คือผมสงสัยว่สถ้าฟองน้ำมันจะบีบหู+กัดหูขนาดนั้น ทำไมท่านไม่ขยับขึ้นไปเล่นรุ่นที่ใช้ฟองน้ำ G-Cush เช่น PS series หรือ GS series ล่ะครับ? จะทนทรมานไปเพื่ออะไร?

ป.ล. ผมเป็นแฟนคลับท่านใน YouTube นะ Subscribe+Like ทุกคลิปเลยครับ

ผมไปลองแล้วครับ ผมชอบเสียงเจ้า ms pro สุดครับ ตัว grado มันใช่แนวผมครับ ก็เลยต้องทนทรมานไปครับ 555 และอีกอย่างคือผมเป็นคนนอนฟังเพลงครับ ตัว G cush เวลานอนฟังมันดันกับหมอนครับ ผมเคยสั่ง g cush มาใช้กับ ms pro ก็ใช้ได้ไม่นาน เพราะเสียงเปลี่ยนไปหมดเลยครับ

ขอบคุณนะครับที่ติดตามตลอดนะครับ^^

ตัว custom pad เสียงมันเปลี่ยนไปเยอะมั้ยครับ

หูฟังตระกูลที่ใช้ L cush ไม่สบายหูจริงๆครับ  ทีแรกคิดว่าใช้ไปสักพัก พอฟองน้ำเริ่มนิ่ม คงดีขึ้น ก็ดีขึ้นจริงๆ แต่ก็ไม่สบายแบบฟังได้นานๆ เมื่อเทียบกับแพดแบบอื่น  เคยลองทั้ง G cush,แพดโมต่างๆ สรุปต้องยอมกลับมาใช้แบบเก่า  เพราะเสียงไม่ใช่จริงๆ

ทีแรกคิดว่าจะเลิกใช้ทรงนี้แล้ว  ขยับไปพวก GS1000 ขึ้นไปสบายกว่า  แต่พอไปลองแล้วลองอีก ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย  สำหรับผมนางไม้ทรงนี้ใช่ที่สุด GH1,GH2 ผมใส่สบายกว่า RS1 น่าจะเพราะคัพไดร์เวอร์ไม่นูนออกมา

ตระกูลกราโด้ เป็นหูฟังที่ต้องไปลองด้วยตัวเองจริงๆครับ เพราะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ข้อดีที่ผมมองเห็น(สำหรับคนอื่นอาจเป็นข้อเสีย)นอกจากเรื่องเสียงแล้ว  คือผมจะได้ฟังเพลงติดต่อกัน ในระยะเวลาที่สั้นลง เพราะหูแดง ถือว่าเป็นการถนอมหูไปในตัว555

 

ผมชอบข้อดีมากครับ5555

ขอบคุณมากๆครับ 555 เดี๋ยวผมให้เจ้าแพะติดต่อไปครับ ว่าแต่เห็น Dragon 2+ แว๊บๆๆด้วย โพสลงหรือยังเอ่ยๆๆ

ผมใช้225e มันก็เป็นL-Cus นะครับ ตอนแรกๆก็ทรมาณ 

แต่ปัจจุบันไม่แล้วครับ ใส่รวดเดียว5ชั่วโมงก็เคยมาแล้ว

ผมว่ามันใส่สบายกว่าพวกFZที่ครอบทั้งใบหูอีก เพราะมันไม่ร้อนดีครับ

ลองเอาไปหนีบหมอนให้ก้านมันอ่อนลงดูครับ ผมว่ามันช่วยได้เยอะอยู่นะครับ

หัวอกเดียวกันเลยครับ จากใจคนเคยโดนหูฟัง beats studio wireless กับ beats executive บีบหัวบีบหูนรกแตกมากอย่างผม (ตอนซื้อนึกว่ามันเป็น over ear แต่เพิ่งมารู้ตอนหลังว่ามันเป็น on ear) ฝืนทนใส่อยู่เป็นปีจนหมดประกันปั๊บผมรีบไปหาซื้อ pad ของ bose มาทากาวแปะลงไปบน pad อันเดิมกลายเป็น over ear ไปเลย แนวเสียงไม่เปลี่ยนแต่ใส่สบายที่สุดในสามโลก เป็นหูฟัง beats อันเดียวในโลกที่ผมกล้าท้าพิสูจน์ว่าใส่ต่อเนื่องได้ 24 ชม. เลยครับ สงสัยต้องเอามุกนี้ไปใช้กับ Grado บ้างแล้ว 555

ไม่เปลี่ยนนะครับ เพราะระยะห่างหูเท่าเดิม แต่คลุมกว้างขึ้นไม่ค่อยกดใบหูโดยตรงครับ

ผมเป็นคนใส่แว่นกรอบพลาสติก เพิ่งโดนตัว MS1e ไป พบข้อดีแบบเดียวกับคุณ tangkoo. คือ มันบังคับให้ฟังได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุด ตามสโลแกนของ Grado "เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่เสียงเพลง" จงเอาเวลาไปทำอย่างอื่นซะบ้าง 555

ปล. ชอบทุกอย่างของ MS1e มาก แต่ข้อดีของมันทำเอาผมไม่กล้าปีนไปลองตัวสูงกว่านี้ของ Grado เลย แหม่

ดีใจว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่ทรมานกับมันครับ5555

ต้องลองพวกรุ่นที่ไม่มีฟองน้ำปิดรูที่เสียงออกครับ จะ L Cus หรือ G Cus ก็ได้ครับ

รายละเอียด มิติ โฟกัส มาตรึมกว่าพวก​ S Cus เยอะเลยครับ อิอิ

ตอนผมลอง 125e กับ 225e ผมเลือก 225e โดยไม่คิดเลยครับ โทนเสียงเหมือนกัน แพดไม่เหมือนกัน คุณภาพเสียง ต่างกันเยอะมากๆ

นางไม้ของแต่ละท่าน ตอนฟังเพลง มีกลิ่นไม้ลอยออกมาบ้างไหมครับ

เจอแต่น้ำมันออกมา เอ้ย ไม่ใช่ มีครับ อันนี้ถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้ผมติดใจนางไม้555   แต่ไม้ที่กลิ่นแรงที่สุดก็โคโลโบโร่  ที่เอามาทำ GH2 นี่แรงมาก  วางไว้เฉยๆก็ยังได้กลิ่น

ถ้านับความชอบส่วนตัว ผมเรียงดังนี้ครับ
 
รูป  -มะฮอกกานี>เมเปิล>โคโลโบโร่
กลิ่น -เมเปิล>มะฮอกกานี>โคโลโบโร่
เสียง  -โคโลโบโร่>มะฮอกกานี>เมเปิล

ผมหยิบใช้แต่ละทีจะได้กลิ่นไม้อ่อนๆ รู้สึกขนรุกดีครับ แต่วางอยู่เฉยๆกลับไม่มีกลิ่นซะงั้น

พยายามนึกว่ามีหูฟังแบรนด์ไหนที่ทำจากไม้แล้วยังขายได้ยาวนานเป็นสิบๆปีมั่ง ปรากฏว่าไม่มีครับ 555 นี่แสดงว่าไม่ใช่ว่าใครอยากจะทำก็ทำได้ครับ ผมว่าที่ Grado ทำแล้วคนติดใจก็เพราะกลิ่นไม้มันหอมยั่วยวนนี่เอง 555

มันน่าใช้ก็ตรงไม้มันนี่แหละครับเฮีย555

ที่บ้านผมมี MS Pro ตัวไม่ e น้าให้เป็นปีละมาเพราะไม่ได้ฟัง
.
.
.
.
.
จนถึงก็ยังไม่ได้ฟังเลยครับ 555555555555

น่าจะเหตุผลเดี๋ยวกับผม