ในส่วนของ headband นั้นทาง Hifiman นั้นใช้แบบ hybrid design มาซักระยะหนึ่งแล้วครับ โดยจะมีโครงสร้างเป็นแบบสองชั้นก้านด้านนอกจะเป็น Aluminium และจะมีแพ็ดด้านในที่เป็นวัสดุคล้ายๆหนังคอย support เวลาสวมใส่อีกทีหนึ่งครับ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดของหูฟังได้เป็นอย่างดีและทำให้สามารถสวมใส่ใช้งานได้ยาวนานขึ้นครับ  ในส่วนของ Earpad นั้นก็จะเป็น Focuspad ชนิดใหม่ที่ตรงขอบจะเป็นหนัง และส่วนด้านในที่สัมผัสโดนหูบางส่วนจะเป็น  Polyesterที่ทาง Hifiman นั้นจะเลือกใช้แต่ในรุ่นสูงๆครับ     

ซึ่งแน่นอนครับตัวไดรเวอร์นอกจากจะเป็น Planar Magnetic ตัว Diaphragm นั้นยังเป็นแบบชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติพิเศษบางกว่ารุ่นเก่าอย่าง HE400 ถึง 80% เลยทีเดียวครับ แต่สามารถตอบสนองช่วงเสียงได้กว้างขึ้น และให้รายละเอียดที่ดีขึ้นเพราะเป็นเทคโนโลยีล่าสุด จึงทำให้ Sundara นั้นเป็นหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์ Planar Magnetic ขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักที่เบาอยู่อันดับต้นๆเลยครับ 

ในส่วนของการใช้งานนั้นถือว่าฉีกแนวจากหูฟัง Planar Magnetic แบบฟูลไซส์ในตลาดตัวอื่นๆไปพอสมควรเลยครับ ด้วยการสวมใส่ที่สบาย แรงกดทับน้อย มีน้ำหนักที่เบามากๆเรียกได้ว่าเบากว่าหูฟังฟูลไซส์ทั่วไปหลายๆรุ่นซะอีก อีกทั้งยังมาพร้อมกับแจ็คหูฟังขนาด 3.5 mm. ที่สามารถต่อตรงเข้ากับ DAP ได้เลยครับ  และถือว่าเป็นหูฟังที่ขับไม่ยากมากนักสามารถต่อเล่นแบบชิ้นเดียวเข้ากับเครื่องเล่นบางรุ่นได้แบบสบายๆ และขับออกได้แบบหมดจดอีกด้วยครับ หรือว่าถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือต่อกับ DAC แยกอย่าง Chord Mojo ก็ขับได้แบบเหลือเฟือเลยเช่นกันครับ

ในส่วนของแพ็คเกจกล่องนั้นทาง Hifiman ก็ตั้งใจทำได้ดีขึ้นครับเรียกได้ว่าตอนนี้ได้แบบมาตรฐานสากลแล้วล่ะครับ ซึ่งเมื่อก่อนจะได้แบบกล่องดิบๆแบบสีน้ำตาลกันเลยทีเดียวครับ  แต่เดี๋ยวนี้ก็จะได้กล่องมาตรฐานที่มีฟองน้ำรอง 2 ชั้นและด้านหน้าและหลังกล่องนั้นมีสกรีนชื่อรุ่นและสเป็ค รวมไปถึงภายในก็จะเป็นฟองน้ำที่ตัดเป็นร่องตามทรงของหูฟังที่อยู่ข้างในที่ช่วยป้องกันหูฟังจากการขนส่งได้เป้นอย่างดีครับ

และอุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีตัวหูฟัง คู่มือ ใบรับประกัน สายหูฟัง และอแดปเตอร์แปลงจาก 3.5 เป็น 6.3 mm.ครับ ซึ่งตัวสายหูฟังนั้นสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายมากๆครับ  และขั้วฝั่งเสียงกับหูฟังจะเป็นแบบ 3.5 mm. ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง Edition X และ HE1000 ที่จะเป็นขั้วแบบ 2.5 mm. ครับ

ภาพรวมนั้น Sundara ถือว่าเป็นหูฟังอีกหนึ่งรุ่นในช่วงราคาสองหมื่นบาทที่มีความน่าสนใจตั้งแต่สเป็คภายนอกที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายตามยุคสมัย มีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และแม็ชชิ่งกับ source ได้ง่าย ฟังเพลงแบบ Audiophile แบบเต็มตัวได้อย่างยอดเยี่ยม หรือแนว Jazz ก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน และด้วยเสียงร้องที่จูนออกมาได้อย่างโดดเด่นจึงสามารถฟังเพลง Vocal หรือ Pop ที่เน้นเสียงร้องได้ดีอีกเช่นกันครับ

ราคานี้คู่แข่งของมันคือ HD660S แต่เสียงอาจจะไปคนละแนว ให้ลองฟังเปรียบเทียบกันดูว่าชอบแบบไฟน ตอนนี้ส่วนตัวผมติดใจตัว HD660S มากครับ หูฟังตัวอื่นๆนี่เอาเก็บหมดเลย 555

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ

กรี๊ดดดดดดดๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่เธอไม่รู้บ้างเลย

เข้ากรุงเทพรอบนี้ต้องไปแอ่วเรือธงซะแล้ว

ว่าแต่ LCD2C จะมาเมื่อไหร่ครับ น่าลองมาก 5555

รุ่นนี้ใช้สายร่วมกับ Sony Z1R, Z7 ได้มั้ยครับ?

ใช้สายร่วมกับ Sony Z1R, Z7 ได้มั้ยครับ?

สายอาจจะใช้ด้วยกันได้ครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ขอเทสเพื่อความชัวร์อีกทีครับ

ส่วน  LCD2C นั้นทาง Audeze จำหน่าย online ผ่านหน้าเว็บ  Audeze เองอย่างเดียวเลยครับ

AK100ii, AK120II ขับออกหมดมั้ยครับ

ถ้าใช้ได้นี่สาวกอารยธรรม+สาวกbalanced4.4+สาวกKimber Kableนี่มีเฮแน่นอน

ซะง้านนนนน

อยากได้ Audeze LCD-2C เหมือนกันครับ
แต่สั่งเอง อาจจะเสี่ยงไปไหมไม่รู้ 
เพราะเห็นว่า Audeze มีปัญหาเรื่อง Driver บ่อย
ถ้ามีปัญหาต้องจัดการเอง คงยุ่งมากเลย

ฟังได้ดีระดับนึงครับ ยังขาดนิดหน่อย AK100ii ผมต้องเร่งโวลุ่มประมาณ 110 ครับ 

จับคู่กับ AK100II แล้วโทนเสียงเป็นอย่างไรบ้างครับ

อิ่มหวาน เสียงกลางเนียนมาก ฟังสบาย โทนใกล้ๆ He400s แต่เบสดีกว่า Soundstage กว้างกว่าครับ

Sundara เทียบกับ HE560 ตัวไหนน่าใช้มากกว่าครับ

เรื่องเสียง 560 ยังเหนือกว่าแต่ต้องใช้แอมป์ตั้งโต๊ะฟังที่บ้าน แต่ถ้าอยากเอาไปฟังที่อื่นด้วย Sundara น่าใช้กว่า ต่อตรง DAP กำลังสูงหน่อยก็ขับหมดละครับ

ภาพรวม 560 ยังเป็นรุ่นสูงกว่าครับ  เเต่ถ้าแอมป์ไม่ถึง(560 ต้องการแอมป์ที่ดีมาก) ฟัง Sundara เพราะกว่าเยอะเลยครับ 

ได้ลองใช้กับสายบาลานซ์ของ Sony MDR-Z7M2 หรือยังครับ อยากรู้ว่าใช้ได้มั้ย ถ้าไม่ได้มีสายบาลานซ์รุ่นได้ใช้ได้บ้างครับ?