Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

มารู้จักนิยามเสียงในรูปแบบต่างๆจากข้อมูล graph frequency response กันดีกว่าครับ

Windows X

06/09/2017 00:55:54
337



ช่วงนี้วงการก็มีคนเล่นใหม่มาเก่าไปเยอะ ความรู้ต่างๆที่เคยแชร์กันในวงการก็เลือนหายไปตามกาลเวลา วันนี้ผมจะแนะนำสิ่งที่คนเล่นหูฟังส่วนใหญ่จะแนะนำกันในยุคเมื่อสิบปีก่อนเกี่ยวกับ sound signature หรือนิยามเสียงในรูปแบบต่างๆครับ
Flat: คือเสียงที่ดังเสมอกันทุกความถี่ โดยทั่วไปจะพยายามคงความถี่ให้เสมอกันทุกย่าน อย่างหู LCD2 และ DT770 จะให้ graph ที่ไปทาง flat มาเสมอกัน
Warm: คือเสียงที่ช่วงความถี่ต่ำจะตอบสนองไวเป็นลูกคลื่นเด่นมาในช่วงไม่เกิน 100Hz หูฟัง DT770 และ DT990 ที่มีคุณสมบัตินี้ก็จะมีความอุ่นอยู่นิดๆ
Bright: คือเสียงที่ช่วงความถี่สูงจะตอบสนองไวเป็นลูกคลื่นเด่นมาในช่วง 5-10kHz หูฟัง DT880 ที่มีความถี่ย่าน 5-10kHz ดังกว่าย่านอื่นๆชัดเจนก็จะติดสว่างหน่อย
U-shaped: คือเสียงที่ความถี่เสียงกลางช่วง 1-5kHz จะเบาบางกว่าย่านอื่นๆเป็นแอ่งลงมาหน่อย DT990 ก็จะออกไปทาง U-shape นิดๆ
V-shaped: คือเสียงที่ความถี่เสียงกลางช่วง 1-5kHz จะถูกดึงลงมาลึกกว่า U-shaped จนเป็นรูปตัว V กลางจะถอยลงมา เบสกับแหลมจะเด่นนำ ติดหูง่าย
ข้อมูลเหล่านี้สมัยก่อนนักเล่นจะดูกราฟของหูฟังที่วัดมาเพื่อดูว่า sound signature หลักๆของหูฟังจะตรงกับความชอบของเขาไหม ทุกวันนี้หูฟังรุ่นใหม่ไม่ค่อยออก graph frequency response มาให้ดูแต่ก็น่าจะพอใช้เป็นคำนิยามอธิบายเสียงเวลาคุยกันได้นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 20
ความคิดเห็นที่ : 1

ผู้มาเยือน

06/09/2017 01:39:31
ขอปรบมือให้ท่านเลยโพสต์นี้ ไม่มีใครมาหาเรื่องดราม่ากะท่านแน่ ความรู้ดีๆ แบ่งปันกันชอบๆถ้ามีเอามาเล่าสู่กันฟังอีกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

champ_korn

06/09/2017 08:56:18
2,143
ขอบคุณสำหรับกระทู้ความรู้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Hsung

06/09/2017 09:22:55
346
เอาสาระมาบอก จะดราม่าได้งัยครับ แต่จริงๆ โดยส่วนใหญ่ไม่มีหูฟังตัวไหน เทส Freq. res. แบบนี้ ยกเว้นหูฟังราคาแพง

เพราะมันมีต้นทุนค่าทดสอบ ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการฟังเป็นหลัก และที่สำคัญ การทดสอบแบบนี้มันเป้นการทดสอบโดยการไล่ทีละความถี่

ในช่วีตจริงเราไม่ได้ฟังเสียงแบบนั้น เสียง 1 เสียง ที่เราได้ยิน มีองค์ประกอบความถี่มากมายกว่าคาดไว้เยอะมากๆ

คืออยากจะบอกว่า ถึงแม้หูหัง 2 ยี่ห้อ จะมีค่า กราฟ Freq. res. ที่เท่ากันทุกประการ ก็ไม่ได้หมายความว่าเสียงที่ได้ยินจะเป้นเสียงเดียวกัน

ขึ้นอยู่ที่ว่าความถี่หลายๆ ความถี่ที่เกิดขึ้นของหูฟังตัวนั้น ตอบสนองออกมาเป้นอย่างไร ซึ่งไม่มีใครทำการทดสอบในลักษณะนี้

ดีงนั้น กราฟ Freq. res. สำหรับเราที่เป็นคนฟัง จึงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก หรือเพียงแค่เอาไว่ดูว่า

มันลงลึกได้ถึงความถี่ต่ำขนาดไหน และไปได้ไกลถึงความถี่สูงที่ค่าเท่าไหร่ 

 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 4

ellevoid

06/09/2017 13:15:16
220
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 3 - Hsung
เอาสาระมาบอก จะดราม่าได้งัยครับ แต่จริงๆ โดยส่วนใหญ่ไม่มีหูฟังตัวไหน เทส Freq. res. แบบนี้ ยกเว้นหูฟังราคาแพง

เพราะมันมีต้นทุนค่าทดสอบ ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีการฟังเป็นหลัก และที่สำคัญ การทดสอบแบบนี้มันเป้นการทดสอบโดยการไล่ทีละความถี่

ในช่วีตจริงเราไม่ได้ฟังเสียงแบบนั้น เสียง 1 เสียง ที่เราได้ยิน มีองค์ประกอบความถี่มากมายกว่าคาดไว้เยอะมากๆ

คืออยากจะบอกว่า ถึงแม้หูหัง 2 ยี่ห้อ จะมีค่า กราฟ Freq. res. ที่เท่ากันทุกประการ ก็ไม่ได้หมายความว่าเสียงที่ได้ยินจะเป้นเสียงเดียวกัน

ขึ้นอยู่ที่ว่าความถี่หลายๆ ความถี่ที่เกิดขึ้นของหูฟังตัวนั้น ตอบสนองออกมาเป้นอย่างไร ซึ่งไม่มีใครทำการทดสอบในลักษณะนี้

ดีงนั้น กราฟ Freq. res. สำหรับเราที่เป็นคนฟัง จึงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก หรือเพียงแค่เอาไว่ดูว่า

มันลงลึกได้ถึงความถี่ต่ำขนาดไหน และไปได้ไกลถึงความถี่สูงที่ค่าเท่าไหร่ 

 

ผมเห็นต่างนะครับเรื่องที่ว่าไม่ได้มีความสำคัญมากนัก เพราะถ้ากราฟที่วัดมาดีๆและเที่ยงตรงมันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าบุคลิคของหูฟังจะเป็นอย่างไร ซึ่งมันช่วยได้มากในการแยกแยะหูฟังกรณีที่บริษัทหรือคนทำหูฟังมาขายแล้วก็ไปจ้างคนให้มาอวยกันเยอะๆว่าเสียงดี เสียง flat เบสดี แหลมดี เทียบได้กับหูฟังแพงๆตัวนู้นตัวนี่ ฯลฯ ซึ่งถ้าเรามีกราฟที่วัดมาจากแหล่งเดียวกันมาเทียบดู ก็จะทำให้เรารู้ได้ว่าใครจริงใจ ใครพูดเท็จ ซึ่งสำหรับผมสิ่งที่สำคัญพอๆกับว่าหูฟังดีหรือไม่ดี ก็บริษัทที่ทำหูฟังกับคนที่มาอวยนี่แหล่ะครับว่าจริงใจกับคนใช้งานหรือผู้บริโภคจริงๆรึเปล่า

ปล. สุดท้ายนี้เปลี่ยนสายแล้วกราฟไม่เปลี่ยนนะครับ เพราะงั้นเราจะเชื่อใครดีนะ 555+

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 5

CHRONOADICT

06/09/2017 13:53:22
676

เห็นเร็วๆนี้ใน Innerfidelity กับhead-fi มีประเด็นว่าขัดแย้งเรื่องผลการวัดกราฟ แสดงว่าเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้วัดต่าง ผลก็จะต่างด้วยหรือไม่ครับ ถ้ายังงั้นมีสถาบันไหนให้ผลวัดอย่างเป็นทางการไหมครับ (เช่นนาฬิกามีมาตรฐาน COSC)

https://www.innerfidelity.com/content/head-fi-contradicts-innerfidelity-sony-mdr-z1r-measurements

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

ellevoid

06/09/2017 14:29:24
220
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 5 - CHRONOADICT

เห็นเร็วๆนี้ใน Innerfidelity กับhead-fi มีประเด็นว่าขัดแย้งเรื่องผลการวัดกราฟ แสดงว่าเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้วัดต่าง ผลก็จะต่างด้วยหรือไม่ครับ ถ้ายังงั้นมีสถาบันไหนให้ผลวัดอย่างเป็นทางการไหมครับ (เช่นนาฬิกามีมาตรฐาน COSC)

https://www.innerfidelity.com/content/head-fi-contradicts-innerfidelity-sony-mdr-z1r-measurements

ไม่มีครับ ปกติเมืองนอกจะมีพวก superuser หรือเว็บต่างๆที่มีอุปกรณ์วัดค่าแล้วเค้าก็จะวัดทำเป็นกราฟเก็บไว้รีวิวในเว็บตัวเอง เพราะงั้นปกติถ้าจะเทียบต้องเทียบกราฟจากเจ้าเดียวกันอุปกรณ์เดียวกันที่ทำการวัด แต่เอาจริงๆตอนวัดแค่วางหูฟังไม่ตรงกับรูหูของหัวเทียมกราฟที่ได้มาก็เพี้ยนแล้วครับ หรือตู้ปิดทำไม่ดีมีเสียงสะท้อนหรือเสียงจากภายนอกเข้ามาค่าก็ผิดเหมือนกัน

อย่างกรณีที่ยกมาปัญหาคือมีคนๆเดียวที่วัดค่าแล้ว smooth ไม่มี peak ประหลาด แต่คนอื่นเว็บอื่นเจ้าอื่น วัดค่าออกมาแล้วเจอ peak ประหลาดกันหมด แล้วคนอื่นก็บอกว่าเสียงมันประหลาดเพราะเจ้า peak ตรงนี้แหล่ะ ซึ่งอีกคนที่ไม่เหมือนชาวบ้านบอกว่าไม่มี๊ไม่มีๆๆๆๆ ก็เลยเป็นที่มาของดราม่าครับว่านายคนนี้จงใจวัดให้กราฟที่ smooth รึเปล่าเพื่อรีวิวอวย (เพราะแค่วางหูเยื้องๆกับหัวเทียมกราฟมันก็เพี้ยนละ) หรือไม่ก็เจ้าของบริษัทส่งหูพิเศษไปให้รีวิวซึ่งไม่เหมือนกับของที่วางขายรึเปล่า !! 

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 7

Windows X

06/09/2017 14:38:15
337
ผมเคยคุยเรื่องเป็น sponsor กับ Head-Fi มาก่อน ประทับใจในบริการมากมายครับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม graph ถึงประหลาดอยู่คนเดียว ฮาๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

Windows X

06/09/2017 14:39:25
337
ผมหมายถึงใน Head-Fi graph ไม่ประหลาดอยู่คนเดียวนะครับ ที่อื่นประหลาดกันเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

artpiggo

06/09/2017 15:18:09
15
เป็นความรู้ที่ดีครับพวกนิยาม sound signature ต่างๆ

แต่พวกกราฟ FR คือมันไม่มีสถาบันรับรองความถูกต้อง หรือการสอบเทียบเครื่องมือวัดหรือห้องที่ใช้ทำการวัดกราฟพวกนี้เลยน่ะครับ มันเลยไม่มีมาตรฐาน ก็เลยไม่รู้จะไปเทียบกันยังไง ถ้ามีสถาบันรองรับผลเหมือน ISO ก็ว่าไปอย่าง

สมัยก่อนผมก็ว่า เออดีนะจะได้รู้แนวเสียงแบบพื้นฐานของมันคร่าวๆ แต่หลังๆผมไม่สนใจอะไรเรื่องกราฟเลย เพราะความที่มันไม่มีมาตรฐานเดียวกันนี่แหละ กลายเป็นว่า กราฟถูกเอาไว้ชี้นำให้คนให้เห็นว่า นี่หูฉัน flat นะ หูฉันเบสไม่บวมนะ แหลมไม่ roll off นะ เพื่อเหตุผลประกอบในการค้าขาย หรือโฆษณาสินค้ามากกว่า

สุดท้ายก็ควรจะฟังเอง ค่อยๆเรียนรู้ หาชั่วโมงบินกันไปเรื่อยๆครับ



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 10

Hsung

06/09/2017 21:09:01
346
นอกจากจะดูเรื่อง frequency respsponse แล้ว จริงๆ เราต้องดูอีก 1 เรื่องครับ คือ  frequency sensitive นะครับ

เพราะหูฟังแต่ละตัว ปล่อยสัญญาณเสียงออกมาแต่ละความถี่ไม่พร้อมกัน ขั้นกับความซับซ้อนของ parameter network ของหูตัวนั้น

เรื่องนักวิจารณ์เครื่องเสียง ผมมองว่าไม่ต่างกับนักวิจารณ์อาหาร อวย ไม่อวย ชอบ ไม่ชอบ เพราะ ไม่เพราะ เราอาจไม่เห็นด้วยแบบที่เค้าพูดก็เป็นได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 11

Draco

06/09/2017 23:44:21
424

จริงๆการจะช่วยให้ดูกราฟแล้วเข้าใจมากขึ้น  แปลผลได้ดีขึ้น เราจะต้องพอทราบด้วยว่า เครื่องดนตรีหรือเสียงที่ได้ยินมันมีความถี่อยู่ในช่วงไหนคับ  ส่วนมากเราจะไปเข้าใจกันเองว่า กลองมันมีแต่ความถี่ต่ำ  หรือเครื่องเคาะมีแต่ความถี่สูง  แต่จริงๆ เครื่องดนตรี หรือเสียงร้องมันมีหลายย่านความถี่ปนๆกันออกมา  การที่กราฟมันสูงหรือต่ำในบางช่วงความถี่ ทำให้พอจะบอกลักษณะเสียงของหูฟังได้ระดับนึงเลยหละคับ

ข้อมูลประกอบ
http://blog.sonicbids.com/the-ultimate-eq-cheat-sheet-for-every-common-instrument

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 12

Artnoi

06/09/2017 23:53:41
425
นอกจาก frequency response แล้วเราต้องไม่ลืมด้วยนะครับว่าหูเราได้ยินความถี่ในแต่ละช่วงไม่เท่ากันในแต่ละความถี่และแต่ละความดัง!

ส่วนที่บอกว่าเสียง 1 เสียงมีความถี่มากมาย จริงๆหากเราซอยช่วงเวลาให้สั้นพอ เช่น 44100 ครั้งต่อวินาทีสำหรับไฟล์เพลงมาตรฐาน CD ณ จุดเวลาตรงนั้น จะมีความถี่แค่อันเดียวครับ แต่เพราะมันซอยเร็วมาก และคนเราก็ไม่ได้มีประสาทสัมผัสที่ดีขนาดนั้น ทำให้ความถี่แต่ละอันหลายๆอันนั้นลื่นไหลต่อเนื่องกัน เกิดเป็นเสียงที่เราได้ยิน ตัวอย่าง สมมติเสียงผมตด แปร้ด มีความถี่ไล่ตั้งแต่ 200-1000Hz แล้วกราฟของผมมีพีคที่ช่วง 800-900 เมื่อถึงเสี้ยววินาทีที่ถึงความถี่ช่วงนั้น ความเข้มเสียงจะสูงขึ้นมาดังกว่าช่วงอื่นในเสียงตด และเพราะ 800-900 นี้อยู่ช่วงริมขวาของเสียงตดแล้ว หูฟังตัวนี้จะให้เสียงตดที่สว่าง เป็นประกาย อะไรประมาณนี้ตามแต่คนจะบรรยาย แต่ความจริงคือ ความถี่ช่วง 800-900Hz มันเป็นเนินขึ้นมาสูงกว่าความถี่รอบข้างซึ่งอยู่ใน spectrum ของ timbre ของเสียงตดนั่นเองครับ (เครื่องดนตรีแต่ละชนิดในแต่ละตัวโน๊ตก็จะมีองค์ประกอบความถี่เล็กๆหลายอันนี้คนละเซ็ทกัน เกิดเป็น timbre ของแต่ละเครื่องดนตรีขึ้นมา)

เพราะฉะนั้นกราฟ FR จึงเป็นตัวแทนเสียงของหูฟังนั้นได้อย่าง objective ที่สุดครับ

ส่วนเรื่องสาย ถ้าอ่าน head-fi เยอะๆระหว่างเรียนเหมือนผม จะเห็นว่าสมาชิกระดับก็อด(ก็อดจริงๆ) มักจะบอกว่าสายไม่มีผลครับ และผมลองกับ m2m บ้าง iem บ้าง ก็ไม่เจอความต่างของแต่ละสายเลยนะครับ ในสัญญาณไฟฟ้าของสายออดิโอ ความเพี้ยนจะอยู่ที่ระดับ microvolt ซึ่งส่งผลให้เกิดความเพี้ยนของเสียงในช่วง 5MHz ที่ต่อให้ค้างค้าวพึ่งเกิดก็ไม่ได้ยินครับ บวกกับอุปกรณ์ต่างๆของเราไม่ได้ออกแบบมาให้แปลง, ขยาย, และ reproduce ความถี่ในย่านนั้น ทำให้ความเพี้ยนที่ว่าหายไปนั่นเองครับ ลองทำ double blind test กับ abx test ดูนะครับ ห้ามรู้เด็ดขาดด้วยนะครับว่าใช้สายไรอยู่

ถ้าคุณแยกสายได้ด้วยการเทสแบบนั้น ชาว sound science ใน head fi แนะนำให้ไปทำงานเป็นหูเทพตามสตูดิโอหรือคอนเสิร์ตฮอลเลยครับ เพราะแม้แต่วงการโปรที่เน้นเรื่อง fidelity มากกว่าคอนซูเมอร์อย่างเราอยู่แล้ว และเต็มไปด้วยวิศวกรที่เรียนมาด้านเสียงหรือไฟฟ้าโดยเฉพาะและเทรนหูมาอย่างหนักเพื่อมามาสเตอร์เพลงให้พวกเราฟัง ยังไม่คิดจะใช้สายที่ดีเกินไปกว่า van damme หรือ canare ในห้องอัดที่ abbey road เลยครับ ถ้าสายมีผลขนาดนั้นจริง ห้องอัดส่วนใหญ่ที่มีสายมากมายอย่างสายไมค์เอย สายกีตาร์เอย สายอีกเยอะแยะ รวมถึงสายเล็กๆง่อยๆภายในโต๊ะมิกซ์ ภายในลำโพงมอนิเตอร์ คงจะสร้างความเพี้ยนจน 'เบสบวมบ้าง' 'แหลมเสียดหูบ้าง' 'เบสไม่มีแรงปะทะ' จนเอนจิเนียร์เค้าปวดหัวหมดละครับ

...และสังเกตไหมครับ ถ้าไม่ใช่แบรนด์สาย แต่เป็นแบรนด์ที่ทำเรื่องอุปกรณ์เสียงครบวงจรอย่าง ATH, AKG, beyerdynamic, Fostex, Sennheiser, Shure กลับไม่เคยคิดจะขายสายเลย อืม.. น่าสนนะครับ นี่ยังไม่นับว่าในลำโพงราคาแพงสายภายในก็เป็นสายธรรมดาๆ ไม่ได้วิเศษวิโสเท่าสายลำโพงที่แพงหูขี้ แล้วแบรนด์ลำโพงก็ไม่เคยแนะนำหรือพูดเลยด้วยครับว่าต้องใช้สายแบบไหนตัวนำแบบไหน แต่ยังมีเรทติ้งด้านพลังงาน ให้เลือกแอมป์ที่เหมาะได้อยู่เลย

https://www.head-fi.org/threads/do-high-end-audio-cables-matter.576426/

https://www.head-fi.org/threads/audiophile-cables-an-interesting-question.572588/

ส่วนสาเหตุที่ทำไมเปลี่ยนสายแล้วเสียงดีขึ้นนั้นเกิดมาจาก expectation bias และ comfirmation bias ครับ (เรื่องใน psychoacoustics) ก็ซื้อสายมาใหม่แล้วตั้งแพง จะไม่ได้ยินไรเลยได้ไงจริงไหมครับ 555555 หรือไม่ก็เห็นอยู่ว่าสายมันเป็นเงิน คนละตัวนำกับทองแดง เสียงต้องต่างแน่นอน เวลาฟังมันเลยต่างกันครับ ลอง ABX test เพื่อความชัวร์ดีกว่าครับ ว่าคุณสามารถได้ยิน หรือรู้สึก ถึงความถี่ระดับเมกกะเฮิร์ทซ์ไหม  (ฟัง A และ B แล้วฟัง X ซึ่งเป็น A หรือ B แล้วทายว่าเป็นตัวไหน)

สุดท้ายนี้ผมขอทิ้งไว้สั้นๆว่า อย่าเชื่อผมนะครับถ้ายังไม่ได้ลอง ABX
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 13

Artnoi

07/09/2017 00:04:37
425
ส่วนมาตรฐานการวัดกราฟ FR นั้น ควรอ่านกราฟจากเว็บที่เชื่อถือได้และมีวิธีการแน่นอน เช่นเอาสวมบนโมเดลหัว และเอาไมค์ไว้ในรูหูของโมเดล เป็นต้นครับ ปกติถ้าคนวัดตามเฟซบุ๊คแบบเอาไมค์ไปจ่อหูฟังที่เล่น sine wave หรือ frequency sweep พวกนี้ผมจะไม่อ่านเลยครับ

ปกติผมชอบอ่านจาก InnerFidelity และ HeadRoom ครับแต่ชอบอันแรกมากกว่า เพราะอธิบายวิธีและขั้นตอนการวัดมาละเอียดมากครับ และมีค่าอื่นนอกจาก FR ด้วย เช่น square wave, impedance phase, และพวกการพร่าของไดรเวอร์ครับ ลองอ่านวิธีวัดของเค้าที่นี่ครับ https://www.innerfidelity.com/content/headphone-measurement-proceedures-frequency-response

อ่านกราฟของ InnerFidelity https://www.innerfidelity.com/headphone-measurements
อ่านกราฟของ HeadRoom http://graphs.headphone.com
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 14

bonus79

07/09/2017 09:06:43
1,133



ขอบคุณ windox x และทุกท่านสำหรับความรู้ครับ

@artnoi
ข้อมูลเป็นประโยชน์มากครับ จะมีไม่เห็นด้วยทั้งหมดคือเรื่องสาย ถ้าตัด bias ออกไป สายมีผลต่อเสียงจริงๆเท่าที่ผมเองก็อยากหาคำตอบและลองมาด้วยตัวเองนะครับ แต่ต่างกันมากน้อยไม่เท่ากัน ต้องยอมรับว่าบางเส้นผมแยกได้ไม่ออก พยายามจับผิดยังไงก็ยังงงงง a b แล้ว x ทายผิดก็มี ถ้าเส้นไหนเทสจนงงผมก็จะเลือกใช้เส้นที่แพงกว่าไว้ก่อนเพราะไหนๆก็เสียเงินซื้อมาแล้ว แต่บางเส้นแตกต่างชัดเจนครับ จะ ab แล้ว x กี่ทีก็ทายไม่ผิด 

ผมเคยไปซื้อสายที่ฟอร์จูน จะหาสาย xlr interconnect มาต่อจาก dac เข้า amp วันนั้นบังเอิญแม่ผมไปธุระด้วยกัน และอันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากพาแม่เข้าไปร้านเครื่องเสียงเท่าไหร่เพราะไม่อยากให้ท่านทราบราคาสายพวกนี้เลยครับ

ทำเทสเสียงที่ร้าน เส้นแรก JPS superconductor 3 กับเส้นที่สอง audioquest niagara แม่ผมอายุ60กว่านั่งฟังอยู่ข้างๆกันพูดออกมาเองเลยว่า "อันนี้ม๊าว่ามันชัดกว่าเส้นแรก" (niagara) และแม่ก็พูดอีกว่า "มันชัดไป..."
เสียงทั้งสองเส้นต่างกันชัดเจนครับ แม้แต่ผู้หญิงแก่ๆที่ไม่ฟังเพลงเลย มาฟังครั้งแรก แล้วแถมยังฟังเพลงสากลที่ท่านไม่เคยฟังเลยด้วยซ้ำ ยังฟังออกแบบปุ๊บ!เลยครับ ดังนั้นไม่มีbiasแน่นอน แต่วันนั้นผมซื้อ JPS กลับมาเพราะถึงแม้เสียงจะไม่คมชัดจะแจ้งทุกอณูเท่า niagara แต่กลับฟังแล้วได้อารมณ์เพราะพริ้วกว่าทั้งที่ราคาถูกกว่า และผมก็อยากเปลี่ยนแนวด้วยหละเพราะว่าเดิมทีผมใช้ aq niagara อยู่แล้วแต่เป็นหัว rca ครับ

ทุกอย่างเชื่อคนอื่นไม่ได้ ต้องลองด้วยตัวเองจริงๆครับและความสามารถในการรับรู้ได้ของแต่ละท่านก็ไม่เท่ากันจริงๆ และของแบบนี้ เทียบไปมาเรื่อยๆก็จะงงเองด้วยครับ จนเกิดความรู้สึกขี้เกียจ ใส่ๆมันไปเถอะต่างกันนิดหน่อยช่างมันก็มีครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 15

Hsung

07/09/2017 09:17:30
346

อ่านเคลิ้มๆ บอกสายไม่มีผล นี่จบเลยครับ สายเป็นส่วนหนึ่งที่มีผมกับเสียงแน่นอนครับ

expectation bias และ comfirmation bias อะไรนี่ ไม่ใช่แล้ว เพราะสายมันมีค่า R L C เชิงซ้อนในตัว

ซึ่งเมื่อไปต่ออนุกรมกับ R L C ของลำโพง อิมพีแดนซ์รวมมันเปลี่ยนแน่นอนครับ เมื่อค่าอิมพีแดนซ์รวมเปลี่ยน

ทำไมจะไม่มีผลลต่อเสียงหล่ะครับ ส่วนที่บอกว่าทำไมผู้ผลิตไม่ใช้สายดีๆ มันเป็นเรื่องต้นทุน กำไร ราคาขายครับ

ง่ายๆ อย่างรถยนต์ ทำไมเอายางราคาถูกมาใส่ ไม่ใส่ยางดีๆ ให้ตั้งแต่แรกครับ เค้ามองกำไร ขาดทุน เป็นหลักครับ 

ใครอยากได้สิ่งที่ดีกว่า ก้ต้องจ่ายเพิ่มเอง อีกอย่าง ลองหาข้อมุลคำว่า frequencu spectrum นะครับ

สัญญาณเสียง 1 ลูก อาจจะมีแค่ 1 ความถี่เดียว หรือหลายความถี่ผสมกันได้ครับ

และความถี่ที่นิยามกันนั้น จะต้องอยู่ในรูปคลื่น sinusoidal เท่านั้นนะครับ ความถี่สัญญาณดิจิตอล

ไม่ใช่รูปแบบความถี่ที่หูมนุษย์จะได้ยิน เราได้ยินเฉพาะรูปแบบความถี่ sinusoidal เท่านั้นครับ อย่านับรวม

เรื่องพวกนี้ อยู่ในวิชาเรียน มีตำราขาย ถ้าสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ การพูดคุยเรื่องวิชาการ

อาจจะดูเหมือนทะเลาะ แต่ไม่ใช่นะครับ พูดกันด้วยหลัก เหตุ และ ผล มีข้อมูลก็เอามาค้านได้

ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 6
ความคิดเห็นที่ : 16

Draco

07/09/2017 12:09:45
424

@Artnoi

ขอนุญาตินะคับ  อ่านดูพบว่ามีข้อมูล อยู่จำนวนมาก  แต่ผมอ่านหลายรอบและพยายามประมวลผลว่ามันมาอธิบายอะไรได้บ้าง 
1. ถูกคับ หูเราก็ไม่ flat  และแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  แต่ถ้าเราดูกราฟเพื่อหวังผลสำหรับหูเรา  จะไปฟังคู่ฟังคู่ไหน  ผลลัพธ์ก็จะยังสัมพันธ์กันเพราะเราใช้หูเราเหมือนเดิมคับ
2. ใช่คับ  ที่ช่วงเวลาสั้นมากๆ ความถี่หรือเส้นในกราฟ มันจะมีค่าๆเดียว เพราะความถี่มันเกิดการหักล้างและเสริมกัน  จากหลายๆความถี่จากหลายๆแหล่งกำเนิด driver มันจะขยับไปได้แค่จุดๆเดียวในหนึ่งช่วงเวลาซึ่งเป็นผลมาจากการหักล้างและเสริมกันของความถี่ต่างๆมาแล้ว  ซึ่งสุดท้ายมันก็คือแรงดันอากาศค่าเดียวที่มาดันให้แก้วหูเราให้ขยับ  แต่หูเราไม่ได้วัดแรงดันค่านั้นคับ  มันแปลผลความถี่ที่แก้วหูสั่น   ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปพูดถึงระยะเวลาที่มันสั้นเกินไป  หูคนเราตอบสนองได้ถึง 20,000 Hz  คิดว่าหูและสมองเราไม่ไวเหรอคับ  รับรู้การสั่นได้ถึง 20000 ครั้งต่อวินาที 
3. คุณบอกว่าเสียงตดคุณมีความถี่ตั้งแต่ "200-1000Hz แล้วกราฟของผมมีพีคที่ช่วง 800-900"  จริงๆอันนี้คือคุณพูดถึงแหล่งกำเนิดเสียง   อธิบายต่อได้ว่า ถ้าหูฟังมีกราฟที่ช่วงความถี่ 800-900 สูงกว่าตัวอื่นๆ  ใช่คับ  มันก็จะให้เสียงตดที่สดใสเป็นประกายมากกว่าหูฟังตัวอื่น   หรือยกตัวอย่างเสริม  เช่น อคูสติกกีตาร์
Acoustic 120 to 200 Hz - Boom/Body: This is where you'll find most of the explosive low end on a mic'd acoustic that tends to feedback in the live world or be disruptive in the studio. A little bit here adds warmth and fullness on a solo performance, but in a dense band mix, it's probably better to get it out of the way200 to 400 Hz - Thickness/Wood: This is the main "body" of most acoustic tones. Too many cuts here, and you're going to lose the life of the guitar somewhat2,000 Hz - Definition/Harshness: This double-edged sword band will give the definition to the acoustic tone to hear intricacies in chords and picking, but too much will make it harsh and aggressive7,000 Hz - Air/Sparkle: A touch, and I mean a touch, of a shelf boost here can help open up an acoustic soundหูฟังที่มีกราฟช่วง 7000 สูงกว่าหูฟังอื่นๆ ก็จะให้เสียงกี่ตาร์สดใส กุ๊งกิ๊งมากกว่าหูฟังตัวอื่น เป็นต้น  ซึ่งมันก็จะไม่ส่งผลแค่เสียงกีตาร์  ถ้าเครื่องดนตรีอื่นมีช่วงความถี่ครอบคลุมมาถึงจุดนี้ด้วยก็จะให้ผลต่อลักษณะเสียงของเครื่องดนตรีนั้นๆเช่นกัน

4. อยากให้ลองฟังเองหลังจากได้อ่านเยอะๆคับ  ฝรั่งใน headfi ก็ไม่ได้แจ๋วทุกคน  sound engineer ก็ไม่ได้ยึดมั่นว่าต้องทำเสียงให้ดีที่สุดทุกคน  ไม่งั้นค่ายเพลงไทยเสียงคงดีกว่านี้นานแล้ว ธุรกิจมันมีเรื่องจุดคุ้มทุนเสมอ ห้องอัดส่วนใหญ่ก็ทำเพลงให้มีคุณภาพพอรองรับตลาด mass ครับ  ไม่ใช่ตลาด audiophile

headfi มันก็มีคนเชื่อในทุกความเชื่อแหละคับ  สุดท้ายคุณเองนั่นแหละ เลือกเชื่อและอ่านฝั่งไหนต่างหาก  สุดท้ายคุณก็แค่ถ่ายทอดให้คนอื่นฟังเฉพาะด้านที่คุณเชื่อนั่นเอง   ผมอ่าน headfi มา  ฝรั่งเล่นชุดใหญ่เลย บอกว่า Shunyata venom usb เสียงเหมือน Audioquest diamond  ผมนี่ดีใจรีบวิ่งไปหาคุณหมูหวานจะซื้อ  เสียบลอง 10 วิ ก็เก็บคืนได้เลย  ถ้าอยากจะ test ขอให้ลองคู่นี้นะคับ  ที่ร้านเฮียมี

ไม่ได้ชวนทะเลาะเช่นกันคับ  เห็นว่าคุณมีข้อมูลเยอะดีอ่านมาเยอะ  น่าจะต่อยอดไปได้อีก :)

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 17

tangkoo.

07/09/2017 12:27:04
1,368
ช่วงนี้คุณนนท์ท็อปฟอร์มจังแหะ เห็นสองกระทู้แล้ว(หมายถึงสาระล้วนๆนะไม่ใช่ดราม่า555)

ชอบมากครับ  กระทู้ที่เอาเหตุเอาผลมาอัดกัน(งดใช้อารมณ์)แบบนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

Artnoi

08/09/2017 02:04:43
425
ตายๆพึ่งเห็นโดนชาวเน็ตรุมจวกสะงั้น (ล้อเล่นนะครับ ผมชอบคำนี้ครับมันตลกดี ชาวเน็ตรุมจวก 55555)

คำว่ารู้สึกว่าชัดกว่าอะไรแบบนี้ผมถือว่าไม่มีน้ำหนักนะครับ ค่อนค่าง subjective เลย และยิ่งคุณแม่คิดว่าเปรียบเทียบอยู่ด้วย การเทสที่ดีต้องเป็นเทสแบบไม่รู้จริงๆครับ ไม่ก็ ABX ไปเลย เอาจริงผมไม่ใช่แค่อ่านแล้วเชื่อนะครับผมก็ต้องลองเองด้วยครับ แต่ผมทำเทสต์มาแล้วก็แยกไม่ออกเลยนะครับ อย่าว่าแต่ให้ทาย x เป็น a หรือ b เลย 5555555555 หรือหูผมคงกากเอง ซึ่งผมว่าดีแล้วครับ 5555555

ที่ว่าสายมันทำให้ค่าเปลี่ยน ผมไม่เถียงครับแต่ละสายก็มีค่าทางไฟฟ้าของมัน แต่ค่าเหล่านั้นเมื่อไปทำผลกับเสียงแล้วมนุษย์จะรับรู้ได้ไหม สำหรับผมคิดว่าไม่ได้ ใครจะคิดอย่างไรผมน้อมรับความเห็นครับ อยู่ประเทศประชาธิปไตยใจต้องกว้าง แต่นี้คือสิ่งที่ผมคิด และทดสอบมาแล้วด้วยตนเองและคงจะไม่เชื่อใครจนกว่าผมจะฟังสายสักเส้นแล้วเห็นความต่างที่ชัดเจนครับ

ส่วนสตูดิโอกับการลงทุนซื้อสาย ผมว่าพวกอุปกรณ์เค้าก็แพงบรรลัยไปแล้ว ไมค์บ้าง การจัดอคูสติกบ้าง ยังไม่นับของอีกเยอะแยะ ราคาของโปรน่าจะแพงมากนะครับ ผมว่าลงทุนแค่สายอีกนิดเดียวถ้ามันไม่ใช่สายเมตรละหมื่น คงไม่แพงไปสำหรับค่า PPE เค้าหรอกมั้งครับ กำไรในอุตสาหกรรมนี้ก็เยอะ ใช้จ่ายมากเอาไปลดภาษีได้ด้วย ได้เสียงดีขึ้นอีก ระยะยาวน่าจะดี

ส่วนพวกซาวด์เอน ถ้าอ่านตามฟอรัมที่เค้าคุยกัน เค้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอนะครับ เคยมีคนมาบ่นว่าตอนนี้คนฟังก็ใช้อุปกรณ์ห่วยๆฟังกัน เราจะตั้งใจทำเพลงดีๆไปทำไม เลยเจอตอกกลับจากคนหมู่มากไปว่า การที่คนฟังไม่ได้ยินเพลงเราได้แบบที่ดีที่สุด ไม่ใช่ข้ออ้างในการทำ shitty recordings ครับ ส่วนสาเหตุที่เพลงไทยเสียงมัน compress มามากๆ ผมไม่รู้จริงๆครับว่าเป็นเพราะอะไรทั้งที่อุปกรณ์สมัยนี้ก็ดีหมดแล้ว นอกจากคนทำซาวด์จะหมกมุ่นอยู่กับ loudness war ซึ่งผมว่ามีส่วนมาก เพราะเพลงตลาดส่วนใหญ่เน้นเกิดทางวิทยุ และเท่าที่เพื่อนผมชอบพูดๆกัน เพลงไหนเสียงดังๆจะบอกว่าเสียงดีตลอดเลยครับ 5555555555
ส่วนรถผมก็แถมรันแฟลตนะครับ นี่ขนาดแค่รถที่เห็นกันทั่วๆไปที่คนในบอร์ดนี้น่าจะขับกันเยอะยังแถมยางที่ไม่ได้ห่วยอะไรนี่ครับ ยกเว้นคุณจะเอารถอีโอคาร์มาเปรียบเทียบ ซึ่งนั่นถ้าเทียบกับหูฟังแล้วคงเป็นหูฟังระดับเริ่มต้นครับ

เรื่อง sine wave นั้น เอ่อ เสียงแต่ละจุดหลายๆอันต่อกันตามเวลา มันก็กลายเป็นรูป sine wave ไงครับ ก็คิดง่ายๆตามหลัก PCM แล้ว ข้อมูลบิท 1 ข้อมูล จะถูกแปรไปเป็นแอมปลิจูด 1 จุดเท่านั้นครับ ซึ่ง ณ แอมปลิจูดนั้นถึงมันจะยังไม่ครบรอบ ทำให้มีความถี่แค่ค่าเดียว ณ 1 จุดเวลาของ sample นั้น มันเป็นไปไม่ได้ปะครับที่ ณ 1 จุดเวลาที่แซมเปิล (ลิมิตเข้าใกล้ 0) การสั่นในตอนนั้นจะมีความถี่มากกว่า 1 ค่า ผมบอกให้ซอยเวลาลงไปให้เล็กที่สุดแล้วนะครับ เพราะงั้นผมยังยืนยันคำเดิมว่า FR graph เป็น representative ที่ดีและ objective ที่สุด สำหรับเสียงของ transducer ใดๆ
https://www.thenakedscientists.com/articles/questions/how-does-single-speaker-play-many-simultaneous-frequencies

ปล. ผมไม่เคย convince ให้ใครเชื่อผมนะครับ ผมแค่นำเสนออีกมุมมองครับ ผมเห็นบอร์ดนี้ไม่มีคนคุยกันเรื่องนี้ เป็นเรื่องดีครับที่จะมีความเห็นอีกแบบ ผมเชื่อแบบนี้นะครับ ประชาธิปไตย เหมือนมีรัฐบาลต้องมีฝ่ายค้านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

ขี้เกียจล็อคอิน

08/09/2017 04:45:35
ขอขัดคุณ@Artnoiหน่อยนะครับ เรื่องที่ว่าแบรนด์ที่ยกตัวอย่างมานั้นไม่ขายสายแยกนี่  ที่ผมเห็นว่ามีขายแยกแน่ๆแล้วก็ Shure ATH beyerdynamic ก็พอเข้าใจได้ครับว่าอาจจะไม่คุ้นเคยในบ้านเรานัก ยิ่งATHนี่ยิ่งแล้วใหญ่ รายนี้ขายแทบทุกอย่างที่พอจะนึกออกได้เลยครับ สายทุกชนิด ยันสายเปล่าๆให้ไปเข้าหัวเอาเองก็มี ขายกระทั่งจุกปิดรูแจ็คเลยนะครับ

เรื่องสายนี่ จริงอยู่ครับว่ามันมีสายที่แพงซะเปล่าอย่างเดียวอยู่ด้วย บางสายเปลี่ยนแล้วเห็นผลนิดเดียว บางสายเปลี่ยนแล้วเห็นผลชัดเจน แต่ถ้าเปลี่ยนอะไรแล้วเห็นผลมากที่สุด ส่วนตัวผมว่าก็สายนี่แหละครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

bonus79

08/09/2017 08:12:44
1,133
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - Artnoi

คำว่ารู้สึกว่าชัดกว่าอะไรแบบนี้ผมถือว่าไม่มีน้ำหนักนะครับ ค่อนค่าง subjective เลย และยิ่งคุณแม่คิดว่าเปรียบเทียบอยู่ด้วย การเทสที่ดีต้องเป็นเทสแบบไม่รู้จริงๆครับ ไม่ก็ ABX ไปเลย เอาจริงผมไม่ใช่แค่อ่านแล้วเชื่อนะครับผมก็ต้องลองเองด้วยครับ แต่ผมทำเทสต์มาแล้วก็แยกไม่ออกเลยนะครับ อย่าว่าแต่ให้ทาย x เป็น a หรือ b เลย 5555555555 หรือหูผมคงกากเอง ซึ่งผมว่าดีแล้วครับ 5555555
ไม่เป็นไรครับ ถือว่าไม่มีน้ำหนักก็ได้ครับ

อย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างไป สำหรับผม ถึงจะทราบดีทุกครั้งว่ากำลังทำการเปรียบเทียบสายอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ทำการเปรียบเทียบสายผมต้องฟังออก การเปรียบสายบางเส้นกับบางเส้น ฟังเทียบเป็นสิบๆรอบสลับไปมาผมก็ฟังไม่ออกครับว่าต่างกันอย่างไร แต่การเปรียบเทียบสายบางเส้นกับบางเส้น ฟังกี่ครั้งก็จับได้ว่าต่างกันอย่างไร ทั้งๆที่การเปรียบเทียบทุกครั้งผมก็มี expectation ว่ามันควรจะต่าง แต่ทำไมบางครั้งถึงยังฟังแล้วไม่ต่างได้หละครับ? หรือฟังต่างบ้างไม่ต่างบ้าง ทำไมไม่ฟังแล้วต่างกันทุกเส้นไปเลยในเมื่อผมก็คาดหวังไว้แล้วว่ามันต้องต่าง จริงมั้ยครับ? แสดงว่ามันก็ subjective จริงๆ ขึ้นอยู่กับทั้ง sample และ observer ดังนั้นจะไปฟันธงเลย ว่า "สายมีผลต่อเสียง" หรือ "สายไม่มีผลต่อเสียง" ก็คงเป็นเรื่องที่ subjective จริงๆหละครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 21

Hsung

08/09/2017 08:29:52
346
ความรู้ความเข้าใจเราในบางเวลามันก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องบางเรื่องที่เราไม่เข้าใจ

ในอดีตผมเห็นราคาฟิวส์เส้นละ 5000 หัวเราะในใจ ฟิวส์เนี่ยนะ ขายราคานี้ เส้นนิดเดียวจะมีผลกับเสียงได้งัย

ในอดีตเห็นสายสัญญาณราคาเป้นหมื่น หัวเราะในใจ ใครซื้อไป ไม่บ้าก็โง่ เส้นละพันสองพันจะต่างอะไร

ในอดีตเห็นสายไฟราคาเป็นหมื่น หัวเราะในใจ แค่ทางผ่านกระแสไฟ มันจะไปมีผลอะไรได้

ปัจจุบัน ผมมีหมดไอ้ที่ยกมาข้างบน และไม่ใช้อุปทานแบบที่ถูกว่าแน่นอน เพราะผมทำ ABX test มาแล้ว

ถึงจะเจ็บจากราคาของ แต่จบกับความคาใจในอดีต คือไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลอะไรมา มันก็เป้นเรื่องที่คนอื่นทั้งนั้น

หาใช่เรื่องของคุณไม่ เพราะคุณไม่ได้พิสูจน์เอง อ่านที่เขาเล่ามาทั้งนั้น อย่าหาว่ารุมจวกเลยครับ คำๆ นี้เหมือนว่า

คนที่ว่า ไม่มีเหตุผล ใช้อารมย์เป็นที่ตั้ง ซึ่งจริงๆ หาใช่ไม่ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 22

Artnoi

08/09/2017 09:58:41
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 21 - Hsung

ความรู้ความเข้าใจเราในบางเวลามันก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องบางเรื่องที่เราไม่เข้าใจ

ในอดีตผมเห็นราคาฟิวส์เส้นละ 5000 หัวเราะในใจ ฟิวส์เนี่ยนะ ขายราคานี้ เส้นนิดเดียวจะมีผลกับเสียงได้งัย

ในอดีตเห็นสายสัญญาณราคาเป้นหมื่น หัวเราะในใจ ใครซื้อไป ไม่บ้าก็โง่ เส้นละพันสองพันจะต่างอะไร

ในอดีตเห็นสายไฟราคาเป็นหมื่น หัวเราะในใจ แค่ทางผ่านกระแสไฟ มันจะไปมีผลอะไรได้

ปัจจุบัน ผมมีหมดไอ้ที่ยกมาข้างบน และไม่ใช้อุปทานแบบที่ถูกว่าแน่นอน เพราะผมทำ ABX test มาแล้ว

ถึงจะเจ็บจากราคาของ แต่จบกับความคาใจในอดีต คือไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลอะไรมา มันก็เป้นเรื่องที่คนอื่นทั้งนั้น

หาใช่เรื่องของคุณไม่ เพราะคุณไม่ได้พิสูจน์เอง อ่านที่เขาเล่ามาทั้งนั้น อย่าหาว่ารุมจวกเลยครับ คำๆ นี้เหมือนว่า

คนที่ว่า ไม่มีเหตุผล ใช้อารมย์เป็นที่ตั้ง ซึ่งจริงๆ หาใช่ไม่ 

เป็นคำตอบที่มีหลักฐานชัดเจน เป็นเหตุเป็นผลและ educating มากครับ

ว่าแต่ผมก็ไม่ได้ไปบอกให้ใครเชื่อนะครับผมแค่นำเสนอข้อมูลแล้วก็แล้วด้วยว่าเชื่อถ้ายังไม่ได้ลอง คุณ bonus69 ลองแล้วต่างผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่แนะนำเสริมว่าถ้าอยากกำจัด bias ให้หมด ลองแบบไม่รู้จะดีกว่า ถ้าลองแล้วคุณ hsung รู้สึกถึงความต่างผมก็ดีใจด้วยครับ ส่วนตัวผมลองแล้วไม่ต่าง ก็บอกตามมุมมองผมเฉยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นเลยนี่ครับ? 555555555

ส่วนเม้นบนๆที่ว่าเปลี่ยนสายแล้วเห็นชัดสุด ผมขอไม่ออกความเห็นครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

Artnoi

08/09/2017 10:22:15
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 19 - ขี้เกียจล็อคอิน

ขอขัดคุณ@Artnoiหน่อยนะครับ เรื่องที่ว่าแบรนด์ที่ยกตัวอย่างมานั้นไม่ขายสายแยกนี่  ที่ผมเห็นว่ามีขายแยกแน่ๆแล้วก็ Shure ATH beyerdynamic ก็พอเข้าใจได้ครับว่าอาจจะไม่คุ้นเคยในบ้านเรานัก ยิ่งATHนี่ยิ่งแล้วใหญ่ รายนี้ขายแทบทุกอย่างที่พอจะนึกออกได้เลยครับ สายทุกชนิด ยันสายเปล่าๆให้ไปเข้าหัวเอาเองก็มี ขายกระทั่งจุกปิดรูแจ็คเลยนะครับ

เรื่องสายนี่ จริงอยู่ครับว่ามันมีสายที่แพงซะเปล่าอย่างเดียวอยู่ด้วย บางสายเปลี่ยนแล้วเห็นผลนิดเดียว บางสายเปลี่ยนแล้วเห็นผลชัดเจน แต่ถ้าเปลี่ยนอะไรแล้วเห็นผลมากที่สุด ส่วนตัวผมว่าก็สายนี่แหละครับ ^^

ผมหมายถึงสาย hi-end แบบ fancy cable น่ะครับไม่ใช่สาย replacement กับสายธรรมดา ต้องขอโทษด้วยครับที่พูดจาไม่เคลียร์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

ellevoid

08/09/2017 10:46:42
220
เรื่องสายเป็นอะไรที่ผมฟังออกนะอย่างสายเงินล้วนกับทองแดงล้วนฟังออกชัดเจน (ลองฟัง moon silver dragon เทียบกับ cardas clear ก็ได้ครับฟังออกชัดมากๆ) แต่ผมว่าถ้าเป็นสายที่ใกล้เคียงกันเนี่ยจะแยกยากกว่าไม่นับพวกสายทองแดงห่วยๆ สายเงินห่วยๆ หรือพวกสายทองแดงเคลือบดีบุก (แล้วมาหลอกขายเป็นสายทองแดงเคลือบเงิน) นะครับที่อย่าไปพูดถึงมันเลยพวกนี้เทียบกับสายไมค์ในร้านคาราโอเกะยังไม่ได้เลยมั้ง 
 
ส่วนตัวผมเล่นบอร์ดเมืองนอกบ้างเหมือนกัน (ไม่นับเฮดฟิ)
เคยเจอฝรั่งเจ้าของสตูดิโอที่เดินสายไฟทั้งสตูดิโอด้วย JPS in-wall แล้วใช้ JPS Aluminata ในทุกจุดในห้องลอง เคยเจอฝรั่งที่ใช้ลำโพงคู่ละเป็นล้านแต่เอาสายไฟโคมไฟมาต่อ เคยเจอฝรั่ง reviewer ที่ฟังออกเรื่องสายแต่ไม่พูดถึงในรีวิวเพราะแกวัดกราฟออกมาแล้วไม่ต่าง

ผมว่าถ้าลองใช้หูฟังตัวเดียวกันแต่ใช้แอมป์คนละตัวที่กำลังขับเท่าๆกันมาต่อ ลองวัดกราฟออกมาอยากรู้ว่าจะได้กราฟที่แตกต่างกันไหมครับ เอาจริงๆผมว่ากราฟที่ได้อาจจะไม่ต่างด้วยซ้ำนะแต่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเปลี่ยนแอมป์มีผลจริงนะ (ก็ย้อนแย้งกันไป 5555+)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 25

Artnoi

08/09/2017 10:59:55
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 24 - ellevoid

เรื่องสายเป็นอะไรที่ผมฟังออกนะอย่างสายเงินล้วนกับทองแดงล้วนฟังออกชัดเจน (ลองฟัง moon silver dragon เทียบกับ cardas clear ก็ได้ครับฟังออกชัดมากๆ) แต่ผมว่าถ้าเป็นสายที่ใกล้เคียงกันเนี่ยจะแยกยากกว่าไม่นับพวกสายทองแดงห่วยๆ สายเงินห่วยๆ หรือพวกสายทองแดงเคลือบดีบุก (แล้วมาหลอกขายเป็นสายทองแดงเคลือบเงิน) นะครับที่อย่าไปพูดถึงมันเลยพวกนี้เทียบกับสายไมค์ในร้านคาราโอเกะยังไม่ได้เลยมั้ง 
 
ส่วนตัวผมเล่นบอร์ดเมืองนอกบ้างเหมือนกัน (ไม่นับเฮดฟิ)
เคยเจอฝรั่งเจ้าของสตูดิโอที่เดินสายไฟทั้งสตูดิโอด้วย JPS in-wall แล้วใช้ JPS Aluminata ในทุกจุดในห้องลอง เคยเจอฝรั่งที่ใช้ลำโพงคู่ละเป็นล้านแต่เอาสายไฟโคมไฟมาต่อ เคยเจอฝรั่ง reviewer ที่ฟังออกเรื่องสายแต่ไม่พูดถึงในรีวิวเพราะแกวัดกราฟออกมาแล้วไม่ต่าง

ผมว่าถ้าลองใช้หูฟังตัวเดียวกันแต่ใช้แอมป์คนละตัวที่กำลังขับเท่าๆกันมาต่อ ลองวัดกราฟออกมาอยากรู้ว่าจะได้กราฟที่แตกต่างกันไหมครับ เอาจริงๆผมว่ากราฟที่ได้อาจจะไม่ต่างด้วยซ้ำนะแต่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเปลี่ยนแอมป์มีผลจริงนะ (ก็ย้อนแย้งกันไป 5555+)

เดี๋ยวผมจะเปิดใจลองอีกรอบละกันครับสำหรับสาย รอมีโอกาสเจอตัวแพงๆก่อน

สำหรับแอมป์ ถ้าวัดกราฟ FR ออกมาน่าจะไม่ต่างนะครับ แต่ถ้าวัดค่าอื่นที่มันมีผลกับหูฟังเช่น impulse หรือการกระพือของไดรเวอร์ หรือ THD ผมว่าน่าจะต่างแน่นอนเพราะ output impedance ที่ไม่เท่ากัน แอมป์คาแร็คเตอร์ก็ไม่เหมือนกันเช่นแอมป์หลอด V เยอะ I, Z น้อยแต่ SS ให้ I เยอะแต่ V, Z น้อยกว่า (in general นะครับ) ผมว่าค่าทางไฟฟ้าพวกนี้จะทำให้ผลเรื่อง impulse ต่างกัน เช่น impulse นานๆจาก poor damping factor รวมถึง THD, SNR ต่ำๆ ที่ทำให้เกิดความอุ่น อาการเบสนุ่มขึ้นมาในแอมป์หลอดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

Artnoi

08/09/2017 11:07:05
425
ง่ายๆสั้นๆ คือผมว่าแอมป์จะ react กับแต่ละ load ไม่เหมือนกันครับ โดยเฉพาะกับพวกโอห์มต่ำๆเช่น multi-ba iem ต่างๆ แอมป์สำหรับหูฟังพวกนี้จึงต้องออกแบบระวังเป็นพิเศษ ทั้งเรื่อง SNR และ output Z ครับ

สำหรับผม ผมว่าแอมป์ (ss) ที่ดีไม่ควรเพิ่มคาแรคเตอร์ครับ และควรมี output z ต่ำ เพื่อลดความเพี้ยนของแต่ละ load

นี่เป็นแค่ข้อคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

tangkoo.

08/09/2017 12:26:23
1,368
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 21 - Hsung

ความรู้ความเข้าใจเราในบางเวลามันก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องบางเรื่องที่เราไม่เข้าใจ

ในอดีตผมเห็นราคาฟิวส์เส้นละ 5000 หัวเราะในใจ ฟิวส์เนี่ยนะ ขายราคานี้ เส้นนิดเดียวจะมีผลกับเสียงได้งัย

ในอดีตเห็นสายสัญญาณราคาเป้นหมื่น หัวเราะในใจ ใครซื้อไป ไม่บ้าก็โง่ เส้นละพันสองพันจะต่างอะไร

ในอดีตเห็นสายไฟราคาเป็นหมื่น หัวเราะในใจ แค่ทางผ่านกระแสไฟ มันจะไปมีผลอะไรได้

ปัจจุบัน ผมมีหมดไอ้ที่ยกมาข้างบน และไม่ใช้อุปทานแบบที่ถูกว่าแน่นอน เพราะผมทำ ABX test มาแล้ว

ถึงจะเจ็บจากราคาของ แต่จบกับความคาใจในอดีต คือไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลอะไรมา มันก็เป้นเรื่องที่คนอื่นทั้งนั้น

หาใช่เรื่องของคุณไม่ เพราะคุณไม่ได้พิสูจน์เอง อ่านที่เขาเล่ามาทั้งนั้น อย่าหาว่ารุมจวกเลยครับ คำๆ นี้เหมือนว่า

คนที่ว่า ไม่มีเหตุผล ใช้อารมย์เป็นที่ตั้ง ซึ่งจริงๆ หาใช่ไม่ 

สมัยก่อนผมอติมากกับไอ้พวกสายแพงๆหลักหมื่นเนี่ย   จนมีคนพาผมไปเปิดหูเปิดตาในงานเครื่องเสียง   ผมนั่งลองทั้งๆที่ในใจตั้งแง่ไว้แล้ว  จนท  ลองเปลี่ยนให้ฟังทั้งหมดหกเส้น RCA 3 สายไฟ 3  ผมฟังออกว่าต่างหมด  แต่แยกไม่ได้ว่าเส้นไหนถูกแพง แต่รู้ว่าต่าง

ตอนเล่นหูฟัง ก็ไปลองสายมินิ เส้นสองสามพันยันสองหมื่น ก็แยกออกว่าต่าง แต่อันนี้อาจเป็นไปได้ว่า bias เพราะรู้ราคาหมด555

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่าคนเล่นเครื่องเสียง พอถึงจุดหนึ่งเขาจะรู้ละว่าต้องการอะไร  ส่วนตัวผม ผมไม่ค่อยสนใจค่าอะไรมากนัก  เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะทำให้ผมตัดสินใจซื้อคือต้องลองก่อน

คุณจะโมนั่นโมนี่ โมซอฟแวร์โมฮาร์ดแวร์  จะใช้วัสดุอะไรมาทำสาย เชื่อมด้วยตะกั่วอะไร ผมไม่สนใจ  ผมสนใจแต่คุณตอบโจทย์ผมได้หรือเปล่าแค่นั้น  เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือเสียงในแบบที่ผมต้องการ  ดีของผมอาจจะแย่ของคนอื่น (ผมหมายถึงรวมๆผู้ผลิต และช่างทั่วๆไปนะ ไม่ได้เจาะจงใคร555)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

Hsung

08/09/2017 13:31:22
346

มีอีกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนที่จะมาคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งเราๆ ไม่ได้พูดถึง และลืมพูดถึงกันตั้งแต่ต้น

มันคือความเรื่องมากของอุปกรณ์ในระบบครับ เครื่องเสียงของคุณ @Artnoi อาจจะไม่ขี้ฟ้อง

ทำให้ เปลี่ยนนี่โน่นนั่น แล้วแยกไม่ออกว่าต่างกันอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากเครื่องเสียงของผม

คือถ้าฟังผ่านเจ้ากราโด้ SR80i การปรับแต่งอะไรก็ตามลงไป ะบว่ามันแตกต่างกันน้อยมาก

แต่ถ้าเป็นเจ้า ออเดส LCD3 หล่ะก็ เปลี่ยนอะไรก็ฟังออกหมดตั้งแต่ ต่าทางสาย USB จนถึงปลายทางหูฟัง

ผมลืมนึกถึงข้อนี้ไปว่า ที่เรามานั่งถกเถียงกันนั้น เราคุยกันเรื่องเดียวกัน หรือระบบเดียวกันหรือเปล่า

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

Artnoi

08/09/2017 15:31:07
425



ผมพึ่งจะเห็นด้วยกับพี่ hsung ก็เรื่องที่หูกราโด้ไม่ค่อย revealing นี่แหละครับ ผมใช้ ms1i, ms pro, dt880, dt990 ครับ ซึ่งสองตัวหลังผมว่ามันก็ขี้ฟ้องมาก (revealing) นะครับ ทำให้ผมไม่ชอบฟังแผ่น CD ที่ DNR ต่ำๆเลยผ่านหูสองตัวหลังเลย (เช่นเพลงพังค์พวก nofx, my chemical romance, ไม่ก็เพลง symphonic metal ไรงี้อะครับ) ส่วนสองตัวแรกนี่ไม่ค่อยเรื่องมากทั้งไฟล์และอุปกรณ์ อาจจะเป็นเพราะมันคัลเลอร์ด้วยแหละมั้งครับ

สุดท้ายเอากราฟ LCD 3 กับ DT880 มาฝากครับ เห็นห้องนี้คุยเรื่องกราฟพอดี

และบทความแนะนำเรื่องเกี่ยวกับความเป็นกลาง ie flat response ที่ผมอ่านมาวันก่อนครับ https://www.innerfidelity.com/content/approaching-neutral
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

Draco

10/09/2017 23:37:30
424
เอาจริงๆ มาพยายามอธิบายกันว่าฟังสายออกไม่ออกมันไม่มีประโยชน์อะไรคับ  อธิบายแทบตาย  ใช้ของดีๆกันทั้งนั้น  คนฟังไม่ออกก็บอกอย่างเดิมแหละ    ตอนแรกผมแค่พยายามมาคุยและให้ข้อมูลเพิ่มเติมในจุดที่อาจอธิบายแล้วสั้นไป  จนอาจเข้าใจเป็นอย่างอื่น  เพราะดูเหมือนคุณ Artnoi ก็มีความรู้ความเข้าใจดีทีเดียว

ปล. "เคยมีคนมาบ่นว่าตอนนี้คนฟังก็ใช้อุปกรณ์ห่วยๆฟังกัน เราจะตั้งใจทำเพลงดีๆไปทำไม เลยเจอตอกกลับจากคนหมู่มาก"  ไอ้คนที่มาบ่นมันเป็นซาวเอนปะหละคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

Artnoi

11/09/2017 00:12:32
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 30 - Draco
เอาจริงๆ มาพยายามอธิบายกันว่าฟังสายออกไม่ออกมันไม่มีประโยชน์อะไรคับ  อธิบายแทบตาย  ใช้ของดีๆกันทั้งนั้น  คนฟังไม่ออกก็บอกอย่างเดิมแหละ    ตอนแรกผมแค่พยายามมาคุยและให้ข้อมูลเพิ่มเติมในจุดที่อาจอธิบายแล้วสั้นไป  จนอาจเข้าใจเป็นอย่างอื่น  เพราะดูเหมือนคุณ Artnoi ก็มีความรู้ความเข้าใจดีทีเดียว

ปล. "เคยมีคนมาบ่นว่าตอนนี้คนฟังก็ใช้อุปกรณ์ห่วยๆฟังกัน เราจะตั้งใจทำเพลงดีๆไปทำไม เลยเจอตอกกลับจากคนหมู่มาก"  ไอ้คนที่มาบ่นมันเป็นซาวเอนปะหละคับ
น่าจะเป็นนะครับ จากเว็บ gearslutz มั้งครับ ประมาณว่าซาวด์เอนจ์น้อยใจ 555555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"มารู้จักนิยามเสียงในรูปแบบต่างๆจากข้อมูล graph frequency response กันดีกว่าครับ"