อันนี้เป็นเรื่องที่ผมเขียนอธิบายให้รุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งแต่เห็นว่าดูมีประโยชน์ดีเลยนำมาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันในบอร์ดมั่นคงด้วยครับ
เรื่องหูฟัง ohm ต่ำขับง่ายนั้นมากจะเป็นเรื่องที่นักเล่นมือใหม่เข้าใจผิดกันเยอะ earbud ผมยกตัวอย่างง่ายๆล่าสุดก็ Audio Technica ATH-EC7 SV ที่เพิ่งขายไปละกันครับ 16 ohm เอง แต่โทษนะครับ sensitivity อยู่ที่ 100db จ้า ต่อตรงแล้วเห่ยมากๆ แต่ถ้าต่อ amp หูฟังตั้งโต๊ะดีๆนี่แจ่มเลย
เรื่องหูฟัง ohm ต่ำขับง่ายนั้นมากจะเป็นเรื่องที่นักเล่นมือใหม่เข้าใจผิดกันเยอะ earbud ผมยกตัวอย่างง่ายๆล่าสุดก็ Audio Technica ATH-EC7 SV ที่เพิ่งขายไปละกันครับ 16 ohm เอง แต่โทษนะครับ sensitivity อยู่ที่ 100db จ้า ต่อตรงแล้วเห่ยมากๆ แต่ถ้าต่อ amp หูฟังตั้งโต๊ะดีๆนี่แจ่มเลย
สาเหตุที่เป็นแบบนี้คือ impedance จะมากจะน้อยไม่มีผลกับกำลังขับครับ ถ้า impedance สูงขึ้นก็ต้องการแรงดัน (voltage) มากขึ้น กระแส (current) ลดลง กำลังขับของหูฟังอยู่ที่เท่าเดิมครับ การเพิ่ม ohm ไม่ได้ทำให้กำลังขับต้องการจ่ายมากขึ้นและการลด ohm ลงก็ไม่ได้ทำให้ต้องการกำลังขับน้อยลงแต่อย่างใด
แต่เดี๋ยว ถ้างั้นทำไมถึงมีคนทำสายหูฟัง ohm สูงออกมาล่ะ สาเหตุก็ตามสมการ P = I^2 * R ครับ ถ้าค่า impedance ต่ำก็ต้องจ่ายกระแสมาก เครื่องที่จ่ายกระแสสูงๆได้พอมีน้อย เลยต้องเพิ่ม impedance เพื่อลดการจ่ายกระแสและชดเชยด้วยแรงดันที่มากขึ้นแทนครับ
อย่างลำโพงบ้านเมื่อก่อนก็จะใช้ลำโพง 8 ohm กันเพราะ amp ไม่สามารถป้อนกระแสสูงๆได้ แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปเยอะก็เริ่มมีลำโพง 4 ohm มาสำหรับ amp ที่จ่ายกระแสไหว เครื่องเสียงบ้านเขาเข้าใจตรงกันหมดว่าลำโพง 4 ohm ขับยากกว่าลำโพง 8 ohm ครับ
แล้วทำไมไม่เล่นลำโพง 8 ohm ไปเลยล่ะครับ จะมาฝืนใช้ 4 ohm ให้ได้ทำไม สาเหตุก็เพราะการจ่าย current สูงๆได้ดีทำให้สัญญาณได้ dynamics ที่ทรงพลัง เข้มข้น หรือฟังดีกว่าครับ แต่เครื่องเสียงบ้านไม่สามารถแปลงไฟจาก AC มา DC ได้ current มากพอเลยทำไม่ได้เมื่อก่อน อันนี้คือพูดถึงลำโพงบ้านนะครับ
แต่กับหูฟังนั้นแนวคิดนี้จะคิดไม่เหมือนกันเพราะในกลุ่มหูฟังนั้นจะใช้กระแสไฟจาก battery เป็น DC current มาตรงๆสามารถป้อนกระแสได้ไว อย่างในเครื่องเสียงรถยนต์ก็ใช้ดอก 4 ohm กันได้สบายๆ
แต่เพราะเครื่องพกพาไม่สามารถจ่ายแรงดันสูงๆได้เพราะแบตมีแค่ 3.7V กันส่วนใหญ่ไม่เหมือนเครื่องเสียงรถที่ใช้ไฟ 12V ไหนจะต้องประหยัดไฟอีกเลยทำให้ audio output จ่ายแรงดันได้ต่ำ การใช้หูฟัง ohm ต่ำก็จะลดความต้องการของแรงดันลงมาทำให้ต่อตรงได้ง่ายขึ้น พอจ่ายกระแสไม่นิ่งพอก็ทำสายเพิ่ม ohm มาคุม load ลด noise ให้ดีขึ้นดังเช่นโปรเจ็ค Tiamat ของคุณตั้ม G-7 นี้
ดังนั้นจะเพิ่มหรือลด ohm ก็ไม่ได้ทำให้หูฟังขับง่ายหรือยากขึ้นครับ ส่วนเรื่องกำลังขับที่ต้องการจริงๆจะดูที่ sensitivity เป็นหลักมากกว่าครับ ซึ่งถ้าน้อยไปก็ต้องการกำลังขับที่สูงเน้นแรงดีเข้าว่า ถ้ามากไปก็ต้องการกำลังขับนิดเดียวเน้นคุณภาพในการควบคุมไม่ให้มี noise มากวนครับ
สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็มาจากการทดลองฟังแล้วเลือกซื้อตามความพอใจของเราอยู่ดีครับ ทุกวันนี้สินค้ามีมาก mix and match กันเต็มไปหมด ยิ่งสินค้า budget specs ต่างๆอาจจะเชื่อไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ขนาด sensitivity เองก็ยังมีที่ +- 5db ทำให้เสียงไวต่างกันได้ถึง 10db เลยทีเดียวครับ
ผมก็ไม่รู้ว่าข้อมูลเชิงวิชาการนี้จะมีประโยชน์กับใครได้บ้างแต่สำหรับผมเองก็ช่วยได้เยอะในการทำความเข้าใจว่าทำไมเสียงถึงออกมาเป็นแบบนั้นรวมถึงวิธีการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงชุดให้ถูกต้องตามหลักการณ์ที่ควรจะเป็น ใครนำไปใช้ประโยชน์ได้ผมก็ยินดีครับ