ราคาสายกับราคาลำโพงมันได้สัดส่วนกันรึเปล่าครับ

ได้สัดส่วนพอดีคับผม

การจะเอาสายใหม่มาใช้ แล้วเสียงจะดีขึ้นไหมนั้นตอบแสนจะยากคับ  แม้ว่าสายนั้นจะแพงกว่าเดิมเยอะๆก็ตาม  เพราะอุปกรณ์แต่ละชิ้นมันมีแนวเสียงของมันเองอยู่

ผมแนะนำแบบนี้คับ เนื่องจากสายแบบนี้มันพกไปลองง่าย
1. สายเส้นเดิม  ตอนที่ฟังถามตัวเองก่อนว่า เสียงแบบเนี้ย  อยากได้อะไรเพิ่ม
2. ถือสายเก่าไปที่ร้านเลยคับ  ของลองกับลำโพงอะไรก็ได้ที่ร้านมี
3. ฟังเทียบกับเส้นที่คิดจะซื้อ  ว่ามันให้สิ่งที่เราอยากได้ ได้มากกว่าเดิมหรือเปล่า

สัดส่วนราคามันเป็นข้อแนะนำ  ถ้าเรามีงบพอ อยากซื้อ พอใจเสียง ก็ซื้อเถอะคับ  ผมเองใช้ mini-mini victoria  ต่อลำโพงคอม ราคา 2000 บาท  อยู่เหมือนกัน แหะๆ

เคยเห็นบางคนในเว็บนี้ใช้สาย m2m  ราคาแพงกว่าราคาแอมป์ที่ต่ออยู่ก็มีนะครับ (สาย ALO Reference 8 เส้นละ 9 พันกว่า แอมป์ Aune B1 แค่ 6 พันกว่า) ไม่ใช่เรื่องเสียหายครับถ้าเราโอเคกับเสียงมัน

ผมมองว่ามันoverkillเกินไปไม่คุ้มครับเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำแต่อาจคุ้มในระยะยาวเพราะวันข้างหน้าถ้าเรามีชุดอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้เราสามารถเอาสายนี้ไปเสียบได้ครับ

เสียงจะดีได้
- ไฟล์เพลงต้องคุณภาพดี
- Player ต้องคุณภาพดี
- DAC/Amp ต้องคุณภาพดี
- สายสัญญาณต้องคุณภาพดี
- หูฟัง/ลำโพงต้องคุณภาพดี
ถ้าดีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งมันก็จะไปเจอคอขวดอีกอย่างหนึ่งอยู่ดีครับ ลองนึกภาพหูฟัง Asaki อันละ 199 บาท ซื้อจากเซเว่นแล้วเอาไปโมเปลี่ยนสายเป็นสาย Nordost Heimdall ราคา 30,000 กว่าดูนะครับ (ผมแค่สมมุตินะคงไม่มีใครอุตริทำจริงๆหรอก)

ถ้ามีตังก์ซื้อก็ทำไปเถอะครับ ไม่ผิดอะไร เมื่อก่อนผมเคยเล่น Microlab X2 อยู่มันมีวิธีทำให้เสียงดีขึ้นโดยไม่ต้องซื้อสาย AQ ครับ เอาสายที่สั่งทำตามเว็บก็ได้ครับ  ถ้าต้องการเสียงแหลมๆเพิ่มขึ้น รายละเอียดเพิ่มขึ้นก็ซื้อสายที่มีส่วนผสมของเงินครับ ถ้าต้องการเสียงแบบมีเนื้อมีหนัง เบสเพิ่ม ก็เลือกสายที่มีส่วนผสมทองแดง  การใช้ DAC แบบ USB ช่วยก็มีผลต่อคุณภาพเสียงด้วยเหมือนกันครับ เช่นพวก Dragonfly (Black,Red)
บางคนก็อัพเกรดสายไฟของลำโพงแทนก็ได้เสียงที่ดีขึ้นได้เหมือนกันครับ

ต้องไปลองฟังด้วยตัวเองเลยครับ ถ้าสายดีแมทซ์กับลำโพงเสียงจะดีขึ้นเยอะเลยครับ
ตอนนี้ผมยังใช้หูฟัง KZ กับสาย plussound อยู่เลยครับ

ดีขึ้นแน่นอนครับ การซื้อสายแพงๆมันเหมือนเผื่ออนาคต คือตอนนี้ฟังลำโพงถูกมันยังไม่เห็นความต่างมากเพราะมันให้รายละเอียดได้ไม่มาก แต่พอเปลียนเป็นลำโพงแพงขึ้นจะยิ่งเห็นความต่างเข้าไปอีกเพราะลำโพงแพงให้รายละเอียดมากขึ้นอีกมันเลยฟ้องความบกพร่องของระบบได้ชัดกว่าลำโพงที่ถูกกว่าครับ ดังนั้นไม่แปลกครับที่บางคนเอาไปใช้แล้วมีผลไม่เท่ากัน

ลำโพงผมใช้ microlabเหมือนกัน
ผมใช้audio quest evergreen พันกว่าบาท เสียงดีขึ้นเยอะครับ
แต่dac ผมใช้Meridian มีปลั๊กกรองไฟพร้อม
หลายคนก็ว่าชุดผมไม่คุ้ม ทำไมลำโพงใช้แค่นี้ ผมเลยตอบว่า ส่วนมากผมใช้หูฟังครับ ลำโพงใช้แค่ดูหนัง เล่นเกมเท่านั้น ส่วนปลั๊กกรองไฟยังใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก แถมสายdac มันเผื่ออนาคตอัพลำโพงได้ครับ

ผมขออธิบายแบบนี้ครับ

การเล่นอุปกรณ์ฟังเพลงทุกชนิด ขอให้พิจารณาเลือกอุปกรณ์หลักให้ดีที่สุดก่อนเท่าที่จะทำได้ คือมีงบในใจเท่าไหร่ให้ซื้อตัวเลือกที่ดีที่สุดในงบที่เราตั้งใจ แล้วก็กลับมาเปิดฟังใช้งานตามปกติทั่วไป อาจจะปล่อยให้มีช่วงระยะเบิร์นอินก่อนซัก 50-100 ชั่วโมง

ในขณะเดียวกัน ให้พิจารณาเรื่องการจัดวางลำโพงก่อนที่จะทำอย่างอื่น กางวางตำแหน่งลำโพง ระยะห่างระหว่างตู้ซ้ายกับขวา ระยะห่างจากผนัง องศาที่ทำมุมกับหู การวางตำแหน่งซับวูฟเฟอร์ สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าอย่างอื่นทั้งสิ้นครับ

ส่วนสายนั้น ให้พิจารณาให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์หลักก่อน การซื้อสายลำโพง สายไฟ ที่มีราคาสูงหรือใกล้เคียงกับอุปกรณ์หลัก อาจจะได้ผลเรื่องความแตกต่างทางเสียงอยู่บ้าง แต่สำหรับผมถือว่าไม่ควรทำครับ เพราะไม่สามารถยกระดับของเสียงขึ้นมาได้เท่ากับการเลือกเปลี่ยนอุปกรณ์หลัก

อันนี้ใช้กับแนวทางอื่นได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง เป็นแอมป์ขยาย หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเครื่องเสียงครับ ^^