เพราะมันคือ "ไฟล์ดิบ" ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ไงครับ ถ้าเทียบกับไฟล์รูปภาพก็เปรียบได้กับไฟล์ RAW จากกล้อง DSLR

wav มันเป็นไฟล์ไม่บีบอัดครับ ไฟล์เพลงในแผ่น cd ออดิโอ ก็ wav เหมือนกัน
แต่ lossless มันเป็นไฟล์บีบโดยไม่เสียคุณภาพ เหมือนไฟล์ดิบ 100 เปอร์เซ็น ต่างจากไฟล์ดิบแค่ขนาดไฟล์เล็กกว่าเพราะมีการบีบอัดแล้ว เหมือนคุณเอาไฟล์ ms word บีบเป็น rar นั่นแหล่ะถ้าเทียบกับไฟล์จากกล้องก็เทียบได้กับไฟล์ png

If the decoded data is identical then I’d say it’s the same krub.

https://www.gm2000magazine.com/knowledge-about-audio-file-format/

https://www.allabout.in.th/hi-res-audio-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-3/

Lossless มันถูกเข้ารหัสให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง

เหมือนเอารูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด70นิ้ว มาย่อให้เป็นรูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด2นิ้ว


โปรแกรมเล่น

ถ้าโปรแกรมดีๆ มันก็ถอดรหัสออกมาเป็นไฟล์ต้นฉบับก่อนค่อยเล่นให้เราฟัง
เหมือนเอา รูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด2นิ้ว
 มาอัดขยายเป็น รูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด70นิ้ว

ถ้าโปรแกรมไม่ดี
มันอาจจะถอดรหัสออกมาได้ไม่สมบูรณ์
เหมือนเอา รูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด2นิ้ว มาขยายออกมาได้แค่ รูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด10นิ้ว
หรือโปรแกรมไหนมักง่าย มันก็โยนไฟล์ รูปความละเอียด10ล้านPixelขนาด2นิ้ว มาให้เราเลย

ส่วนมากพวกโปรแกรมเสียเงิน ผมฟังWAVกับLosslessไม่ออกน่ะ เสียงแจ่มพอกันทั้งคู่ (ผมไปลองโหลดตัวTrialมาลองฟังแทบทุกตัวละ)

แต่โปรแกรมฟรี มีแค่VLCกับVOXที่ผมฟังไม่ออก นอกนั้นฟังออกหมด แม้กระทั้งฟังWAVกับm4aบน iTune แต่UIสองตัวที่ว่ามามันไม่ค่อยเหมาะกับการจัดการไฟล์เพลงเท่าไหร่ สุดท้ายเลยได้มาตายรังที่iTuneเพราะใช้งานสะดวกสุดละ

ปล.ยังไม่เคยลองFoobar2000 เพราะผมใช้Macมันไม่มีเวอร์ชั่นสำหรับMacOS

ถ้าต้นฉบับเหมือนกัน(ข้อย้ำว่าเหมือนกัน!) จะเป็นไฟล์ lossless แบบไหนมันก็ไม่ต่างกันครับ (wav ก็ถือเป็นไฟล์ lossless นะครับ 55)

คือไฟล์เพลง lossless ที่ถูกบีบอัด แต่ละอัน เวลาเอามาเล่นเนี้ยตัวคอมหรือเครื่องเล่น มันจะทำการ decompress/decode ก่อนแล้วค่อยส่งไปที่ DAC
ซึ่งสุดท้ายข้อมูลที่ตัว DAC ได้รับเนี้ย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ wav หรือ flac หรือไฟล์ lossless ประเภทอื่นๆ ก็จะเหมือนกันเด๊ะ เสียงสุดท้ายยังไงก็ไม่มีทางจะต่างกันเลย

เว้นแต่กรณีที่วงจรคอมหรือเครื่องเล่นทำมาห่วยมากๆ จนที่การทำ decompress/decode ซึ่งต้องใช้ CPU ประมวลผลเพิ่ม(น้อยมาก) ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนอุปกรณ์อื่นๆ...

ลองอ่านลิงค์ที่คุณ "ลองดู" แนบให้มาครับ ขออนุญาตสรุปสั้นๆให้ฟังว่า

ไฟล์ wav และไฟล์ aiff จัดเป็นระเภทบีบอัดข้อมูลแต่ไม่ได้ตัดส่วนใดๆ ของไฟล์ออกไป ไฟล์ฺ flac, m4a และ ape

โดยหลักการมันจะต้องเหมือนไฟล์ต้นฉบับทุกประการ

แต่ เพราะต้องผ่านการบีบอัดข้อมูลก่อน แล้วปลายทางมาคลี่ไฟล์ออกอีกครั้ง กระบวนการเหล่านี้มีโอกาสที่ต้นทางการบีบอัด และปลายทางที่คลี่ไฟล์จะเกิดความผิดพลาดขั้นได้ แต่น้อยมาก ถ้าอุปกรณ์ดีหน่อยโอกาสความผิดพลาดจะน้อยลง

ปัญหาก็คือถึงแม้เครื่องมือ เครื่องเล่นจะดีพอ หูเราจะจับตวามแตกต่างนั้นได้จริงหรือเปล่า เพราะแม้กระทั่งไฟล์ mp3 ที่มีการตัดส่วนไฟล์ออกไปแล้ว กับไฟล์ flac ที่พี่ๆ เคยเอาลิงค์มาให้ฟังก็ตกม้าตายกันเป็นแถว รวมทั้งผมด้วย ให้ฟังแป้บๆ นี่เสร็จเกือบทุกราย นอกจากเป็นเพลงที่เราฟังจนชิน พอเอาอีกฟอร์แมทนึงมาฟังถึงจะพอฟังออก

ผมเลยมองข้ามเรื่องความแตกต่างระหว่างไฟล์ wav กับ flac ไป เลือกเอาความสุขในการฟังเพลงมากกว่ามานั่งฟังความแตกต่างครับ

ก็ลองฟังดูสิครับ 10 เพลงฟังออกมากกว่า 5 ก็ถือว่าต่างกันแล้ว 

ผมคนนึงฟังไม่ออก ลอง blind test ดู ผมชอบ Flac มากกว่าด้วยซ้ำ

wav ไม่ต้อง decompress มันเรียงบิทง่ายๆส่งออกมาเลย ทำงานง่าย ข้อมูลต่อเนื่อง

ส่วน m4a flac หรือ compress ใดๆก็ตาม  มันต้องถอดรหัสแล้วก็ค่อยเรียงบิทแบบ wav มันช้าตอนถอดรหัส อาจจะช้าด้วยเครื่องคอมฯโดนทำงานอย่างอื่น โดนแย่งพลังประมวลผลไปทำให้การถอดรหัสมีจังหวะช้า เกิดความไม่ต่อเนื่อง ทำให้การเรียงบิทออกมาผิดพลาดได้  สมมุตว่ามันถอดรหัสไม่ผิด แน่นอนว่ามันไม่ผิดอยู่แล้ว แต่เรียงบิทช้าไปนิดหน่อย วินาทีนึงแทนที่จะได้ 44100 บิท  มันดันเรียงเสร็จไปแค่ 44095 บิท  แล้วอีก 5 บิทมันตามมาในเสี้ยววินาทีถัดไป ผลมันก็คือ ตัว  dac รับบิทไม่ครบ  มันก็ปัดเป็นบิทที่ไม่มาเป็น 0ไปซะ  สรุปคือ 5บิทสุดท้ายผิด เพราะ dac จะทำงานตามเวลา ไม่รอบิทครบแล้วค่อยแปลง ไม่งั้นเพลงจะยานยืด

เรื่องดิจิทัล บีบอัดกับไม่บีบถ้าเทียบไฟลต์ต่อไฟล์มันไม่ผิด ไม่พลาด 
แต่ถ้าเทียบกับเวลาด้วย มันผิดกันอีรุงตุงนัง มันทำให้เครื่องเล่นดิจิทัลแต่ละเครื่องมีเสียงไม่เหมือนกันเลยครับ

ยังไม่รวมถึง บิทสวย บิทไม่สวย อีกนะ 
เช่น ทางไฟฟ้าตกลงกันว่า
0โวลท์คือค่าบิทเป็น0 
2โวลท์คือค่าบิทเป็น 1
แล้วถ้ามันมา 0.6 โวลท์ล่ะ 
แล้วถ้ามันมา 0.4 โวลท์ล่ะ ปัดยังไง ปัดขึ้นหรือปัดลง
ตัวส่งน่ะ  มันอยากส่งค่าบิท1ออกมา  มันอยากส่ง 2 โวลท์
แต่แล้ว บางอย่างในระบบมันทำให้ค่า1 ไม่ใช่ 2 โวลท์   ดันออกมาแค่ 0.6โวลท์ เนื่องจากไฟกำลังวิ่งขึ้น
แต่มันวิ่งขึ้นช้ากว่าจังหวะที่ dac จะแปลความหมาย มันก็เลยได้บิทเพี้ยนๆไป

แรงดันไฟฟ้าที่เปลี่ยนจาก 0 เป็น 1  และ 1 เป็น 0 พวกนี้เราเรียกว่าสแควร์เวฟ บางคนเรียก pulse
มันไม่ใช่สี่เหลี่ยมจริงๆ  ถ้าซูมดูใกล้ๆ มันจะค่อยๆไต่ขึ้น ดูเป็นสี่เหลี่ยมคางหมูครับ
ทุกระบบที่ใช้ไฟฟ้าแทนดิจิทัลในโลกนี้เป็นสี่เหลี่ยมคางหมูทั้งหมด
ระบบการสื่อสารข้ามประเทศ เน็ตเวิร์คที่แพงๆ ถึงเป็นไฟเบอร์อ็อพติค เพื่อตัดปัญหาพวกนี้ครับ


สรุปว่า wav เสียงดีกว่า lossless มีเหตุผลครับ  มีที่มา 
แต่เราจะฟังออกไหมก็อีกเรื่องหนึ่งครับ  แต่ในทางวิศวกรรม wavมันดีกว่าจริงๆ

ผมเข้าใจแบบความเห็น 6 ครับ คือ wav  เป็นรูปแบบหนึ่งของ lossless   และ lossless มันก็มีอีกหลายๆรูปแบบ ก็เลยอ่านแล้ว งง งง อยู่ ว่าจะเอามาเทียบกับอะไร

คห 10 ครับ

ถ้าคอมสมัยก่อนอาจจะเป็นแบบที่ท่านว่า แต่สมัยนี้ประมวลผลเร็วกันหมดแล้ว ยังจะมีคอขวดจากเรื่องนี้อีกหรอครับ

wav ไม่ใช่ไฟล์ lossless ครับ มันเป็นไฟล์ noncompress คือไม่มีการบีบอัดครับ ขนาดไฟล์เลยใหญ่

เหมือนเคยอ่านเจอว่า wav เป็นไฟล์ดิบที่ผ่าน PCM(การแปลงจาก analog เป็น digital) มาในระดับ CD Audio Quality คือเหมือนฟังจากแผ่นซีดี
ถ้าอยากให้ดีกว่า wav ต้องไป DSD หรือแม้แต่ไฟล์ flac ที่มี sampling มากกว่า 16bit/44KHz (ไฟล์ HR) ก็ถือว่าดีกว่า wav นะครับ

ถ้า rip แบบแยกเพลงจะมีบางเพลงเสียงไม่เหมือน CD ครับ
แต่ถ้า rip ทั้งแผ่น file เดียวเสียงจะเหมือน cd มาก

ผมหมายถึง WAV นะครับ

ใช้โปรแกรมอะไรครับ?

Exact Audio Copy ครับ

ถกเถียงกันเรื่อง Format สุดท้ายกว่า 80% ของนักเล่นก็สูบไฟล์
เพลง Hires จากบิท แล้วมาฟินว่าเสียงโคตรดี ไม่แน่อาจเจอฝรั่งหลอก
เอาไฟล์กาก ๆ มาอัพ Sample ผมไม่ได้ว่าเหมารวมนะ อีก 20% เป็นพวก
ซื้อแท้มา Rip ไม่ก็กดจาก HDTrack พวกนี้น่าปรบมือให้

ปรบมือให้คนฟัง https://www.spotify.com/th-th/ ด้วยครับ ของถูกลิขสิทธิ์และฟรี อยากให้คนโหลดเถื่อนเปลี่ยนมาฟัง

นิยามของไฟล์ lossless คือไฟล์ที่ข้อมูลเหมือนต้นฉบับไม่มีข้อมูลไหนที่ถูกตัดทิ้งครับ (loss = สูญเสีย less = ไม่ , lossless =ไม่สูญเสีย) จะถูกบีบอัดหรือไม่ก็เรียก lossless ได้ครับ

เพราะฉะนั้น wav จัดเป็นไฟล์ lossless ครับ 
แต่ wav ไม่ใช่ format ที่ทำ lossless compression ครับเพราะไม่มีการบีบอัด

ถูกต้องครับ

Wav ถือเป็น lossless format ประเภทหนึ่งครับ ตาม definition นี้

แล้วขอถามว่าคุณฟังแล้วมันต่างไหมล่ะครับ ใครชอบแบบใหนก็ฟังแบบนั้นครับ บางคนฟัง mp3 แล้วมีความสุขก็ยังมีเลย จะถามเพื่ออะไรครับ

ถามเพื่อแก้บทความผิดๆครับ คุณเล่นโซเชียลเป็นไหมถึงถามแบบนี้

กระทู้นี้น่าติดตาม

ที่สมัยก่อนเขาใช้ไฟล์ wav ใน audio cd เพราะแผ่น cd 1 แผ่นความจุ 700M มันมากพอจะเก็บเพลง 1 อัลบั๊ม ถ้าจะใช้ไฟล์ compressed ต้นทุนมันจะเพิ่ม ทั้งค่า software ค่าลิขสิทธิ์ไฟล์เพลง และต้องใส่ชิพสำหรับ decode ไฟล์เข้าไปในเครื่องเล่นอีก คนขายเพลงยุคก่อนเขาขายเป็นแผ่น cd บางแผ่นออกเป็นซิงเกิลมีแค่ 2 เพลงด้วยซ้ำ คนฟังก็ฟังตีละแผ่น จะเปลี่ยนแผ่นก็ต้องเสียเวลารอเครื่องมันเปลี่ยนให้เสียงดังก๊อกแกรกๆ แต่พอมายุคเรื่องเล่น mp3 การเก็บเพลงไว้ในเครื่องเล่นให้เยอะๆเลยเป็นสิ่งสำคัญขึ้นมา การบีบอัดไฟล์เลยมีความจำเป็น ผมอายุจะ 40 แล้วผมยังตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปตามยุค แต่บางเรื่องผมก็ยอมรับว่าตามไม่ทันเช่นการเล่นเน็ตผ่านจอเล็กๆอย่างจอมือถือ

ในหน้าเฟสบุ๊คแห่งหนึ่งถกเถียงกันด้วยเรื่องเหล่านี้ สับสนวุ่นวาย อลหม่าน เลอะเทอะ โลกแตก ทีเดียว เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด ขอเตือนสติ

การถกเถียงเป็นเรื่องที่ดีครับ การเรียนรู้ไม่ใช่เรียนจบมีงานทำแล้วหยุดหาความรู้เพิ่ม คุณต้องเรียนไปจนตายครับ 

ผมเองลองเทสเองหลายครั้งก็ทายผิดหลายครั้ง ริป wav เองจากแผ่น cd ฟังเทียบกับ flac ที่โหลดมาตามบิทก็ยังทายผิดถูกว่าอะไรคืออะไร
แต่ถ้าซื้อจาก hd track ผมเลือก wav เพราะรู้สึกว่า“คุ้ม”ดีครับ ไหนๆจะเสียเงินทั้งที ราคาก็เท่ากันจะเอาไฟล์บีบอัดมาทำไม... ผมคิดแบบนี้ครับ :p

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเคยเจออยู่เวปไซท์นึง เค้ามีให้โหลดเพลงสามเพลงเพื่อเปรียบเทียบฟัง ระหว่าง DSD กับ FLAC (3เพลง เพลงละ2format) ผมฟังทั้งสามเพลงแล้ว จะฟังกี่รอบก็ได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่าชอบเสียง dsd มากกว่า flac ทั้งสามเพลงเลยครับ (เสียดายเค้าไม่มี wav ให้เทียบ) ถ้า dsd เสียง ต่างจาก flac และผมดันฟังออก เชื่อว่า wav กับ flac ก็น่าจะเสียงต่างกันนิดหน่อย แต่ใครจะชอบเสียงแบบไหนอันนี้ก็อยู่ที่ตัวบุคคลแล้วครับ

ถามเพื่อจะบอกกับคนอื่นว่า กรูนี่แหละที่คิดถูก พวกมรึงๆทั้งหลายมโนไปเองงั้นรึ 

ใช่ครับเบื่อหูทองตาทองขี้มโนไม่เอาวิทย์เอาแต่ไศย์ ตอนมัธยมไม่ได้เรียนเรื่องการทดลองในวิชาเคมีหรือ ชื่อไฟล์์์์มัััันก็บอกยูู่แล้วว่าไม่เสียคุุณภาพ มโนไปได้้้้ว่าเสีย

ลองไปทำการบ้านหาไฟล์เพลง wav กับ flac ที่บิทเรตเดียวกันมาเปรียบเทียบกัน (ปกติฟังแต่ spotify)
พบว่าไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ อาจจะเป็นที่เครื่องเล่นกับหูฟังไม่ใช่ของเทพ ฮ่าๆๆ อีกอย่างที่สำคัญคือ
อายุคนฟังยิ่งมาก การรับรู้ความถี่จะยิ่งค่อย ๆ ลดลง ถ้าลองให้เด็ก 5 ขวบฟังอาจจะบอกความแตกต่างได้นะ

ยิ่งคุยยิ่งยาว สำหรับคนที่เข้ามาทีหลังขี้เกียจอ่านผมจะสรุปให้นะ
ผมจะมาตั้งกระทู้ถาม เพื่อแย้งคนที่มาลือว่า ไฟล์ noncompessed  เสียงดีกว่า lossess compressedว่าชื่อไฟล์มันก็บอกแล้วว่าไม่เสียคุณภาพเสียงมาจะต่างกันได้อย่างไร

ผมไม่แย้งว่า wav เป็นไฟล์ lossless หรือเปล่า เพราะผมเข้าใจว่ามันมาจากคำว่า lossess compessed ถ้าไม่ได้บีบแล้วมันจะเรียกว่าบีบโดยไม่เสียคุณภาพได้อย่างไร เรื่องนี้ผมไม่รู้ไปหาคำตอบจากคนที่รู้กันเอาเอง ผมแย้งแต่เรื่องที่ผมรู้ ซึ่งมีแต่เรื่องขั้นพื้นฐาน

เอาละไหนๆชาวหูทองก็เล่นกล้องกันเยอะแล้ว ขอถามหน่อยคุณเคยส่งไฟล์ jpg ให้ลูกค้าที่จ้างถ่ายงานเอาไปพิมพ์ offset ไหม ถ้าเรื่องไหนลูกค้าไม่รู้แต่คุณรู้คุณกล้าสอนลูกค้าไหม เรื่องพื้นฐานนี่แหล่ะ

เทียบด้วยตาดีกว่าไหมครับ เอากราฟเสียงมาวางซ้อนกันเลยว่าซ้อนกันได้พอดี 100% ไหม โปรแกรมแต่งเพลงมันจะโชว์กราฟเสียงอยู่ผมไม่รู้ว่ามันเรนเดอร์ออกมาเป็นรูป bmp ความละเอียดสูงๆได้ไหม ถ้าเอารูปกราปมาจากการแคปเจอร์ภาพหน้าจอ จอละเอียสุดที่หาซื้อได้ง่ายๆตอนนี้ก็ 8k นะ แต่ผมเขื่อ เจ้าของลิขสิทธิ์ไฟล์เครมว่าไม่เสียคุณภาพไม่ใช่ราคาคุย สำหรับคนที่เคยฟังแล้วว่าเสียงต่างอาจจะไปโหลดบิทไฟล์ปลอมสร้างไว้ปั่นเรโชมา เช่นโหลดไฟล์ mp3 มาแปลงเป็น flac

คนทั่วๆไปใช่ชุดฟังเพลงธรรมดาๆอาจจะฟังแล้วไม่ต่างครับ

แต่ถ้าฟังจากระบบของผมที่จะเซ็ตมาอย่างดี ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆตั้งแต่สายไฟ สายสัญญาณ ฟิวส์
ทำให้ชุดหูฟังนั้นสามารถแสดงศักยภาพออกมาจนถึงขีดสุด โดยไม่ได้คำนึงถึงเงินที่ลงไป
รถเป็นคันๆ แบงค์เทาเป็นปึกๆ จนทำให้เสียงที่ได้นั้นมีรายละเอียดที่สุดยอด
ไดนามิคทรานเซียนที่เข้มข้นจนผมตกใจจนตกเก้าอี้ ทำให้สามารถรับรู้ได้ครับว่าไฟล์2แบบนี้ต่างกัน

แต่ว่าเพราะอะไรหละ? จริงๆเรื่องนี้ผมเคยลองศึกษาข้อมูลดูจนตกผลึกเป็นความเข้าใจส่วนตัวแล้ว
ทำให้ทราบว่าไฟล์ wave และ lossless อย่างเช่น flac นั้นเป็นไฟล์คนละนามสกุลกัน

แล้วคุณฟังออกว่าต่างไหมล่ะยังไม่ตอบเลยครับ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเล่นโซเชียลเป็นด้วย ถ้าเล่นไม่่เป็นผมจะมาพิมพ์ตอบคุณได้ยังไงล่ะ คุณจะไปตามแก้บทความอะไรจะไปแก้ยังไงครับ

ถ้าอยากดังและมั่นใจในความคิดตังเองมากแนะนำให้ตัวเป็น ยูทูปเบอร์ แล้ว Live สดเลยครับ อยากพูดอะไรคิดเห็นยังไงก็พูดไปเลย คนจะได้มาติดตามคุณแล้วก็ตอบคำถามเขาสดๆไปเลย คนชอบเขาจะได้ยกยอในความคิดของคุณ

อยากเป็นยูทูปเบอร์ต้องทำยังไงอ่านซะ https://pantip.com/topic/37366603

ฟังแล้วไม่ต่างครับ ริปเองจากแผ่นแท้

แก้ด้วยการตั้งกระทู้นี่แหล่ะ ค้นกูเกิลก็เจอแต่มันไม่เจอง่ายเหมือนเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังหรอก ไม่งั้นทำไปแล้ว

เล่นโซเชียลต้องใช้ทักษะ ความรู้ ประสพการ์ณด้วยครับ ไม่ใช่แต่พิมตอบกระทู้เป็น ยุคนี้เด็กกับคนแก่เข้าถึงมือถือได้ ต้องระวังพวกเวบข่าวปลอม แชร์ลูกโซ ขายตรง