เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อตอนบ่าย ผมทานข้าวเที่ยงเสร็จก็เข้าห้องน้ำไปแปรงฟันเหมือนปกติ
ผมก็ก้มหน้าก้มตาแปรงฟันในอ่างล้างหน้าไป ไม่สนใจอะไร
แล้วก็ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา มีคนเดินมาล้างมือที่อ่างอีกใบข้างๆ ด้านซ้ายของผม
เสร็จแล้วก็เดินอ้อมหลังผมไปเพื่อดึงกระดาษทิชชู่ ซึ่งอยู่ติดข้างฝา ด้านขวามือของผม
(นึกภาพตามทันกันไหมครับ ถ้าไม่ทันยังไงลองเอาปากกามาวาดรูปลงในกระดาษ ตามที่ผมเล่าตั้งแต่แรกอีกทีเน้อ)
แล้วผมก็ได้ยินเสียงดึงกระดาษ 1ครั้ง แล้วก็ดึงอีกครั้ง เป็น2..3
ผมก็ไม่ได้เอ่ะใจอะไร พอผมแปรงฟันเสร็จ ก็เอื้อมมือขวาไปดึงกระดาษทิชชู่เอามาเช็ดปากกับแปรง
แต่ผมคว้าไปเจอแต่กล่องเปล่า อ้าว..ทิชชูไปไหน
ทันได้นั้นก็มีเสียงสุขุมนุ่มลึกแนวเย้ยหยันออกมาว่า “หมดแล้ว”
พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ
นึกในใจ : ไอ้พระเอกจอมปลอม ยังจะมีหน้ามาพูดอีกว่า หมดแล้ว ก็เมิงเล่นไปซะหลายแผ่น
ทั้งที่ผมมาก่อนแท้ๆ
ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนโดนกระตุกหนวดยังไงไม่รู้ แค่คำว่า “หมดแล้ว” แต่สำเนียงช้าๆนี่สิ บาดไปถึงหัวใจ
หมดแรง รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ได้เลย เสียหน้ามากๆ ขนาดโดนจับได้ว่าไม่จ่ายค่ารถเมล์ ยังไม่รู้สึกแย่ยังงี้เลย
เหมือนมันอกหักหน่ะครับ คือทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกเอาแขนเสื้อซ้ายมาเช็ดปากที่เลอะเทอะไปหมด
แล้วไอ้คนนั้นดันมาอยู่ตึกชั้นเดียวกับผมด้วย แต่คนละบริษัท ป่านนี้คงนั่งหัวเราะชอบใจ คุยโวอวดเพื่อนไปแล้ว
เอาหล่ะ ต่อไปนี้ ผมจะไม่ยอมใครแล้ว จะดึงกระดาษเก็บไว้ก่อนเลย อย่างอื่นค่อยว่ากัน
แล้วตอนนี้ผมก็นั่งเหลาด้ามแปรงเสร็จแล้ว แหลมเฟี้ยวเลย แล้วเจอกัน ไอ้พระเอก
โดนด่าแน่กรู มาเล่าเรื่องปัญญาอ่อน....
แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เพิ่งเกิดขึ้นนะครับ
มันแค้นฝังลึกจริงๆครับ...