จริง ๆ ผมเริ่มปรับ eq ตอนช่วงซื้อคอมมาใหม่ ๆ + ซื้อลำโพงมาใหม่ด้วย แล้วเกิดอาการที่ว่า เสียงลำโพงที่ได้ยินเข้าหูครั้งแรกเลย มันทึบ อุดอู้โคตร ๆ คือแยกชิ้นดนตรีไม่ได้เลยครับ ตอนนั้นรู้สึกเฟลโคตร ๆ มันไม่ใช่อย่างที่คาดเอาไว้เลย ก็เลยหาวิธีแก้ โดยการปรับ eq แม่งเลย ผมเริ่มปรับให้เบสหนักขึ้น เสียงแหลมหนักขึ้น คือทำให้เสียงทุกอย่างมันชัดขึ้น
คราวนี้แหละ ได้อย่างที่ต้องการสุด ๆ เลย และก็เริ่มสนุกกับการฟังแบบปรับ eq มาเรื่อย ๆ
พอเริ่มมาช่วงหลัง ๆ ลองเริ่มมาสังเกตุเสียงที่ฟังจากลำโพงคอม กับ ตอนเสียบหูฟังที่ลำโพงคอม แล้วก็จาก Iphone 4s ที่มีอยู่ผ่านหูฟัง ก็เริ่มได้ค้นพบบางอย่าง...
ว่าผลจากการปรับ eq ที่ฟังอยู่ มันทำให้เพลงทุก ๆ เพลงที่ได้ฟังมา "แบน" หมดเลย
คือมีเบสก็จริง แต่ก็รู้สึกว่ามันตื้น ๆ บอกไม่ถูกเมื่อเทียบกับ Iphone 4s
ของ 4s จะรู้สึกว่ามวลแน่น ย่านแหลมก็ยังรู้สึกว่ามันโปรง
ก็เลยมีความสงสัยว่า เอ... งั้นลองไม่ใช้ eq ดูละกัน
สรุป...
เสียงที่ออกมาเป็นเสียงที่คล้ายคลึงกับ 4s โคตร ๆ
แถมรู้สึกว่ามันมีมวลมากกว่าด้วย
ผมนี่อึ้งเลย !!!
ค้นพบเลยว่า ฟังแบบดั้งเดิมนี่แหละ เสียงมาตรฐานที่สุดละ
หลังจากนั้นมา ก็ไม่เคยคิดจะปรับแต่ง eq อีกเลย แฮ่ ๆ
ปล. จริง ๆ ตอนซื้อลำโพงมาใหม่ ๆ ก็ควรเบิร์นก่อนนั่นแหละฮะ ด้วยความเขลาของตัวเองแท้ ๆ 55555555555 ไปปรับ eq ซะเสียเลยยยยยยย
Guest
ช่องทางการติดต่ออื่น
นายมั่นคง
04/04/2018 00:19:40
4,293
ยินดีด้วยครับที่ค้นพบทางเดินที่ถูกต้อง 555
จริงๆแล้วการปรับ EQ ก็คือการปรุงรสชาติให้ถูกหูแบบชั่วครั้งชั่วคราว จากการที่ผมเคยเล่นตั้งแต่สมัย EQ ยังทำออกมาเป็นเครื่องแยกออกมาต่างหาก จนถึงยุคที่ EQ ถูกยัดเข้าไปเป็นโปรแกรมปรับแต่งขนาดเล็กๆในคอมพิวเตอร์ การปรับ EQ คือการสร้างความเพี้ยนอย่างหนึ่งเข้าไปที่แอมป์และลำโพงหรือหูฟังครับ
ปรับแต่ง EQ เป็นอาจจะฟังแล้วดีขึ้นเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าฟังนานๆจะทราบกว่า การเลือกไฟล์เพลงที่บันทึกมาดีๆแล้วเปิดฟังแบบไม่เปิด EQ เลย กลับให้เสียงที่ดีกว่ามาก ผมแนะนำแบบนี้ครับ ท่านใดที่ชอบปรับแต่ง EQ เป็นชีวิตจิตใจ ลองปิดการปรับ EQ หรือเลือกเป็น Flat แล้วฝืนฟังไปซักพัก รับรองว่าจะกลับไปฟังความเพี้ยนที่เกิดจาก EQ ไม่ได้อีก
EQ คือการชดเชยเสียงย่านต่างๆ โดยแยกและแบ่งออกเป็นย่านได้หลายๆย่าน เช่น 5 แบนด์หรือ 10 แบนด์ โอกาสที่จะมีความเข้าใจในการปรับแต่งและปรับจนออกมาได้ดีนั้นมีน้อยครับ EQ นั้นใช้งานยากกว่าปุ่มปรับทุ้มแหลม Bass + Treble ในเครื่องเสียงทั่วๆไป เพราะปุ่มปรับทุ้มแหลมที่เราคุ้นเคยมันปรับแบบดึงความถี่ของย่านใกล้เคียงเป็น curve จูงตามขึ้นมา
ส่วน EQ แต่เดิมนั้นเป็นฟังก์ชั่นของ Professtional ในห้องอัดสตูดิโอ แต่บริษัทเครื่องเสียงหัวใสก็ดึงเอามันออกมาให้ชาวบ้านทั่วไปได้ใช้จนตามมาถึง EQ ในโทรศัพท์มือถือครับ
แนะนำว่าอย่าใช้งาน EQ ถ้าไม่จำเป็น (แต่จริงๆก็อย่าจำเป็นเลยครับ 555)
จริงๆแล้วการปรับ EQ ก็คือการปรุงรสชาติให้ถูกหูแบบชั่วครั้งชั่วคราว จากการที่ผมเคยเล่นตั้งแต่สมัย EQ ยังทำออกมาเป็นเครื่องแยกออกมาต่างหาก จนถึงยุคที่ EQ ถูกยัดเข้าไปเป็นโปรแกรมปรับแต่งขนาดเล็กๆในคอมพิวเตอร์ การปรับ EQ คือการสร้างความเพี้ยนอย่างหนึ่งเข้าไปที่แอมป์และลำโพงหรือหูฟังครับ
ปรับแต่ง EQ เป็นอาจจะฟังแล้วดีขึ้นเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าฟังนานๆจะทราบกว่า การเลือกไฟล์เพลงที่บันทึกมาดีๆแล้วเปิดฟังแบบไม่เปิด EQ เลย กลับให้เสียงที่ดีกว่ามาก ผมแนะนำแบบนี้ครับ ท่านใดที่ชอบปรับแต่ง EQ เป็นชีวิตจิตใจ ลองปิดการปรับ EQ หรือเลือกเป็น Flat แล้วฝืนฟังไปซักพัก รับรองว่าจะกลับไปฟังความเพี้ยนที่เกิดจาก EQ ไม่ได้อีก
EQ คือการชดเชยเสียงย่านต่างๆ โดยแยกและแบ่งออกเป็นย่านได้หลายๆย่าน เช่น 5 แบนด์หรือ 10 แบนด์ โอกาสที่จะมีความเข้าใจในการปรับแต่งและปรับจนออกมาได้ดีนั้นมีน้อยครับ EQ นั้นใช้งานยากกว่าปุ่มปรับทุ้มแหลม Bass + Treble ในเครื่องเสียงทั่วๆไป เพราะปุ่มปรับทุ้มแหลมที่เราคุ้นเคยมันปรับแบบดึงความถี่ของย่านใกล้เคียงเป็น curve จูงตามขึ้นมา
ส่วน EQ แต่เดิมนั้นเป็นฟังก์ชั่นของ Professtional ในห้องอัดสตูดิโอ แต่บริษัทเครื่องเสียงหัวใสก็ดึงเอามันออกมาให้ชาวบ้านทั่วไปได้ใช้จนตามมาถึง EQ ในโทรศัพท์มือถือครับ
แนะนำว่าอย่าใช้งาน EQ ถ้าไม่จำเป็น (แต่จริงๆก็อย่าจำเป็นเลยครับ 555)
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 2อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 1 - นายมั่นคง
รู้สึกดีขึ้นเยอะมาก ๆ ครับที่ได้ฟังเสียงแบบที่อัดมาจริง ๆ ยินดีด้วยครับที่ค้นพบทางเดินที่ถูกต้อง 555
จริงๆแล้วการปรับ EQ ก็คือการปรุงรสชาติให้ถูกหูแบบชั่วครั้งชั่วคราว จากการที่ผมเคยเล่นตั้งแต่สมัย EQ ยังทำออกมาเป็นเครื่องแยกออกมาต่างหาก จนถึงยุคที่ EQ ถูกยัดเข้าไปเป็นโปรแกรมปรับแต่งขนาดเล็กๆในคอมพิวเตอร์ การปรับ EQ คือการสร้างความเพี้ยนอย่างหนึ่งเข้าไปที่แอมป์และลำโพงหรือหูฟังครับ
ปรับแต่ง EQ เป็นอาจจะฟังแล้วดีขึ้นเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าฟังนานๆจะทราบกว่า การเลือกไฟล์เพลงที่บันทึกมาดีๆแล้วเปิดฟังแบบไม่เปิด EQ เลย กลับให้เสียงที่ดีกว่ามาก ผมแนะนำแบบนี้ครับ ท่านใดที่ชอบปรับแต่ง EQ เป็นชีวิตจิตใจ ลองปิดการปรับ EQ หรือเลือกเป็น Flat แล้วฝืนฟังไปซักพัก รับรองว่าจะกลับไปฟังความเพี้ยนที่เกิดจาก EQ ไม่ได้อีก
EQ คือการชดเชยเสียงย่านต่างๆ โดยแยกและแบ่งออกเป็นย่านได้หลายๆย่าน เช่น 5 แบนด์หรือ 10 แบนด์ โอกาสที่จะมีความเข้าใจในการปรับแต่งและปรับจนออกมาได้ดีนั้นมีน้อยครับ EQ นั้นใช้งานยากกว่าปุ่มปรับทุ้มแหลม Bass + Treble ในเครื่องเสียงทั่วๆไป เพราะปุ่มปรับทุ้มแหลมที่เราคุ้นเคยมันปรับแบบดึงความถี่ของย่านใกล้เคียงเป็น curve จูงตามขึ้นมา
ส่วน EQ แต่เดิมนั้นเป็นฟังก์ชั่นของ Professtional ในห้องอัดสตูดิโอ แต่บริษัทเครื่องเสียงหัวใสก็ดึงเอามันออกมาให้ชาวบ้านทั่วไปได้ใช้จนตามมาถึง EQ ในโทรศัพท์มือถือครับ
แนะนำว่าอย่าใช้งาน EQ ถ้าไม่จำเป็น (แต่จริงๆก็อย่าจำเป็นเลยครับ 555)
จริงๆแล้วการปรับ EQ ก็คือการปรุงรสชาติให้ถูกหูแบบชั่วครั้งชั่วคราว จากการที่ผมเคยเล่นตั้งแต่สมัย EQ ยังทำออกมาเป็นเครื่องแยกออกมาต่างหาก จนถึงยุคที่ EQ ถูกยัดเข้าไปเป็นโปรแกรมปรับแต่งขนาดเล็กๆในคอมพิวเตอร์ การปรับ EQ คือการสร้างความเพี้ยนอย่างหนึ่งเข้าไปที่แอมป์และลำโพงหรือหูฟังครับ
ปรับแต่ง EQ เป็นอาจจะฟังแล้วดีขึ้นเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าฟังนานๆจะทราบกว่า การเลือกไฟล์เพลงที่บันทึกมาดีๆแล้วเปิดฟังแบบไม่เปิด EQ เลย กลับให้เสียงที่ดีกว่ามาก ผมแนะนำแบบนี้ครับ ท่านใดที่ชอบปรับแต่ง EQ เป็นชีวิตจิตใจ ลองปิดการปรับ EQ หรือเลือกเป็น Flat แล้วฝืนฟังไปซักพัก รับรองว่าจะกลับไปฟังความเพี้ยนที่เกิดจาก EQ ไม่ได้อีก
EQ คือการชดเชยเสียงย่านต่างๆ โดยแยกและแบ่งออกเป็นย่านได้หลายๆย่าน เช่น 5 แบนด์หรือ 10 แบนด์ โอกาสที่จะมีความเข้าใจในการปรับแต่งและปรับจนออกมาได้ดีนั้นมีน้อยครับ EQ นั้นใช้งานยากกว่าปุ่มปรับทุ้มแหลม Bass + Treble ในเครื่องเสียงทั่วๆไป เพราะปุ่มปรับทุ้มแหลมที่เราคุ้นเคยมันปรับแบบดึงความถี่ของย่านใกล้เคียงเป็น curve จูงตามขึ้นมา
ส่วน EQ แต่เดิมนั้นเป็นฟังก์ชั่นของ Professtional ในห้องอัดสตูดิโอ แต่บริษัทเครื่องเสียงหัวใสก็ดึงเอามันออกมาให้ชาวบ้านทั่วไปได้ใช้จนตามมาถึง EQ ในโทรศัพท์มือถือครับ
แนะนำว่าอย่าใช้งาน EQ ถ้าไม่จำเป็น (แต่จริงๆก็อย่าจำเป็นเลยครับ 555)
ปรับ eq ที่มันหลอกตัวเองโคตร ๆ ฮะ 555555555555
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 1สมัครเล่น
04/04/2018 11:17:21
412
ตอนที่วิศวกรห้องอัด ทำการบันทึกเสียง
ก็มีการปรับแต่งมาแล้วนะครับ
ผมเชื่อว่า เป็นการปรับแต่ง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องบางประการเช่น
ในกรณีของบันทึกเสียงแบบอคูสติค ก็ต้องมีการปรับแต่งเพื่อแก้ acoustic ของสภาพห้องอัด
จากที่เคยหารายละเอียด เขาแจ้งว่า วิศวกรที่จะบันทึกเสียง
จะต้องมีคุณวุฒิทางดนตรีด้วย นั่นหมายความว่า
ต้องมีความเข้าใจในเรื่องดนตรี สไตล์ของดนตรี
คุณสมบัติของเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าอัลบั้มที่อัดมาดีมาก ๆ
ก็น่าจะเปรียบได้อย่าง เชฟทำอาหารที่ปรุงมาดีเยี่ยมแล้ว
ถ้ามาถึงเรา เอามาใส่เครื่องปรุงซ้ำ ก็เสียรสเท่านั้นเองครับ
ก็มีการปรับแต่งมาแล้วนะครับ
ผมเชื่อว่า เป็นการปรับแต่ง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องบางประการเช่น
ในกรณีของบันทึกเสียงแบบอคูสติค ก็ต้องมีการปรับแต่งเพื่อแก้ acoustic ของสภาพห้องอัด
จากที่เคยหารายละเอียด เขาแจ้งว่า วิศวกรที่จะบันทึกเสียง
จะต้องมีคุณวุฒิทางดนตรีด้วย นั่นหมายความว่า
ต้องมีความเข้าใจในเรื่องดนตรี สไตล์ของดนตรี
คุณสมบัติของเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าอัลบั้มที่อัดมาดีมาก ๆ
ก็น่าจะเปรียบได้อย่าง เชฟทำอาหารที่ปรุงมาดีเยี่ยมแล้ว
ถ้ามาถึงเรา เอามาใส่เครื่องปรุงซ้ำ ก็เสียรสเท่านั้นเองครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 2หมูหวาน
04/04/2018 11:45:38
573
เปรียบเหมือนอาหารเลยคร้าบบบ 5555
ตอนวัยรุ่นกินก๋วยเตี๋ยวต้องปรุงเยอะๆ ให้ถูกปาก พอแก่ตัวลงจะจะชอบกินแบบไม่ปรุง ลิ้มรสความหอมของน้ำซุป
เสียงก็เหมือนกันครับพอกลับมาฟังแบบไม่ปรุงแต่งแล้วจะรูเลยว่าเสียงสะอาดๆมันไพเราะ และฟังได้นานกว่าจ้าาา
ตอนวัยรุ่นกินก๋วยเตี๋ยวต้องปรุงเยอะๆ ให้ถูกปาก พอแก่ตัวลงจะจะชอบกินแบบไม่ปรุง ลิ้มรสความหอมของน้ำซุป
เสียงก็เหมือนกันครับพอกลับมาฟังแบบไม่ปรุงแต่งแล้วจะรูเลยว่าเสียงสะอาดๆมันไพเราะ และฟังได้นานกว่าจ้าาา
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 2Golf
04/04/2018 12:01:09
60
แล้วแต่นะครับ
ปรกติผมก็ไม่ปรับ
แต่บางครั้งเครื่องเล่นรวมหูฟังมันให้ "โทนเสียง" อย่างที่ต้องการไม่ได้ก็จะปรับครับ
ก็แล้วแต่ว่าช่วงไหนอยากฟังแบบไหนครับ
ปรกติผมก็ไม่ปรับ
แต่บางครั้งเครื่องเล่นรวมหูฟังมันให้ "โทนเสียง" อย่างที่ต้องการไม่ได้ก็จะปรับครับ
ก็แล้วแต่ว่าช่วงไหนอยากฟังแบบไหนครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 2Enqless
04/04/2018 18:12:06
81
แล้วอย่าง dap ที่เด่นเรื่อง eq แบบ cowon ละครับ
ปรับแล้วจะเพี้ยนไหมครับ
ปรับแล้วจะเพี้ยนไหมครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0Enqless
04/04/2018 18:15:47
81
แต่การปรับ eq สิ่งที่ได้ยินอย่างแรกคือ เสียงร้องมันจะแปลกๆ ก้องๆอย่างไงไม่รู้ครับ 555
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0MaxxIE
04/04/2018 20:38:31
107
ผมว่า EQ มันเหมาะกับพวกงานคอนเสิร์ต งานดนตรี มากกว่าใช้ตามบ้านอ่ะครับ
เพราะจังหวะนั้น มันหน้างานแล้ว จัดวางอุปกรณ์เสร็จแล้ว แต่เสียงมันไม่เข้าที่ ก็ปรับEQวนไปจนมันเข้าที่แหละครับ
จะมานั่งถอดสาย ต่อสาย เปลี่ยนลำโพง เปลี่ยนแอมป์ เปลี่ยนDAC หน้างานมันก็ใช้เรื่องอ่ะครับ
เพราะจังหวะนั้น มันหน้างานแล้ว จัดวางอุปกรณ์เสร็จแล้ว แต่เสียงมันไม่เข้าที่ ก็ปรับEQวนไปจนมันเข้าที่แหละครับ
จะมานั่งถอดสาย ต่อสาย เปลี่ยนลำโพง เปลี่ยนแอมป์ เปลี่ยนDAC หน้างานมันก็ใช้เรื่องอ่ะครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 2iTonOSK
04/04/2018 21:45:08
3
อันนี้ผมเห็นต่างนะครับ ส่วนตัวผมว่าเรื่องเสียง อารม ความรู้สึก มันบังคับกันไม่ได้ ความชอบของเสียง
แนว ปริมาณ มันก็ชอบไม่เหมือนกัน อย่างอาหาร ร้านที่ว่าอร่อยสุด บางคนก็เติม บางคนไม่เติม ผมว่า
ความสุขในการกินนั้น มันมีความสุขเท่ากันละครับ ไม่ว่าจะปรุงหรือไม่ปรุง บางคนชอบเค็ม ถ้าไม่ใส่
มันก็ไม่อร่อย บางคนชอบจืด ถ้าใส่น้ำปลามันก็เค็มไป แบบนี้อะครับ เพลงไม่ใช่เลข มันไม่มีถูกผิด
คุณชอบเบสเยอะคุณก็เพิ่มมันลงไป คุณไม่ชอบแหลม คุณก็ปรับมันลงมา ขนาดคนๆเดียวกัน แต่ละเพลงยังปรับ
ไม่เหมือนกันเลย เอาตรงๆว่า ถ้าคุณทำงานห้องอัดคุณจะรู้ว่า เสียงที่นักร้อง ร้องออกมา ก็ไม่เหมือนกับที่คุณ
ได้ยิน เขาก็ผ่านการจูนมาแล้วในระดับนึง ให้เพราะตามที่ Sound Engineer เห็นว่ามันเหมาะ ดังนั้น
ถ้าไม่ได้ไปฟังเล่นสดๆ โดยไม่ผ่าน Mix ยังไงคุณก็ถูกคนคุมใส่ EQ มาให้อยู่แล้วละครับ ผมคนนึงอะที่
ไม่แคเรื่องการปรับเสียง EQ เพราะเราคือคนฟังไม่ใช่คนอื่น ถ้าคุณฟังเพลงแบบ flat แล้วมีความสุขคุณก็
ไม่ต้องปรับ แต่ถ้าฟังแล้วไม่ชอบ ก็อย่าช้าครับปรับไปเถอะ อย่าไปคิดมาก เชื่อหูของเราเองไม่ต้องไปเชื่อหูคนอื่น
ผมไม่ได้ว่าอะไรถูกหรือผิด ผมแค่อยากให้เราซื้อสัตย์กับหูและใจของตัวเองมากกว่าเชื่อคนอื่น ส่วนเรื่องปรับแล้ว
เสียงเพี้ยนไปนี่อันนั้นเป็นที่ความสามารถของ Player นะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจปนกัน
แต่ทั้งหมดก็คือความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าไม่เข้าหูใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ
แนว ปริมาณ มันก็ชอบไม่เหมือนกัน อย่างอาหาร ร้านที่ว่าอร่อยสุด บางคนก็เติม บางคนไม่เติม ผมว่า
ความสุขในการกินนั้น มันมีความสุขเท่ากันละครับ ไม่ว่าจะปรุงหรือไม่ปรุง บางคนชอบเค็ม ถ้าไม่ใส่
มันก็ไม่อร่อย บางคนชอบจืด ถ้าใส่น้ำปลามันก็เค็มไป แบบนี้อะครับ เพลงไม่ใช่เลข มันไม่มีถูกผิด
คุณชอบเบสเยอะคุณก็เพิ่มมันลงไป คุณไม่ชอบแหลม คุณก็ปรับมันลงมา ขนาดคนๆเดียวกัน แต่ละเพลงยังปรับ
ไม่เหมือนกันเลย เอาตรงๆว่า ถ้าคุณทำงานห้องอัดคุณจะรู้ว่า เสียงที่นักร้อง ร้องออกมา ก็ไม่เหมือนกับที่คุณ
ได้ยิน เขาก็ผ่านการจูนมาแล้วในระดับนึง ให้เพราะตามที่ Sound Engineer เห็นว่ามันเหมาะ ดังนั้น
ถ้าไม่ได้ไปฟังเล่นสดๆ โดยไม่ผ่าน Mix ยังไงคุณก็ถูกคนคุมใส่ EQ มาให้อยู่แล้วละครับ ผมคนนึงอะที่
ไม่แคเรื่องการปรับเสียง EQ เพราะเราคือคนฟังไม่ใช่คนอื่น ถ้าคุณฟังเพลงแบบ flat แล้วมีความสุขคุณก็
ไม่ต้องปรับ แต่ถ้าฟังแล้วไม่ชอบ ก็อย่าช้าครับปรับไปเถอะ อย่าไปคิดมาก เชื่อหูของเราเองไม่ต้องไปเชื่อหูคนอื่น
ผมไม่ได้ว่าอะไรถูกหรือผิด ผมแค่อยากให้เราซื้อสัตย์กับหูและใจของตัวเองมากกว่าเชื่อคนอื่น ส่วนเรื่องปรับแล้ว
เสียงเพี้ยนไปนี่อันนั้นเป็นที่ความสามารถของ Player นะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจปนกัน
แต่ทั้งหมดก็คือความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าไม่เข้าหูใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0headradio
04/04/2018 22:27:49
47
สมัยนี้เริ่มมีการใช้ DSP/EQ กับเครื่องเสียงบ้าน หูฟังมากขึ้นนะครับ ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับแนวทางนี้ การใช้งาน Hardware ให้ทำงานร่วมกับ Software (รวมถึงพวก AI) น่าจะทำให้เกิดการก้าวกระโดดในการออกแบบเครื่องเสียง+หูฟังได้ แบรนด์เครื่องเสียงที่เริ่มใช้อย่างจริงจัง (DSP/EQ/Room Correction) มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Linn, NAD, Trinnov, ARCAM
ถ้าเป็นหูฟังตอนนี้ผมเห็น Audeze ที่พัฒนา DSP/EQ ของตัวเองแบบค่อนข้างจริงจัง นอกนั้นยังมี software ขื่อ Sonarwork Reference4 Headphone Edition ที่ทำ DSP รองรับหูฟังดังๆ หลายรุ่น
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างการออกแบบ Hardware ให้ทำงานร่วมกับ Software ที่เห็นกันมากที่สุดก็กล้องมือถือครับ ไปไกลมากแล้วครับ sensor ตัวนิดเดียวแต่ให้ภาพออกมาใกล้เคียงกับพวก sensor ที่ใหญ่กว่าหลายเท่า
สุดท้ายก็อยู่ที่ความชอบแต่ละคนแล้วครับ
ถ้าเป็นหูฟังตอนนี้ผมเห็น Audeze ที่พัฒนา DSP/EQ ของตัวเองแบบค่อนข้างจริงจัง นอกนั้นยังมี software ขื่อ Sonarwork Reference4 Headphone Edition ที่ทำ DSP รองรับหูฟังดังๆ หลายรุ่น
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างการออกแบบ Hardware ให้ทำงานร่วมกับ Software ที่เห็นกันมากที่สุดก็กล้องมือถือครับ ไปไกลมากแล้วครับ sensor ตัวนิดเดียวแต่ให้ภาพออกมาใกล้เคียงกับพวก sensor ที่ใหญ่กว่าหลายเท่า
สุดท้ายก็อยู่ที่ความชอบแต่ละคนแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0lukephong
06/04/2018 13:53:40
81
เท่าที่เคยลอง จะปรับให้พอเหมาะนี่ยากจริงๆ ครับ ถ้าเอาไว้แก้ไขอะไรเล็กๆ น้อยในแบบที่เราชอบนี่พอได้ครับ แต่พอฟังเอาจริงมันธรรมชาติสู้ไม่ปรับไม่ได้ ยิ่งถ้าปรับแบบไม่มีความเข้าใจนี่่เสียงจะมั่วมาก หลังๆ ผมชอบตั้งไป flat ครับ ฟังแล้วเป็นธรรมชาติที่สุดแล้ว ต้นทางมาไง เราก็ได้ยินใกล้เคียงแบบนั้น(ตามอุปกรณ์ที่เราใช้)
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0Jerdsilp sukhuminda
06/04/2018 18:02:59
10
ความเห็นส่วนตัว ผมว่าชอบไม่ชอบ น่าจะสำคัญกว่าปรับไม่ปรับ เพี้ยนไม่เพี้ยนนะครับ แต่อย่างแรกคือต้องเลือกหู เลือก dap dac amp สาย ที่เราชอบที่สุดก่อน ถึงค่อยใช้ eq ช่วยปรุงนิดๆหน่อยๆ ก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารบางเจ้าออริจินอลนั้นเทพแล้วก็จริง ปรุงไปบางคนว่าอาจเสียรสชาติ แต่บางคนติดหวานก็ต้องปรุงหวานเพิ่ม ใครติดเผ็ดก็ใส่พริกเพิ่ม ถึงจะได้รสชาติที่ใช่จริงๆ ไม่มีใครถูกใครผิดครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0natthapatr
18/01/2024 01:09:46
ไม่ปรับคงไม่ได้อะครับ หูฟังเครื่องเล่นที่แตกต่าง คอมโบต่างๆ ต้องทำให้สัญญาณเข้ามาชัดเจนที่สุด ถ้าไม่ปรับคลื่นแทรกเยอะ ฟังยังไงก็มันส์ไม่เท่ากับปรับ
เหมือนคุณทำก๋วยเตี๋ยวเองที่บ้านอะ กับที่ร้านดั้งเดิมเขาขายกัน รสชาติมันจะจี๊ดจ๊าดกว่า ยกระดับเป็นร้าน กับ ครัวบ้าน ไม่เหมือนกันนะ
เหมือนคุณทำก๋วยเตี๋ยวเองที่บ้านอะ กับที่ร้านดั้งเดิมเขาขายกัน รสชาติมันจะจี๊ดจ๊าดกว่า ยกระดับเป็นร้าน กับ ครัวบ้าน ไม่เหมือนกันนะ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0