สวัสดีชาวมั่นคงทุกท่านครับ
ห่างหายจากบอร์ดมั่นคงและวงการนี้ไปนานหลายปี 5555555
เพิ่งจะมีเวลาและโอกาสมาเยือนอีกครั้ง
คิดมาสักพักแล้วว่าอยากมาเขียนเล่าให้ฟังกันแบบชิล ๆ ในบอร์ด
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ของผมเอง
ข้อมูลทางวิชาการต่าง ๆ อาจมีเล็กน้อยแบบคร่าว ๆ เพื่อให้เข้าใจกันง่าย ๆ
ถ้าหากมีข้อผิดพลาด บอกกันได้เลยฮะ
.
เรื่องที่จะเล่าคือประสบการณ์ฟัดเหวี่ยงกับโรคย้ำคิดย้ำทำ + ซึมเศร้า
หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินบ่อย ๆ และอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้ว
อาการไม่สบายทางจิตใจนั้นมันเกิดขึ้นจริง ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอหรือดัดจริตแต่อย่างใด
ซึ่งมันเกิดจากการที่สารเคมีในสมองของเรามันเกิดความผิดปกติ จนทำให้กระบวนการคิดต่าง ๆ
ไม่ปกติดังเดิม ซึ่งไม่ใช่อาการ "บ้า" อย่างที่คนทั่วไปชอบพูดกัน แต่เป็นอาการที่ทุกคนอาจประสบพบเจอได้สักวันหนึ่ง
ไม่ว่าจะกับตนเองหรือคนใกล้ตัว ซึ่งถ้าเราเข้าใจว่ามันคืออาการอะไร มีแนวทางรักษายังไง
รับรองว่ามันหายได้ชัวร์ ๆ
.
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของความวิบัติ
เมื่อช่วง ๆ ต้นปี 2017 ผมเริ่มสังเกตตัวเองได้ว่ามีอาการแปลก ๆ ซึ่งมาทราบภายหลัง หลังจากที่ได้เข้าพบจิตแพทย์ว่ามันคืออาการของโรค "ย้ำคิดย้ำทำ" หรือ Obsessive–compulsive disorder (OCD)
ต่อไปนี้ขออนุญาตเรียกชื่อโรคย้ำคิดย้ำทำสั้น ๆ ว่า "OCD" นะครับ
.
อาการที่ผมประสบในขณะนั้นเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน
ยกตัวอย่างเช่น เดิน ๆ ไปแล้วเกิดความคิดว่า รองเท้าที่เราใส่อยู่นี่มันไปเหยียบอะไรเปื้อนหรือเปล่าวะ
แล้วก็ยกตีนขึ้นมาดู ตรวจเช็ค เสร็จแล้วสมองก็เกรงว่าจะตรวจสอบความสกปรกไม่หมด
ก็ยกขึ้นมาดูอีก แล้วก็วน loop ซ้ำ ๆ แบบนั้นหลายครั้ง
.
แรก ๆ ก็อึดอัดแปลก ๆ แต่ก็ยังไม่ได้คิดว่ามันคือโรคย้ำคิดย้ำทำ
ต่อมาก็เริ่มมีอาการกังวลลักษณะนี้แสดงออกในเรื่องอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด
สิ่งที่ทำก็วนเวียนเหมือนเดิมคือ เกิดความคิดกังวลซ้ำ ๆ (ย้ำคิด) จากนั้นก็ไปตรวจสอบสิ่งที่กังวลนั้นซ้ำ ๆ (ย้ำทำ) ซึ่งไอ้การที่ทำแบบนี้มันทำให้อาการย่ำแย่ขึ้นไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งมีอาการที่ผมคิดว่าทำให้ทรมานที่สุดในชีวิต
คือเกิดอาการหลงผิด คิดไปเองว่าตัวเองไปทำสิ่งชั่วร้ายอะไรมา (เป็นอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD)
ยกตัวอย่างอาการที่ว่านะครับ
คือวันหนึ่ง ผมเล่น Facebook ไปเรื่อย ๆ สักพักก็มีความคิดอุบาทว์มโนขึ้นมาว่า
เห้ย เราเลื่อน ๆ เฟสมาเนี่ย เราได้ไปพิมพ์ด่าใครหรือเปล่า เขาจะโกรธไหมนะ
จากนั้นก็เลยไปตรวจสอบว่าได้ไปคอมเมนท์หรือส่งข้อความด่าใครไหม
โดยการเลื่อนเช็ค activity log ทำอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ เสียเวลาและทรมานมาก ๆ
(แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันคืออาการอะไรเลย)
พอเป็นอย่างนี้เข้าก็เริ่มกังวลแล้วอาการก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นคิดไปเอง เชื่อไปเองว่าตัวเราไปด่าใครมาจริง ๆ และกลัวสุดขีดว่าเขาจะตามมาทำร้าย จนถึงขั้นกลัวจะถูกฆ่าตาย
คือมันกลัวแบบไม่สมเหตุสมผล ทั้ง ๆ ที่ใจเราก็ตระหนักได้ว่ามันไม่มีเหตุผล
และรู้ตัวเองดีว่าเราไม่ใช่คนที่จะด่าใครไปทั่วแบบนั้น ซึ่งบอกเลยว่าความมั่นใจในตัวเอง ความเชื่อมั่นต่าง ๆ หายไปไม่หลงเหลืออยู่เลยแม้นิดเดียว
.
จริง ๆ คือมีหลายเหตุการณ์นับไม่ถ้วนเลยครับ แต่ขอเล่าแค่อันเดียวก่อน เดี๋ยวยาวเกินไป แค่นี้ก็ยาวมากละ 55555555
คือความกังวลมันเกินจริงไปสุด ๆ
ขออธิบายง่าย ๆ ว่า ณ เวลานั้น ไม่สามารถแยกความเป็นจริงกับความคิดไปเองออกจากกันได้เลย
ทุกอย่างในหัวสับสนกันไปหมด
.
ซึ่งความกังวลทั้งมวลเหล่านี้เมื่อสะสมมากเข้า ก็เริ่มเกิดอาการเบื่อหน่ายทุกอย่างในชีวิต
ทราบภายหลังจากพบจิตแพทย์ว่าคืออาการซึมเศร้า (ในที่นี้คือผมเป็นโรคซึมเศร้าเนื่องด้วยผลต่อเนื่องของโรคย้ำคิดย้ำทำที่ทำให้เกิดความกังวลต่าง ๆ )
อาการของโรคซึมเศร้านี่ บอกตามตรงว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเข้าใจ
และคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร มันมีจริงเหรอ คนที่เป็นนี่เป็นพวกคนจิตใจอ่อนแอหรือเปล่านะ
และก็ไม่ได้สนใจศึกษาอะไรมาก
แต่พอมาเจอกับตัวเองแล้วรู้ซึ้งเลย
.
โลกทั้งหมดของเราช่วงนั้นมันหม่นไปหมด ไม่อยากทำอะไร แม้สิ่งที่เคยคลั่งไคล้
เคยชอบออกไปถ่ายรูป เคยชอบฟังเพลง ก็ไม่อยากทำ อยากอยู่เฉย ๆ
รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระคนอื่นที่มีอาการแปลก ๆ อย่างที่เล่าให้ฟังข้างบน
รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
ทั้งที่เดิมทีผมเป็นคนอารมณ์ดีมาก ๆ ไม่มีความกดดัน ไม่มีภาระหนักหน่วงในชีวิตใด ๆ ทั้งนั้น
แต่กลับรู้สึกอะไรแบบนั้นและควบคุมมันไม่ได้เลย
.
เมื่อเป็นนาน ๆ เข้า อาการแย่ไปเรื่อย ๆ เริ่มมีความคิดอยากจะตายขึ้นมาจริง ๆ
แต่ยังไม่ถึงกับคิดว่าจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีไหนดี
ถึงกระนั้น ก็รู้สึกว่าอยากหายไปจากโลก ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
จากนั้นก็เริ่มมีอาการทางร่างกายแสดงออก หลัก ๆ คือ นอนเยอะมาก ซึม ๆ เบลอ ๆ ทั้งวัน ไม่มีสมาธิทำอะไรได้เลย รวมถึงแขนขาไม่ค่อยมีแรงเลยทีเดียว จะเดินยังต้องฝืน ๆ
.
เมื่อถึงขั้นนี้ ผมก็พอจะนึกออกแล้วว่า นี่แม่มไม่ปกติแล้ว มันคงเป็นอาการทางจิตอะไรสักอย่าง
ก็เลยตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ ซึ่งช่วงแรกก็ไปคลินิกเอกชนเล็ก ๆ รักษาสักพักก็พบว่าไม่ได้ผลดีขึ่นสักเท่าไหร่
ก็เลยตัดสินใจไปโรงบาลใหญ่ที่มีทีมแพทย์ด้านสุขภาพจิตที่พร้อม ๆ หน่อย
.
สำหรับการรักษาตัวผมก็มีแพทย์ที่ดูแลอยู่ถึงสองท่านเลยทีเดียว
คนนึ่งจะเป็นหมอหลัก คอยติดตามอาการและสั่งยา (ยาทีผมต้องกินต่อเนื่องคือยาต้านซึมเศร้า ซึ่งใช้รักษาโรคซึมเศร้า รวมถึงโรคอย่างย้ำคิดย้ำทำได้ด้วย)
ส่วนอีกคนเป็นหมอที่จะสอนกระบวนการจิตและพฤติกรรมบำบัด ภาษาหมอเค้าเรียกว่า Cognitive behavioral therapy หรือตัวย่อ CBT
ซึ่งไอ้ CBT เนี่ยแหละบอกเลยว่าสุดจัดปลัดขิก เป็นกระบวนการที่ใช้ได้ผลเร็ว และมีประสิทธิภาพอย่างมาก
.
ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ของการทำแบบฝึกหัด CBT เช่น
ผมมีอาการมโน กังวลว่าตัวเองจะไปพิมพ์ด่าใคร
หมอก็ให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเฟสบุค พอเจอโพสต์เพื่อนสักโพสต์
ก็ให้ผม comment ลงไป คอมเมนท์อะไรก็ได้ที่ทำตามปกติ
จากนั้นก็ให้บันทึกผลในกระดาษว่า หลังจากทำแล้วมีความกังวลว่าสิ่งที่ comment นั้นทำให้คนอื่นไม่พอใจไหม กังวลขนาดไหนก็บันทึกเป็นตัวเลขว่าเต็ม 10 กังวลเท่าไหร่
แล้วหมอก็ห้ามผมไปเช็คอะไรทั้งนั้น
หมอให้การบ้านว่าลองสังเกตอาการตัวเองต่อ ว่าเมื่อเวลาผ่านไป เช่น ทุก ๆ 4 ชม.
ระดับความกังวลของเรามันลดลงบ้างไหม
คือช่วงแรก ๆ นี่ทรมานมากครับ บางทีก็อดไม่ได้ ต้องไปเช็ค 55555555555555
ซึ่งไอ้การเช็คนี่แหละทำให้โรคมันไม่หายเสียที (แล้วยังทำให้อาการหนักกว่าเดิมอีก)
จากนั้นก็ฝึกฝนมาเรื่อย ๆ
ช่วงนั้นหมอนัดค่อนข้างถี่ ถ้ามีเรื่องอะไรกังวลก็เล่าให้หมอฟังแล้วหมอจะให้แบบฝึกหัดลักษณะนี้มาอีก
เมื่อเวลาผ่านพ้น ก็พบว่า เห้ย มันได้ผลจริง ๆ เว้ยถ้าเราทำตามแนวปฏิบัติที่หมอบอก
จากนั้นพอมีอาการอื่น ๆ ก็ใช้แนวทางนี้ดูก็พบว่าจัดการได้ค่อนข้างอยู่หมัด
บางทีอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่สุดท้ายก็หายไปได้
.
พอเราเริ่มรู้ว่าโรคมันมีกลไกการทำงานยังไง คราวนี้ก็เริ่มรู้สึกฮามาก ๆ และบางทีก็รู้สึกสนุกด้วยซ้ำ
มันเหมือนเล่มเกมอะไรที่ท้าทายมาก ๆ เป็นการฝึกหักห้ามใจตัวเองได้เป็นอย่างดี 5555555
ซึ่งเมื่ออาการย้ำคิดย้ำทำเริ่มดีขึ้น อาการซึมเศร้านั้นก็ได้หายไป ชีวิตก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ แม้จะต้องใช้เวลาหน่อยแต่ก็รู้สึกว่าดีที่ผ่านมาได้
.
ถ้านับจากเวลาที่เริ่มไปหาหมอทีแรก จนถึงช่วงที่มั่นใจว่าเราสู้กับมันได้และหายจากอาการเลวร้ายจริง ๆ รวม ๆ แล้วน่าจะราว ๆ 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว
นับว่าเป็นอะไรที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องเจอกับตัวเองเลย
ในระหว่างรักษาช่วงแรก ๆ ก็ท้อ มันเหมือนว่าเราจะไม่มีทางหายเป็นโรคนี้ได้เลย
ชีวิตมืดไปหมด นึกไม่ออกเลยว่าวันต่อ ๆ ไปเราจะตื่นขึ้นมาทำอะไรถ้ายังมีอาการแบบนี้
แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นมาได้ รู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่คนรอบข้างเข้าใจจนเรารอดมาได้ 555555
.
ท้ายสุดอยากจะฝากเพื่อน ๆ พี่น้องทุกท่านว่าถ้าตัวเองมีความเครียด ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือจะมีอาการแบบผม รวมถึงถ้าคนใกล้ชิดมีอาการอะไรเหล่านี้
ขอให้อย่าเขินอายที่จะไปปรึกษาจิตแพทย์
ทีแรกผมก็เคยมีความคิดที่สังคมกลืนกินว่าการไปหาจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย
แต่พอได้สัมผัสแล้วพบว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรรย์มาก ๆ สมกับวิชาชีพที่เค้าร่ำเรียนมา
ใครจะว่าอะไรเราก็ช่างเขาไป ชีวิตจิตใจเรา เราต้องดูแลครับ
.
โรคย้ำคิดย้ำทำนี้มีสาเหตุได้หลายอย่าง และอาการของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปบ้าง
ในกรณีผม คิดว่าน่าจะเป็นการที่ตัวเองเสพติดความ perfect หนักเกินไป
อยากทำให้ทุกอย่างดีไปหมด ไม่อยากให้ใครผิดหวังในตัวเราแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
สะสมมาโดยไม่รู้ตัว จนมาถึงจุดหนึ่งที่ทำให้สารเคมีในสมองดังว่าเกิดความไม่สมดุล แล้วมีอาการแปลก ๆ อย่างนั้น
(โรคซึมเศร้าก็เกิดเนื่องจากลักษณะนี้เช่นกันครับ)
.
ถ้ามีคนใกล้ตัวเป็น ไม่ว่าจะโรคซึมเศร้า ย้ำคิดย้ำทำ หรืออะไรก็ตามที
ขอให้เข้าใจเค้า ไม่ต้องสั่งสอนเค้าว่าให้เข้มแข็ง ไม่ต้องหาคำคมปลุกใจ ให้กำลังใจอะไรทั้งนั้น
มันไม่ได้ผลเลยจริง ๆ ครับ ซ้ำร้ายอาจแย่กว่าเดิม ต้องระวังคำพูด
เพราะแค่นั้นก็สู้กับความคิดตัวเองเหนื่อยแล้วครับ เราแค่ทำให้เค้ารู้ว่ามีเราอยู่ข้าง ๆ
มีเราที่เข้าใจเค้าอยู่ และที่สำคัญคือต้องพาเค้าไปพบจิตแพทย์ครับ ทำตามที่หมอบอก กินยาต่อเนื่อง อย่าหยุดยาเอง แล้วทุก ๆ อย่างจะดีขึ้น
.
เพิ่มเติมเล็กน้อยสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ขอให้หมั่นสอดส่อง อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียวนาน ๆ
และเราสามารถถามคำถามได้ว่า "เคยคิดอยากจะตายไหม?"
อันนี้ถามได้ ไม่เป็นอันตราย เมื่อเขาได้เล่าให้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ให้พาไปพบแพทย์นะครับ
หลาย ๆ คนเราไม่ทันได้สอบถามเค้าเลย เค้าก็จากไปเสียก่อนแล้ว
ไม่มีใครควรตายเพราะโรคซึมเศร้า และไม่ควรจะกล่าวว่าคนที่ฆ่าตัวตายเพราะโรคนี้เป็นคนอ่อนแอ แต่เขาหมดหนทางจริง ๆ มันคิดอะไรไม่ออกแล้วครับว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
.
ยังไงถ้ามีข้อมูลตรงไหนผิดพลาด บอกกล่าวกันได้นะครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับบบบ