เป็นหูฟังระบบเปิด คือเสียงจะลอดออกภายนอก คนนั่งข้างๆจะได้ยินเสียงเพลงที่เราเปิดนะครับ แนวเสียงของ Grado นั้นเหมาะกับเพลงป๊อปร็อค ร็อค หรือเฮฟวี่เมทัล ไม่เน้นเสียงเบสที่กระแทกกระทั้น แต่เป็นเบสที่กระชับและเร็ว กลางแหลม สด คม ชัด รายละเอียดต่างๆสูงมาก

ฟังกับมือถือหรือแอฟสตรีมมิ่งต่างๆไม่มีปัญหาครับ เพราะขับง่าย และไม่ฟ้อง source เท่าไหร่ งบ 10,000 บาท ให้เลือกซื้อรุ่น SR225 ครับ ฟังได้ครอบจักรวาล และเป็น Grado ระดับ Mid Line ที่คุ้มค่าสุดๆ ซื้อตัวนี้ใช้ได้ยาวจนลืมว่างั้นล่ะ 555

หูฟัง Grado จะเน้นเสียงกีต้าร์และเสียงกระเดื่องกลองเป็นพิเศษครับ ฟังเพลงร็อคมันมาก ชนิดที่หาไม่ได้จากหูฟังแบรนด์อื่น นอกจากนี้ยังมีความเป็นสามมิติสูง ทำให้ใช้ดูหนังได้ดีมากเช่นเดียวกัน แต่แนะนำให้ไปลองฟังก่อนตัดสินใจครับ เพราะเอกลักษณ์ของ Grado คือ ก้านหูฟัง head band ที่บีบหูมาก และฟองน้ำ S-Cush กับ L-Cush ที่แข็งหยาบและกัดหูมาก (ยกเว้นพวกรุ่นใหญ่ที่ใช้ฟองน้ำจัมโบ้ G-Cush อันนั้นใส่สบายสุดๆ แต่ราคาก็จะอัพขึ้นไปอีกระดับ)

อ้อ แนะนำให้ลองฟัง Grado เปรียบเทียบกับ Alessandro ซึ่งเป็นแบรนด์พี่น้องกันและหน้าตาเหมือนกัน (แต่แนวเสียงต่างกันคนละเรื่องเลน) ด้วยนะครับ ไม่แน่ท่านอาจชอบแนวเสียงของ Alessandro มากกว่า Grado ก็ได้

โอ้ ขอบคุณครับเฮีย

น่าจะเหมาะกับผม จะลองมาฟัง SillyFools ดูครับ อายุเยอะแล้วอยากฟังแต่เพลงเก่าๆ ^^

ถ้าฟังแนว Silly​Fools​ ก็​น่าจะ​เหมาะกับ​ Grado เ​ลยครับ
ถ้าจำไม่ผิด ผมเคยเห็น ต้น SF ก็ใช้ Grado​ RS1e นะครับ​

ควรลองฟัง SR 225 เทียบกับตัวที่ใกล้งบอีกตัวนะครับ คือ Alessandro MS2 ครับ
เพราะมันเพิ่มจาก 225 ระดับหนึ่ง แต่ใกล้เคียงงบของเจ้าของกระทู้พอดี
ทั้งเสียงส่วนที่ต่าง และสิ่งที่เป็นรูปธรรม(บอดี้โลหะ - พลาสติก เฮดแบนหนัง - หนังเทียม) ควรชั่งใจให้ดีๆก่อนนะครับ ^ ^
แต่แนวมันก็ต่างกันด้วยแหละครับ  ยังไงก็ฟังดีๆละกัน

ผมมาคอนเฟิร์มครับ

Gradoดูหนังแจ่มจริง

จากคนที่เคยตระเวนหาหูฟังมาใส่ดูหนัง แล้วมาตายที่Grado ทั้งๆที่ตอนแรกไม่เคยมีGradoในสายตาเลยครับ

หลักฐานประสบการณ์ครับ
https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=246627

ถ้าซื้อแล้ว ต้องอดทนให้ผ่านช่วงฟองน้ำกัดหูให้ได้นะครับ
หลังจากนั้นคือความสุขแล้ว

จริงครับ แนะนำให้ลองฟังตัวเดโม่ที่ร้าน เพราะเฮดแบนด์กับฟองน้ำน่าจะผ่านการเบิร์นมาจนอยู่ตัวแล้วครับ ถ้าฟังได้เกินครึ่งชั่วโมงแล้วไม่เจ็บหู หูไม่แดง หูไม่ถลอก ก็จัดเลยครับ แต่ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน

อ้อ ผมก็คือคนที่โดนคุณ MaxxIE ป้ายยาจนต้องไปซื้อ SR225e มาในที่สุดครับ ซึ่งพอได้ลองฟังก็พบว่า "เฮ้ย" แนวนี้แหละใช่เลย นี่แหละคือหูฟังที่ผมโหยหามานาน และก็ทำตามคำแนะนำที่ให้สวมหูฟังไว้กับตุ๊กตาหัวใหญ่ๆ เพื่อให้ฟองน้ำนิ่ม แต่พอมาลองใช้จริงประมาณ 1 เดือน ก็พบว่าไม่ไหวจริงๆ ครับ มันบีบหูจนเกินจะรับได้ จนสุดท้ายต้องยอมขายทิ้งไปแล้วไปซื้อ GS2000 มาใช้แทนครับ ตอนนี้แฮปปี้สุดๆ เลย

GS2000!!!
รวยดีครับ  อิจฉาจัง T^T
ตอนลองนี่ ยังไม่ทันได้ยินเสียง แค่ใส่ก็รู้สึกดีมั่กๆแล้ว(GS1000,PS1000)

เข้ามาอิจ

คนมีเงินซื้อ GS2000


T^T

ผมอิจฉาคุณMaxxIE กับคุณเหน่งบามากกว่าครับ คนที่มีภูมิคุ้มกัน สามารถใส่ Grado SR225e กับ RS1e ได้โดยไม่เจ็บหูนี่ถือว่าโชคดีมาก เพราะผมชอบเสียงของ SR225e กับ RS1e มากกว่า GS2000e อีก แต่ผมไม่มีทางเลือก ถ้าไม่อยากเจ็บหูก็ต้องยอมกระเป๋าฉีกครับ โชคดีได้โปรโมชั่น Grado เมื่อปลายเดือนที่แล้ว กับใช้แต้มมั่นคงพอยต์ที่สะสมมานานเป็นส่วนลดก็เลยตัดสินใจง่ายขึ้นครับ เป้าหมายต่อไปคือ PS1000e ครับ เพราะเห็นว่าเสียงออกแนว เถื่อน ดิบ ถ่อย  แต่ขอเวลาเก็บเงินอีกซักพักใหญ่ๆ ครับ 555

ถ้าเอาSR225 ไปใส่ฟองน้ำของ GS2000 มันจะเข้ากันได้มั้ยครับ? แล้วถ้าทำได้ มันควรจะทำให้หายเจ็บหูมั้ยครับ? เพราะผมนึกว่า headband และทุกอย่างจากก้านหูฟังขึ้นมาจนถึงพลาสติกตัวล๊อกก้านจนถึงโครงเหล็กด้านในของheadbandมันเหมือนกันหมดทุกรุ่นตั้งแต่ sr60 จนถึง ps2000 ซะอีก? (ไม่นับหนังแท้หรือเทียมที่หุ้มนะครับ) สงสัยจริงๆว่าps2000มันจะสวมใส่สบายกว่า SR225 เพราะว่าอะไรครับ เพราะน้ำหนักก็น่าจะหนักกว่าด้วยหนะครับ? ผมใช้ SR325 อยู่ พบว่าจะเจ็บหูเมื่อใส่เกินสองชั่วโมงขึ้นไปครับ เจ็บจริงๆ แต่ถ้าใส่ไม่เกินชั่วโมง ไม่มีอาการระคายเคืองครับ 

เอาฟองน้ำ G-Cush ไปใส่แทนฟองน้ำ L-Cush ได้ครับ เพราะเบ้ามันขนาดเท่ากันเลยใส่กันได้ แต่ไม่แนะนำครับ เพราะเค้าไม่ได้จูนเสียงมาให้ใช้กับ G-Cush ผลคือใส่แล้วไม่ work เสียงจืดลงไปเยอะ ความสดไม่เหลือ อิมเมจไม่ดี ระยะโฟกัสไม่ได้ ถ้ามันดีจริง Grado เค้าคงใส่มาให้จากโรงงานแล้ว สรุปคือใส่สบายจริงแต่เสียงห่วยลงจนแทบไม่เหลือความเป็น Grado เลยครับ ความเห็นส่วนตัว ผมว่าเก็บเงินค่าฟองน้ำ G-Cush 1,800 บาท ไว้สมทบทุนซื้อ GS1000/2000e หรือ PS1000/2000e ในอนาคตดีกว่าครับ ผมลองมาหมดทุกวิธีแล้วครับ แม้กระทั่งเอา ear pad ของ Bose มาโมใส่ SR225e ก็ลองแล้วแต่ไม่ work ครับ 555

เหมือนเคยอ่านเจอกระทู้เก่าๆ ว่าถ้าใส่ฟองน้ำข้ามไปรุ่นที่สูงกว่า เบสจะจางลงนะครับ

และข้อเสียอีกอย่างคือ ถลุงเงินในกระเป๋าเพิ่มด้วย เพราะฟองน้ำGrado มันก็ไม่ใช่ถูกๆนะครับ

จริงๆฟองน้ำแบบ L-Cush ถ้าทางGrado ไม่ทาอะไรสักอย่างที่เหมือนน้ำยาไว้ตรงบริเวณเฉียงๆ มันก็น่าจะสบายหูขึ้นนะครับ เพราะฟองน้ำพี่แกก็ถือว่าเนื้อดีเอาเรื่องอยู่นะ

ฟองน้ำ Jumbo Pad หรือ G-cusion นั้น เวลามาใส่ในหูฟังรุ่นปกติ จะครอบใบหูมิดครับ แต่สิ่งที่ให้ซาวด์มันเปลี่ยนนั้นเพราะระยะห่างระหว่างหูกับไดรเวอร์นั้นห่างออกไปประมาณเกือบ 1 ซม. ซึ่งระยะที่ห่างออกนี้มีผลต่อเสียงต่ำชัดเจนมาก และเสียงแหลมนั้นจะได้ยินชัดเจนขึ้น(ต้องเรียกจัดจ้านขึ้น)

จะเริ่มกลับมาฟังได้ดีอีกทีตอนฟองน้ำยุบตัวลงมาเหลือระยะห่างน้อยลงครับ ซึ่งแนะนำว่าให้ใช้ตรงรุ่นที่ทางโรงงานใส่มาครับ ส่วนถ้าอยากทราบว่าเสียงจะเปลี่ยนไปแบบไหน ถูกใจหรือไม่ เอาหูฟังมาลองฟองน้ำได้ที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อครับ ^^

เคยได้ยินคุณแพะบอกว่าสาวก Grado สมัยก่อนเค้าใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านด้วยการเอาฟองน้ำไปจุ่มในน้ำสบู่ครับ จะช่วยให้ฟองน้ำนุ่มนิ่มขึ้น แต่ไม่ได้บอกว่าจุ่มแล้วต้องรอให้แห้งก่อนหรือว่าเอาไปใส่ตอนเปียกๆเลย แต่ผมว่าสมัยนี้เอาไปจุ่มในน้ำยาล้างจานซันไลต์และเอาไปใช้ล้างจานแทนสก็อตไบรท์ซักเดือนนึงก็น่าจะทำให้ฟองน้ำมันนิ่มได้เหมือนกันครับ 

เอ่อ ผมพูดเล่นนะ อย่าทำจริงล่ะ

คุณbunus79 การเปลี่ยนฟองน้ำของ Grado/Alessandro เท่าที่เคยลองมา และหลายคนเคยทดลองมาแล้ว ทำแล้วเวิร์คแค่รุ่นเดียวครับ คือ MS1 เปลี่ยนฟองน้ำจาก S cush มาเป็น L cush (จะนับ SR 80ไปด้วยก็ได้)

เพราะฟังเผินๆเบสลดลง แต่ฟังนานๆ ผมกับเพื่อนและพี่ชายผม รู้สึกตรงกันว่าไม่ลด แต่หัวโน้ตเปิดกระจ่าง ไวขึ้น เวทีเสียงดีขึ้น รายละเอียดดีขึ้น รับรู้อิมเมจได้ชัดขึ้น

เกินกว่ารุ่นนี้ (คือพวกใช้L cush อยู่แล้ว แล้วไปอัพเป็น G cush) ฟังแรกๆตื่นเต้นยินดีกันทุกราย แต่พอฟังนานๆ จะจับออกเองว่ามันเสียสมดุลครับเนื่องจากระยะห่างจากไดรเวอร์สู่หูมันผิดเพี้ยน เขาจูนเสียงออกแบบมาให้ใช้กับรุ่นสูงกว่าอย่างพวก GS,PS ไอ้จะซื้อมาลองขำๆก็ขำไม่ออกเสียด้วยสิครับ ฟองน้ำG cush มันไม่ใช่ถูก หลายพันอยู่

มีกรณีเดียวคือ อย่างเพื่อนผม (Mr.Nes) ได้จากพี่น้องในบอร์ดมาถูกๆ ก็เก็บเอาไว้เปลี่ยนกับของ MS1 เล่นสนุกๆ คือ ถ้า"ฟังเพลง" แล้วอยากใส่สบายๆ โดยไม่จับผิด ก็ดีครับ ใส่สบายจริงๆ แต่เปลี่ยนแล้วฟังนานๆฟังออกครับว่า มันไม่ใช่ละ

ท่านลองดูครับ  GS มันสุดทางของสาย Alessandro  ถ้ามาถึงขั้นนั้น ก็ควรไปให้สุดสายของ Grado คือ PS2000e ซึ่งรวมทุกแนวทางของ Gradoครบครันในตัวเดียว (ประมาณว่า ไปเถิด..ไปให้ถึงดวงดาว ถ้าเจ้าไปไหว...)  แต่ผมว่า มันเหมือนหนังเรื่อง Event Horizon อยู่เหมือนกันนะครับ คือ อีกแง่หนึ่ง มันเหมือนประตูนรกดีๆนี่เองครับ 555 หูฟังว่าโหดแล้ว แต่ชุดที่จะใช้ขับมันให้ออกมาเป็น"มัน" ไม่มีคำว่าง่าย ไม่รู้จะกว่าค่าหูฟังอีกเท่าไหร่ ขอให้มีฟามสุขนะครับ อิอิอิ  https://www.youtube.com/watch?v=OVlnER8SxfQ

คุณเหน่งบาป้ายยาผมซะแล้ว 555

ขอบคุณครับคุณเหน่งบา
ดูๆแล้วผมคงไม่ลองเปลี่ยนฟองน้ำและก็คงไปไม่ถึง GS หรือ PS ครับเพราะตอนนี้ผมเน้นง่ายใช่ต่อตรงกับโทรศัพท์ฟังเพลงจากอินเตอร์เนตฟรีๆก่อนนอนซักชั่วโมงแค่นั้นเองครับ (ปฏิเสธอย่างดูดีแต่ที่จริงคือหมดงบฟุ่มเฟือย ^^) แต่กิเลสก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ มันจะพอมีแอมป์เล็กๆราคาเบาๆอะไรที่จะต่อช่องlightningออกมาให้เจ้า325มันเสียงดีขึ้นมั้ยครับ? ถ้าเบสมันได้ลึกๆแบบหูplanaก็คงจะดีมิใช่น้อย หรือถ้าซื้อพวกfiio btr1 มาใช้เป็นบลูทูธมันจะดีขึ้นหรือแย่ลงครับ? ผมพบว่าการใช้สายlightningอแดปเตอร์ที่แถมมาให้กับไอโฟนฟังแล้วเเสียงดีกว่าต่อจากช่อง3.5จากโทรศัพท์HTCเครื่องเก่าอยู่เยอะเลยครับ

ไม่ค่อยได้ log in ตอบกระทู้สักเท่าไหร่
ได้แต่ชอบส่องและแวะซื้อของห้องหูฟังมือสองประจำ 555

คงตอบ จขกท แบบให้เห็นภาพคร่าวๆ
ในแนวเสียงของ grado ที่ผมมี

(ยี่ห้ออื่นๆ ฟังเทียบ grado ผมว่าน้ำเสียงต่างประมาณนึงแบบมีนัยยะ
ต้องลองหลายๆยี่ห้อถึงจะทราบครับ หูฟังยี่ห้ออื่นๆผมว่าเสียงก็ดีนะครับ
แต่จะขับยากขับง่ายก็ว่ากันอีกทีครับ)


PS2000E  - เหมือนฟังวงร๊อค มาเล่นสดในห้องอัดที่บ้าน (ชัด เคลียร์ ตึบ[แต่ตึบในแบบ grado นะครับ]ทุกเม็ด)

PS1000    - เหมือนฟังวงร๊อค เล่นสดลานสนามหญ้าที่บ้าน (โปร่ง เคลียร์ มิดเบสกระแทกแต่ไม่สุดเท่า PS2000E)

RS1         - เหมือนฟังวงร๊อค เล่นสดในห้องซ้อมของมหาลัย (ดิบ เถื่อน บู๊ อัพเปอร์เบสสะใจ ไร้ซึ่งมิดเบสและดีพเบส)

แนวเพลงอื่นๆก็ฟังได้ครับ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

ทั้งสามรุ่นหากต่อตรงกับโทรศัพท์ เครื่องเล่นเพลงทั่วไป หรือคอมทั่วไป ขับได้สบายอยู่ครับ
น้ำเสียงไม่ค่อยหนีกันมากนักหากเป็นเพลงร้อง ส่วนเสียงเครื่องดนตรีประกอบในเพลงค่อนข้างต่าง
แต่ผมคิดว่าหลายๆคนหากมีโอกาสได้ลองฟัง grado ไต่ไปในแต่ล่ะรุ่นน่าจะพอฟังความแตกต่างออกในแต่ล่ะรุ่นครับ
(เชิญได้ที่ร้านเฮียเลยครับ เตรียมเพลงโปรดไว้ในลิสต์แล้วไปนั่งฟัง กำเงินให้มั่น งบถึงตัวไหนจัดเลยครับ 555)

แต่หากต่อกับแดค แอมป์หูฟัง เพิ่มเครื่องเคียงสายต่างๆ
ต่างชัดเจนครับ หนีกันแบบพอสมควรครับ
ความรู้สึกที่ได้ฟังในเพลงเดียวกันของแต่ล่ะหูฟัง 
จะมีความรู้สึกว่า (ขออนุญาตหยาบนิดๆนะครับ)
เชี่ยยยยย!!! เพลงนี้มีเสียงนี้ด้วยหรอว่ะ 
เสียงคนร้องห่อลิ้น เสียงคนร้องแหกปาก ได้ยินเสียงถอนหายใจตอนจะขึ้นท่อนถัดไป
เสียงเครื่องดนตรีนี้มิกซ์มาในเพลงด้วยหรอว่ะ
ทำไม RS1 ไม่ได้ยินว่ะหรือทำไม PS1000 ไม่ได้ยินว่ะ
PS2000E พรั่งพรูออกมา กลบ RS1 PS1000 จมเลยครับ
ใครที่ขยับขยายรุ่นหูฟังไปอีกสเต็ป น่าจะเจออารมณ์คล้ายๆผมแน่ๆ 555

คห.21 เยี่ยมเลยครับ โดนใจผมมาก

เข้ามาบวกเรื่องฟองน้ำกัดหูครับ
เรื่องแนวเสียงมีเซียนหลายๆท่านตอบไปแล้ว ^^

ผมเพิ่งได้ grado ms1e มาไม่ถึงเดือน ตอนนี้ใส่สบายแล้วครับ นุ่มหูมาก รู้สึกฟินเมื่อได้หนีบเพราะยังได้กลิ่นกาวอยู่ด้วย 555

ยอมรับว่าตอนได้มาใหม่ๆวันสองวันแรกฟองน้ำแข็ง สาก น่าอึดอัดมากครับ แต่หลังจากใส่จนเหงื่อออกไปสองสามครั้งมันก็เริ่มนุ่มลงเรื่อยๆ และใส่ได้อย่างสบายมาสักพักแล้ว ดังนั้นอาจไม่ต้องกังวลเรื่องฟองน้ำแข็งครับ ลองใช้ไปสักพักก่อน

เรื่องใช้น้ำยาล้างจานอันนี้ไม่เคยครับ แต่ผมแนะนำให้ใส่จนนุ่มเองก่อนสักพัก ถ้าไม่หายจริงๆค่อยลองก็ได้ครับ เพราะกลัวเรื่องกลิ่นน้ำยาจะติดมาครับ

ไว้เดี๋ยวลองเทคนิคซันไลต์ครับ ความรู้ใหม่ สุดยอด

มี GH3 อีกตัวนะครับ เชียร์เพราะหมื่นกว่าๆแต่ได้เหูฟังเคสไม้ ซึ่งเบาสบายกว่าเคสอลูมิเนียมเยอะเลยครับ

ถึงจะยังไม่มีใครเคยได้ฟังเสียง แต่จากรุ่น limited ทุกรุ่นที่ผ่านมา เสียงดีทุกรุ่นครับ