ไฟล์เพลงครับ

ทั้งด้านคุณภาพของเสียงและความหลากหลายของไฟล์เพลงครับ

สำหรับผม ถ้าจะให้น้ำหนักกับอะไรในชุด โดยที่ราคาพอๆๆกัน ยังไงต้องเลือกหูฟังก่อนครับ

จะอยู่จะไป จะดีมากน้อย ต้องได้หูฟังดีๆก่อน เพราะมันกำหนด sound signature เลยครับ 555


คือชอบไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับหูฟังมากกว่าอย่างอื่นครับ

หูฟังครับ

ต้องกระทัดรัด พกพาสะดวกไว้ก่อนครับ  

เป็นไปได้ถ้ามีรีโมทคุมมือถือได้ด้วยยิ่งดี

สำหรับผมการพกพา ต้องคล่องตัวไว้ก่อนครับ คุณภาพเสียงมาเป็นอันดับ2

เฮียพูดมาก็ถูกครับ(ถูกต้องมากด้วย) เพราะหูฟังคือตัวหลักๆที่กำหนดแนวเสียง
แต่ส่วนตัวผมฟังเพลงได้ทุกแนวก็เลยเลือกไฟล์เพลงเป็นหลัก
อ่อ ..คำว่ากลางๆในแต่ละส่วนสำหรับผมก็ประมาณนี้นะครับ
1.เพลเยอร์ราคาไม่เกินหมืน
2.หูฟังไม่เกินหมื่น
3.แอมป์/แดคแอมป์ไม่เกินหกเจ็ดพัน
4สายสัญญานต่างๆไม่เกินห้าพัน
5.ไฟล์เพลงไม่เกิน 320kbps

หูฟังอันดับแรกที่จะเน้นก่อน โดยคัดจากเสียงเป็นอย่างแรก อย่างที่สองคือการสวมใส่ และสุดท้ายคือคาดการณ์ปริมาณการใช้งานว่าบ่อยแค่ไหน
หูฟังที่จะซื้อมาต้องมีครบทั้งสามอย่าง หรืออยู่ตรงจุดตัดของทั้งสามข้อ ก็คืออาจจะไม่ได้เลือกตัวเสียงเทพแต่เลือกตัวที่เสียงโอเคแต่ใส่สบายใช้งานสะดวกกว่าก็ว่ากันไป

อันดับสองเพลเยอร์ ใช้งานง่าย การควบคุมถูกใจ กำลังขับดี ไม่ค่อยงอแงก็โอเค

อันดับสามไฟล์เสียง ใจจริงอยากจะให้เป็น FLAC ขึ้นไป แต่บางเพลงหาได้แค่ MP3 320K ไม่ก็ M4A iTune ก็พออนุโลมให้ได้แค่นี้

อันดับสี่ แอมป์หรือ Dac/Amp ผมมี NX1A ที่ทำให้การจัดวางสเตจดีขึ้น และเคยลองฟัง Aune B1 ที่ให้ความไหลลื่นและอิมเมจชิ้นดนตรีใหญ่ขึ้นจนน่าทึ่ง
แต่ผมชอบความสะดวกเลยไม่ค่อยสนใจเล่นพวกแอมป์เท่าไหร่

อันดับห้า สายสัญญาณต่างๆ สำหรับผมมันเอาไว้แก้อะไรเล็กน้อยซะมากกว่า แต่ถ้าเลือกไม่แมชชิ่ง เสียงก็ออกมาห่วยได้เหมือนกัน เลยไม่ได้เล่นสายพวกนี้เลย

ผมมองภาพรวมก่อนคับ ... ว่าเราอยากได้เสียงแบบไหน แล้วค่อยเลือกอุปกรณ์ตามแนวเสียงที่ชอบ

ผมจะเริ่มจากหูฟังก่อน แล้วค่อยหาว่าอะไรเข้ากับหูฟัง ตามแนวเสียงที่เราชอบ

หูฟัง > player(dac) > แอมป์(dac+amp) > สายสัญญาณ

โดยไม่ทำให้ภาพรวมเสีย ... เช่นไม่เลือกอะไรที่จับคู่แล้วไม่ work หรือทำให้เสียงเด่นไปด้านใดมากเกินไป

แต่วิธีการที่ผมแนะนำ ... ต้องยืนพื้นอยู่ว่า เรารู้ตัวเอง ว่าเราชอบเสียงแบบไหนก่อนนะคับ เพราะถ้าเรายังลองฟังไม่มากพอ เราอาจจะไปรู้ตัวที่หลังว่า เราชอบเสียงแบบใหม่ที่ได้ยิน ซึ่งหมายความว่า เราต้องมาเริ่มเลือกอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด

1 หูฟังครับ เลือกให้เหมาะกับกิจกรรม
1.2 ถ้าหูฟังขับยาก ก็จะใช้แอมป์ ผมเน้นแค่ (1) แรงพอ (2) output impedance < 8x load impedance ปกติผมพก FiiO A5 ครับ
2. เครื่องเล่น ต้องมีเพลงที่อยากฟังครับ ส่วนใหญ่ผมใช้ iPod classic
3. DAC ในกรณี analog output ของเครื่องเล่นมีปัญหา eg Hidizs AP60 มีปัญหา low freq roll off ก็ต่อมันกับ FiiO E17k ก็จบ

พูดยากครับ ขึ้นกับว่ามีอะไรอยู่ในมืออยู่ก่อนแล้ว

ถ้าไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย โดยธรรมชาติ ก็ต้องเลือก (หูฟัง + DAP) ก่อน คือต้องเลือกพร้อมกัน เพราะมันต้องจับคู่ให้เข้ากันให้ได้เสียงที่ตัวเองชอบก่อน (ถ้าไม่มีเรื่องงบมาเกี่ยวนะครับ) จากนั้นก็ต้องเลือก AMP ตามด้วยสาย m2m  หรืออาจจะย้อนกลับมาอัพเกรดสายหูฟังก็ไม่ผิด ขึ้นกับสถานการณ์ ส่วนไฟล์เพลง คงจะเลือกไม่ได้เพราะใช้วิธีดูดเค้ามาครับ   

ผมให้น้ำหนัก 2 อย่างนี้มากสุดคือต้นทางกับปลายทาง แทบจะบอกได้ว่าเป็นตัวกำหนดแนวเสียงของระบบเลยก็ว่าได้เรียงตามลำดับเลยครับ
1.หูฟัง ก็อย่างที่เฮียและทุกท่านว่าครับ sound signature กำหนดจากตรงนี้ เปลี่ยนหูฟังก็เปลี่ยนรสชาติในการฟังเพลง ไม่แปลกที่หลายท่านจะมีหูฟังมากกว่า 1 ตัวเพื่อฟังเพลงคนละแนวโดยเฉพาะครับ
2.เครื่องเล่น/dac ตัวนี้ขอเสียงแนวกลางๆแฟลตรายละเอียดดีๆไว้ก่อน ใช้งานง่ายพอครับ

ส่วนที่เหลือพวกสายต่างๆผมให้เป็นน้ำจิ้มคอยเติมความกลมกล่อมของระบบ และไฟล์เพลงบางที่เลือกไม่ได้ผมใช้วิธีเปลี่ยนหูฟังแทนผมมีหูฟังที่ไว้ฟังเพลงที่บันทึกมาไม่ดีโดยเฉพาะคือกราโด้ sr125i ตัวนี้ไม่ขี้ฟ้องฟังอะไรก็นัวไปหมดครับ ส่วนพวกแอมป์ต่างๆขอให้ขับไหวแนวเสียงกลางๆไว้ก่อนครับ

ขออภัยตอบไม่ตรงตามโจทย์

สำหรับผมใช้การผสานกันทั้งระบบในการฟังเพลง
หมายความว่าไม่มีส่วนใดดีที่สุด หรือเหนือกว่าส่วนอื่นครับ

ซึ่งผมแบ่งออกเป็นสามระดับเป็นชุดๆไป
- ระดับต่ำ  ไฟล์เพลง lossless ธรรมดาๆ, หูระดับเริ่มต้น + สายสต๊อก, เพลเยอร์ระดับเริ่มต้น 

ซึ่งในระดับนี้ไม่ต้องการความละเอียดอะไร ฟังแบบ music lover เพลินๆ ประกอบกิจกรรมต่างๆให้ไม่น่าเบื่อ และ ไม่ต้องมาสนใจเนื้อหาของเพลงมากมายอะไร ทุกส่วนในระบบจึงไม่มีส่วนใดโดดเด่นหรือเหนือกว่าส่วนอื่น (ดีไปก็ไม่ค่อยช่วยอะไรและสิ้นเปลืองเกินจำเป็น)

- ระดับกลาง  ไฟล์เพลง hi-res, หูระดับดี + สายอัพเกรดระดับกลาง  , เพลเยอร์ระดับกลาง 

ในระดับนี้ค่อนข้างต่างจากระดับอื่นคือให้หูฟังมีน้ำหนักมากสุด สายอัพเกรดเอาแค่พอเติมจุดด้อยนิดๆหน่อยๆ ไฟล์เพลงคุณภาพดี เครื่องเล่นถ่ายทอดรายละเอียดได้ดี เพื่อฟังในแบบ audiophile ต้องการความอภิรมย์จากดนตรีอย่างเต็มที่ ไม่มีกิจกรรมอะไรมากวนใจ

- ระดับสูง  ไฟล์เพลง DSD, หูระดับสูง + สายอัพเกรดระดับสูง, เครื่องเล่นระดับสูง

ในระดับนี้จะคล้ายกับระดับต่ำคือทุกส่วนสำคัญเท่ากันหมด ไม่มีส่วนใดด้อยหรือสร้างจุดบกพร่องในระบบ
เพื่อการเสพสุนทรีย์ขั้นสูงสุด ใกล้เคียงกับการฟังการแสดงสด หรือดึงรายละเอียดในการบันทึกเสียงออกมามากที่สุด สร้างอิมเมจได้มากสุด ซึ่งทุกส่วนมีความจำเป็นต้องรีดประสิทธิภาพระหว่างกันให้มากที่สุด

ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญคือการ matching ส่วนต่างๆให้ตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของเรามากกว่าครับ การเทงบหรือให้ความสำคัญเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งอาจไม่ได้เสียงที่ดีอย่างในระดับที่ควรก็เป็นได้ครับ (เช่น หูฟังดีมาก ไฟล์เพลงแย่ เครื่องเล่นแย่ เป็นต้น)

ความเห็นส่วนตัวนะครับ 
อันดับ1 เครื่องเล่นที่ดีที่สุดที่ทุนทรัพย์จะอำนวย
อันดับ2 ไฟล์เพลงคุณภาพสูง
ส่วนหูฟังซื้อพวก500มีทอน มาลองเล่นไปเรื่อยๆครับ
แบบนี้จะประหยัดเพราะไม่เปลี่ยนเครื่องเล่นบ่อยๆ
ไม่เบื่อง่ายเพราะเปลี่ยนหูฟังแนวเสียงก็เปลี่ยน 

ส่วนตัวเลือกหูฟังก่อนเลยครับ มีผลมากสุด ถ้าได้หูฟังแล้วส่วนอื่นๆ ก็จะตามมาเองครับ

หูฟัง > DAP > สาย > ไฟล์เพลง

ถ้างบจำกัด และเริ่มจากไม่มีอะไรเลย.....

ยสตน. เอ้ย! คหสต. ผมตัด "แอมป์/Dac Amp" กับ "สายสัญญาณต่างๆ" ออกครับ เปลือง...... เอาเป็น DAP 1 ตัว กับหูฟังขับง่ายๆ 1 ตัว ส่วน "ไฟล์เพลง" ผมแยกต่างหาก ไม่รวมในสมการ เพราะไม่ว่าจะซื้อหรือโหลดก็หาได้ไม่ยากนัก รวมถึงเราไม่ได้ซื้อทีเดียว แต่ทยอยซื้อไปเรื่อยๆ จึงไม่นับรวมเป็นทุนในการเริ่มเล่น (ก็คงหาดีที่สุดเท่าที่จะหาได้อยู่ดี 5555)

ทีนี้อยู่ที่ประเภทหู.....ถ้าเป็นหู Earbud ผมจะลงงบที่ DAP เยอะหน่อย เพราะ Earbud ราคาถูกๆเสียงดีๆมีให้ลองเยอะมากเลยครับ ลองกันเพลิน
ถ้าเป็น IEM ก็อาจจะครึ่ง-ครึ่งระหว่างหูฟังกับ DAP อันนี้ต้องไปลองอีกที
แต่ถ้าเป็น Full Size อาจต้องลงงบหูฟังมากหน่อย เพราะ Full Size จีนราคาถูกๆเสียงดีๆ ยังไม่ค่อยรุกตลาดหนักเท่า Earbud กับ IEM คงต้องยอมลงงบตรงนี้มากกว่าหูประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ถ้าให้เลือกหูฟังได้ตัวเดียวเท่านั้น ผมคงเลือก IEM เพราะฟังได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าอยู่บ้าน ขึ้นรถไฟฟ้า หรือไปไหนฟังได้หมด Earbud นั้นไม่กันเสียง ส่วน Full Size พกไปนอกบ้านลำบาก

ถ้าคิดจะอัพเกรดทุกอย่างนะคะ ความเห็นส่วนตัว ให้น้ำหนักหรือลำดับแบบนี้

1.หูฟัง และไฟล์เพลง
ตอนแรกจะตอบว่าหูฟังอย่างเดียว แต่เจอมากับตัวเอง ว่าหูฟังบางตัวแม้ราคาไม่สูงมากแต่ขี้ฟ้องพอสมควร ถ้าเจอไฟล์เพลงแย่ๆ มีสิทธิ์​พากันลงเหว พาลฟังไม่ได้ เลยคิดว่า 2 อย่างนี้น่าจะมาด้วยกัน
ถ้ายังไม่มีหูฟัง หรือจะเลือกซื้อหูฟังสักตัว น่าจะเตรียมไฟล์เพลงดีๆ ไปลอง
อีกสาเหตุที่ให้น้ำหนักกับหูฟังมากกว่าเพราะหลายท่านอาจนำหูฟังไปใช้กับเครื่องเล่นที่หลากหลาย หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟน ซึ่งเครื่องเล่นส่งผลต่อเสียงก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้บุคลิกเสียงของหูฟังตัวนั้นเปลี่ยนไปเป็นหูฟังอีกตัว จึงให้น้ำหนักไปที่หูฟังก่อนค่ะ

2. DAP เป็นตัวช่วยเสริม

3. Amp และสายอัพเกรด เป็นผงชูรส หรือเครื่องปรุง

คำนิยาม ข้อ 2 กับข้อ 3 นี่ หยิบยืมท่านหนึ่งมาค่ะ (^ ^)​

ขออภัย ตกไปข้อนึง คือตนเองจะเลือกหูฟังที่ขับไม่ยาก ทำให้ลืมนึกไป

ถ้าเลือกหูฟังตัวที่ขับยากๆ คงต้องมีแอมป์อยู่แล้ว  หรือซื้อหูฟังพร้อมแอมป์ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาสนทนากันครับ คงไม่มีใครตอบถูกหรือผิดเพราะแต่ละคนอาจจะเน้นไม่เหมือนกัน

ต้องเรื่มที่หูฟังก่อนครับ เพราะ colour มากที่สุดแล้ว ชอบคือชอบ ไม่ชอบคือเกลียดเลย

จากนั้นค่อยมาที่ HP amp (ถ้าจำเป็น) แล้วจบที่ DAP

ปล. แต่ถ้าใครที่เล่น DAP ก่อน มักจะเป็นคนที่มีหูฟังหลายตัวแล้ว

DAP > หูฟัง > AMP,DAC/AMP > สายสัญญาณ,สายหูฟัง ตามลำดับครับ

เห็นด้วยมากๆครับ ขอคาราวะ

หูฟังต้องดี มันถึงจะเสียงคมชัด

หูฟังคับ
นึกภาพได้มือถือจีนฟรีมาจากค่ายมือถือ ระหว่าง เอาชุดเครื่องเสียงชุดละล้าน+แผ่นเสียง ฟังผ่านหูฟังแถม กับ เอามือถือฟรีนั่นโหลดJoox แชร์ฟรี VIP ฟัง Hifi ผ่าน MX985 ไม่ก็ Monk plus คับ ส่วนตัวผมให้น้ำหนักตัวหลังคับ