เมื่อเสด็จตรงไปที่ประทับ ก็ทอดพระเนตรเห็นเก้าอี้ประทับ 2 ที่เหมือนๆกัน แต่ทว่า ที่ประทับที่หนึ่งขยับตัวเยื้องมาอยู่ข้างหลัง ไม่เท่าเทียมกัน สมเด็จฯจึงตรัสว่า ด้วยเพราะบ้านเราไม่เคยมียศตำแหน่ง “ศรีนครินทรา” มาก่อน จึงตัดสินพระทัยไม่ถูกว่าจะประทับที่ใดดี
ด้วยความ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” สมเด็จฯจึงทรงประทับลงเก้าอี้ที่ตั้งถัดเยื้องมาข้างหลัง

สักพักสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จมาถึง ก็ทรงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงประทับพระที่นั่งที่ตั้งเยื้องอยู่ข้างหลังและด้วยความตกใจของคนทั้งงาน เมื่อ “สมเด็จย่า” ทรงทรุดองค์ลงประทับกับพื้นทันใด แล้วทรงหมอบกราบสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พร้อมตรัสว่า

“หากสมเด็จฯไม่ทรงประทับที่เก้าอี้ตัวหน้า หม่อมฉันก็จะนั่งอยู่กับพื้นนี่แหละ จนกว่าจะเสร็จงาน”

สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีก็ทรงตกพระทัยเช่นกันที่สมเด็จย่าทรงประทับหมอบลงกับพื้น ท่านจึงตรัสกับนางสนองพระโอษฐ์สั่งให้เจ้าหน้าที่มาเลื่อนเก้าอี้ทั้ง 2 ที่ประทับให้มาตั้งเคียงเสมอกัน แต่สมเด็จย่าก็ยังไม่ทรงยอมอยู่ดี ตรัสขอให้อย่างน้อยที่ประทับของท่านเองนั้น ต้องเยื้องมาอยู่ที่ด้านหลัง หรือ “อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า” เช่นกัน

ภาพประกอบ : เจ้านายฝ่ายใน เสด็จบรรจุพระสรีรางคาร สมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า
บทความ : หนังสือ ดิฉัน จากคำตรัสเล่าของ ม.จ. ไกรสิงห์ วุฒิชัย
ที่มา : https://m.facebook.com/story.php…

บุคคลในภาพ ประกอบด้วย
๑. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
๒. สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗
๓. สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
๔. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
๕. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร
๖. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี
๗. พระสุจริตสุดา
๘. หม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช
๙. พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจครับ ( ลุงของชายหมู อดีต ผู้ว่า กทม )

งานบรรจุพระสรีรังคารพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ฯ
ณ วัดราชาธิวาส

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ คือ ไล่ลำดับยศไม่ถูกนั้นแหละ อีกท่านเป็นพระมารดาของพระเจ้าอยู่องค์ปัจจุบัน(สมเด็จย่า) อีกท่านเป็นพระราชินีในรัชกาลก่อน.. พอต้องออกงานพร้อมกัน ก็เลยไม่รู้จะนั่งตรงใหน พระราชินีในรัชกาล 7 ก็เลยทรงตัดสินพระทัยนอบน้อมถ่อมตนไว้ก่อน...โดยการไปนั่งเก้าอี้ตัวหลัง