ถ้าพี่ซื้อมาให้ผมเดี๋ยวรีวิวให้เลย 555

อันนี้เคยเห็นผ่านๆในเว็บต่างประเทศเหมือนกันครับพี่เเต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองเลยเหมือนกันครับ

รีวิวไป ถ้าบอกไม่ต่าง เดี๋ยวจะกลายเป็นที่เพ็งเล็ง/เขม่นกับพ่อค้า + ชาวแก็งค์ฝ่ายสนับสนุนพ่อค้า

ถ้ารีวิวว่าต่าง ก็กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคนทั่วไป เผลอๆมีผลต่อทั้งร้านเลย

สรุปรีวิวไปมีแต่เสีย นิ่งเสียตำลึงทองดีกว่า 555

สงสัยต้องถึงมือเฮียละครับ ขนาดอภินิหารหลวงพ่อเบิร์นเฮียยังอัดเสียคว่ำ จัดให้หลวงพี่ควอนตัมอีกสักชุดคงไม่เหนือบ่ากว่าแรง 555

หลักการทำงานคล้ายๆกับ Infinity Stones หรือเปล่าครับ

อีกไม่กี่วัน ธานอส จะมาเอาคืนแล้วนะครับ
ถ้าหลักการเดียวกัน ธานอส จะเอาไปเพิ่มพลังได้ ครับ

ผมขอเขียนให้อ่านในฐานะคนเล่นเครื่องเสียงคนหนึ่งก็แล้วกันนะครับ ผิดถูกประการใดก็เป็นประสบการณ์ของผมคนเดียวนะครับ^^

ในวงการเครื่องเสียงนั้น การเล่นเครื่องเสียงนั้นเป็นเรื่องของการใช้โสตสัมผัสส่วนหนึ่งคือการฟังและการมองมาร่วมด้วย การฟังคือได้ยินเสียงนั้นๆด้วยหูตนเอง และการมองคือการเห็นสิ่งที่กำลังฟังอยู่ว่าเป็นอะไร ซึ่งทั้ง 2 อย่างเกี่ยงข้องกันมาโดยตลอดครับ

คนเล่นเครื่องเสียงหรือคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะเริ่มรู้สึกว่าในซิสเต็มของตนเองยังขาดหายอะไรไป ซึ่งแปลกมากตรงที่วันแรกที่ได้ของมากลับไม่รู้สึกอะไร แต่จะรู้สึกหลังจากประสาทหูเริ่มจับความถี่ต่างๆ และเริ่มรู้สึกว่าต้องขวนขวายหาอะไรมาทำการเสริมหรือเพิ่มเติมให้เสียงดีขึ้น

ก็เลยกลายเป็นแนวทางสำหรับคนเล่นเครื่องเสียงที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ซึ่งมีด้วยกัน 3 แนวทาง

1. อัพเกรด (upgrade) หมายถึงการเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่นใหญ่ขึ้น กำลังขยายมากขึ้น หรือวงจรที่ออกแบบใหม่ขึ้น หรือเปลี่ยนยี่ห้อหนึ่งไปเป็นยี่ห้อที่ดีกว่า หรือลำโพงที่ดอกใหญ่ขึ้น ขนาดตู้โตขึ้น ซึ่งการอัพเกรดในส่วนของอุปกรณ์หลัก มักจะต้องใช้เงินมหาศาล มีนักเล่นไม่มากที่สามารถอัพเกรดได้ตามใจตลอดเวลา

2. โมดิฟายด์ (modified) หมายถึงการดัดแปลงเปลี่ยนอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนภายในเพื่อหวังผลให้เสียงดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการโมดิฟายด์ต้องพึ่งความเข้าใจและผู้ที่ลงมือโมดิฟายด์จำเป็นจะต้องฟังเป็น การโมดิฟายด์สิ้นเปลืองน้อยกว่า เพราะเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในเพียงบางชิ้น ดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับคนทำและคนฟังว่าชอบผลลัพธ์ที่ได้หรือไม่

3. ทวี๊ค (Tweak) คือการปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนหรือเสริมเพิ่มเติมอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น  ส่วนมากเป็นการจ่ายเงินเล็กๆน้อยๆ แลกกับคุณภาพเสียงที่แตกต่างออกไป และการทวี๊คจ่ายไม่มากเท่ากับการอัพเกรดหรือการโมดิฟายด์

ซึ่งส่วนมากพวกการทวี๊คมักจะถูกคิดค้นโดยนักเล่นหรือค่ายเครื่องเสียงหรือแม้แต่บริษัทต่างๆก็นิยมทำ ซึ่งเท่าที่ผมจำได้อุปกรณ์เหล่านี้เป็นสีสันของวงการมาโดยตลอด เช่นพวกก้อนอิฐมหัศจรรย์ แผ่นแดมป์ ไม้รองสาย ถ้วยลดเสียงก้อง ทิปโท ตะกั่วเกรดสูง ดินน้ำมัน แม่เหล็กเฟอร์ไรท์ ก้อนเหล็กวางบนลำโพง เม็ดไม้ติดผนัง ฯลฯ

อุปกรณ์มากมายเหล่านี้ถูกผลิตมายาวนานหลายสิบปี ซึ่งผู้ผลิตก็มีวิธีการนำเสนอและมีหลักการรองรับแตกต่างกันไป การสาธิตและเทคนิคในการนำเสนอก็แตกต่างกันไปแต่ละค่าย บางอันได้ผลจริงฟังออกได้จริง บางอันก็ฟังไม่ออกก็มีจริงๆ ของเหล่านี้อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องเสียงมาตั้งแต่เริ่ม แล้วแตกแขนงออกไปอีกกว้างไกลสุดแท้แต่ใครจะมีไอเดียในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างไร

ผมเขียนให้อ่านแบบกลางๆว่าการเล่นเครื่องเสียงนั้นมันเป็นศาสตร์และศิลป์ คือเป็นวิทยาศาตร์ และขณะเดียวกันก็ต้องมีศิลปะมาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการได้ยินเสียงที่ดี หรือมองเห็นอุปกรณ์ที่สวยและถูกใจ ทุกอย่างต้องประกอบร่วมกันไป

ขอให้มีความสุขกับการฟังครับ^^

ต้องขอโทษเฮียด้วยนะครับถึงกับต้องออกมาพิมพ์ จริงๆ แค่อยากแซวเล่น ขำๆ ถ้ากระทบใครต้องขออภัยด้วย

ไม่ถึงต้องขอโทษหรอกครับพี่ เรื่องแบบนี้มันต้องพูดเบรคไว้บ้างไม่อย่างนั้นจะพาลให้วงการเสื้อมเสียเข้าไปอีก ผมว่าเฮียพูดถูกแล้วใครเชื่อก็ลองซื้อมาดูใครไม่เขื่อก็อ่านกันขำๆ จะฟังออกไม่ออกก็อีกเรื่องนึงครับ

ยังไม่ได้ลองเหมือนกันครับ น่าจะนับเป็นอุปกรณ์จูนเสียงชนิดหนึ่ง ซึ่งผลออกมาอาจไม่เหมือนกันกับทุกอุปกรณ์ที่นำมาใข้
แต่ในเมื่อเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาจากวิทยาศาตร์ (เพราะเห็นตอนยกตัวอย่างอ้างผลและบทความทางวิทยาศาตร์) ก็น่าจะง่ายต่อการทดสอบมาให้เป็นรูปธรรมด้วย อย่างพวกความถี่ สนามแม่เหล็ก 
และ มีผลอะไรกับการทำงานหรือสัญญาณโทรศัพท์หรือไม่ ด้านความปลอดภัยอีกครับ

555 ไม่มีอะไรหรอกครับพี่
เพียงแต่ผมอ่านผ่านๆตา ในโพสนั้นมีเขียนถึงมั่นคงหน่อยนึง ก็ยังนึกว่าลองตอบแบบกลางๆ เล่าเกี้ยวกับวงการเครื่องเสียงหน่อยว่าเค้าคิดอย่างไรและมีอะไรกันบ้าง 555 และเป็นการลองตอบแบบกลางๆที่สุดที่คิดว่าคงไม่มีใครด่าผม 555

แต่ต้องยอมรับครับว่าวงการนี้ผู้ผลิตหลายรายก็ใช้อภินิหารนำหลักการวิทยาสตร์ และบางรายผลิตและขายสินค้าแบบปกปิดข้อมูลก็มีเช่นกันครับ 555

ผมว่าทุกคนที่สนใจพวกเครื่องเสียงทุกอย่าง ส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นในระบบมีผลต่อคุณภาพเสียงทั้งสิ้น 
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมันดันเป็น "สติ๊กเกอร์" ซึ่งคนทั่วไปรวมถึงคนเล่นเครืองเสียงคิดว่า แค่สติ๊กเกอร์ ไม่น่ามีผลอะไรกับเสียงขนาดนั้น ที่สำคัญมันดันราคาตั้ง 500 บาท ได้แค่สติ๊กเกอร์แผ่นเท่านิ้วก้อยแผ่นเดียว ผมเชื่อว่าคนเล่นเสียเงินให้อุปกรณ์เสริมอื่นๆมากกว่านี้อีก  ลองมันเป็นพวกสายสัญญาณหรืออุปกรณ์อื่นๆที่จับต้องได้สิ เค้าจะไม่ด่าหรือหัวเราะเลย 

มาอ่านในนี้ ค่อยได้เห็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบสร้างสรรค์ หน่อยครับ 

สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากการเล่นเครื่องเสียง คือ 
สิ่งที่เราฟังไม่ออก (จับความแตกต่างไม่ได้)
ไม่ได้หมายความว่า มันไม่มีอยู่จริง หรือ ไม่ได้แปลว่า คนที่ฟังออก "มโน"
 
คิดเล่นๆ หากคนทั่วไป รู้จัก "ถ้วยวิเศษ" ที่เฮียพูดถึง คงด่ากันเละเทะ 

แค่วางถ้วยในรถ ก็ทำให้เสียงเพลงดีขึ้นได้ด้วย
สติ๊กเกอร์ราคา 500 เจ้าถ้วยนี้ ราคามีตั้งแต่ 8000 up -> แตะแสนบาท ต่อถ้วย นะขอรับ

ผมก็หนึ่งในนั้นที่เม้นแสดงงความคิดเห็นไปแล้ว  ส่วนคนที่โพสต์ขายก็โดยถล่มยับ
คนเม้นก็ด่าสาดเสียเทเสีย ทั้งๆที่ไม่เคยลองก็ไปด่าเค้าแล้ว 
เกี่ยวเครื่องเสียงนั้นมันเป็นทั้งศาตร์แบะศิลปและความรู้สึก อย่าไปมองแค่สเป็คตัวเลขแล้วเอามาชี้วัดเพราะสุดท้ายมันก็ต้องใช้หูของคนเราเป็นตัวชี้วัดขึ้นสุดท้ายอยู่ดี

ใหนๆแล้วผมว่าใครซักคนเป็นหน่วยกล้าตายซื้อมารีวิวซักอันดีกว่าติดหลัง Iphone ตามคนขายเชื่อว่าที่นี่เปิดกว้างกว่าเวปอื่นอย่างน้อยก็คนคอเดียวกันคุยกันครับ 

อืม ผมเป็นคนนึงที่ไม่เชื่อแต่แรกอยู่แล้วโดยไม่คิดจะลอง เพราะงั้นต่อให้ลองไปก็มี bias ส่วนตัวอยู่ดี

ผมแค่คิดว่า อะไรที่มันดูอภินิหารเกินจริง ผมขอแค่ให้คนที่ claim ว่ามันต่าง กล้าที่จะมาทำ ABX Test ครับ ผมขอไม่มาก เอาแค่ตอบถูก 6 ใน 10 ครั้ง ผมก็จะเชื่อครับ

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นแร่แลนทานัมจริงหรือเปล่า

เอามาแปะให้อ่านครับ
ค้นกูเกิลไปเจอในเว็บของ ม.เกษตร

แค่คุณสมบัติตรงที่ผมไฮไลท์ไว้ ผมก็ไม่กล้าซื้อมาใช้แล้วครับ
กลัวได้ซื้อมือถือใหม่  หรือกรณีเลวร้ายสุดคือไฟใหม้บ้าน

เสียดายที่ผมไม่มีไอโฟน ไม่งั้นจะซื้อมาลองเสียหน่อย อิอิ

แต่ผมเข้าใจประเด็นที่เฮียต้องการจะสื่อสารนะ หนึ่งเพราะเฮียเองก็ยังไม่ได้ลอง ได้ผลจริงไม่จริงก็ไม่รู้ สองคือเฮียเองก็ถือเป็น influencer คนหนึ่งในวงการนี้ ถ้าเฮียฟันเปรี้ยงไปมันอาจจะส่งผลลบกับคนอื่น ซึ่งไม่ว่าจะยังไงมันก็คงไม่ใช่เรื่องดี ที่สำคัญมันเป็นเรื่องของ "ศิลป์" ที่ไม่มีศาสตร์มารองรับด้วยยิ่งวิพากษ์กันลำบาก

เอาเป็นว่า เคารพมิสู้ทำตาม เรื่องนี้ผมขอดูห่าง ๆ ดีกว่า 555

ผมพยายามเอาลิงค์จากวิกกี้มาให้อ่าน คัดลอกเนื้อหามาให้อ่าน ระบบว่าผมเป็น spam รบกวนผู้ดูแลระบบช่วยด้วยครับ


แต่สรุปว่าแลนทานัมเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่ไวต่อปฏิกิริยาทางเคมีมาก ถูกออกซิไดซ์ได้อย่างรวดเร็วในอากาศ ถ้ามันเป็นแลนทานัมจริงผมกลัวจะเสื่อมสภาพเร็ว ถ้าเป็นหลักการแม่เหล็ก ก็คงไม่ต่างกับแท่งเฟอร์ไรท์ที่พี่ๆ ถอดทิ้งกันมาเยอะแล้ว ผมเลยเก็บตังค์ไว้กินมาม่า รอผู้กล้าหาญมารีวิวให้อ่านดีกว่าครับ

เห็นด้วยตามนั้นครับ จริงๆ แม่นยำควรจะมีจำนวน Sampling ที่มากพอ เทสท์ 10 ครั้ง น้อยไป (มี error ได้มาก เรียกง่ายๆว่า ฟลุ๊คนั่นเอง) ควรเทสท์ซัก 100 ครั้ง ถ้าถูก 70% ผมถึงจะถือว่าชัดเจน (เทสท์ 100 ครั้ง เช่น ฟังทดสอบคราวละ 20 ครั้ง แล้วพัก จะเทสท์หลายๆวันก็ได้ พักเป็นเดือนยังได้ แล้วมาเทสท์ต่อ)

แต่ผมไม่ฟันธงว่าของชิ้นนี้ดีจริงหรือไม่นะครับ เพราะไม่เคยลอง และไม่มี lab ที่จะทดสอบว่ามันทำมาจากอะไร (น่าให้ อ. เจษ ทดสอบดู) แต่ส่วนตัวด้วยข้อมูลเบื้งต้น "ผมไม่เชื่อ"

เท่าที่ฟังจากคุณสมบัติแล่ "แลนทานัม" ซึ่งคุณสมบัติไม่เสถียร โดนออกซิไดซ์ได้ง่ายจนติดไฟ ผมไม่คิดว่าเราจะเอาแร่แบบนี้มาทำให้เสถียรแล้วมาใช้เป็นสติกเกอร์ติดมือถือได้ คือ สินค้าอ้างถึงวิทยาศาสตร์ก็จริง แต่อ้างลอยๆ ไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือรับรอง ดูแล้วเป็น Pseudo Science คล้ายๆ พวก เครื่องปล่อยโอโซนเพื่อความสดชื่น ที่นิยมขายอยู่ช่วงนึง(ซึ่งทำไม่ได้จริง ถ้าทำได้ คนสูดตาย เพราะโอโซนเป็นโมเลกุลออกซิเจน 3 อะตอม มีประจุไฟฟ้า ไม่เสถียรและเป็นพิษ) และ GT200 ที่อ้างหลักวิชาการน่าเชื่อถือมากมาย แต่ปรากฏว่า ...

It’s just another snake oil product.

สติกเกอร์ตัวนี้ไม่มีวัดค่าไรที่ meaningful ให้ดูเลยนี่ครับ ขนาด audiophile sd card ของ sony ที่ก็ดูเป็น snake oil เหมือนกันยังอุตส่าห์ไปวัดค่า noise ในระดับที่ต่ำกว่า treshold ของการอ่านการ์ดมาให้ดูเลยครับว่าอย่างน้อยก็ต่ำกว่า

https://gizmodo.com/dont-let-sony-charge-you-5x-more-for-a-premium-sound-1686749071

https://arstechnica.com/gadgets/2015/02/sony-will-sell-a-premium-sound-microsdxc-card-to-audiophiles-in-japan/

เคยได้ยินมั้ยครับ? ..

"ใช้นิ้วโป้งข้างซ้ายกดเปิดเครื่องเสียง เสียงจะดีกว่าใช้นิ้วชี้ข้างขวาเปิด !"

ผมว่าไปซื้อสติ๊กเกอร์นี้มาแปะ ยังมีผลในการหลอกตัวเองมากกว่า สติ๊กเกอร์ตัวละ500นั่นอีกครับ

555

จริงๆ ในบรรดา woo doo science  สติกเกอร์ quantum นับเป็นชิ้นแรกที่ทำให้ผมงงว่าเอาแผ่นเล็กๆมาวางแล้วมันจะมีผลฟังออกได้จริงๆ  แต่ไม่ใช่อันที่เค้าขายแล้วดราม่ากันอันนี้นะคับ  อันนี้ย้อนหลังไปหลายปีตอนที่ผมเริ่มกลับมาสนใจเครื่องเสียงและตระเวนลองไปซะทั่ว

ตอนนั้นอ่อนประสบการณ์การฟังมาก ผมแวะไปซื้อฟิวส์ แต่คนขายชวนลอง  น่าจะแผ่นละสัก 3-5000  คนขายเอามาวางบนลำโพง 2 ข้าง  ผมดันฟังออกว่าเสียงเปลี่ยน  แต่ผมบอกว่าพอวางแล้ว เหมือนรายละเอียดแหลมจะหาย  ไม่ชอบ  คนขายก็อธิบายให้ฟังว่า ให้ฟังดูใหม่ แยกให้ออกว่าที่หายคือ noise ที่ปนมาหรือคือรายละเอียดจริงๆ  ตอนนั้นก็รับฟัง  แต่ไม่ถึงกับเก็ทและเชื่อ  บวกกับแพงเกินแนวคิดที่รับได้ตอนนั้นไปมาก  เลยไม่ซื้อมา

มาถึงวันนี้ผมก็ไม่รู้นะว่าแผ่นที่ว่ากันจะฟังออกไหม  แต่เด๋วนี้แท่นอะไรไม่รู้เอามาวางบนเครื่อง บอกสลายแรงสั่นสะเทือน  พอฟังออกแล้วชอบปุ๊บ  9000 ก็ซื้อมาแล้ว 3 อัน T_T

หลังจากทนไม่ไหวจนอดเอามาลองไม่ได้
จากการลองใช้กับ lg v30 โดยเป็นการเล่น mqa ผ่าน tidal ติดตรงตำแหน่งที่ผมฟังว่ามีผลที่สุดคือเหนือ dac chip

การทดสอบค่อนข้างมั่นใจพอควร เนื่องจากผมใช้ v30 อยู่ตัวเดียวในการฟังมาระยะเวลานึง ฟังจนชินแล้ว ถ้าเอาอุปกรณ์อะไรมาต่อจะฟังออกง่ายมาก ก่อนหน้านี้เอาสาย otg ของจีน 3เส้น ราคาถูกมาลอง blind test ก็ทายถูกหมด

ผลจากการทดสอบ แบบไม่ได้ดึงออกมาแปะ ใช้วิธีวางไว้ตรงจุดที่ต้องการแล้วใส่เคสทับ น่าจะแนบกับเครื่องพอควร เนื่องจากต้องการลองสลับตำแหน่งต่างๆ (ไม่ทราบว่าแบบนี้จะมีผลหรือไม่) พบว่าข้อดีคือเสียงสงัดและนิ่งขึ้น นักร้องมีการสำรวมกิริยามากขึ้น ปลายแหลมห้วนลง ทั้งหมดถ้าให้ประเมินเป็นเปอร์เซนต์ คิดว่าไม่เกิน 3% ไม่ได้ดีขึ้นขนาดที่เปลี่ยนจาก phone เป็น dap ได้ ผมลองให้เพื่อนหลายคนฟัง ส่วนใหญ่จะฟังไม่ออก ส่วนตัวคิดว่าถ้าเงินไม่ได้เหลือจริงๆก็ไม่ถึงขนาดต้องซื้อมาลอง และยังไม่มีผลรับรองว่าจะมีผลกับอุปกรณ์ในระยะยาวหรือไม่  ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ

ขอถามนอกเรื่องครับ
อภินิหารหลวงพ่อเบิร์น นี่ใครครับ
ใบ้หน่อยครับ

ไม่มีอะไรมากครับ มีบางคนเชื่อว่าการเบิร์นนั้นสามารถเปลี่ยนบุคลิกเสียงของหูฟังได้ในระดับพลิกฟ้าคว่ำพิรุณ จากหูฟังเบสน้อยกลายเป็นหูฟังเบสหนัก จากหูฟังสายร็อคกลายเป็นหูฟัง audiophile

ซึ่งเฮียยืนยันมาเสมอว่าการเบิร์นนั้นช่วยให้หูฟัง "ให้เสียงในแบบที่มันควรจะเป็น" เต็มประสิทธิภาพ และหูฟังที่เสียงดีนั้นต้องเสียงดีมาตั้งแต่แกะกล่อง การเบิร์นไม่ได้ช่วยเปลี่ยนบุคลิกเสียงของหูฟังครับ

ขอบคุณท่านInLimbo ที่กรุณามาเล่าประสพการณ์การลองของให้ฟังครับ
มันมีอีกนิดนึง ไหนๆก็มีของอยู่แล้ว  ลองหมุนแต่ละด้านของแผ่นสติคเกอร์ที่ว่า..ต่อให้ไม่มีการกำหนดทิศทาง
สมมุติว่ามันเป็นสี่เหลี่ยม ลอง rotate ทีละด้านฟังให้หน่อยสิครับ ^ ^
ยังไงก็ไม่ได้เสียตังค์เพิ่มไปกว่านี้อยู่แล้ว คิดว่าเล่นสนุกๆฆ่าเวลา....

กลุ่มคนเดิมๆ มหาเทพกูรูนักดื่มสูงวัย ตามหาดูได้ใน Facebook ครับ ใครฟังเหมือนเค้า (ของที่กลุ่มเค้าเชียร์ขาย) คือหูเทพ ถ้าเล่นของโดยมีรสนิยมต่างจากเค้าจะโดนหาว่าหูเสียครับ

ขอบคุณที่ลงทุนหาซื้อมาทดลองให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ เยี่ยมเลย

มันล่อแหลมครับ หมอ
ความจริง เรื่องบางอย่างมันมีเค้ามูลความจริงอยู่บ้าง แม้หลายกรณีจะมีอยู่เล็กน้อย
แต่หลายคนก็เอามาขยายผลเกินจริง โดยมีเจตนาและผลประโยชน์เกี่ยวกันด้วย
ถ้าคนที่ยังผ่านชั่วโมงบินน้อย ก็อาจหลงทางโดนชักจูงเข้าป่าเสียเงินเสียเวลาไปได้
เฮียก็เลยเอาแบบปลอดภัย โดยปรามไว้ก่อน คนส่วนใหญ่จะได้ไม่เสียประโยชน์
แต่บางแง่มุมเล็กๆน้อยๆของความจริงที่มันมีอยู่ ก็โดนบดบังหายไปเพราะไอ้เจตนาไม่ดีที่เอาเรื่องที่ว่ามาแสวงหากำไรนี่แหละครับ บางครั้งก็น่าเสียดายอยู่บ้าง

ขอบคุณมากๆครับ

แบบย้ายตำแหน่งยังพอฟังออก แต่หมุนแบบที่พี่บอกมาผมฟังไม่ออกจริงๆครับ

ให้ชัวร์ต้อง blind test ครับ เพราะไม่อย่างนั้น จะมาจาก bias ของตัวเราเอง

ลองให้เพื่อนทำให้ไม่ให้เรารู้ แล้วลองฟังดูว่าเราแยกออกมั้ยว่าตอนไหนติดตองไหนไม่ติดสติ๊กเกอร์

ปล. ไม่ได้อคติหรือไม่เชื่อนะครับ แต่มนุษย์เราไม่แน่นอน ไว้ใจตัวเองไม่ได้ เพลงๆ เดียว ฟังต่างเวลายังเพราะต่างกัน