พระกาฬแน่นปึ๊ก
ครั้งแรกที่ผมหูฟังเห็นตัวนี้อุทานทันทีครับ อั๊ยหยาาา หูฟังอิหยังวะ โคตรจะแพง ราคา 15900 บาท ถือว่าเป็นหูฟังสมัยใหม่ที่ราคาโคตรจะแพงเลยครับสำหรับผม
ยัอนกลับไปเพียง 3-4 ปีก่อน ถ้าทำเอียร์บัดราคานี้ออกมาผมว่าคงขายไม่ออกแน่ๆ ในสมัยนั้นการซื้อ Mx985 ที่ตัวละ หกพันกว่า บาทผมก็ว่าแพงแล้ว แต่เจ้านี้ 15900 บาท
ถามว่าแพงไหม ตอบอย่างไม่อายเลยครับ แพงโคตร
แต่ไม่เป็นไร ไหนๆเราก็ชอบลอง อดข้างสัก สามสี่วันก่อนสิ้นเดือน ไม่เป็นไรหรอก 555+ ระหว่างที่พิมพ์อยู่น้ำตาอาบเต็มสองแก้มเลยครับ
เเต่ ราคา 15900 บาท และ Made in Korea พร้อมกับสเปกที่เขียนไว้เต็มข้างกล่องว่า ทำไมมันถึงแพง ก็เขียนบรรยายเต็มกล่องไปหมด ไม่ว่าจะพลิกไป ด้านไหน ไม่รู้จะแปะทำไมไว้แยอะเเยะ 555
หูฟัง วัสดุเป็นทองเหลือ ใช้โดมแบบดับเบิ้ล ความต้านทาน160โอมห์ เป็นขั้ว MMCX OFC 99.999% และอีกมากมาย บอกตรงๆว่า คนที่เกลียดการอ่าน คู่มือการใช้งานและ สเปกแบบผม ถึงกับต้องอ่านเพราะ ไม่ว่าจะพลิกไปด้านไหนของกล่อง ก็เห็นแต่สเปกพวกนี้จริงๆ ซ้ายก็ มี ขวา ก็ มี เต็มไปหมดเบย
พอรูดกระดาษปิดกล่องหูฟังออก ก็อึ้งเล็กน้อย กล่องมันสีแดงสดกล่องหน้าตาหรูหราไฮโซ เป็นเหมือนผ้าๆ หรือกระดาษอะไรสักอย่าง เรียกไม่ถูกจริงๆ แต่สวย
สลัก ตัวหนังสือสีดำๆ สั้นๆว่า Premium Earbuds ES-P1
เหมือนประมาณว่า ที่อั๋วแปะไว้ข้างกล่องอธิบายเต็มไปหมดจนแทบจะประกอบเองได้อะ อั๋วคือหูฟัง Premium นะเฟ้ย แค่นั้นละ
แกะกล่องแดงๆออก ก็เจอกระดาษ กับ บัตรเติมเงิน 2 ใบ ภาษาอังกฤษที่ว่าแย่แล้ว เจอภาษาเกาหลีเข้าไป งง ตาแตก กระดาษอิหยังวะ แต่ช่างมันสำหรับ สายไม่อ่านคู่มืออย่างผม เมื่อเถียงกับตัวเองเสร็จ ก็ลงประชามติว่า วางมันไปเฉยๆ อย่าไปสนใจมันเลย
พอเปิดกล่องมา ความตื่นเต้น ก็หายไปทันที ข้างในทำมาได้เหมือนๆกับหูฟังทั่วๆไป ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรน่าตื่นเต้นคือ มีโฟมแล้วเอาเลเซอร์ยิงให้เป็นร่องเท่ากับหูฟัง แล้ว เอาหูฟังฝังเอาไว้ แม้ว่ามันจะไม่ได้สวยอะไร แต่ผมว่า การใช้งานที่ต้องขนส่งไปขายในหลายๆที่ทั่วโลกแบบนี้และ ปลอดภัยมาก อัดมาเเน่น กันกระเเทกมาก
เจ้าหูฟังตัวนี้ให้สายมา 2 เส้นครับ คือ 3.5 และ บาล้าน 2.5
สายเด้งๆเหมือนซิลิโคลนยิงกรอบหน้าต่าง 555 คือแบบว่ามันนุ่มมากๆรู้สึกดีแต่ไม่รู้จะเอาไปเปรียบเทียบกับอะไร หัวแจค 3.5 ใหญ่แต่น้ำหนักเบา หัวแจคพร้อมทะลวงเคสมือถือ และ 2.5 ที่วัสดุเหมือนๆกัน แม้ว่ามันจะถักๆๆๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสายมันถูกแต่อย่างไร
ซึ่งไม่ได้แปลกใจอะไร แต่สายสองเส้นนี้เสียงต่างกันพอสมควร ถ้าเป็นแบบ 3.5 ผมเองได้ลองกับเครื่อง Hifiman hm 901 เพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปขับมัน และ Cayin N8 สำหรับผม มองว่ามันให้คาเรกเตอร์ที่หนา จนเรียกว่าหนาไปกว่าที่ผมชอบฟัง ถึงแม้ผมจะเล่นของวินเทจที่เสียงหนามาพอสมควรเจ้านี้ เรียกว่า มาแบบเนื้อๆ เลย แต่ผมไม่ค่อยชอบมันเท่าไรกับสาย 3.5 เพราะมันอาจจะไม่แมทชิ่งกับระบบที่ผมมี แต่พอ เอาไปเสียบมือถือ ก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่า เจ้าหูฟังตัวนี้มันตุกติก
ด้วยความที่มัน มีความต้านทาน ถึง 160 ohm ทำให้ไม่ต้องเสียบก็รู้ว่า มือถือยังไงก็ขับไม่หมด แต่ด้วยความหนา ในสายที่ 3.5ให้ กับมือถือที่เนื้อเสียงบางๆ กลับ ลงตัวกับแบบบอกไม่ถูกถึง แม้ว่าจะขับได้ไม่หมด แต่ ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร ฟังได้เพลินๆเลยด้วยซ้ำ
แต่ทีเด็ดอยู่ตรงที่ 2.5
หลังจากถอด สาย 3.5 ผมรู้สึกว่า งานที่บอกว่าเกรดพรีเมี่ยมเค้าใส่ใจเรื่องขั้ว การถอดเข้าออก มาก ปกติผมเล่นอินเอียร์ การถอดสายแบบ MMCX จะรู้สึกมันไม่ค่อยแข็งแรง และ 2pin ก็ไม่กล้าจะถอดบ่อยเพราะกลัวมันหลวม
แต่กับเจ้าตัวนี้รู้สึกแน่นมากๆครับขั้วที่ถอด ถอดออดยากเพราะมันแน่น และ พอใส่ให้ความรู้สึกแข็งแรงมากๆแบบไม่เคยได้ฟิลลิ่งแบบนี้จากหูฟังตัวไหน ด้วยความสงสัย เลยถอดสายออกมาดู ขั้ว MMCX ที่ติดกับหูฟัง มันโดนขัดกับ บอดี้ทองเหลืองเหมือนบ้านไม้ในสมัยเก่าที่ไม่ใช้ตะปู ซึ่ง ผมเข้าใจว่าอาจจะไม่เข้าใจที่ผมเขียน แต่ถ้าคนที่มี รับรองได้เลยว่า จะเข้าใจสิ่งที่ผมเขียนลงไปแน่นอน ซึ่งกาใช้เทคนิคแบบนี้ผมพึ่งเห็นกับหูฟังตัวนี้ตัวแรก จึงคิดว่ามันน่าจะไม่พังง่ายๆแน่นอน
เสียงของสาย 2.5 เมื่อผมเสียบกับ AK240ss
เสียงกลมกล่อม แต่มันขาดพลังไป เหมือนขับไม่สุดแต่ก็สามารถฟังได้แต่เร่ง Vol มากกว่าปกติที่เคยฟังไปแยอะ
แต่เมื่อ เอามาเสียบกับ Cayin n8 แล้ว ใช้ตัวแปลง 4.4
มันกลายเป็นหูฟังที่ผมไม่เคยได้ยินเสียงมาก่อนซึ่งแปลกมากๆ
หูฟังให้คาเรกเตอร์ที่คล้ายกับหูฟัง Grado ในร่างที่เล็กลง แต่มันไม่ใช่ทุกอย่างจะเหมือน Grado ไปทั้งหมด
การอิมแพคของมัน ผมรับรู้ได้ถึงกระเดื่องที่ตีไปบนหนังกลอง ไม่ใช่ลมที่ผ่านวูบไป
เสียงแหลมจากการ รีฟกีตาร์ ก็สะใจ และปลายเสียงสุดเสียงแต่ไม่ลำคาน
เสียงร้องถอยนิดๆ
มิติและการโฟกัสที่ ไม่ทับซ้อน
เวทีเสียงโอ่อ่า เเละ คาเรกเตอร์ที่ผมเรียกว่า"แน่น "
ไม่ใช่ว่ามันบวม แต่ มันคือความดุดันที่ไม่ว่าคุณจะเป็นหน้าเก่า หรือหน้าใหม่ ผมคิดว่าการจับคาเรกเตอร์หูฟังตัวนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ผมได้แกล้งมันหลากหลายแนว เอาไปฟังเเจ๊ส ก็ขุดรายละเอียดได้ทุกเม็ดแม้แต่แซ่ที่ฟาดลงบนหนังกลอง
เสียงโซที่พาดอยู่บนฉาบ เวลาตีฉาบเบาๆแล้วจะมีเสียงซ่าของโซ่เบาๆ
หรือเพลงร๊อคดุดันๆ พวก เมทัล เจ้านี้สามารถไล่ตามกระเดื่องได้ทันทุกเม็ดไม่มีสั่นค้าง
แต่เพลงที่ทำให้ผมอึ้งเลยคือ Sweet disposition : The Temper trap
จุดเด่นของเพลงนี้ คือการริฟกีตาร์ ที่ใช้เอฟเฟค ดีเลย์ ในช่วงแรกและตลอดทั้งเพลง ถ้าเป็นหูฟังที่เก็บตัวช้าๆ เสียงกีตาร์ทับกันมั่วไปหมด
หลังจากวินาทีที่ 15 มีการเหยียบกระเดื่องย้ำๆ โดยที่เราสำผัสได้ว่านี่คือกระเดื่องจริงๆ ที่มีความดังเท่ากันหลังจากวินาทีที่ 38 ก็มีกีตาร์ที่เล่นคอร์ด สวนเข้ามา และเสียงร้องที่มีดีเลย์และรีเวิบซ้อนกันไว้ พร้อมกับเบสที่ตามมาที่หลัง ถ้าเป็นหูฟังที่การแยกแยะเสียงไม่ดี ไดนามิคไม่ได้ มันจะเละมากๆ แต่เจ้าหูฟังตัวนี้ทำได้ดีมากๆ เพราะไม่ใช่แค่ 30กว่าวินาทีเเรกเท่านั้น เพลงนี้ทั้งเพลง ใช้เทคนิคแบบนี้ทั้งเพลง และหูฟังตัวนี้ทำได้ดีตั้งเเต่ต้นจนจบ
ถ้าถามว่าคุ้มราคาไหมตอบได้คำเดียวถ้า Player คุณเอามันออกแบบหมดจดลุยเถอะครับ
แต่ก่อนจะซื้อควรไปลองที่ร้านก่อนนะครับ ถ้าคุณหาหูฟังที่หวานอ่อนช้อยข้ามมันไปได้เลย แต่ถ้าอยากหาหูฟังที่ใกล้เสียงเครื่อดนตรีจริงๆและดุดัน เจ้านี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ปล . มันแถมกระเป๋าใส่หูฟังมาทำไมตั้งสองใบ5555