
หลังจากกระทู้การรีวิวเบสที่ถูกต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี 555 ผมก็พยายามหาหนังสือที่อธิบายพวกศัพท์ยากๆ ของวงการเสียงให้เข้าใจง่าย ในที่สุดผมก็เจอครับกับหนังสือ Hi-Fi เล่มเก่าๆ แนะนำให้ save เก็บไว้เลยครับ ถ้าเจอศัพท์พวกนี้ในบทความต่างๆ อีกก็จะได้เข้าใจ ไม่งง 555
(1) อิมเมจ หรือ ตัวเสียง
หมายถึง รูปลักษณ์หรือเสียงที่ให้รูปทรงเป็นชิ้นดนตรี เครื่องเสียงที่มีคุณภาพดีจะต้องสามารถให้รูปทรงของชิ้นดนตรีที่ชัดเจน ขึ้นรูปเป็นสามมิติ (9) และมีสัดส่วน (10) ที่สมจริง
(2) ซาวน์สเตจ หรือเวทีเสียง
หมายถึง อาณาเขตโดยรอบที่ อิมเมจหรือตัวเสียง (1) ทั้งหมดเรียงตัวอยู่ในอากาศ ลักษณะความ กว้าง-แคบ หรือตื้น-ลึก ของเวทีเสียงจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของชุดเครื่องเสียง
(3) ไดนามิก-คอนทราสต์
หมายถึง ลักษณะการเปลี่ยนแปลงความดังอย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เครื่องเสียงที่ดีนั้นจะต้องสามารถถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงของระดับเสียง ของชิ้นดนตรีได้ต่อเนื่องละเอียด เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ก้าวกระโดด ดังเช่นเสียงที่ได้จากการสี เป่า และร้อง ลักษณะการบรรเลงของนักดนตรีที่กระทำต่อเครื่องดนตรีบางประเภทนั้นสามารถให้ได้ทั้ง ไดนามิก-คอนทราสต์ และไดนามิก-ทรานเชี้ยนต์ (4)
(4) ไดนามิก-ทรานเชียนต์
หมายถึง การเปลี่ยนแปลงระดับความดังอย่างรวดเร็ว หรือสัญญาณเสียงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เป็นลักษณะของการเปลี่ยนระดับความดังจาก 0 เดซิเบลขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของสัญญาณอย่างรวดเร็วมากๆ เช่น สัญญาณเสียงที่เกิดจากการตี ทุบ หรือเคาะ ที่นักดนตรีกระทำต่อเครื่องดนตรีนั้นๆ เครื่องเสียงที่ดีนั้นต้องสามารถตอบสนองสัญญาณในลักษณะดังกล่าวได้รวดเร็ว และสมจริง
(5) หัวเสียง หรือ อิมแพค
หมายถึง สัญญาณเสียงแรกที่เครื่องดนตรีถูกกระทำ เครื่องเสียงที่มีคุณภาพดีจะต้องให้หัวเสียงที่ชัดเจน และรวดเร็ว ในส่วนความชัดเจนนั้นก็คือต้องให้ตัวเสียงมีความเข้ม มีมวลอิ่ม มีขนาดสมจริง เช่น หัวเสียงที่เกิดจากการเคาะเหล็กสามเหลี่ยมจะต้องมีขนาดเล็กกว่าหัวเสียงของการย่ำกระเดื่องกลอง ส่วนความเร็วของหัวเสียงนั้นขึ้นอยู่กับการเดินของความถี่มาถึงหูของเรา เช่น เสียงย่ำกลอง ซึ่งอยู่ในย่านความถี่ต่ำจะเดินทางมาถึงหูเราช้ากว่าเสียงเคาะเหล็กสามเหลี่ยมซึ่งอยู่ในย่านความถี่สูง เป็นต้น
(6) ความกว้างของเวทีเสียง
หมายถึง ระยะทางจากชิ้นดนตรีซ้ายสุดของเวทีเสียง (2) ไปจนถึงชิ้นที่อยู่ขวาสุดของเวทีเสียง เพลงเดียวกัน จากซีดีแผ่นเดียวกันอาจให้ความกว้างของเวทีเสียงต่างกันได้เมื่อฟังจากชุดเครื่องเสียงต่างกัน เครื่องเสียงที่ให้เวทีกว้างมากๆ ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะคุณภาพของเวทีเสียงย่อมสัมพันธ์กับความลึกของเวทีเสียง (7) ด้วย การแยกลำโพงสองข้างให้ห่างออกจากกันจะเพิ่มความกว้างให้เวทีเสียง แต่ถ้าห่างมากเกินไปจะทำให้ความเข้มข้นของชิ้นดนตรี (8) บริเวณกลางเวทีเสียงเจือจางลง
(7) ความลึกของเวทีเสียง
หมายถึง ระยะทางจากระนาบของแถวชิ้นดนตรีที่อยู่ด้านหน้า ไปจนถึงด้านหลัง (ระนาบด้านลึก) เครื่องเสียงที่ดีนั้นต้องสามารถให้ความลึกของชิ้นดนตรีในระนาบหลังๆ ที่แผ่กว้าง ไม่ใช่หุบเข้าตรงกลางเวที การดึงลำโพงสองข้างชิดกันจะทำให้ความลึกของเวทีเสียงชัดเจนขึ้น แต่ถ้าวางชิดกันมากเกินไป ชิ้นดนตรีจะเบียดกระจุกกันอยู่บริเวณกลางเวที ไม่แผ่กระจายออก
(8) ความเข้มข้น กับความเบาบาง
หมายถึง ความหนาแน่น หรือความเจือจางของมวลเนื้อเสียงของชิ้นดนตรี พิจารณาจากอิมเมจ หรือตัวเสียง (1) ที่ลอยอยู่ในอากาศว่ามีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด ถ้ามากขนาดที่รู้สึกเหมือนกับ "มองเห็น" ชิ้นดนตรีนั้นๆ ได้ ก็บอกได้ว่ามีเนื้อเสียงที่เข้มข้น แต่ตรงกันข้ามถ้ารู้สึกเพียงเลาๆ เหมือนชิ้นดนตรีอยู่ตรงนั้นตรงนี้ บอกได้ไม่ชัดเจน ชิ้นดนตรีนั้นมีมวลเสียงเบาบางนั่นเอง
(9) ความเป็นสามมิติ
หมายถึง ภาพลักษณ์ของเวทีเสียงที่เกิดจากการจัดเรียงของชิ้นดนตรีขึ้นเป็นเวทีเสียง ที่ประกอบไปด้วยความกว้าง - แคบ ความตื้น - ลึก และความสูง - ต่ำ ความเป็นสามมิติของเวทีเสียงจะเกิดขึ้นได้ ตัวเสียงหรืออิมเมจของชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นก็ต้องมีรูปทรงให้ความรู้สึกเป็นสามมิติด้วยเช่นกัน คุณสมบัติข้อนี้นอกจากจะต้องอาศัยประสิทธิภาพของชุดเครื่องเสียงแล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียด พิถีพิถันในการปรับแต่งการจัดวางลำโพงและอะคูสติกภายในห้องฟังที่เหมาะสม
(10) ขนาดของชิ้นดนตรี
หมายถึง การประกอบกันของเสียงหลักและฮาร์มอนิกของเสียงนั้น ถ้ามีความสมบูรณ์เพียงพอก็จะเกิดเป็นขนาดของเสียงที่แตกต่างกันออกไป ตามคลื่นเสียงธรรมชาติของเครื่องดนตรีนั้นๆ เช่น เสียงเปียโนจะมีขนาดเล็กกว่าเสียงเบส แม้ว่าจะเล่นโน๊ตตัวเดียวกันก็ตาม และในเครื่องดนตรีชิ้นเดียวกันก็จะให้ขนาดเสียงของตัวโน๊ตแต่ละตัวไม่เท่ากันด้วย เช่น เสียงเปียโนที่เล่นด้วยมือขวาจะให้ขนาดเสียงที่เล็กกว่าเสียงเปียโนที่เล่นด้วยมือซ้าย เครื่องเสียงที่ดีจะต้องแยกคุณสมบัติดังกล่าวของเสียงออกมาได้ชัดเจน และคุณสมบัติข้อนี้เรียกว่า "รายละเอียดเบื้องลึก" หรือ Inner Detail ของเสียง
(11) ความใส หรือทราสพาเร้นท์ซี
หมายถึง ลักษณะที่ให้สามารถ "มองเห็น" หรือรับรู้รายละเอียดของเสียงบนเวทีเสียงทั้งหมด ตั้งแต่ระนาบต้นไปจนลึก สิ่งเหล่านี้จะตรงข้ามกับ "ความขุ่นมัว" ซึ่งจะทำให้การรับรู้รายละเอียดดังกล่าวไม่ชัดเจน เปรียบเหมือนกับการมองเข้าไปในที่มีหมอกคลุมนั่นเอง