
คราวนี้ พาไปดูซากโบราณสถานกลางป่าละเมาะครับ
เป็นพวกที่เหลือส่วนน้อย ที่ซ่อนอยู่กลางป่าละเมาะ เหลือแต่ซากเพราะโดนขุดจนพรุน...พรุนจริงๆ
สภาพยังไม่ได้บูรณะและทางเข้ายังไม่สะดวก หรือพูดตามจริงคือหาทางเข้ายากเย็น
ได้อารมณ์เหมือนโบราณสถานสมัยก่อนๆที่จะมีการบูรณะ
เหมือนการไล่ตามบุกหาโบราณสถานสมัยยี่สิบสามสิบปีก่อน ที่มีพวกที่ยังเหลืออยู่ในป่า
โบราณสถานที่ว่าคือ วัดบันไดนามครับ อยู่ตำบลสำเภาล่ม ไม่ห่างจากวัดพุทไธสวรรย์
บอกให้เข้าใจง่ายสำหรับคนปัจจุบัน คือ เลยเข้าไปจากวัดไชยวัฒนาราม ไปทางเส้นคลองปทาคูจาม
เบื้องแรกสุด อ่านเจอชื่อในแผนที่พระยาโบราณฯ
มาเห็นรูปครั้งแรกจากข้อมูลอาจารย์สุรเจตน์ เนื่องอัมพร
และถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากนนท์ ท่าวุ้ง ที่ทั้งบอกทาง ส่งแผนที่ และชี้แนะทางโทรศัพท์อย่างอดทนต่อการโทรถามหลายครั้ง(ไม่ใช่ที่เดียว) คงเข้าไม่ถึงเป้าหมาย เพราะอยู่ซับซ้อนจริงๆ ในที่ชาวบ้านกลางป่าละเมาะ ซึ่งรกชนิดไม่มีทางเดิน ขนาดว่าอยู่ริมทางห่างไปชั่วระยะยี่สิบกว่าเมตรจากริมทางที่จอดรถ ตอนเดินเข้าก็มองเห็นเจดีย์ลางๆจากข้างทาง ขากลับออกมายังงงทิศหาทางไม่เจอ ต้องค่อยๆคลำทางจากด้านที่เข้าไปย้อนกลับมา...ไม่น่าเชื่อ เดินเข้าไปไม่กี่สิบก้าวกลางวันแสกๆแดดเปรี้ยงเนี่ยนะ
แน่นอนว่า โดนขุดพรุนเป็นรังปลวก และเป็นเจดีย์ทรงแปลก เพราะขนาดใหญ่โต แต่ไม่สูง เหมือนไม่มีช่วงฐาน และรูปร่างจากซากที่เหลือ ยังนึกไม่ออกว่ามีเจดีย์อะไรที่ทรงเหมือนแบบนี้ ไม่ใช่เจดีย์กลมด้วย
(ด้วยขนาด สัดส่วนรูปทรง สารภาพว่า ที่รู้สึกในใจคือ ก็น่าอยู่หรอกที่พวกเวรขโมยขุดกรุมันถึงล่อซะพรุนไปหมด ถ้าผมเป็นขโมยก็คงเดาว่ามีของเยอะอยู่หรอกครับ)
ที่จริง น่าจะเป็นวัดใหญ่ที่หนึ่ง แต่โดนขุดซะป่นปี้ เหลือเจดีย์พรุนภิณฑ์ กับซากผนังอะไรก็ไม่ทราบซีกเล็กๆ และกองอิฐเกลื่อนกระจายทั่วบริเวณ (เดินสำรวจไม่ไหวครับ รกมาก เดินเข้ามานี่ก็เสียวแล้ว ถ้าหน้าฝนสงสัยคงเกินวิสัยทื่จะเข้ามา) ที่เคยอ่านเจออาจารย์สุรเจตน์บอกว่าเคยมีบันไดท่าน้ำ แต่ไม่เหลือแล้ว
เนื่องจากเห็นว่า พรุนจนเรียกได้ว่าทรุดโทรมมากอยู่ เลยไม่ได้คิดจะปีนเข้าไปถ่ายรูปด้านใน เพราะจะเป็นการซ้ำเติมซากเจดีย์ให้ฉิบหายหนักขึ้นไปอีก คงทำแค่ไล่ถ่ายรูปรอบๆด้านเท่าที่ทำได้ แต่แหม...สภาพรอบข้างที่โคตรรกชัฎนี่ เป็นที่แรกที่รกขนาดนี้ที่เคยมาเที่ยว และเป็นตำแหน่งที่โคตรพีคในการเดินทาง เพราะทั้งหาทางเข้ามายาก และซ่อนในป่าละเมาะ ได้อารมณ์แบบที่นักสำรวจรุ่นครูรุ่นพี่เคยเขียนเคยเล่าถึงประสพการณ์บุกเบิกหาโบราณสถานเลยครับ (อย่างที่อาจารย์ประยูรเล่าถึงสมัยก่อนที่บุกป่าหาโบราณสถาน)แม้ว่าปัจจุบันข้อมูลข่าวสารมันทำให้ทุกอย่าง ง่าย กว่าสมัยก่อนเยอะ และถ้าไม่กลัวเกินไป ห่างไปไม่กี่สิบเมตรก็คือถนนสัญจรของชาวบ้าน และอีกไม่ไกลก็เป็นถนนใหญ่แล้ว แต่การเข้าไปในดินแดนแห่งนี้สร้างความประทับใจสุดๆสำหรับนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ในการผจญบุกป่าเล็กๆ
กลับออกมาข้างนอกนี่ความรู้สึกยังเหวอๆอยู่เลยครับ เป็นความทรงจำที่ฝังลึกไปในจิตใจเลย