Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ช่วยมาวิเคราะห์อาไรหน่อยครับ

PondIn88

26/01/2010 23:23:00
ผมอยากรู้ว่าที่คุณคนนี้เขียนมาเกี่ยวกับการเบิร์นเป็นอย่างที่เค้าว่าจิงไหมครับ

"burn-in" หูฟังคำถามยอดฮิตสำหรับคอ MP3

"..ช่วงนี้ถ้าเข้าไปอ่านกระทู้ในโต๊ะ Gadget ของหมวด Technical Exchange จะมีคำถามหนึ่งที่จะเห็นประจำทุกวันนอกจากที่ว่าจะซื้อ MP3 รุ่นไหนดีแล้วก็คือจะมีคำถามว่า "burn-in หูฟังคืออะไร" หรือ "เบิร์นหูฟังต้องทำอย่างไรบ้างครับ.."

ช่วงนี้ถ้าเข้าไปอ่านกระทู้ในโต๊ะ Gadget ของหมวด Technical Exchange จะมีคำถามหนึ่งที่จะเห็นประจำทุกวันนอกจากที่ว่าจะซื้อ MP3 รุ่นไหนดีแล้วก็คือจะมีคำถามว่า "burn-in หูฟังคืออะไร" หรือ "เบิร์นหูฟังต้องทำอย่างไรบ้างครับ" จนตอนนี้คำถามดังกล่าวเป็นคำถามยอดฮิตเลยก็ว่าได้ครับตอนนี้ ซึ่งถ้าพวกที่เคยศึกษาด้านเครื่องเสียงมาก่อนจะพอรู้ว่า "burn-in" คืออะไรบ้างแล้ว เพราะนอกจากจะเขาจะ "burn-in" หูฟังแล้ว ชุดลำโพงก็ต้องทำการ "burn-in" ด้วยเช่นกันครับ พอดีไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากเวบต่างประเทศมาก็จะรวบรวมๆนำมาแปลไว้ในที่นี้เพื่อที่จะได้พอไขความสงสัยไปบ้างครับ


"burn-in" คืออะไร?
การ "burn-in" หรือที่มักเรียกติดปากคนไทยว่าการเบิร์นนั้นจริงๆถ้าจะเทียบก็คล้ายๆการ run-in รถยนต์ใหม่ให้เครื่องเข้าที่ครับ แต่หลายๆท่านจะเข้าใจว่าหูฟังนั้นเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า จะไปเทียบกับรถยนต์ไม่ได้ แต่จริงๆแล้วหูฟังจะมีพวกแผ่นไดอะแฟรมที่เคลื่อนไหวให้เกิดเสียงครับ การ "burn-in" หูฟัง หรือลำโพงนั้นก็คือการทำให้แผ่นไดอะแฟรมเหล่านี้เข้าที่เข้าทาง มีการให้ตัวตามที่ควรจะเป็นไม่ได้ตึงแน่นเหมือนกับตอนที่เขาประกอบมาจากโรงงานครับ ซึ่งเมื่อ "burn-in" เข้าที่เข้าทางแล้วคุณภาพเสียงที่ออกมาจากหูฟังก็จะไม่เปลี่ยนไปจากนั้นแล้วครับ เพราะไดอะแฟรมจะเข้าที่แล้ว

ถ้าจะ "burn-in" หูฟังหรือลำโพงควรจะทำอย่างไร?
การ "burn-in" นั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรครับ แค่ต่อหูฟัง หรือลำโพงเข้ากับแหล่งกำเนิดเสียง จะเป็นวิทยุ AM/FM หรือ CD หรือ MP3 ก็ได้ครับ แล้วก็เปิดให้มีเสียงออกมาจากหูฟังไปเรื่อยๆต่อเนื่อง เท่าที่อ่านดูจากหลายๆแห่งก็แนะนำให้ "burn-in" เป็นระยะเวลาสัก 100ชั่วโมงขึ้นไป หูฟัง หรือชุดลำโพงนั้นก็จะเข้าที่เข้าทางแสดงเสียงออกมาดูดีมีราคาขึ้นกว่าตอนที่ซื้อมาครับ แต่ถ้าไม่อยากจะเปิดเพลงทิ้งให้หูฟัง "burn-in" ต่อเนื่องก็จะสามารถใช้ฟังเพลงตามปรกติไปเรื่อยๆได้ครับ ก็ถือว่า "burn-in" ได้เช่นกัน แต่แบบนี้กว่าจะ "burn-in" ได้ที่ก็ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าสักระยะหนึ่ง ดังนั้นหลายๆคนจึงเลือกที่จะ "burn-in" หูฟังทิ้งไว้ต่อเนื่องก่อนที่จะนำไปใช้งานจริงครับ นอกจากจะ "burn-in" ด้วยเพลง หรือสัญญาณเสียงจากวิทยุแล้ว บางท่านก็จะมีโปรแกรมสำหรับ generate คลื่นเสียงออกมาสำหรับ "burn-in" หูฟังโดยเฉพาะครับ ลองหาโหลดมาใช้ได้ ซึ่งผลที่ได้รับในท้ายสุดก็คือไดอะแฟรมจะถูกปรับสภาพให้เข้าที่เช่นกันครับ ก็เลือกวิธีตามสะดวกได้เลยครับ ส่วนระหว่างการ "burn-in" นั้นจะเอาหูฟังมาสวมฟังเพลงไปเลย หรือจะเอาไปยัดใต้โต๊ะก็ได้เช่นกันครับ

จำเป็นที่จะต้อง "burn-in" หูฟังให้เสร็จก่อนที่จะนำไปใช้จริงหรือไม่?
ไม่จำเป็นครับอย่างที่บอกไว้แล้วคือแล้วแต่สะดวก เพราะถึงแม้ว่าจะแกะกล่องออกมาแล้วใช้งานเลย ใช้ไปสักระยะนึงหูฟังก็จะเข้าที่เข้าทางเช่นกัน ก็เป็นการ "burn-in" ชนิดหนึ่งได้ แต่หลายๆคนอยากจะให้เสียงของหูฟังเข้าที่ก่อนที่จะนำมาใช้งานจริง ก็มักจะเลือกที่จะทำการ "burn-in" ก่อนนำมาใช้งานจริง แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่จำเป็นต้องลำบากครับ

จำเป็นหรือไม่ที่หลังจาก "burn-in" แล้วเสียงของหูฟังจะดีขึ้นกว่าตอนซื้อมาใหม่มาก?
ข้อนี้ก็ไม่จำเป็นเสมอไปครับ ต้องแล้วแต่รุ่น หรือแล้วแต่หูฟังแต่ละตัวเลยครับ บางตัวที่ประกอบมาแล้วพอดีชิ้นส่วนต่างๆเกือบจะเข้าที่อยู่แล้วพอ "burn-in" เสร็จก็แทบจะไม่เห็นผลเท่าใดนัก แต่บางตัวที่ส่วนประกอบไดอะแฟรมค่อนข้างจะตึงมากพอ "burn-in" แล้วก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากอย่างเห็นได้ชัดครับ การ "burn-in" เป็นการทำให้หูฟังเข้าที่ตามที่มันควรจะเป็นเฉยๆ ไม่ใช่การทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นนะครับต้องเข้าใจในจุดนี้ด้วย

การ "burn-in" นานเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียหรือไม่?
การ "burn-in" นั้นอย่างที่บอกไว้คือการทำให้ชิ้นส่วนขับเสียงของหูฟังเข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็น และเมื่อ "burn-in" ถึงจุดนั้นแล้วชิ้นส่วนต่างๆก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากนั้นแล้ว ฉะนั้นถึงจะ "burn-in" นานกว่าเดิมไปเท่าไรเสียงก็จะยังคงเหมือนจุดที่ "burn-in" เข้าที่พอดีครับไม่มีผลใดๆ

ระดับเสียงที่ใช้ระหว่าง "burn-in" ควรจะเป็นที่ประมาณเท่าใด?
ระดับเสียงที่จะใช้นั้นก็ประมาณที่เราใช้ฟังเพลงปรกติและสบายหูละครับ หรืออาจจะดังกว่าที่เราฟังปรกตินิดๆหน่อย เพราะถ้าเปิดเสียงดังมากไปอาจจะสร้างความเสียหายให้หูฟังเสียไปได้เลยครับ ดังนั้นเสียงไม่ควรที่จะดังมากไปครับ แต่ถ้าเสียงเบามากไปก็จะไม่ค่อยมีผลในการ "burn-in" เช่นกันครับ

หวังว่าบทความนี้น่าจะช่วยไขข้อข้องใจไปบ้างนะครับ ทิ้งท้ายไว้นะครับว่า "burn-in" ไม่ใช่วิธีพิเศษอะไรที่จะทำให้หูฟังคุณภาพต่ำมีเสียงระดับหูทิพย์ฟัง แค่เป็นการทำให้ชุดหูฟังเข้าที่เข้าทางเปล่งเสียงออกมาได้ตามสเป็คที่โรงงานผลิตออกมาเท่านั้นครับ


บทความจากคุณ ../ TechX แห่งเวปพันทิป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

PondIn88

26/01/2010 23:31:41
คือเค้าบอกว่าไม่ว่าจาใช้ file อาไรในการเบิร์นยังไงเสียงมันก็จาออกมาเหมือนกันหลังครบเวลาเบิร์นอ่ะครับ แค่เปิดอาไรก็ได้ ไม่ว่าจาเป็น FM MP3 อาไรเงี้ย ยังไงเสียงมันก็ออกมาเหมือนกัน ?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

llSilveRll

26/01/2010 23:41:58
0
ไม่เหมือนครับยังไงๆก็ไม่เหมือน

ตอนแรกผมก็คิดยังในบทความนี้แหละครับ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับเพราะมีโอกาสได้เทียบกัยบของพี่ท่านนึงในบอร์ดนี้

มันยังกะคนละตัวเลย - -*

ของแบบนี้ต้องเจอกับตัวครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

nopphong

26/01/2010 23:44:54
4
จริงๆคือหลังเบินด้วยไฟล์ต่างกัน ก็จะให้เสียงที่ต่างกัน แต่ชั่วระยะนึงเท่านั้น
หลังจากใช้ๆงานไปสุดท้ายก็จะเสียงออกมาใกล้เคียงกับที่โรงงานออกแบบมาในที่สุดครับ
ไม่อย่างนั้นหูฟังกะหลั่วถ้าเบินด้วยไฟล์เทพแล้วมันก็ดีหมด โรงงานคงจะเจ้ง
หรือถ้าไฟล์เบินมันมีผลถาวรเชื่อว่าโรงงานคงจะต้องแถมแผ่นเบินมากับหูฟังเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นหูฟังแพงๆ ให้คนฟังเบินเองแล้วเสียงไม่ดีโรงงานก็เสียชื่อแย่สิครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

PondIn88

27/01/2010 00:27:11
อันนี้มีคนแปลมาจากฝรั่งเค้าบอกไว้อ่ะครับ

รู้จักคำว่า selective hearingกันไม๊? เพื่อที่คนเราได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมที่มันมีเสียงรบกวนโดยตัวเราก็จะเลือกเฉพาะส่วนที่เราจะฟัง (เช่นเสียงตามสภาพแวดล้อมต่างๆ [อันนี้ผมเติมเอง]) พอเราได้หูฟัง หรือลำโพงมาใหม่ หลังจากผ่านไปช่วงนึงเสียงที่มันเปลี่ยนไปก็เกิดเพราะว่าเราเลือกที่จะฟังส่วนของเสียงที่ต่างออกไปไปจากเดิม เรื่องทั้งหมด มันเกิดจากความรู้สึกเราไปเองทั้งนั้นแหละ\\\"

อันนี้อ่าครับ เค้าว่าเป็นผู้ชำนาญด้านเสียงอ่ะครับ เค้าว่างั้น

แต่ส่วนตัวผมใช้ แผ่นซีดีเปิดกะเครื่องเล่น DVD กะ file AAC 256kb ใน Iphone เบิร์นอ่ะครับ ใครมีวิธีไรอีกบอกผมหน่อยนะครับพอดีเพิ่งซื้อหูร้านเฮียมาอ่านแล้วหลายวิธีเหลือเกินการเบิร์น แต่ AAC เค้าไม่ค่อยแนะนำกันน้าคร้าบ พีแพะเค้าก็บอกใช้ CD เลยแต่มาเจอบทความตาคนนี้แล้วเริ่มสับสนคร้าบเหอะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

tum

27/01/2010 00:30:32
0
พี่SilveR แล้วพี่จะลงมากรุงเทพอีกทีเมื่อไรอ่าคับ
ส่วนตัว2500 เนี่ยผมขอผ่านก่อนนะคับ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันต้องไปรับสายขาว คงจะปิดงบหูฟังไปก่อนนะคับ บัญชีผมตัวแดงมาตั้งแต่ต้นปีแระอ่าคับ 55+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

เมก้าซาวะหมายเลข154

27/01/2010 00:40:14
เบิร์นหู x และ y ด้วยแนวเพลงที่แตกต่างกัน
เช่น x ด้วยร๊อค y ด้วยคลาสสิก

หยิบมาฟังเทียบ 200 ชั่วโมงเสียงต่าง
ที่ต่างกันเพราะหู x ยังเบิร์นไม่เสร็จเท่าหู y
เพราะแนวเพลงที่เปิดเล่นไปไม่ถึงย่านที่จะเบิร์น
ร๊อคคงจะเบิร์นย่านความถี่เสียงสูงของไวโอลินไม่ถึง
และคลาสสิกคงเบิร์นย่านเบสของร๊อคไม่ถึง

ดังนั้นเรียกว่ายังเบิร์นไม่เสร็จทุกย่านความถี่

ซึ่งถ้านำหู x และ y มาสลับแนวเพลงกันเล่นในตอนแรกอีกครั้ง
โดย x เบิร์นด้วยคลาสสิกและ y เบิร์นด้วยร๊อค
นำมาฟังเหมือนกัน แนวเสียงจะเหมือนกันเพราะเบิร์นไปครบทุกย่านความถี่แล้ว

สาเหตุที่เป็นไปได้ข้ออื่นที่เสียงต่างกันคือชั่วโมงที่ใช้งานต่างกัน
หูฟังหลายตัวต้องใช้เวลาเบิร์นมากกว่า 200 หรือ 300 ชั่วโมงเพื่อจะเข้าที่

ถ้าใครว่าพอก็ลองทดลองแบบที่ผมว่าดูก็ได้
อย่าให้อุปทานหรือความไม่รู้หรือไสยศาสตร์มาครอบงำความคิดทางทฤษฎีวิทยาศาสตร์เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

PondIn88

27/01/2010 00:46:04
ใครว่างมาลองตามที่คุณ เมก้า เค้าบอกมาทีนะครับ เหอะๆ ผมอยากรู้ด้วยคน
ู^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

squid

27/01/2010 00:58:08
เฮ้อ บทความเค้าดีอยู่แล้วครับ
ลองคิดดูง่ายหู ฟังรุ่นเดียวกัน ผลิตมาจากเครื่องจักรตัวเดียวกัน ลักษณะทางกายภาพเหมือนกันทุกอย่าง มีการQCจากมาตรฐานเดียวกัน ถ้ามีตัวใดเสียงไม่เหมือนหรือต่างจากพวก แสดงว่าไอ้ตัวนั้นต้องมีปัญหาแน่ๆ
แต่ถ้าเป็นแฮนเมด การคุมคุณภาพเป็น ไปได้ยากกว่า เอาง่ายๆคนเดียวทำเทียบกัน ยังได้ไม่เหมือนกันหมดเลยครับ ยกตัวอย่างง่ายๆHe5ลองเอามาเทียบกันดูสิครับ ดูด้วยตาก็เห็นในบางอย่างแล้ว ยังไม่ต้องฟังด้วยซ้ำ ทีนี้ว่าต่อทางทฤษฎีกันบ้าง เวลาที่เค้าออกแบบอุปกรณ์กันน่ะเค้าก็ต้องR&Dกันครับ ลองแล้วลองอีกเพื่อออกแบบให้ได้ตามที่เค้าต้องการ เหมือนที่เราเห็นเป็นในรูปของสเป็คไงครับ วิศวะกรเค้าต้องเผื่อมาแล้วด้วยครับว่ารูปแบบการใช้งานจะเป็นยังไงเพื่อให้ได้ตามที่เข้าตั้งใจออกแบบไว้ น่าจะกระจ่างนะครับ ส่วนว่าจะใช้อะไรเบิน เหมือนกันแหละครับ ไม่งั้นผมจะซื้อหู 200เบินด้วยแผ่นsacdจะได้เทพกันไปเลย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Gomis

27/01/2010 02:41:51
0
ต่างคนต่างหู มันแปลกตรงไหนครับ ???
มีคนจะเอาไปนินทาเป็น drama ได้อีกเนอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

tum

27/01/2010 04:31:09
0
สงสัยกระทู้นี้จะยาว...อิ.0
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

killy

27/01/2010 08:04:31
0
ใช้ไปเยอะๆมันก็เสื่อมสภาพไปตามเวลา ปัจจัยแต่ละอย่างมันก็มีส่วนทั้งนั้น แต่ผมก็เห็นด้วยกับคุณเมก้าซาวะนะ

ผมเคยเอา 412p ของผมไปลองเทียบกับตัวที่ร้านเฮียเสียงยังไม่เหมือนกันเลย แต่ในความเห็นของผม ผมว่าตัวที่ร้านเฮียเสื่อมสภาพแล้วมากกว่า

ของร้านเฮียใช้งานตั้งแต่วางขายของผมเป็นช่วงก่อนเลิกผลิตอายุการใช้งานมันก็ต่างกัน ผมว่าใช้สติพิจราณาดีกว่านะครับ

ถ้ามันเบิร์นแล้วเทพได้จริงด้วยไฟล์นั้นไฟล์นี้ ผมลงทุนซื้อแผ่นPAD มาเบิร์นหู200 ขายรวยไปแล้วครับ

ยืนยันเหมือนเดิมครับไฟล์อะไรก็ได้ให้มันได้ความถี่ครบๆที่เหลือเป็นหน้าที่ของหูฟังแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

llSilveRll

27/01/2010 08:30:20
0
คงประมาณเดือนเมษาอะตั้ม

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

llSilveRll

27/01/2010 08:39:23
0
อ่อไอ้ตัวที่ผมบอกนี่ไม่ได้เบรินโดยพี่ชิมนะครับ

เป็นของพี่วุธ collagen เด้วจะหาว่าผม bias
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

nopphong

27/01/2010 09:21:09
4
ต้องถามคุณ silver ว่า หูทั้งสอง ใช้มาเกิน 500 ชั่วโมงทั้งคู่หรือยังครับ
เพราะถ้ายังไม่ถึง การเบินจะยังมีผลอยู่ เพราะ ช่วงนั้นไฟล์ดีก็มันก็จะทำให้เบินได้ถึงในระดับที่ดีกว่า
แต่เมื่อเกินระดับ 500 ชั่วโมงไปแล้วจะต่างกันน้อยมากอยู่ที่ของใครเสื่อมมากกว่ากันแล้วล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

Winny

27/01/2010 10:44:13
ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับตกลงต้องเบิร์นยังไงกันแน่

อย่างที่คุณ squid กับ คุณ killy บอก ก็น่าคิดเหมือนกัน

ผมใช้ AAC เบิร์นเหมือนกันครับเพราะมันสะดวกกว่าอ่ะครับ แต่เสียงจะออกมาเหมือนคนใช้ไฟล์ใหญ่เบิร์นรึเปล่าข้อนี้ก็อยากรู้เหมือนกันคร้าบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

เป็ดคร้าบ

27/01/2010 11:12:22
0
ซื้อ Mx400 สองตัว

เบิร์นด้วยวิธีที่ต่างกัน

แล้วก็มาฟังเทียบ


เสร็จแล้วเปิดเพลงเดียวกันไปให้เกิน 500 ชั่วโมง แล้วค่อยมาสรุปกันดีกว่าครับ

เถียงกันไปก็ไม่จบกับ ลองเลยดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

squid

27/01/2010 11:31:49
เอาอย่างนี้ครับ ส่วนใหญ่ผมคลุกคลีกับเครื่องเสียงบ้านมากกว่า ผมซื้อลำโพงมาใหม่คู่นึงเสร็จ แล้วผมก็เบิร์นครับ เปิดfmท ิ้งไว้เลย เกือบอาทิดนึงได้มั้ง เสร็จแล้วก็ตามเพื่อนที่บ้าบอแบบเดียวกันกะผมมาฟัง ปรากฎว่ามันดันชอบก็เลยพากันไปซื้อมาอีกคู่นึง ก็ตามไปเซ็ทอัพที่บ้านมัน แน่นอนครับ เสียงไม่เหมือนกันเพราะว่า 1.ของมันยังไม่พ้นเบิน 2.อุปกรณ์ต่างๆไม่เหมือนกัน(ปรีแอม เครื่องซีดี เพาเวอร์ สายสัญญาณ) แต่ก็มีลักษณะเด่นของเสียงที่ฟังกันแล้วก็รู้สึกเหมือนกันว่า บุคลิกเฉพาะของลำโพงคู่นี้มันเป็นยังไง ผ่านไปเดือนนึงครับ เกิดอุบัติเหตุหลานของเพื่อนมาบ้านมัน ด้วยความซนของเด็กเอานิ้วจิ้มไปที่ทวีทเตอร์บุ๋มลงไปครับ เดือดร้อนต้องยกไปซ่อม มันก็ไม่มีลำโพงฟัง เลยจะขอยืมตัวเก่าของผม ไอ้เราก็ใจดีเอาตัวใหม่ไปก็ได้ มันไม่เกรงใจเลยมายกไปซะงั้นแล้วก็เอาไปฟังเกือบสองอาทิด พอได้กลับมาผมก็ต่อฟังเหมือนเดิม อ้าแนวเสียงเหมือนเดิมครับ แทบจะเหมือนเดิมเลย ช่วงเวลาที่เอาของผมไปใช้รวมกับที่ผมใช้ทำให้มันเบินเต็มที่แล้ว ฟังออกไม่ยากเลยครับ แล้วถ้ามีอะไรที่มันต่างขนาดนั้น เพื่อนผมมันก็คงบอกแล้วล่ะครับ เพราะมันทำงานเกี่ยวกับระบบเสียงอยู่ ตัวผมเองก็เหมือนกัน ถ้ามันจะต่างกันนะผมนึกออกได้อย่างนี้ 1.ความเก่าใหม่ของแต่ละตัว 2.ล็อทการผลิต เพราะว่าบางครั้งในการผลิตอุปกรณ์บางอย่างหมด ต้องใช้ค่าแทนหรือของแทนทำให้ต่างได้ ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องแจ้งเสมอไป 3.เวอร์ชั่นปีก็ทำให้ต่างครับ ยกตัวอย่าง dynauaudio ลำโพงมอนิเตอร์รุ่น 1(ตัวที่ใช้ในห้องอัดนะไม่ใช่ที่ใช้ในบ้าน) ตัวปี98 กับปี 02 เสียงต่างกันนิดหน่อยเพราะ ผู้ออกแบบจงใจให้มันต่างแต่ไม่ได้มีการโฆณษาบอกกล่าวกัน คร่าวๆก็มีประมาณนี้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

Collagen

27/01/2010 11:39:30
4
ผมขอเรียนตอบ พี่นพพงษ์ครับ...

หูฟังที่คุณซิลเวอร์ฟังนั้น ผมใช้งานมาเกิน 2000 ชั่วโมงแล้วครับ ซึ่งผมเบิร์นของผมเองครับ...

ปล. ถ้าหากว่าพี่นพพงษ์อยากลองฟังดู ผมก็ยินดีจัดให้ลองนะครับ แต่ว่าขอภายในวันนี้นะครับ พรุ่งนี้ผมจะบินกลับไป ออสแล้วครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

nopphong

27/01/2010 12:00:34
4
แล้วตัวของคุณ silver ล่ะครับ ใช้มากี่ชั่วโมง ชั่วโมงไม่เท่ากันเสียงก็ไม่เหมือนนะครับ แล้วปีที่ผลิดก็น่าจะมีผล ของโรงงานพวกนี้แต่ละล๊อตมันไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆหรอกครับ พวกวัสดุที่สั่งมาทำมันก็มาเป็นล๊อตๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

nopphong

27/01/2010 12:01:53
4
ปล.หมายถึงตัวที่คุณ silver ฟังแล้วต่างน่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

tokiotorr

27/01/2010 12:02:12
2
เว่อ จ๋า วุธ จ๋า \"ไอ้ตัวที่คุยกัน\"

นี่ใช่ MS1 ตัวนั้นอ้ะป่าวอ้ะ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

chim

27/01/2010 13:38:47
0
http://www.youtube.com/watch?v=4iPNNLjNyRA&feature=related

ดูเล่น สนุกดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

llSilveRll

27/01/2010 16:46:02
0
ใช่แล้วครับพี่ต่อไอ้ตัวนั้นแหละครับ

ตัวของผมมันก็เบรินเกิน 2,000 แล้วครับ

แต่ตอนนี้ผมขายไปแล้วววว แต่ก่อนผมกอดมันนอนทุกคืนครับฟังตลอด

ดังนั้นผมมั่นใจครับ ว่า ต่างงง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

llSilveRll

27/01/2010 16:49:23
0
เพิ่งดูคลิปจบ ฮา มากครับพี่ชิม ถ้าแปลเป็นภาษาไทยคงโดนเซ็นเซอร์แน่เลย

ปล. wrong hole มันทำไปได้

555555+++
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

pandasmooth

27/01/2010 17:16:47
ใครช่วยตอบของผมได้ไหมผมซื้อpk2มาพร้ามกับเพือนผม พอผ่านไปเดือนหนึง เอาของเพือนมาฟังเสียงต่างกันโคตรเยอะ คือของผม เสียงคอรัดมันจะหายหายไป คือผมฟังเพลงธรรมดาไปเลื้อยเลื้อยแบบไม่สนใจการburnแบบว่าตอนแรกคิดว่าฟังอะไรก็ได้นั้นคือการburnแล้วแต่เพือนผมมันโหลดไฟล์burn-inมาเสียงมันคลายกับคลืนวิทยุ
แต่ผมเคยไปอ่านบางท่านบอกว่าอย่าไปใช้เพราะจะทำให้บุคลิเสียง
ตกลงมันควรburn-inยังไงแน่ครับ
แต่ที่รู้รู้burn-inทำให้เสียงเปลียนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

squid

27/01/2010 18:02:37
ถ้าการเบินอินทำให้อุปกรณ์สองชิ้น เสียงออกมาไม่เหมือนกัน คิดตามผมนะ งั้นไอ้ที่รีวิวกันทั้งหลายแหล่ก็เอามายึดถืออะไรได้ล่ะครับ ในเมื่อตัวที่เขาเอาไปรีวิวกับที่เราซื้อมาฟังมันคนละตัวกับที่เรามี แถมเพลงที่เค้าใช้เบินก็ไม่มีเหมือนเค้า อย่างนี้ก็เอาของไปคืนเอาเงินคืนมาเพราะเราอยากได้เสียงตามที่รีวิวอย่างนั้นหรือครับ ฝึกฟังให้มากๆครับ แล้วใช้จินตนาการเ่ท่าที่จำเป็นก็พอ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

onspeeds

27/01/2010 21:54:49
0
พอเบิร์นถึงๆ มันออกมาก็คล้ายๆกันแหละครับ ต่างแค่ช่วงแรก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

tum

28/01/2010 00:42:47
0
อะนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

nopphong

28/01/2010 00:50:43
4
ตอบคุณ silver
งั้นไม่รู้จะโทษอะไร โทษเจ๊อ้วนที่ประกอบหูฟังในโรงงานกราโด้ง่วงนอนเลยประกอบสองตัวมาไม่เท่ากันเสียงเลยไม่เหมือนกันมั้ง ฮ่าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

chim

28/01/2010 01:50:21
0
555 แถๆไปได้ อะเอานี่ไปฟังกันต่ออีกละกันเน้อ

http://www.youtube.com/watch?v=4pXfHLUlZf4

55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

PondIn88

28/01/2010 08:08:55
เข้าผิดรู 555555 ฮาจิงๆ มันน่ามีเวอร์ชั่นแปลไทยได้สบายๆไม่ต้องนั่งแปลเนื้อ

มาอ่านดูต่างคนต่างความคิดล่ะเน้อ ขอบคุณที่มาช่วยวิเคราะห์กันให้ฟังเน้อ

ใครมีความเห็นมีความรู้อาไรอีก มาแบ่งปันกันคร้าบ

แต่อย่าเถียงกันนะครับ มาร่วมกันแสดงความเห็นครับต่างคนต่างมีประสบการณืที่ต่างกันเรามาแชร์กันดีกว่าครับ






ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

Logitech

28/01/2010 20:16:12
0
คห #6 กับ #11 เห็นด้วยอย่างแรงเลยครับ - -a
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

nopphong

28/01/2010 20:43:44
4
ไม่ได้แถนะครับ พูดให้ฟังสนุกๆ อยากจะเชื่ออะไรก็เชื่อกันไปครับ
ผมอาจจะไม่ได้ลองหูทุกยี่ห้อนะครับ แต่เท่าที่อ่านดูในบอร์ดแล้วมีคนบอกว่าเบินแล้วเสียงมันต่างมักจะเกิดกับหูฟังที่มีการผลิตไม่ค่อยได้มาตราฐาณ อย่าง yuin หรือ hand made อย่าง grado แต่กับหูที่ผลิตเป็นมาตราฐาณนั้นไม่เคยได้ยินใครบอกว่าต่าง เช่นยังไม่เคยได้ยินใครบอกว่าเบิน 701 หรือ hd650 แล้วเสียงมันต่างกันครับ
อย่าง 701 ตัวที่ผมใช้ เบินฟังตามปรกติไม่ได้ใช้ไฟล์เทพอะไร พอเอาไปฟังกับตัวอื่นๆก็เสียงใกล้เคียงกันครับไม่ได้ต่างกันเท่าไร ทั้งๆที่เพลงที่หูแต่ละตัวฟังมาก็เป็นคนละประเภท และการเบินก็ต่างคนต่างเบินครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

สงสัยเหมือนกัน

28/01/2010 23:15:13
มาตอบคุณ silver ผมว่าน่าจะเกิดจาก การเบิร์นอิน ของคุณ วุฒิ ใช้ player ที่ต่างจากของคุณ silver

กล่าวคือ

ของคุณ วุฒิ สมมุติ ipod classic + ไฟล์เพลง(เบิร์น)+หูฟัง ms 1

ของคุณ silver ipod gen 4 + ไฟล์เพลง(เบิร์น)+หูฟัง ms 1


จะเห็นได้ว่า player ต่างกัน ให้เสียงที่ต่างกัน พอเบิร์นมันก็เลยต่างกัน 555

ไฟล์เบิร์นไม่ได้มีผลต่อหูฟัง แต่player ต่างหากที่ทำให้หูฟัง มันต่างกัน อิอิ


ไปดีกว่า พิ่ววววววว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

HeadphoneGuru

29/01/2010 10:28:08
2
ผมก็อ่านอยู่ตั้งนานว่าทำไมมีคนมั่นใจนักว่าเสียงต่าง ที่แท้ก็ใช้แหล่งสัญญาณที่ต่างกันเบิร์น
หูฟังที่เบิร์นด้วยPlayerพกพา 200ชั่วโมง
มันไม่มีทางเท่ากับหูที่เบิร์นด้วยแอมป์แรงๆ 200ชั่วโมงแน่
ขอให้แอมป์มันแรงพอถึงจุดพีคที่หูฟังทำได้มันถึงจะเบิร์นได้100% และย่นระยะเวลาเบิร์นได้มาก
หลังจากพ้นจุดนั้นไปแล้วมันจะไม่เปลี่ยนอีก เสียงจะเหมือนกันทุกตัวไม่ว่าจะเบิร์นด้วยเครื่องยี่ห้ออะไรมาก็ตาม
อย่างผมและคนทำแอมป์ทุกคนจะไม่เบิร์นแอมป์ด้วยเครื่องเล่นพกพาอยู่แล้วจึงไม่เคยเจอปัญหาว่ามันเสียงไม่เหมือนกัน
ผมเบิร์นทุกวัน วันละหลายๆตัว หลายๆยี่ห้อ บางทีก็รุ่นเดียวกันเบิร์นกันเป็นแผง เบิร์นเป็นอาชีพ เพลงไม่ค่อยได้ฟังกับเค้าหรอก 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

toonynet

29/01/2010 14:00:21
0
ูู^
^
^
เห็นด้วยครับ

Under dynamic condition, เสียงไม่เหมือนกัน เพราะใช้วิธีต่างกัน
At equilibrium, เหมือนกันหมด วิธีที่ใช้แม้จะต่างกันแต่ไม่มีผล

วิธีที่ต่างกันมีผลแค่ทำให้ มันเสร็จ เร็ว หรือ ช้า นั่นเอง

เหมือน kinetic กับ thermodynamic ยังไงไม่รู้ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

watches

19/09/2010 16:04:55
ouis Vuitton even ut discount Miros ouis Vuitton even ut replica anatom online store ouis Vuitton even ut replica air jordAn 6 ouis Vuitton even ut repLica jewelry store
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"ช่วยมาวิเคราะห์อาไรหน่อยครับ"