แนวเสียงเป็นไงครับ

แรกสุดเลย iGe นั้นมาในกล่องสีน้ำตาลทอง มียี่ห้อ GRADO สีเงินอยู่ด้านหน้า และเจาะช่องกลมๆไว้โชว์ให้เห็นตัวหูฟังข้างนึง แต่กล่องนี้จะใส่มาในกล่องพลาสติกใสอีกชั้นนึง ซึ่งความสำคัญของกล่องชั้นนอกนี้คือ ด้านหลังจะติดสติกเกอร์บาร์โค้ดและ serial number ของร้านมั่นคงเอาไว้ ดังนั้นจึงควรเก็บเอาไว้ให้ดี อย่าทิ้งนะครับ

@คห.ที่1 รอแป็บนะครับ ขอแกะกล่องให้เสร็จก่อนนะครับ 555

พอแกะกล่องพลาสติกใสชั้นนอกออก ก็จะเป็นกล่องตัวจริงชั้นในทำจากกระดาษแข็งหุ้มด้วยกระดาษสีน้ำตาลทอง ก็ดูสวยดีนะครับ

ก้มดูด้านล่าง จะเห็นชื่อบริษัท Grado Labs USA ชื่อรุ่น iGe และที่สำคัญ Made in China ชัดเจนมาก 555

พลิกดูด้านหลัง จะเห็นกรอบคำว่า Made for ...(เครื่องตระกูล i ต่างๆของ Apple)
ตรงนี้มีเรื่องเล่าครับ คือ Grado iGe นี้ เป็นหูฟังตัวแรกและตัวเดียวของแบรนด์(ในตอนนี้)ที่ใส่ปุ่ม control talk ให้ใช้กับเครื่องเล่นตระกูล i ของ Apple ได้
แต่ก็โดนแซวว่า กว่า iGe จะออกมาก็ปี 2016 ซึ่ง Apple ก็ได้ออก iPhone 7 พอดี และก็ตัดช่องเสียบหูฟังออกไปซะแล้ว.. 

พลิกกลับมาด้านหน้า แล้วเปิดฝาออก จะพบกับตัวหูฟังที่ใส่จุกมาแล้ว และจุกหูฟังที่แถมมาให้อีก 3 คู่ 3 แบบ และมีแผ่นพลาสติกใสปิดทับมาอีกชั้นกันกระจาย 
และก็คือแค่นี้แหละครับ ไม่มีเคสหรือซองใส่หูฟังใดๆแถมมาให้เลยนาจา...

ถ้าเอาพวกหูฟังและจุกออก ด้านในกล่องจะมีคู่มือการใช้งานขนาด 4 หน้ามาให้ หน้าแรกจะบรรยายสรรพคุณและ spec. ของหูฟัง  (สังเกตุว่า iGe นี้มี impedance 24 Ohms ครับ) หน้า 2-3 จะบอกการใช้งาน control talk และหน้าสุดท้ายจะบอกวิธีทำความสะอาดหูฟังครับ 

พอแกะตัวหูฟังออกมาก็เป็นแบบนี้ครับ ตัวหูฟังสีดำ สายสีดำถ้าคลี่ออกมาจะยาว 120 ซ.ม. มี control talk ที่สายหูฟังข้างขวา หัวแจ็คไม่ได้งอตั้งฉากเป๊ะๆ แต่จะมีมุมเฉียงขึ้นเล็กน้อยพองาม

เข้ามาดูใกล้ๆ ทรงหูฟังแบบนี้ดูคุ้นๆนะครับ.. จุกหูฟังที่ใส่มาให้เป็นแบบยางสองชั้น ที่ตัวหูฟังด้านนี้จะสกรีนตัวอักษร L R บอกข้างซ้ายขวามาให้ ด้านท้ายของหูฟังจะเป็นยางซึ่งจะหุ้มยาวลงไปถึงก้านที่ให้สายหูฟังลอดออกมา

ลองพลิกหูฟังดูอีกด้านนึง ที่ก้านหูฟังจะมียี่ห้อ GRADO ทั้งสองข้าง สังเกตุที่ตัวหูฟังจะมีรูเล็กๆเป็นช่องระบายอากาศด้วยครับ
เวลาเราใส่หูฟังด้านนี้จะหันออกข้างหน้านะครับ

ทีนี้ลองมาดูจุกหูฟังที่แถมมาให้กันบ้างครับ เรียงจากซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง
คู่แรกคือจุกโฟมสีดำ คู่ที่สองคือจุกยางแบบชั้นเดียวสีดำ และคู่ที่สามคือจุกยางแบบสองชั้นสีขาวซึ่งมีขนาดและรูปทรงเหมือนกับจุกคู่ที่ใส่มากับหูฟัง แต่คาดว่าจะทำมาจากเนื้อยางที่แตกต่างกัน

ครับก็แกะกล่องเสร็จไปแล้ว ถ้าไม่พูดถึงเรื่องเสียง ผมคงจะถูกหลายๆท่านรุมด่าแน่นอน..

จากที่ได้ลองฟังในชั่วโมงแรกๆที่แกะกล่อง ลองฟังง่ายๆกับ iPhone 6 กับจุกท่ีใส่มาให้ พอจะเล่าคร่าวๆได้ว่า เป็นหูฟังที่ให้เสียงโทนสว่าง ไม่มีขุ่นมัว เสียงกลางชัดเจน เวทีเสียงค่อนข้างกว้างไม่อึดอัด จุดเด่นที่สุดคือเสียงแหลมครับ ไปได้ไกลไม่มีกุด เสียงพวกฉาบแฉมาครบๆ ไปในแนวเดียวกับหูฟัง Grado รุ่นพี่ๆเค้าจริงๆ ส่วนเสียงทุ้มไม่ได้ใหญ่โต มีมาแบบพอดีๆ ฟังแล้วไม่ใช่หูฟังสายเบส แต่ทั้งนี้ต้องรอให้เบิร์นไปอีกสักระยะ และลองเปลี่ยนจุกดู เสียงอาจจะเปลี่ยนไปได้อีกครับ :-)

....น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไงก็รอฟังผลการเบิร์นอยู่นะคะ ว่าเสียงเข้าที่เข้าทางแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

มาอัพเดตครับ หลังจากที่เบิร์นมาเกินกว่า 100 ชั่วโมงแล้ว คิดว่าเสียงคงเข้าที่แล้ว ก็ยังสรุปได้เหมือนเดิมครับคือ Grado iGe มีแนวเสียงโทนสว่างสดใส เวทีเสียงกว้างดีทีเดียว โฟกัสตำแหน่งเสียงต่างๆดี เสียงร้องออกแนวชัดเจนไม่นุ่มหนามากนัก เสียงแหลมไปได้ไกลไม่กุดห้วน เสียงกรุ๊งกริ๊งมาแบบครบๆ แต่เสียงทุ้มไม่ใหญ่โตมากนัก มีแบบพอดีๆให้ฟังเพลง pop jazz ได้สนุกเพลิดเพลิน
แต่!! สิ่งสำคัญที่พบคือ ลักษณะของเสียงจะเปลี่ยนไปตามจุกหูฟังที่ให้มาด้วยครับ 
จุกยางสองชั้นสีดำที่ติดมากับตัวหูฟัง จะเน้นเสียงกลางแหลม แต่เสียงทุ้มจะไม่เด่นนัก
จุกยางสองชั้นสีขาว เสียงจะคล้ายกับสีดำ แต่เหมือนจะเน้นเสียงกลางแหลมให้จัดจ้านเจิดจ้าขึ้นไปอีกนิด แต่ก็ไม่เน้นเสียงทุ้มเหมือนกัน
จุกยางชั้นเดียว เสียงกลางแหลมจะลดความเจิดจ้าลงนิดนึง แต่ที่ได้เพิ่มมาคือมวลของเสียงกลางและเสียงทุ้มที่มีขนาดเพิ่มขึ้น (แต่ต้องใส่หูฟังให้แน่นสนิทจริงๆ) ทำให้ฟังเพลงต่างๆได้สนุกขึ้นครับ
ส่วนจุกโฟม จะทำให้เสียงโดยรวมดูซอฟลงไปอีก แถมปลายเสียงแหลมก็ถูกลดทอนลงไป ซึ่งผมไม่ชอบเลย จึงใส่ลองครั้งเดียวและไม่ได้ใช้อีกเลย
สุดท้ายจุกที่ผมชอบสุดคือจุกยางชั้นเดียว เพราะสามารถใส่ได้แน่นสนิทที่สุด ทำให้ได้มวลเสียงที่มากที่สุด เสียงทุ้มมากที่สุด โดยไม่เสียความสดใสของเสียงแหลม ก็ทำให้ฟังเพลงหลากหลายแนวได้สนุกขึ้นครับ

อ้อ ล่าสุดคุณแพะก็ได้ทำคลิปรีวิวหูฟังตัวนี้แล้วครับ ลองไปชมการรีวิวของมืออาชีพกันได้ครับ

และที่สำคัญ ทางร้านมั่นคงได้ตั้งชือใหม่ให้กับเจ้า iGe แล้วว่า "พระกาฬร็อคสตาร์" ครับ 555

รีวิวดีมากๆครับ  ชอบมากครับ

ลอดตาผมไปได้ไง 555 ขอบคุณมากๆๆนะครับ
ขอมอบเป็นหูให้ก่อนเลยคร้าบบ

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ in ear ของ Grado ปกติหาอ่านรีวิวยากด้วย อิๆ

ตัวนี้แนวเสียงเทียบกับ Ostry kc06 เป็นอย่างไรบ้างครับ

จริงครับ อินเอียร์กราโด้ หารีวิวยากจริงๆ  อาจเป็นเพราะขาดเสน่ห์ จากการบักกรี ยิงกาว ของเหล่าเจ้ๆก็ได้555

ขอบคุณมากๆๆครับเฮีย

อีกจุดหนึ่งของ iGe ที่ผมชอบคือ ขนาดจุกยางที่ใหญ่ และตัวหูฟังส่วนท้ายและก้านสายก็เป็นยางซิลิโคน จึงช่วยป้องกันตัวหูฟังได้หน่อยๆ เวลาใช้งานก็เลยไม่ต้องระวังมาก ก็เลยฟีลความอึดของหูฟัง Grado อยู่นิดๆครับ 555

ไปค้นเสี่ยอ๊อด KC06 มาฟังใหม่หลังจากเก็บไปนาน..
KC06 ใส่จุกรูเล็กขนาดกลาง ให้เสียงสว่างเจิดจ้า คมจัดชัดจริงทั้งกลางแหลม เสียงเบสแบบกระชับไม่บวม เวทีเสียงกว้างใช้ได้ไม่อุดอู้ ถ้าเปลี่ยนไปใส่จุกขนาดใหญ่ก็จะได้เบสลูกใหญ่ขึ้นแต่ก็จะแซงหน้ากลางแหลมไปหน่อย

สลับกลับมาฟัง iGe ความสว่างเจิดจ้าลดลง แต่เสียงกลางมีน้ำมีนวลกว่า เสียงแหลมลดความคมลงทำให้ฟังสบายหูกว่า เสียงต่างๆฟังมีมวลมากกว่าทำให้รู้สึกถึงมิติตื้นลึกได้ง่ายกว่าครับ

ถ้าต้องการอัพเกรดจาก Ostry kc06 ไป iGe จะเวิร์คไหมครับ เสียงห่างชั้นกันมากไหมครับ หรือไปเล่นตัวที่สูงกว่านี้ดีกว่าครับ?

อยากให้ไปลองฟังตัวจริงที่ร้านมากกว่าครับ เพราะสองตัวนี้ให้เสียงที่ต่างกันอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าคุณจะชอบเสียงของ iGe มั้ย และที่ร้านยังมีตัวอื่นๆให้ฟังเปรียบเทียบได้ด้วยครับ

ไม่มีโอกาศไปลองเลยครับ อยู่ ตจว.ครับ ขอบคุณมากครับผม

ผ่านไปเป็นปีแล้ว....
แต่ขอถามหน่อยครับ

ตัวนี้มีความใกล้เคียงรุ่นพี่ full size รุ่นไหนสักรุ่นไหมครับ อยากทราบแนวเสียง :)

ขอออกตัวก่อนว่า ผมก็เคยฟัง Grado ไม่กี่รุ่นนะครับ แต่ถ้าให้เทียบที่ใกล้เคียงน่าจะเป็น SR60 ตรงที่เสียงกลางมีมวลออกหนาหน่อยๆ (iGe ผมใส่จุกยางชั้นเดียวนะครับ) แต่ SR60 ได้เปรียบตรงที่มีมวลเบสลูกใหญ่กว่าเพราะเป็น onear แต่ iGe กลับมีเสียงแหลมมากกว่าไปได้ไกลกว่า และโทนเสียงออกสว่างกว่าหน่อยครับ

เมื่อไหร่จะเอารุ่นนี้เข้ามาอีกครับ เสียงถูกใจมาก แต่เสียดายรอตั้งนานไม่เอาเข้ามาซักที

ขอบคุณมากครับผมมม