เสียงร้องของมนุษยน์ครับ

ผมเดาว่าเครื่องเคาะแน่นอน เพื่อให้จังหวะในการร้องเต้นรอบกองไฟในยุคหินและคนป่า
เอาก้านไม้เคาะพื้น
เอาก้อนหินกระทบกัน ตรบมือร้องเพลง
แล้วพัฒนาเป็นการเป่าท่อนไม้เช่น didgeridoo ของชนเผ่า aboriginal
แล้วก็เป็น horn และ กลอง ในการทำศึกในยุคต่อมา ส่วนพวก เครื่องสาย เครื่องดีด น่าจะมาหลังสุดเลยเพราะมันเริ่มมีสเกลเสียงแล้ว

ถ้าตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องเป็นขลุ่ยกระดูกครับ

ตรวจอายุก็อยู่ในราว 35,000 - 40,000 ปีก่อนคริสตกาล ช่วงยุคหินเก่าตอนปลาย (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ ยุคแมกดาเลเนียน ซึ่งก็คือเข็มเย็บผ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มนุษย์สามารถใช้เจาะสิ่งต่างๆได้)

สัณนิษฐานว่าใช้เพื่อการประกอบพิธีกรรมเท่านั้นไม่ได้เล่นเพื่อความบันเทิงเริงรมย์ (ขุดเจอเฉพาะพื้นที่ทางพิธีกรรม)

แต่ในความเป็นจริงย่อมมีเครื่องดนตรีที่เก่ากว่าขลุ่ยกระดูกนี้แน่นอน เช่น เครื่องเคาะ หรือการเป่าใบไม้เป็นท่วงทำนอง แต่มันไม่เหลือหลักฐานให้พืสูจน์นั่นเองครับ

ถ้าให้ผมนึกตามวิวัฒนาการของมนุษย์ คงจะเป็นพวกเครื่องเคาะหรือเครื่องที่ใช้ตีครับ เพราะเป็นเบสิคดี 55 คือไม่รู้จะทำอะไรก็เอาอะไรตีมั่วไปก่อนให้เกิดเสียง แล้วก็น่าจะมาถึงการเป่า การเป่าอาจจะเป่ากระดูกตามที่อาจารย์ Ahura เล่า และอาจจะใช้พวกเขาสัตว์ต่างๆมาลองเป่าดู

แต่ถ้าพวกเครื่องดีดหรือสี อันนี้น่าจะเป็นการวิวัฒนาการไปอีกขั้นของมนุษย์ อย่างน้อยต้องฉลาดพอจะเอาอะไรมาประกอบกันให้เกิดเสียงขึ้นมาครับ^^

ขอบคุณมากครับ

  สำหรับผมย้อนไปในสมัยมนุษย์เริ่มกำเนิดใหม่ๆ ยังไม่มีวิวัฌนาการในการใช้สิ่งประดิษฐ์ ดังนี้ น่าจะเป็นการ "เกา"  มันเป็นพื้นฐานที่ก่อกำเนิดมากจากอาการคัน คันมาก คันจิงๆเล้ย เมื่อคันก็ต้องเกา พอ"เกา"ก็มันในอารมณ์ มันจะให้เสียงดัง  " แควก แควก  แควก " จนเป็น"เพอร์คัสชั่น" ชนิดหนึ่งใช้ใยวงการดนตรีมาจนทุกวันนี้  เรื่องการเกา เป็นพื้นฐานที่ขาดไม่ได้แม้แต่ สัตว์เลี้ยงก็ขาดการเกานี้ไม่ได้เลย แม้แต่ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ก็ยังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นำมาร้อง ในเพลง "เกาเอาเอง"