Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

มือใหม่ขอความรู้เรื่องการเสียบสายลำโพงในแบบต่างๆ ครับ (single wire - bi wire)

Think

15/01/2018 15:18:56
30



พึ่งเริ่มมาเล่นลำโพงบ้านครับ มือใหม่มากๆ อยากรู้ว่าการเสียบสายลำโพงในแต่ละรูปแบบ (ตามภาพ) ให้เสียงที่แตกต่างกันอย่างไร แล้วเพื่อนๆ ชอบแบบไหนที่สุดครับ ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

ตามนี้

15/01/2018 15:22:23
รอพี่หมูหวานเข้ามาตอบ ส่วนตัวผมเลือกแบบ 3 แต่ jumper ก็ต้องเลือกที่คุณภาพดีด้วยนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

RockDragon

15/01/2018 15:57:29
2,893
ตามนี้ครับ

https://www.audioadvice.com/content/2017/10/06/speaker-bi-wiring-bi-amping-explained/



พื้นๆสำหรับลำโพง 2 ทาง ที่มี Bi-Wire Terminal

ดีที่สุดคือ Bi-Amp ==> Bi-Wire Cable ==> Bi-Wire Terminal Spk

รองลงมา  Single Amp ==> Bi-Wire ==> Bi-Wire Terminal Spk

รองลงอีก  Single Amp ==> Single-Wire ==> Bi-Wire Terminal ใช้ Jumper

สุดท้ายเลยคือ Single Amp ==>  Single Wire  ==> Single Terminal Spk

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

ผมผ่านมา

15/01/2018 16:41:50
2 ดีสุดแต่เปลืองเงินสุดและสายต้องยี่ห้อ/รุ่นเดียวกันด้วย

3 รองลงมาถ้าให้ดีต้องเป็นสายยี่ห้อเดียวกันถ้ารุ่นเดียวกันจะดีมาก

1 แย่สุด(ขึ้นอยู่กับคุณภาพ jumpers)

แต่ถ้าดีสุดตามความคิดผมคือหาลำโพงดีๆที่เป็น single wire มาใช้เพราะคุณสามารถทุ่มเงินไปกับสายรุ่นแพงที่สุดเท่าที่ซื้อได้แค่คู่เดียวแล้วจบได้ ในแง่ของความกลมกลืนของเสียงโดยเฉพาะย่านกลางแหลม single มันก็ดีกว่า bi wire ด้วยครับ ส่วน bi wire จะได้ตรงความชัดเจนและอิมแพ็คของเสียงที่ดีกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

ผมว่านะ

15/01/2018 16:50:27
เห็นด้วยกับความเห็น 3 ครับ bi wire สมัยนี้มันเป็นกิมมิคที่ผู้ผลิตใส่มาเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้ามากกว่าเพื่อเน้นคุณภาพเสียง ลองฟังเทียบกันดูดีที่สุดครับ อย่าไปหลงยึดติดว่า bi wire เสียงดีกว่า single wire
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Artnoi

15/01/2018 17:45:44
425
อ่านเรื่อง bi-wire กับ bi-amp ก่อนครับ ย่อๆคือ bi-amp มาก่อน เป็นการแยกแอมป์เพื่อทำงานแต่ละช่วงความถี่เพื่อขับไดรเวอร์แต่ละตัวที่มีย่านการทำงานคนละความถี่กันเช่นวูฟเฟอร์กับทวีตเตอร์ แยกกันเพื่อลดความเพี้ยนและการสูญเสียพลังงานจาก crossover ส่วน bi-wire มีคอนเซปต์คล้ายๆกันก็คือต่อสายที่แยกสัญญาณกันครับ ถ้าที่แอมป์มันก็ออกมาช่องเดียวไม่แยกย่านความถี่กันอยู่แล้วก็ไม่มีประโยชน์ไรครับ
https://www.prosoundweb.com/topics/studio/the_audio_expert_part_3_common_audio_myths/

และสุดท้ายเรื่องสาย speaker wire และผลกระทบของมันแบบละเอียดยิบโดยหัวหน้าฝ่าย RD ของ McIntosh นะครับ http://www.roger-russell.com/wire/wire.htm
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

หมูหวาน

15/01/2018 18:58:02
573
ถ้าเป็นผมจะแนะนำให้เล่นแบบสุดท้ายครับ หลังๆมานี่หลายๆแบรนด์หลีกเลี่ยงการเดินสาย Bi-Wire ด้วยหลายๆสาเหตุครับ
แต่แบบที่ 3 ผมแนะนำให้ใช้ สายลำโพง กับสาย Jumper ยี่ห้อเดียวกันครับ และยิ่งถ้าเป็น Series เดียวกันด้วย จะให้ผลดีที่สุดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Furch

15/01/2018 18:59:38
624
Link นี้น่าสนใจครับ ลองเข้าไปอ่านดู โดยเฉพาะ comment ของ A.S. ที่เป็นเจ้าของ Harbeth มาตอบเอง น่าจะได้คำตอบที่เจ้าของกระทู้ต้องการ
จากที่ผมเคยอ่านผ่านตา  Dynaudio ก็ให้คำแนะนำในลักษณะเดียวกัน 

http://www.harbeth.co.uk/usergroup/forum/the-science-of-audio/speaker-design/181-biwire-terminals-and-sound-differences/page2?297-Biwire-terminals-and-sound-differences=&highlight=biwiring
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

เหน่งบา

15/01/2018 20:22:11
1,866
เข้ามาเสริมเรื่องน่าปวดหัวต่อจากผู้รู้ทุกท่านอีกนิดครับ

จากไบแอมป์เต็มรูปแบบที่ต้องมีactive crossover ตัดแบ่งช่วงความถี่ให้แอมป์สองตัวขยายสัญญาณ low กับ high(frequency) มีอยู่ช่วงนึงนิยมเล่น passive biamp กัน  ปรีหลายตัวให้ช่อง pre out มาสองชุด เพราะแม้ทฤษฎี จะบอกว่า passive biamp กับการต่อไบไวร์ มีผลไม่มาก แต่กับชุดที่ยังไม่ถึงไฮเอนด์ หลายชุด ก็ให้ผลลัพธ์โดยรวมที่ดี

ระยะหลัง วิธีที่ลงตัวจะเป็นการใช้jumper คุณภาพดี แต่ มันมีเรื่องให้เล่นอยู่นิดครับ
ในภาพซ้ายสุดที่คุณ Think เอามาตั้งกระทู้ จริงๆแล้วมันต่อสายลำโพงได้ถึงสี่แบบ 555
1.ต่อบวกกับลบ เข้า ช่องล่างทั้งคู่(มักเป็น low frequency ซึ่งต่อแบบนี้ ทุ้มจะมากกว่าวิธีที่ 2)
2.ต่อบวกกับลบ เข้า ช่องบนทั้งคู่ (มักเป็น hihg frequency)คือ เหมือนในภาพเลย แบบนี้ก็มักจะให้แหลมมากกว่าต่อวิธีที่ 1
3.เอาแบบค่อนข้างสมดุลย์ต่อลบเข้าช่องล่าง บวกเข้าช่องบน
4.ต่อลบเข้าช่องบน บวกเข้าช่องล่าง

วิธีที่ 3 กับ 4 น่าจะมีคนออกมาสรรเสริญผมว่า บ้า ประสาท มโน เพราะ มันจะต่างกันได้อย่างไร  บอกแค่ว่า ลองฟังดูครับ  ถ้าฟังแล้วไม่ต่าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ไม่ได้เสียตังค์เพิ่ม  แต่ถ้าฟังแล้วต่าง.....ก็เอาที่ฟังแล้วชอบครับ

อนึ่ง การต่อทั้งส่ีแบบ ผมไม่อยากบอกว่า วิธีไหนถูกหรือผิดนะครับ มันน่าจะไม่มีถูกผิด มันมีแต่ ชอบ กับไม่ชอบ ต่อให้ต่อสายเข้า Low freq.ทั้งคู่ หรือ high ทั้งคู่ แล้วชอบ ทั้งที่ก็ฟังแล้วมันสมดุลย์สู้ต่อแบบ 3 หรือ 4 ไม่ได้ ถ้าชอบซะอย่าง ก็เอาที่ชอบครับ  หากฟังแล้วมันแตกต่างกันทั้งสี่แบบ ก็คิดเสียว่า มันเป็นการ fine tune โดยไม่ต้องเสียสตางค์สักแดงเดียว

แน่นอนว่า แนวคิดเรื่องวิธีการต่อสายทั้งสี่แบบนี้ ย่อมมาประยุกต์ใช้/เล่นได้กับภาพที่สามที่อยู่ขวามือสุดด้วยเช่นกันครับ แต่มีจุดให้ระวังมากยิ่งขึ้น คือ ต้องไล่ทิศทางสายที่มาทำ jumperให้ดี และทำสัญลักษณ์ระบุทิศทางหัวท้ายไว้ให้ชัดเจน  เช่น ถ้าต่อด้วยวิธีที่ 3 ลบเข้าช่องล่าง ก็ต้องระวังทิศต้นปลายของสายที่มาทำjumperอย่าให้สะเปะสะปะเด็ดขาด เผื่อว่าสายมันเป็นช่วงที่ไม่มีสกรีนยี่ห้อให้เราสังเกตชัดเจน

ถ้าลองแล้วได้ผลอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ^ ^

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Draco

15/01/2018 20:27:50
424
ลำโพงคู่เก่าผมต่อแบบ 3 หรือ 4 ตามที่พี่เหน่งบาว่านี่แหละ  โชคดีว่าอัพลำโพงใหม่ รุ่นใหญ่ขึ้น มันเหลือแค่ single แหะ  สบายไป  555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 10

ผมว่านะ

15/01/2018 20:28:13
คห.8 จริงครับ ต่อสายผิดโชคดีก็ได้เสียงลำโพงกลับเฟสแต่ถ้าซวยขึ้นมาขั้วบวกขั้วลบแตะกันเมื่อไหร่ล่ะก็ บู้ม...!! กลายเป็นโกโก้ครั้นช์ 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

ลองดูครับ

15/01/2018 20:32:42
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

Think

16/01/2018 08:56:23
30
โอ้ววว ขอบคุณๆ ทุกๆ ความเห็นครับ อ่านเสร็จ บอกได้คำเดียว แทบสำลักข้อมูล 5555 งงมากๆ คงต้องใช้เวลาลองผิดลองถูก ลองฟังไปเรื่อยๆ ก่อนละครับ ตอนแรก ผมมีความเข้าใจผิดคิดว่า แบบที่ 2 ต้องดีที่สุดแน่นอน พอมาอ่านที่เพื่อนๆ บอก ชักไม่ใช่แล้วแฮะ 555 

(เข้าไปหาข้อมูลที่เพจของปิยนัส ฝั่งนู่นคนจะนิยม แบบ 3 กันเยอะเลย ส่วนตัวผมว่าเป็นแบบที่ดูสนุกดีครับ ผสมเสียงในแบบที่เราชอบได้)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

ผมผ่านมา

16/01/2018 10:58:48
จริงแล้วการต่อแบบ 3 มันก็เหมือนกับ single wire นั่นแหละครับเพียงแต่ว่ามันเป็น single wire ที่มันเชื่อมต่อกันภายนอกนั่นเอง ส่วนเรื่องจูนเสียงได้นั้นถ้าใช้ต่างยี่ห้ออย่าลืมฟังเรื่องความกลมกลืนต่อเนื่องของเสียงกลางแหลมด้วยนะครับอย่างที่ผมบอกให้ใช้ยี่ห้อ/รุ่นเดียวกันทั้งชุดดีที่สุดถ้าหาไม่ได้จริงก็เป็นรุ่นเล็กกว่าของแบบนี้ไม่มีไรผิดถูกอยู่ที่ความชอบครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

Nuy_musiclover

16/01/2018 11:46:03
96
มันต้องดูที่แอมป์ด้วยนะครับ  ถ้าแอมป์เป็น Bi Wire ต่อแบบ Bi Wire 4-4 จะเสียงดีมาก  แต่สายที่ใช้ต้องเป็นสายที่ออกแบบมาเป็น Bi Wire ซึ่งจะต่างจากการเอาสาย Single Wire สองเส้นมาต่อ  

ถ้าแอมป์เป็น Single Wire ต่อแบบที่ 1 หรือ 3 ก็เพียงพอครับ  แล้วแต่จะเลือกว่าให้เด่นที่ กลางแหลม (แบบที่ 1) หรือกลางต่ำ (แบบที่ 3) และเลือกใช้ jumpers คุณภาพดี ถ้าต่อแบบ 2-4 ผมเคยลองฟังเทียบกันกับชุดที่ใช้  เสียงต่างกันไม่มากนัก  ไม่คุ้มค่ากับราคาสายที่แพงขึ้น   
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 15

Think

17/01/2018 13:39:54
30
ขอบคุณครับ เป้าหมายผมคงมุ่งไปที่แบบที่ 3 ละ รอ งบพร้อม จะจัด สาย + jumper ของ MIT สักหน่อยครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

pockethifi

17/01/2018 16:25:09
161

bi-wire มีข้อดีมากกว่า single wire ครับ

หลักการ bi-wire ในทางอิเล็คทรอนิกส์ จะเหมือนการต่อวงจรไฟฟ้าแบบ star ground 
นักบัดกรีทุกคนจะรู้ว่าการต่ออุปกรณ์ในวงจร ถ้ารวมกราวน์ลากมาจุดเดียวจะดีกว่าใช้กราวน์เป็นแถบหรือบัสบาร์ยาวๆแล้วแยกย่อยไปแต่ละส่วน  สัญญาณไฟฟ้าที่ไม่ต้องการที่อาจเกิดขึ้นในวงจรทั้งสัญญาณรบกวน และ back emf (แรงดันไฟฟ้าจากลำโพงที่ไหลย้อนกลับ) จะได้ไหลลงกราวน์ได้เร็ว  ไม่ผ่านอุปกรณ์ตัวอื่นๆ

แต่ทั้งหมดทั้งมวล  bi-amp ดีที่สุดครับ  และต้องเป็น bi-amp ที่ใช้เพาเวอร์แอมป์รุ่นเดียวกันสเป็คเดียวกันด้วยนะครับ  เพื่อให้อัตราขยายทั้งหมดเท่ากันตลอด  การใช้ bi-amp ไม่จำเป็นต้องมี electronic crossover ก่อนเข้าแอมป์  เราสามารถต่อแอมป์ให้ขยายสัญญาณทั้งย่านความถี่ไปได้เลยแล้วไปให้ cross over ในลำโพงทำงานตัดแบ่งความถี่แทน   เพราะการตัดแบ่งความถี่ในระบบควรทำครั้งเดียว ซึ่งในลำโพงจะมีตัวตัดแบ่งความถี่อยู่แล้ว  ใช้ที่เดียวจะเสียงดีที่สุด  ออกแบบระบบง่ายที่สุด

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 17

Think

18/01/2018 08:54:49
30
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 16 - pockethifi

bi-wire มีข้อดีมากกว่า single wire ครับ

หลักการ bi-wire ในทางอิเล็คทรอนิกส์ จะเหมือนการต่อวงจรไฟฟ้าแบบ star ground 
นักบัดกรีทุกคนจะรู้ว่าการต่ออุปกรณ์ในวงจร ถ้ารวมกราวน์ลากมาจุดเดียวจะดีกว่าใช้กราวน์เป็นแถบหรือบัสบาร์ยาวๆแล้วแยกย่อยไปแต่ละส่วน  สัญญาณไฟฟ้าที่ไม่ต้องการที่อาจเกิดขึ้นในวงจรทั้งสัญญาณรบกวน และ back emf (แรงดันไฟฟ้าจากลำโพงที่ไหลย้อนกลับ) จะได้ไหลลงกราวน์ได้เร็ว  ไม่ผ่านอุปกรณ์ตัวอื่นๆ

แต่ทั้งหมดทั้งมวล  bi-amp ดีที่สุดครับ  และต้องเป็น bi-amp ที่ใช้เพาเวอร์แอมป์รุ่นเดียวกันสเป็คเดียวกันด้วยนะครับ  เพื่อให้อัตราขยายทั้งหมดเท่ากันตลอด  การใช้ bi-amp ไม่จำเป็นต้องมี electronic crossover ก่อนเข้าแอมป์  เราสามารถต่อแอมป์ให้ขยายสัญญาณทั้งย่านความถี่ไปได้เลยแล้วไปให้ cross over ในลำโพงทำงานตัดแบ่งความถี่แทน   เพราะการตัดแบ่งความถี่ในระบบควรทำครั้งเดียว ซึ่งในลำโพงจะมีตัวตัดแบ่งความถี่อยู่แล้ว  ใช้ที่เดียวจะเสียงดีที่สุด  ออกแบบระบบง่ายที่สุด

ขอบคุณครับ ความรู้ล้วนๆ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"มือใหม่ขอความรู้เรื่องการเสียบสายลำโพงในแบบต่างๆ ครับ (single wire - bi wire)"