ออกกำลังกายและกินแต่เนื้อวัวกับผัก ครับ

วันนี้ผมจะขึ้นชั้น 5 แต่อยากลดพุง  เลยใช้เดินขึ้นบันไดแทน  เดินได้สามชั้นหอบแฮ่กๆ ขาล้าไปหมด สุดท้าย เหลืออีกแค่สองชั้น ต้องกดลิฟท์อยู่ดี555

ลดแป้ง+ คารดิโอ ครับ

https://youtu.be/NekBpn5tDCw

ส่วนตัวหากอยากจะลดน้ำหนักผมจะใช้วิธีควบคุมอาหารเป็นหลักครับ

คิดแบบง่ายๆคืออย่าให้แคลอรี่เข้ามามากกว่าที่ออกไปครับ
เช่น วันหนึ่งๆต้องใช้พลังงาน 2,200 แคล ก็อย่ากินให้เกิน 2,200 แคล
สมมติวันนี้กินแค่ 2,100 แคล เท่ากับวันนี้เราได้ผลกำไรจากการติดลบแคลมา 100 แคล
ซึ่งการสะสมผลกำไรจนถึง 7,700 แคล เราจะได้โบนัสเป็นน้ำหนัก 1 กิโลกรัมที่จะหายไปจากร่างกายครับ

แต่ก่อนผมไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายก็ใช้การคุมอาหารอย่างเดียว
ตัวที่เน้นหนักสุดคือคาร์โบไฮเดรต นอกนั้นฟาดเรียบ
มื้อเช้ากินหนักแบบไม่ยั้งแต่ให้ครบห้าหมู่ กลางวันเบาแป้งลง เย็นแทบไม่แตะแป้งเลย
ผมเคยทำได้ 1 เดือนลงไปร่วม 8 กิโล พุงแฟ่บเลยครับ

ว่ากันว่า ถ้าอยากลดไขมันสะสม ต้องทำตัวให้เหมือนเด็กยุค 90 ครับ คือ กินน้อย ห่วงเล่น นอนยาว การันตี ยังไงก็ผอม 555

การจำแคลในอาหารมันค่อนข้างดูซีเรียส
เอาเป็นว่าตัวที่แคลโหดๆมักเป็นพวกแป้งกะน้ำตาล
เพราะฉะนั้นพวกโปรมือโปรตีนฟาดได้ไม่ยั้งครับ

จะเห็นได้ว่าแค่กาแฟเย็นแก้วเดียว

ต้องวิ่งจ๊อกกิ้งนานครึ่งชั่วโมงถึงจะสลายมันได้นะครับ ! 5555

อีกวิธีครับ
คือ งดกินจุกกินจิก

โดยกินข้าว เช้า เที่ยง เย็นปกตินี่แหละครับ
แต่ให้งดของว่างระหว่างวันให้หมดเลยครับ ใครติดกาแฟก็ให้กินกาแฟดำเพียวๆไม่มีน้ำตาล ไม่มีนม เอาครับ

ใครติดหวานแรกๆจะทรมาณหน่อย แนะนำว่าให้อมลูกอมแทนครับ เพราะลูกนึงอมได้นานมากกว่าจะหมด ทำให้เรารับแคลลอรี่ได้น้อยลง เพราะเสียเวลาในการละลายลูกอมในปากครับ หรือจะเคี้ยวหมากฝรั่งก็ได้ ยิ่งดีไปใหญ่ เพราะหมากฝรั่งกว่าจะหมดหวานก็นานอยู่ แต่ในกรณีผม ผมชอบลูกอมมากกว่า เพราะไม่เมื่อยปาก

และลูกอมและหมากฝรั่งนี่ แนะนำว่าให้เอาแบบที่มีน้ำตาลไปเลยครับ เพราะร่างกายเรามันจับได้ครับว่า หวานไหนมีแคลลอรี่ หวานไหนไร้แคลลอรี่  ซึ่งหวานแบบไร้แคลลอรี่นี่นอกจากกินแล้วร่างกายจะไม่สดชื่นแล้ว มันยิ่งกระตุ้นให้เราอยากของหวานๆมากขึ้นไปอีกครับ

ออกกำลังกาย  งดของหวาน มัน ทอด  และใช้แอฟบันทึก เช่น cal diary จะได้รู้ว่าในแต่ละมื้อ และทั้งวัน ได้รับพลังงานไปกี่แคลลอรี่ครับ

ควบคุมอาหารให้เป็นนิสัย พุงลดแน่นอนครับ ถ้าใจร้อนก็ออกกำลังกายพวกวิ่ง หรือปั่นจักรยานก็ได้ครับ การออกกำลังเป็นส่วนเสริมนะครับยังไงก็ต้องควบคุมอาหารครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

จริงๆปัญหาหลักๆ ของหนุ่มใหญ่  สปอร์ต ใจดี กทม มือถือถ่ายรูปได้ อย่างพี่สมเกียรติ น่าจะอยู่ที่พออายุเยอะ ระบบเผาผลาญในร่างกาย มันก็น้อยลงไปด้วยครับ

สมัยก่อนผมวิ่งไม่หยุด สองสามชั่วโมงได้สบายๆ เดี๋ยวนี้อย่างที่บอก  เดินบันไดสามชั้นก็แทบคลานแล้วครับ555

ผมว่าเรื่องการลดน้ำหนัก  มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ  อย่างที่ความเห็นบนๆบอกไป  แต่ที่มันยากที่สุด  คือวินัย และใจของเราเองครับ  ไม่ต่างอะไรกับการเลิกบุหรี่  เทคนิคดีแค่ไหน  ถ้าแพ้ใจตัวเอง ก็ไม่มีประโยชน์ครับ

เสริมท่านอื่นๆที่บรรยายกันไปครบถ้วนแล้ว หลักการสำคัญๆก็มีพี่น้องท่านอื่นว่าไปหมดแล้ว
ดูวิธีซิทอัพให้มีหลายๆท่าครับ  เสิร์ชหาในเน็ทดู เอาท่าที่ทำได้  แต่ละท่าไม่ต้องเยอะมาก แต่ต้องทำต่อเนื่อง
ได้ผลดีกว่าซิทขึ้นลงท่าเบสิกอย่างเดียว
ตอนที่ผมทำ มันช่วยให้เห็นเป็นรูปธรรมได้จริงๆ คือมีแนวโน้มจะมีเอวได้เลย
แต่ผมไม่ได้ทำมาหลายปีแล้วครับ.....T^T  เรื่องมันเศร้า...

มาเป็นกำลังใจให้พี่สมเกียรติครับ ^ ^
http://petmaya.com/chinese-family-weight-loss

อยากลดพุง ต้องพยายามงดเอาอะไรใส่ปากครับ 555

ผมเคยพบว่าการกินมื้อเดียว มื้อเย็นไม่กิน ไอ้นู่นก็กินไม่ได้ ไอ้นี่ก็กินไม่ได้ อันนี้ต้องคุม อันนั้นต้องลด


สุดท้ายช่างแม่งดีกว่า 5555

ไว้พุงแต่พองาม อย่าให้น้ำหนักเกินเยอะจนน่าเกลียด แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ สำหรับผมเลิกผันเรื่องหุ่นดีแล้วครับ 555

ผมใช้วิธี กินครึ่งเดียวครับ และงดน้ำหวานทุกชนิด  
ได้ผลนะครับ ลดได้เยอะเลยครับ ลดไป 16 โลใน 4 เดือน

ออกกำลังเป็นเรื่องยากครับ  แค่จะหาเวลามานอนยังยาก ออกกำลังจึงยากกว่า 
ออกกำลังเสียเงินครับ เสื้อ ชุด รองเท้า และสถานที่ ใช้เงินทั้งนั้น

ลดการกินครับ เงินเหลือ
ของเคยกิน 1 จาน กินแค่ครึ่งจาน
ข้าวห่อซื้อไว้ตอนเช้า แบ่งกิน 2 มื้อ
กาแฟเย็นทุกวัน งดไปเหลือเงินเดือนนึงเป็นพัน
ลดอาหารครึ่งนึงครับ เงินเหลือ น้ำหนักลด พุงลด ตอนนี้ต้องไปรื้อเสื้อสมัยสิบปีที่แล้วมาใส่

ข้อดีของการคุมอาหารอย่างจริงจังนอกจากเงินเหลือแล้วก็คือ กินอะไรก็อร่อย
แล้วให้รางวัลตัวเอง สัปดาห์ละมื้อครับ บุฟเฟ่ต์ที่ไหนก็ได้ 
เพราะกินหนักแค่ 1 มื้อ จาก 21 มื้อ  มันเปลี่ยนผลลัพธ์ไม่ได้ 
เช่นเดียวกัน กินน้อยแค่ 1 มื้อ จากนิสัยการกินเยอะกินดะทั้งสัปดาห์ ก็เปลี่ยนผลลัพธ์ไม่ได้เช่นกัน

ผมติดใจคำว่า "มือถือถ่ายรูปได้"  นี่มันหมายถึงอะไรครับ 555

ผมคุม อาหาร ทาน สลัด กับ อกไก่ หรือ เนื้อหมู ทอดด้วยเครื่องทอด ไม่ใช้น้ำมัน บวกวิ่ง และปั่น จาก 98 ผมเหลือ 75 kg ภายใน สามเดือน ครับ ข้อสำคัญคือ อย่า อด จน ไม่อิ่มนะครับ ไม่งั้น ตะบะแตก โยโย่ แน่นอนครับ ทานได้ แต่ต้องเลือกทานนะครับ เช่น ถ้าอยากทานระหว่างมื้อ จริงๆ เปลี่ยนขนม เป็นผลไม้ที่น้ำตาลไม่สูง แทน หรือพวกถั่ว ครับ นานๆ ทาน ขนมบ้างให้หาย โหย ครับ ข้าวทานพวกข้าวกล้อง ไรซ์เบอรี่แทน จะอยู่ ได้นานกว่าครับ ทุกวันนี้ผมทานแบบที่อาจารย์ Ahura บอกเลยครับ เช้าจัดเต็ม กลางวัน low carb เย็น no carb จริงๆ คุมอาหาร บวกออกกำลังกายเพิ่ม เดือนนึง ก้อน่าจะเห็นผล แล้วนะครับ พอเห็นผล มันจะมีกำลังใจ ไปต่อเองครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

วิธีที่ผมทำได้ผลมาแล้ว

1. อาหารเย็นกินก่อน 6 โมงเย็น พออิ่ม หลังจากนั้นไม่กินอาหารใด ๆ กินน้ำอย่างเดียว ระยะแรกจะรู้สึกหิว เห็นใครกินก็อยาก ต้องทนแล้วจะชิน
2. ออกกำลังกายวันละ 30-60 นาที ทุกวัน ในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียง ผมหาท่าเอาจากในเน็ตที่ชอบใจ 5-6 ท่า มีท่าดัดตน โยคะ วิ่งอยู่กับที่คล้ายจอ๊กกิ่ง อย่างละท่าสองท่าเอามาผสมกันให้ถูกจริตของเรา แนะนำท่าที่ช่วยไม่ให้ปวดหลังได้ด้วย 1-2 ท่า ส่วนที่เหลือให้ได้เคลื่อนไหวทั้ง แขน ขา ร่างกาย แรกๆทำตอนทุ่ม-สองทุ่ม ปัจจุบันทำตอนตื่นนอน

วิธ๊นี้จะต้องใช้เวลานาน แต่ผลคงอยู่กับเรานานเหมือกัน (แต่ต้องไม่เลิก) ระยะแรกจะดูเหมือนว่าไม่ได้ผล แต่จะสังเกตุว่าน้ำหนักจะเริ่มทรงตัว ถ้ามีไขมันส่วนเกินไม่มากก็จะเห็นว่าลดน้อยแต่ถ้ามีไขมันมากจะลดเยอะ
ก่อนผมทำน้ำหนัก 64 กก. (สูง 167 ซม.) บ้างครั้งจะมีการขึ้น ทำจนเหลือน้ำหนัก 60-62

ถ้าจะให้ผลเพิ่มขึ้นต้องออกกำลังเพิ่ม ผมเพิ่มด้วยการปั้นจักรยานในตอนเย็น ประมาณ 20 กม./วัน ตอนนี้นำหนักอยู่ที่ 57 กก. กินอย่างไรก็ไม่เกิน 58-59 บางช่วงกินน้อย ลงไปที่ 56
ที่จริงการปั่นจักรยานก็ไม่ได้ทำทุกวัน แต่สัปดาห์หนึ่งก็ไม่น้อยกว่า 4 วัน แล้วแต่ความสะดวก

การกินน้ำขิงชงร้อนๆ ทุกเช้าแทนเครื่องดื่มอื่นๆ ก็ช่วยในการลดน้ำหนักได้ แต่ต้องกินเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจ 2-3 เดือน แต่ถ้าถึงจุดที่รู้สึกว่าลดมากเกินไปก็ต้องหยุดกิน รู้สึกจะมีผลในการระบายท้อง ซึ่งระยะหลังผมต้องเลิกกินเพราะระบายมากเกินไป กินอะไรเข้าไปก็พานจะต้องเข้าห้องน้ำ

วิธีที่ผมปฏิบัติก็เหมาะกับอายุที่เรียกว่า สูงวัย ถ้าอายุน้อยกว่าก็ปรับความเข้มข้นเพิ่มขึ้น

แต่ผมว่าการคุมอาหารตอนเย็นจะมีผลมากๆ ซึ่งปัจจุบันผมทานอาหารเช่น ข้าวขาหมู หรือพวกมีไขมันได้โดยไม่ต้องกลัว ล่าสุดตรวจร่างกายก็ไม่มีปัญหาพวกไขมันหรือเบาหวานแต่อย่างไร

ก่อนปั่นจักรยานก็มีความดันสูง ถึงแม้จะมีการออกกำลังก็ยังเป็น ต้องกินยาควบคุม ขนาดกินยาคุมยังมีสูงอยู่บ้าง ปัจจุบันหลังจากปั่นจักรยานเข้าเดือนที่ 5 นี่ ความดันเริ่มดีขึ้นอยู่ในระดับปกติ คาดว่าเกิน 1ปี คงเลิกกินยาคุมความดันได้ เพื่อนผมหลายคนหลังจากปั่นจักรยานเลิกกินยาคุมความดันกันแล้ว แต่การเลิกต้องให้แพทย์สั่งนะครับ

หวังว่าจะเป็นแนวทางให้ได้บ้างนะครับ

ผมก็จำมาจากที่เขาเรียกพวกป๋าๆ นะครับ555  สมัยก่อนตอนมือถือยังไม่ได้มีกล้อง ทุกรุ่นเหมือนอย่างทุกวันนี้  มือถือใครมีกล้องเลยค่อนข้างจะดูป๋าครับ555

เหมือนค่ำว่า  อวทม  ที่แต่ก่อนใช้กันนะครับ555

แนะนำเทรนด์การวิ่ง "เท้าเปล่า" ครับ

แต่เนื่องจากหนังเท้าเราไม่ได้หนาอย่างพวกนักวิ่งเอธิโอเปีย จึงต้องใส่รองเท้ากันกรวดหิน เศษแก้วตามถนน

ซึ่งรองเท้าที่ให้ความรู้สึกเท้าเปล่ามากสุดคือ Vibram Five Fingers ครับ

ผมใช้มาเกือบเดือนแล้วฟินมาก เหมือนได้กลับไปวิ่งสนุกเหมือนตอนเป็นเด็กอีกครั้ง ทั้งที่ขาซ้ายผมมีเหล็กและน๊อตฝังอยู่ 11 ชิ้น และที่ตาตุ่มฝังน๊อตอีก 3 ตัว แต่ใช้รองเท้าปราศจากการซัพพอร์ตใดๆวิ่งวันละ 5 กิโลเมตร

แนวคิดของ Vibram ก็คือ "ร่างกายของมนุษย์คือเทคโนโลยีที่ดีที่สุด" ดังนั้นพวกรองเท้าซัพพอร์ตโคตรๆอย่าง Adidas Ultraboost เลยต้องนอนกล่องยาวครับ ^ ^

ป.ล. ช่วงนี้ตามชอปน่าจะยังลดราคาให้พอจับต้องได้อยู่นะครับ

ใช้ app กับมุมกล้องช่วยครับ

เคยจับๆ มาหลายรอบละ ... ไม่แน่ใจ ดูมันแปลกๆ 

แต่เคยอ่านใน forum ฝรั่ง เขาก็ว่าดี 

สงสัยต้องจัดสักคู่

ใหม่ๆผมก็กลัวครับ ไหนจะน้ำหนักตัวเยอะ ไหนจะเคยขาหัก 3 ท่อนมาแล้ว ไหนจะอายุเยอะอีก
เลยคิดว่าถ้าจะวิ่งต้องใช้รองเท้าที่รองรับและปกป้องเท้าแบบนุ่มนวลสุดๆ

แต่ผมเริ่มลังเลเมื่อได้ยินเรื่องการวิ่งเท้าเปล่า
- นักวิ่งเอธิโอเปียได้เหรียญทองโอลิมปิก 2 ครั้งด้วยการวิ่งเท้าเปล่า
- คุณโยชิ (ประธานชมรมเท้าเปล่าไทย) วิ่งข้ามอเมริกา 5,000 กม. ด้วย Vibram
- คุณป๊อก (วิ่งข้างตูน) ปกติวิ่งด้วย Vibram และนำเข้ามาขายเองด้วย (แต่ก้าวคนละก้าวเขาใช้ Vibram วิ่งแค่ 200 กม. ด้วยเหตุผลเชิงเทคนิค) 

ความจริงกลับกลายเป็นว่ารองเท้าซัพพอร์ตแสนแพงที่ใช้วิ่งอยู่กลายเป็นผู้ร้ายที่ทำให้อาการบาดเจ็บจากการวิ่งมันลุกลามจั้งแต่ฝ่าเท้า เข่า ไปจนถึงหลังครับ

ในขณะที่ Vibram ถ้าวิ่งแบบกระจุยกระจายมันสร้างความเจ็บปวดถึงแค่น่องเท่านั้น แต่กิจกรรมการวิ่งกลายเป็นเรื่องสนุกมาก

ลองศึกษาวิธีวิ่งเท้าเปล่าก่อนตัดสินใจซื้อครับ

ขอดูพื้นรองเท้าด้านล้างหนอ่ยครับอาจารย์

ขออภัยมีแต่กล้องเบลอๆนะครับ

ของผมเป็นรุ่น KMD Evo พื้นจะใช้แบบเอนกประสงค์กับทุกกิจกรรม พื้นเฉอะแฉะก็ไม่ลื่นครับ

ฝ่าเท้าก็จะกว้างตามเท้าเพื่อกระจายแรงกระแทกตามธรรมชาติ ไม่ใช่บีบเท้าให้อยู่ในกล่องแบบรองเท้าวิ่งทั่วไปที่เสริมส้นหนา ทำให้เท้าอยู่ในสภาพอ่อนแอครับ

ตัวนี้พื้นแบบ V-Run ใช้สำหรับวิ่งทำความเร็ว รุ่นนี้ก็กำลังลด 50% อยู่ตอนนี้ครับ

เห็นด้วยกับ อ.Ahura ครับ

ผมว่าไม่เฉพาะกับวิ่งเท่านั้นครับ แต่การเดินก็ด้วย รองเท้าของผมแทบทุกคู่จะเน้นพื้นเรียบบางๆ ให้ใกล้เคียงกับการเดินเท้าเปล่าที่สุด ผมรู้สึกว่าเดินได้นานกว่า ที่สำคัญไม่เมื่อย เคยใช้รองเท้าแตะตามแฟชั่นคู่ละหลายพัน แต่ต้องทิ้งก่อนพัง เพราะไม่ไหวจริงๆ ที่ใส่ประจำตอนนี้ก็ Keen รุ่นพื้นบางครับ ส่วนรองเท้าทำงานก็ Camper ครับ เท่าที่ใส่มารู้สึกจะเหมาะกับผมที่สุด จำพวกพื้นนุ่มๆนี่ไม่ไหว

กลับมาที่ 5นิ้วที่ลด 50% ลองหาดูในเวบแล้วไม่เจอครับ ไม่ทราบว่าซื้อได้ที่ไหนครับ กำลังสนใจจะเริ่มวิ่ง(ช้อมๆเดินเร็วๆวันละ 3-4โลได้สักเดือนแล้ว กำลังหารองเท้าวิ่งอยู่พอดี

กลับมาที่การลดพุง ผมก็ปัญหาเดียวกับเจ้าของกระทู้ครับ อ้วนเร็ว แก่เร็ว โดยเฉพาะหลังๆมานี้ รู้สึกว่าแก่เร็วมากขึ้นกว่าปกติมาก เหมือนร่างกายมันเสื่อมลงเร็วมาก หันมาลงทุนกับจักรยาน(หมดไปเยอะเหมือนกัน) ก็ติดปัญหาอันตรายบนท้องถนน พักหลังเลยหันมาฟิตเนส ตอนนี้จะเริ่มวิ่งบ้างแล้ว

ร้านใหญ่สุดของ Vibram อยู่ Central World ด้านลิฟท์แก้วชั้น 4 แถวๆ Supersports ครับ
ส่วนร้านที่นำเข้าคือ Rev Runnr มีสาขาอยู่เซนฯปิ่น, เมกะบางนา, พารากอน ที่เหลือจำไม่ได้ครับ

ตัวที่ลด 50% จะเป็นตัวปี 2016 ส่วนปี 2017 จะลดอยู่แค่ 20%
ตัวพื้นจะมีหลากหลายชนิดมากตั้งแต่ถนนลาดยาง กรวดหินดินทราย กลางแจ้ง ปีนเขา ฟิตเนส ฯลฯ
แต่สุดท้ายแล้วเอามาวิ่งได้ทุกตัวแหละครับ ขึ้นอยู่กับชอบสีหรือลวดลายแบบไหน

การลองใส่ต้องให้นิ้วเท้าที่ยาวที่สุดชนขอบพอดี (บางคนนิ้วชี้ยาวกว่านิ้วโป้ง) ไม่ควรโอเวอร์ไซส์เพราะรองเท้าจะขยายตามรูปเท้าเองครับ มีถุงเท้านิ้วขายด้วยแต่แพงมาก 550 บาท แต่ผมไม่ใส่ถุงเท้านิ้วหลังวิ่งเสร็จก็โยนรองเท้าลงเครื่องซักผ้าได้เลยครับ

ถ้าไม่ใช่นักวิ่งอาชีพที่เท้าแข็งแรงแล้ว คนเริ่ม Vibram ใหม่ๆควรใช้แต่น้อยและค่อยๆเพิ่มระดับการวิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เอ็นและพังผืดในเท้ามันแข็งแรงมากขึ้นตาม อย่าหักโหมวิ่งบนคอนกรีตเลยตั้งแต่แรกให้เดินเร็วก่อนหรือวิ่งบนสนามหญ้าไปก่อนครับ

ส่วนการลงน้ำหนักเท้าให้จินตนาการว่าพื้นมันร้อนเป็นไฟ ดังนั้นต้องใช้วิธีฝ่ายกเท้าเร็ว ไม่ใช่การกระแทกลงไปแบบรองเท้าวิ่งซัพพอร์ตทั่วไป ซึ่งการวิ่งแบบ Barefoot Running เป็นวิธีที่กล้ามเนื้อบาดเจ็บจากการวิ่งน้อยที่สุดครับ

ป.ล. ตอนแรกผมคิดว่าการวิ่งเท้าเปล่าทำให้ตัดปัญหาการซื้อรองเท้าวิ่งแพงๆไปได้
แต่กลายเป็นว่านักวิ่ง barefoot บางคนมี Vibram เป็นสิบคู่ 555

ลองดูคุณเคซัง ชมรมวิ่งเท้าเปล่าดูครับ

ข้างบนคงได้ข้อมูลกันค่อนข้างครบเครื่องแล้วล่ะครับ ผมเสริมให้อีกนิด คือ นอกจากออกกำลังกายอื่นๆ แล้ว อย่าลืมซิตอัพด้วยนะครับ หน้าท้องจะแบนราบเลย ถึงจะไม่เน้นซิกแพค แต่มันช่วยให้หน้าท้องแบนจริงๆ ครับ เพราะกล้ามเนื้อมันกระชับ

ต้องถามเกจิอาจารย์หมูหวานครับ

ไปจีนมา 4 วัน กลับมาพุงยุบครับ เหตุผลไม่มีไรมาก คนที่ไปด้วยเค้าเลี้ยงดี ผมกินแต่กับข้าว กับ เหล้าจีน

ข้าว แป้ง น้ำตาล ถ้างดได้ พุงยุบแน่นอน

เคยถามหมูหวานว่าทำยังไงถึงหุ่นดี แกบอกว่ากินไข่ต้มกับกล้วยทุกเช้า  งดแป้ง 

ถ้าพี่สมเกียรติเน้นลดพุงอย่างเดียว  ไม่ลองหากิจกรรมอะไร  ที่ต้องใช้เอวทำเยอะๆดูเหรอครับ

ผมว่าแวะเรือธงบ่อยๆ ตามใจตัวเอง  อย่ายับยั่งชั่งใจในการซื้อ  พุงก็จะลดเองอัตโนมัติแล้วคับ :P

ตอนนี้กำลังทำตามคลิปนี้อยู่ครับ 555