เรื่อง Key Signature ที่บอกไว้ จะเป็น Concert Pitch ครับ จะตรงกับเครื่องดนตรีที่เป็นคีย์ C
ส่วนเครื่องดนตรีที่เป็นคีย์อื่นๆ  โน้ตของเครื่องดนตรีชิ้นนั้นๆก็จะถูก transpose ไป

อย่างเช่น Trumpet ซึ่งเป็นคีย์ Bb (เสียง โด ของทรัมเป็ต จะเท่ากับเสียง ทีb เมื่อเทียบกับเปียโน)
ดังนั้น โน้ตของทรัมเป็นก็จะคีย์สูงขึ้น 1 เสียง 
เช่น  Key Signature บอกเป็นคีย์ C 
แต่โน้ตของทรัมเป็ต เป็นจะเป็นคีย์ D เพื่อให้ระดับเสียงตรงกันครับ

ขอเติมนิดนะครับในความเห็นสองหมายถึง orchestra scoringน่ะครับเพราะแต่ละเครื่องโดยเฉพาะ brass, woodwind มันมีคีย์ประจำตัว(ความเพี้ยนจากระดับเสียงเดิม)ไม่ตรงกันครับ โดยเรานะเรียกระดับเสียงเดิมว่า concert Pitchเช่นพูดว่า c โน้ตที่ได้ยินก้คือc น่ะครับ และยังมีwritten pitchคือโน้ตที่เขียนให้เครื่องดนตรีที่ต้องปรับระดับเสียง(เพราะมันเพี้ยนไปจากเสียงconcert Pitch) ยกตัวอย่างเช่น Soprano saxophone เป็นเครื่อง in Bb หมายความว่าเครื่องนี้เสียงจะตำ่กว่าปกติ1เสียงเต็มครับเพราะงั้นเพลงในคีย์c majorเราให้มันเล่นc ไม่ได้เพราะเสียงที่ได้จะเป็นBb เพราะงั้นถ้าเราจะให้มันเล่นเสียงเป็นคีย์c majorต้องเขียนคีย์ D Majorเพื่อที่เวลามันเล่นเสียงจะเป็น C majorเม่ากับคนอื่นๆครับ เพราะงั้นโน้ตในD majorที่เขียนให้เครื่องดนตรีนี้เรียกว่า written pitchครับ

กลับมาสู่เรื่องที่ถามนะครับในเพลงของบาคนั้น ตามประวัติศาสตร์ของปัจจุบันโน้ตมันไม่ครบนะครับและไม่สมบูรณ์ด้วยในบางเพลง เอาจริงๆปัจจุบันนี้เพลงของขาดหายไปมากกว่า100เพลงที่ยังหาไม่เจอนะครับส่วนที่หาเจอบางเพลงก้ขาดแหว่งไม่ครบต้องให้ลูกศิษย์มาตีความหรือเสริมเติมแต่งส่วนที่ขาดไปและโดยมากเพลงตั้งแต่ยุค rainassianceถึง pre baroque, Baroque(ยุคที่บาคอยู่) การรวบรวมโน้ตนั้นยากมากครับ เพราะฉะนั้นมีหลายเพลงที่ตีพิมพ์มาจากหลายสำนักแต่โน้ตต่างกันหรือรายละเอียดเรื่องจังหวะต่างกันทั้งที่เพลงเดียวกันก็มาครับ การที่บอกว่าไม่ระบุจังหวะนั้นน่าจะมาจากสำนักพิมพ์ไม่ลงละเอียดว่าจะไม่ระบุเนื่องจามันไม่อยู่ในต้นฉบับส่วนการเล่นเร็วหรือช้านอกเหนือจากโน้ตนั้นมาจากการตีความของ Conductor ล้วนๆครับ

มีครั้งหนึ่งผมต้องไปเล่นในวงแบบ Baroque ผมเล่น Harpsichord ให้วงสองวงครับเพลงเดียวกันเลยครับ เป็น overture ในยุคBaroqueแต่เล่นกันคนละเรื่องเลย อีกวงเร็วจี๋เลยครับจังหวะ Allegro troppo กับอีกวงเล่นแค่ Adagioเพื่อให้มันรู้สึกอลังการและเข้มแข็ง ซึ้งในโน้ตมันไม่ระบุจังหวะเพราะงั้นการตัดสินใจมาจากconductorล้วนๆครับ (โดยเพลงที่ระบุจังหวะมานั้น บางคนก้ตีความต่างนะครับแต่จะไม่มากแบบนี้นะครับ)

มีเรื่องเล่ากันว่า Antonin Dvorak 
ตอนแต่งเพลงสมัยเด็ก ๆ เคยเขียนพาร์ทวงไม่ได้ transpose key ให้เครื่องดนตรีในวง
ปรากฎว่า พอเล่นก็เกิดการอลเวงทันที
เวลาผ่านมา
Dvorak ได้ชื่อว่าเป็นคีตกวีที่ Orchestration ที่เก่งมากคนหนึ่งครับ


Pitch ของวงนั้น เวลาตั้งเสียง มักจะเริ่มจาก Oboe เป็นหลักครับ 
สาเหตุน่าจะมาจากเสียงที่โดดเด่นได้ยินชัดในวง
บางครั้งวงก็ปรับเสียงจากมาตรฐาน A=440Hz ไปก็มีครับ
เพราะผลทางฮาร์โมนิคของเสียงหรือผลทางความรู้สึกในการรับรู้ก็มี

อย่างกรณี กีตาร์ บางครั้งการตั้งสายโดยเลือก ความถี่อื่น ๆ 
ก็มีผลทางด้านเสียงครับ อย่างเช่น A=432Hz เท่าที่ผมลองเล่นดู
ก็พบว่า ฮาร์โมนิคสอดประสานเหมือนเสียงไพเราะกังวาลขึ้น
แถมเล่นง่ายขึ้นด้วย เพราะสายหย่อนกว่าเดิม

ส่วนเรื่องสปีดของเพลงนั้น เป็นเรื่องของการตีความครับ
เพราะ Andante ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน
หรือการใช้คำกำกับขยายความ เช่น เร็วเหมือนไฟ เร็วอย่างร้อนรน
หรือช้าแบบยืดยาด ช้าแบบเพลงร้อง (Cantabile)
ก็ยังต้องแล้วแต่ผู้เล่น หรือ คนคุมวง
การตีความเป็นเสน่ห์ของเพลงคลาสสิคครับ ทำให้อยู่ยงคงกระพันต่อกาลเวลาได้ขนาดนี้

คุณ kapkonak เยี่ยมมากครับ เล่นเพลงโปรดผมบ้างหรือเปล่า
Brandenburg Concerto No. 3 ครับ

ขอเสริมความเห็นสามนะครับ ที่ใช้โอโซนในการจูนให้เครื่องอื่นก่อนเพราะว่าลักษณะเสียงคับ เนื่องจากโอโบเป็นเครื่องลักษณะ Cylindical หรือทรงกระบอกน่ะคับ (เครื่องwoodwind มีสองแแบคับ Conicalทรงกรวย กับ Cylindicalทรงกระบอก) ทำให้oboeเป็นเครื่องที่ harmonic ไม่ครบคือharmonicเลขคู่มีแต่พวกเลขคี่ไม่มีครับโดยผลจากเรื่องนี้คือทำให้โน้ตที่มันเล่นเข่นตัว A มีความชัดเจนและไม่ถูกรบกวนจาก harmonic serieตัวอื่นครับ 

คุณความเหนสามเล่น classical guitar หรอคับ สุดยอดเลยคับ :)