่อายเลยว่า บางทีเห็นพี่ๆพูดกันในกระทู้ (ประโยคด้านล่าง) ผมนึกภาพไม่ออก หรือตามได้ไม่ครบ 100% เลยอยากจะขอคำแนะนำว่า ผมควรตั้งต้นจากตรงไหนดี เพื่อศึกษาลงลึกให้เกิดสุนทรีในการฟังมากขึ้น (คือ passion มี แต่หูยังไม่ถึง) ... ตอนพี่ๆตั้งต้นจากศูนย์ พี่ๆเริ่มจากตรงไหนกัน ช่วยแชร์ประสบการณ์ได้มั้ยครับ ... หรือไม่รู้สมัยนี้มันมี youtube ที่สอนกันเลยรึเปล่า ว่าเสียงแบบนี้ มันคืองี้ๆๆๆ ...

ประโยคที่ผมมักเจอในบอร์ด

- หูตัวนี้จะแนว color, musical ...
- เสียงร้องจะนำหน้าหน่อยๆ ...
- แยกเครื่องดนตรีออกเป็นชั้นๆ ...
- เสียงแหลมทอดได้ไกล แต่ไม่ ซซซซซซ
- ฟังแล้วอย่างกับนักร้องมาหายใจรดต้นคอ
- mid bass / sub bass หมดจดมาก
- เสียงกลางเด่น (อันนี้นี่ผมแยกไม่ค่อยออกจริงๆ ที่ออกชัดๆคือ เบส กับเสียงแหลม)
- soundstage กว้าง / แคบ
- bass ลงได้ลึก แต่ไม่ย้วย เก็บตัวเร็ว
- ฯลฯ

ยังไงก็รบกวนช่วยสอนเด็กเข้าวงการใหม่หน่อยนะครับ อยากฟังเสพย์เพลงให้อินกว่านี้แบบทุกๆท่านครับผม

ขอบคุณครับ

ขออนุญาติแปะลิ้งบทความให้อ่านกันนะครับ น่าจะได้ประโยขน์ไม่มากก็น้อย

ปฐมบทการฟังเพลง 1 : ประสบการณ์การฟัง ทักษะที่เพิ่มพูนได้ https://bit.ly/2JSCQsS
ปฐมบทการฟังเพลง 2 : เพิ่มทักษะการฟังด้วยดนตรีสด https://bit.ly/2UY3y9O
ปฐมบทการฟังเพลง 3 : เพิ่มทักษะการฟังด้วยการ ขยับ ปรับ แต่ง https://bit.ly/2xorFFF
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

RockDragon

11/04/2020 15:03:20
2,893
ก่อนอื่นเลยก็จะต้องมีหูฟังอยู่ตัวนึงที่ฟังมากฟังบ่อยจนคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินเพื่อเอาเสียงนั้นมาเป็นต้นฉบับของสไตล์เสียง

จากนั้นก็หาหูฟังตัวที่สองต่างรุ่นต่างยี้ห้อแพงกว่าถูกกว่ามาเสียบเข้ากับเครื่องเล่นตัวเดิมแล้วตั้งใจฟังความแตกต่างของเสียงที่ได้ยินออกมาว่ามันไม่เหมือนกันตรงจุดไหนบ้าง

ผมคิดว่าพวกประโยคที่มักเจอในบอร์ดบ่อยๆเหล่านั้นก็คงจะพอทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ

- หูตัวนี้จะแนว color, musical ... มากหรือน้อยกว่า
- เสียงร้องจะนำหน้าหน่อยๆ ... มากหรือน้อยกว่า
- แยกเครื่องดนตรีออกเป็นชั้นๆ ... มากหรือน้อยกว่า
- เสียงแหลมทอดได้ไกล แต่ไม่ ซซซซซซ ... มากหรือน้อยกว่า
- ฟังแล้วอย่างกับนักร้องมาหายใจรดต้นคอ ... มากหรือน้อยกว่า
- mid bass / sub bass หมดจด ... มากหรือน้อยกว่า
- เสียงกลาง เสียงนักร้องเด่นชัด ... มากหรือน้อยกว่า
- soundstage กว้าง / แคบ ... มากหรือน้อยกว่า
- bass ลงได้ลึก แต่ไม่ย้วย เก็บตัวเร็ว ... มากหรือน้อยกว่า
- ฯลฯ

อีกอย่างที่ควรทำเมื่อมีโอกาสก็คือการไปนั่งฟัง Live Band ตามผับตามบาร์ เสียงเปียโนสดๆ หรือคอนเสิร์ตแสดงสดต่างๆเพื่อเป็นการสัมผัสกับเสียงจริงๆที่ไม่ได้ผ่านการจูนแต่งหรือที่ผมเคยกล่าวว่าเป็นเสียงแบบดิบๆไม่แต่งแต้มสีสันนั้นละครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

หนุ่มครับ

13/04/2020 10:24:02
ขอบคุณเฮียและทุกๆคนมากเลยคับ เป็นความรู้ให้ผมได้เยอะเลย ไว้จะค่อยๆเก็บสะสมประสบการณ์ ฝึกหูต่อไปคร้าบบบ

ปล. ผมลืมไปอีกอัน ที่เค้าพูดว่า "เสียงจะอุ่น (warmer) กว่า ..." ประมาณนี้ นี่หมายถึงยังไงครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

กระเพราใส่แครอท

13/04/2020 11:44:55
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 12 - หนุ่มครับ

ขอบคุณเฮียและทุกๆคนมากเลยคับ เป็นความรู้ให้ผมได้เยอะเลย ไว้จะค่อยๆเก็บสะสมประสบการณ์ ฝึกหูต่อไปคร้าบบบ

ปล. ผมลืมไปอีกอัน ที่เค้าพูดว่า "เสียงจะอุ่น (warmer) กว่า ..." ประมาณนี้ นี่หมายถึงยังไงครับ

ช่วง Upper-bass ถึง Lower-Mid เสียงจะหนา จึงทำให้เสียงเบส,เสียงร้องช่วงTenor หนากว่าปกติ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

นายมั่นคง

13/04/2020 20:14:49
4,290
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 12 - หนุ่มครับ
ขอบคุณเฮียและทุกๆคนมากเลยคับ เป็นความรู้ให้ผมได้เยอะเลย ไว้จะค่อยๆเก็บสะสมประสบการณ์ ฝึกหูต่อไปคร้าบบบ

ปล. ผมลืมไปอีกอัน ที่เค้าพูดว่า "เสียงจะอุ่น (warmer) กว่า ..." ประมาณนี้ นี่หมายถึงยังไงครับ
เสียง warm ก็คือเสียงโทนอุ่น ซึ่งหมายถึงย่านเสียงกลางต่ำค่อนข้างจะมากกว่าเสียงย่านอื่น ทำให้เสียงกลางไม่พุ่งมาก และจมถอยหลังหน่อยๆ และกลางแหลมจะต้องไม่มากจนเกินไป สิ่งที่ทำให้เสียงมันอุ่นคือเสียงกลาง-ต่ำ ที่ต้องมีมวลหนาและมากกว่าย่านอื่นนั่นเองครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

RockDragon

13/04/2020 20:59:36
2,893
ตัวอย่างเสียงโทนอุ่นก็เสียงของหูฟัง Westone เกือบทุกรุ่นเลยครับ

ไม่ใช่เสียงแบบพวกหูฟัง Beats รุ่นก่อนๆโน้นที่มีเบสเยอะมากกกกกกกจนล้นท่วมเสียงอื่นๆไปหมดเลย 555


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"ขอวิทยาทานจากเฮียและทุกท่านเรื่อง "การฝึกหู" ครับผม"