เนื่องจากประเทศไทยเปิดตัวช้ากว่า Global Launching วันนี้ผมเลยอยากจะขออนุญาติมาโพส Impressions เล็กๆน้อยๆจากงาน Canjam NYC ครับ
ก่อนอื่นขออนุญาติเรียนให้ทราบก่อนว่า impression นี้ใช้เวลาประมาณไม่ถึง 2 ชม. ดิบดีในการฟังหูฟังทั้ง 7 รุ่นนะครับ อาจจะขาดตกบกพร่องอะไรไปบ้าง แต่ทางนี้ผมก็ยินดีน้อมรับคำติชมทุกอย่างเพื่อพัฒนาการเขียนต่อไปในอนาคตครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบคือ AK 380 Cu + AK Amp Cu ครับ ปรับไว้ที่ Low Gain ส่วนจุกหูฟังใช้ Comply foam ครับ เนื่องจากเป็นจุกที่ผมรู้ว่ากระชับรูหูของผมมากที่สุด ทุกการฟังจะใช้สาย Stock ซึ่งทาง Empire Ears ได้ทำการ Co กับ Effect Audio ตอนนี้หูฟังทุกรุ่นของ Empire Ears จะมาพร้อมสาย Ares II ของ Effect Audio ซึ่งสามารถเลือก Termination ได้ถ้าสั่ง CIEM (เลือกเป็น 2.5mm TRRS, 3.5 mm TRS, 3.5 mm TRRS, หรือ 4.4 mm Pentacon) ส่วน UIEM นั่นขึ้นอยู่กับทาง Distributor ว่าจะมี stock ของสาย termination ไหนไว้ครับ
ขออนุญาติเริ่มที่ Line EP นะครับ
ตัวที่ 1
EVR - Vocal Reference
Drivers: 3 --> 1 low 1 mid 1 high
Bores: 3
Cross Over: 3
Price: ราคาเปิดตัววันงาน ฿ 27,384 ราคาหลังจากวันงาน ฿32,600
EVR นั้นถูกออกมาเผื่อใช้กับการ monitor เสียงร้องมากกว่าจุดอื่นๆ ดังนั้นถ้าฟังแล้วอาจจะรุ้สึกว่าเสียงย่านอื่นๆไม่เด่นเท่าเสียงร้อง เสียงย่านต่ำ เสียงย่านสูง อาจจะออกดูแห้งๆ ออกสว่างๆ เป็น tone analytical มาก แต่ก็ทำให้ EVR นั้นให้เสียงร้องที่ค่อยข้างใสสะอาด ให้ความรู้สึกโปร่ง และค่อนข้างมี headroom พอสมควร
ย่านเสียงต่ำ (คะแนน 5/10)
เสียงเบส ไม่ลงลึกมาก ถือว่ามีการควบคุมที่ดี ไม่บวม ไม่แตก อาจจะพบว่าไม่ค่อยมีอิมแพคที่รุนแรงเหมือน หูฟัง Bass head หรือ หูฟังจาก Line X
ย่านเสียงกลาง (คะแนน 7/10)
เป็นไปอย่างที่ชื่อรุ่นป่าวประกาศไว้ว่าเป็น Vocal Reference หูฟัง EVR ให้เสียงกลางที่ออกไปในโทนเดียว Zeus XIV เสียงร้องถูกดันให้ไปอยู่หน้าเวทีแบบจ๋าๆ พอฟังแล้วทำให้รู้สึกว่า เสียงร้องคือเสียงที่เด่นที่สุดของหูฟังรุ่นนี้
ย่านเสียงสูง (คะแนน 6/10)
เสียงสูงไม่เสียดหรือแสบหู แต่ความเป็นประกายอาจจะดูลดน้อยลงไปสำหรับสาวก Empire Ears สำหรับส่วนตัวผม ผมคิดว่า House Sound เสียงสูงของ Empire Ears จะออกไปในโทนเกือบๆ Bright แต่ EVR ให้ประกายที่น้อยกว่า House sound ผมจึงคิดว่าเสียงสูงของ EVR ออกไปทาง Neutral มากกว่า
มองรวมๆผมคิดว่าเรื่องรายละเอียดนั้นทำออกมาได้โอเค แต่ไม่สามารถเทียบกับหูฟัง Flagship ได้แน่นอน
Separation & Presentation: sound stage นั้นผมคิดว่าออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูสองอันประกบกันโดยด้านยาวของสี่เหลี่ยมนั้นจะเป็นด้านหน้าของเวทีกับด้านหลังของเวทีส่วนตรงกลางอาจจะดูเป็นคอคอดหน่อยๆ เสียงนักร้องถูกดันไปอยู่หน้าสุดของเวที โดยที่ประกายเสียงแหลมจะอยู่ด้านหน้าตรงบริเวณข้างๆแต่ไม่ถึงกับหน้าสุดเท่านักร้อง เสียงกีต้าร์ กีต้าร์เบส จะอยู่บริเวณตรงกลางเวที บานออกไปทางด้านข้าง บริเวณนี้อาจจะยังแยกรายละเอียดได้ไม่ดีเท่าไหร่ เนื่องจากรมีปริมาณ layer น้อยกว่าส่วนอื่นๆของเวที เสียงเบส และกระเดื่องถูกดันออกไปอยู่ด้านหลังสุดของเวทีฟังดูเหมือนเป็นกำแพง โดยรวมนั้น sound stage ทำได้โอเค ถ้าเปลี่ยนสายน่าจะไปได้ไกลกว่านี้
Sound Stage ด้านกว้าง (คะแนน 6.5/10)
Sound Stage ด้านลึก (คะแนน 6.5/10)
ปล: ไม่น่าจะถูกใจคนไทยหลายๆคน แต่ลองฟังดูก็ไม่เสียหาย เหมาะกับคนเน้นเสียงร้องอย่างเดียว
ตัวที่ 2
ESR - Studio Reference
Drivers: 3 --> 1 low 1 mid 1 high
Bores: 3
Cross Over: 4
Price: ราคาเปิดตัววันงาน ฿ 33,936 ราคาหลังจากวันงาน ฿40,400
ESR นั้นถูกออกมาเผื่อใช้กับการเป็น studio monitor ทำให้เสียงทุกย่านออกมเท่าๆกัน โดยที่ให้เสียงออกเป็น tone analytical มาก เสียงออก flat สุดๆ
ย่านเสียงต่ำ (คะแนน 6/10)
เสียงเบสไม่ถูกเสียงร้องกลบไปเกือบสนิทแบบ EVR อีกต่อไปแล้ว ทำให้รู้สึกถึงปริมาณเบสที่มากกว่า EVR อยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับ Bass head อยู่ดี
ย่านเสียงกลาง (คะแนน 6/10)
เสียงร้องออกไปในแนวคล้ายๆกับ Zeus R ADEL G1 (เสียงนักร้องค่อนข้างอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของเวทีไปเลย ค่อนข้างดูจมลงไป) รายละเอียดของเสียงร้องอาจจะทำออกมาสู้ EVR ไม่ได้ดีเท่าที่ควร แต่โดยรวมไม่ได้ถือว่าแย่
ย่านเสียงสูง (คะแนน 6/10)
เป็นหูฟังที่ให้เสียงสูงไปในแนว House sound ของ Empire Ears ผู้ฟังอาจจะรู้สึกว่าเสียงสูงมีประกายค่อนข้างเยอะ และออกไปทางเสียดๆหูนิดๆเมื่อเทียบกับ EVR
Separation & Presentation: sound stage นั้นผมคิดว่าออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดย่อมๆ เสียงนักร้องถูกดันไปอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของเวที โดยที่ประกายเสียงแหลมจะอยู่ด้านหน้าตรงบริเวณข้างๆนำหน้านักร้องไปนิดหน่อย เสียงกีต้าร์ กีต้าร์เบส จะอยู่บริเวณตรงกลางเวที บานออกไปทางด้านข้าง เสียงเบส และกระเดื่องถูกดันออกไปอยู่ด้านหลังสุดของเวทีฟังดูเหมือนเป็นกำแพง โดยรวมนั้น sound stage ทำได้โอเค สำหรับ ESR ผมคิดว่ามี layer ด้านลึกที่มากกว่า EVR เพราะสามารถแยกเสียง effect กีต้าร์ย่านสูงออกจากเสียงฉาบ (Cymbal) ได้ดีกว่า EVR เลยทีเดียว
Sound Stage ด้านกว้าง (คะแนน 6.5/10)
Sound Stage ด้านลึก (คะแนน 7/10)
ปล1: Dead flat…. ไม่มีอรรถรสในการฟังใดๆทั้งนั้น เหมาะสำหรับเป็นเครื่องมือล้างสมองก่อนลองฟังเพื่อเปรียบเทียบหูฟังตัวอื่น
ปล2: เหมือจะทำออกมาแข่งกับ Ultimate Ears Reference Remaster (ส่วนตัวยังไม่ได้มา กำลังจะพิมพ์หูส่งไปทำ CIEMอยู่)
ตัวที่ 3
Phantom – หูฟังสำหรับสาวก Flinkennick ใน head-fi Nick บอกว่าชอบมากว่า Spiral Ear SE5 Ultimate แน่นอน (ตัวที่ได้ rank 1 จาก shootout)
Drivers: 5 --> 2 low 1 mid 2 high
Bores: 3
Cross Over: 5
Price: ราคาเปิดตัววันงาน ฿60,060 ราคาหลังจากวันงาน ฿71,500
ส่วนตัวผมคิดว่า Phantom ถูกออกแบบมาให้เสียงโทนธรรมชาติ (Natural) มากกว่า Studio Reference ถ้าถามว่าเหมือน Zeus XR ไม๊ ขอตอบเลยว่ามีจุดที่เหมือนและไม่เหมือน จะเหมือนตรง Zeus R ที่ออกฟังง่ายๆสบายๆ มี head room มหาศาล stage กว้างและลึก แต่จุดที่ต่างกันไปน่าจะเป็น presentation ของย่านเสียงต่างๆ
ย่านเสียงต่ำ (คะแนน 8.5/10)
เสียงเบสสามารถบอกได้เลยว่าอิมแพคเยอะว่า EVR, ESR, และ Zeus R ADEL G1 แน่นอน อยู่ในปริมาณที่คิดว่าใกล้เคียงกับ Zeus R เบสยังออกเป็นฟังสบายๆไม่ล้น ไม่ทะลัก กำลังดี ออกแนว Relax ชิวๆ เป็นตัวที่ถือว่าคอนโทรลเบสได้ดีทีเดียว
ย่านเสียงกลาง (คะแนน 9/10)
ถ้า Zeus XIV เป็น King ของ Vocal แล้ว Phantom จะเป็น King ของ Timbre (เสียงกีต้าร์) เสียงร้องอยู่ประมาณสองสามก้าวไปข้างหน้าจากบริเวณจุดกึ่งกลางเวที สิ่งที่เด็ดที่สุดสำหรับ Phantom คือเสียงกีต้าร์ ให้ความสมจริงและเที่ยงตรงมากๆ
ย่านเสียงสูง (คะแนน 8.5/10)
เสียงย่างสูงให้ออกเป็นธรรมาชาติ มากๆๆๆๆกว่า EVR, ESR ทีออกเป็น tone analytical ประกายเสียงทอดยาวและอิ่มตัว ไม่แหลมเสียดหูบาดหู
Separation & Presentation: sound stage นั้นผมคิดว่าออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ๆ เสียงนักร้องถูกดันไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมประมาณสองสามก้าวจากจุดกึ่งกลางของเวที โดยที่ประกายเสียงแหลมจะอยู่ด้านหน้าตรงบริเวณข้างๆนำหน้านักร้องไปนิดหน่อย เสียงกีต้าร์ กีต้าร์เบส จะอยู่บริเวณตรงกลางเวที บานออกไปทางด้านข้าง เสียงเบส และกระเดื่องถูกดันออกไปอยู่ด้านหลังสุดของเวทีฟังดูยังเหมือนเป็นกำแพงอยู่แต่ลักษณะดีกว่า EVR, ESR โดยรวมนั้น sound stage ทำได้ดีมากฟังแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่า Phantom มี layer ทั้งด้านกว้างและด้านลึกมากกว่า EVR และ ESR เห็นๆ
Sound Stage ด้านกว้าง (คะแนน 9/10)
Sound Stage ด้านลึก (คะแนน 9/10)
ปล1: เสียงออก Natural มาก น่าจะไปไฟ้ว์กับ 64 Audio Tia Forte, Tia Trio ได้สบายๆ ถ้าไปฟ้ว์กับ Noble ก็น่าจะเป็นตัว Katana
ปล2: หลายคนใน Canjam NYC ชอบ Phantom มากกว่า Legend X
ปล3: สำหรับผม ผมว่าผมไม่มี Phantom ได้ถ้ามี Zeus XR