ผมเห็นต่างนะครับเรื่องที่ว่าไม่ได้มีความสำคัญมากนัก เพราะถ้ากราฟที่วัดมาดีๆและเที่ยงตรงมันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าบุคลิคของหูฟังจะเป็นอย่างไร ซึ่งมันช่วยได้มากในการแยกแยะหูฟังกรณีที่บริษัทหรือคนทำหูฟังมาขายแล้วก็ไปจ้างคนให้มาอวยกันเยอะๆว่าเสียงดี เสียง flat เบสดี แหลมดี เทียบได้กับหูฟังแพงๆตัวนู้นตัวนี่ ฯลฯ ซึ่งถ้าเรามีกราฟที่วัดมาจากแหล่งเดียวกันมาเทียบดู ก็จะทำให้เรารู้ได้ว่าใครจริงใจ ใครพูดเท็จ ซึ่งสำหรับผมสิ่งที่สำคัญพอๆกับว่าหูฟังดีหรือไม่ดี ก็บริษัทที่ทำหูฟังกับคนที่มาอวยนี่แหล่ะครับว่าจริงใจกับคนใช้งานหรือผู้บริโภคจริงๆรึเปล่า
ปล. สุดท้ายนี้เปลี่ยนสายแล้วกราฟไม่เปลี่ยนนะครับ เพราะงั้นเราจะเชื่อใครดีนะ 555+
เห็นเร็วๆนี้ใน Innerfidelity กับhead-fi มีประเด็นว่าขัดแย้งเรื่องผลการวัดกราฟ แสดงว่าเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้วัดต่าง ผลก็จะต่างด้วยหรือไม่ครับ ถ้ายังงั้นมีสถาบันไหนให้ผลวัดอย่างเป็นทางการไหมครับ (เช่นนาฬิกามีมาตรฐาน COSC)
https://www.innerfidelity.com/content/head-fi-contradicts-innerfidelity-sony-mdr-z1r-measurements
เห็นเร็วๆนี้ใน Innerfidelity กับhead-fi มีประเด็นว่าขัดแย้งเรื่องผลการวัดกราฟ แสดงว่าเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้วัดต่าง ผลก็จะต่างด้วยหรือไม่ครับ ถ้ายังงั้นมีสถาบันไหนให้ผลวัดอย่างเป็นทางการไหมครับ (เช่นนาฬิกามีมาตรฐาน COSC)
https://www.innerfidelity.com/content/head-fi-contradicts-innerfidelity-sony-mdr-z1r-measurements
ไม่มีครับ ปกติเมืองนอกจะมีพวก superuser หรือเว็บต่างๆที่มีอุปกรณ์วัดค่าแล้วเค้าก็จะวัดทำเป็นกราฟเก็บไว้รีวิวในเว็บตัวเอง เพราะงั้นปกติถ้าจะเทียบต้องเทียบกราฟจากเจ้าเดียวกันอุปกรณ์เดียวกันที่ทำการวัด แต่เอาจริงๆตอนวัดแค่วางหูฟังไม่ตรงกับรูหูของหัวเทียมกราฟที่ได้มาก็เพี้ยนแล้วครับ หรือตู้ปิดทำไม่ดีมีเสียงสะท้อนหรือเสียงจากภายนอกเข้ามาค่าก็ผิดเหมือนกัน
อย่างกรณีที่ยกมาปัญหาคือมีคนๆเดียวที่วัดค่าแล้ว smooth ไม่มี peak ประหลาด แต่คนอื่นเว็บอื่นเจ้าอื่น วัดค่าออกมาแล้วเจอ peak ประหลาดกันหมด แล้วคนอื่นก็บอกว่าเสียงมันประหลาดเพราะเจ้า peak ตรงนี้แหล่ะ ซึ่งอีกคนที่ไม่เหมือนชาวบ้านบอกว่าไม่มี๊ไม่มีๆๆๆๆ ก็เลยเป็นที่มาของดราม่าครับว่านายคนนี้จงใจวัดให้กราฟที่ smooth รึเปล่าเพื่อรีวิวอวย (เพราะแค่วางหูเยื้องๆกับหัวเทียมกราฟมันก็เพี้ยนละ) หรือไม่ก็เจ้าของบริษัทส่งหูพิเศษไปให้รีวิวซึ่งไม่เหมือนกับของที่วางขายรึเปล่า !!
จริงๆการจะช่วยให้ดูกราฟแล้วเข้าใจมากขึ้น แปลผลได้ดีขึ้น เราจะต้องพอทราบด้วยว่า เครื่องดนตรีหรือเสียงที่ได้ยินมันมีความถี่อยู่ในช่วงไหนคับ ส่วนมากเราจะไปเข้าใจกันเองว่า กลองมันมีแต่ความถี่ต่ำ หรือเครื่องเคาะมีแต่ความถี่สูง แต่จริงๆ เครื่องดนตรี หรือเสียงร้องมันมีหลายย่านความถี่ปนๆกันออกมา การที่กราฟมันสูงหรือต่ำในบางช่วงความถี่ ทำให้พอจะบอกลักษณะเสียงของหูฟังได้ระดับนึงเลยหละคับ
ข้อมูลประกอบ
http://blog.sonicbids.com/the-ultimate-eq-cheat-sheet-for-every-common-instrument
อ่านเคลิ้มๆ บอกสายไม่มีผล นี่จบเลยครับ สายเป็นส่วนหนึ่งที่มีผมกับเสียงแน่นอนครับ
expectation bias และ comfirmation bias อะไรนี่ ไม่ใช่แล้ว เพราะสายมันมีค่า R L C เชิงซ้อนในตัว
ซึ่งเมื่อไปต่ออนุกรมกับ R L C ของลำโพง อิมพีแดนซ์รวมมันเปลี่ยนแน่นอนครับ เมื่อค่าอิมพีแดนซ์รวมเปลี่ยน
ทำไมจะไม่มีผลลต่อเสียงหล่ะครับ ส่วนที่บอกว่าทำไมผู้ผลิตไม่ใช้สายดีๆ มันเป็นเรื่องต้นทุน กำไร ราคาขายครับ
ง่ายๆ อย่างรถยนต์ ทำไมเอายางราคาถูกมาใส่ ไม่ใส่ยางดีๆ ให้ตั้งแต่แรกครับ เค้ามองกำไร ขาดทุน เป็นหลักครับ
ใครอยากได้สิ่งที่ดีกว่า ก้ต้องจ่ายเพิ่มเอง อีกอย่าง ลองหาข้อมุลคำว่า frequencu spectrum นะครับ
สัญญาณเสียง 1 ลูก อาจจะมีแค่ 1 ความถี่เดียว หรือหลายความถี่ผสมกันได้ครับ
และความถี่ที่นิยามกันนั้น จะต้องอยู่ในรูปคลื่น sinusoidal เท่านั้นนะครับ ความถี่สัญญาณดิจิตอล
ไม่ใช่รูปแบบความถี่ที่หูมนุษย์จะได้ยิน เราได้ยินเฉพาะรูปแบบความถี่ sinusoidal เท่านั้นครับ อย่านับรวม
เรื่องพวกนี้ อยู่ในวิชาเรียน มีตำราขาย ถ้าสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ การพูดคุยเรื่องวิชาการ
อาจจะดูเหมือนทะเลาะ แต่ไม่ใช่นะครับ พูดกันด้วยหลัก เหตุ และ ผล มีข้อมูลก็เอามาค้านได้
@Artnoi
ขอนุญาตินะคับ อ่านดูพบว่ามีข้อมูล อยู่จำนวนมาก แต่ผมอ่านหลายรอบและพยายามประมวลผลว่ามันมาอธิบายอะไรได้บ้าง
1. ถูกคับ หูเราก็ไม่ flat และแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราดูกราฟเพื่อหวังผลสำหรับหูเรา จะไปฟังคู่ฟังคู่ไหน ผลลัพธ์ก็จะยังสัมพันธ์กันเพราะเราใช้หูเราเหมือนเดิมคับ
2. ใช่คับ ที่ช่วงเวลาสั้นมากๆ ความถี่หรือเส้นในกราฟ มันจะมีค่าๆเดียว เพราะความถี่มันเกิดการหักล้างและเสริมกัน จากหลายๆความถี่จากหลายๆแหล่งกำเนิด driver มันจะขยับไปได้แค่จุดๆเดียวในหนึ่งช่วงเวลาซึ่งเป็นผลมาจากการหักล้างและเสริมกันของความถี่ต่างๆมาแล้ว ซึ่งสุดท้ายมันก็คือแรงดันอากาศค่าเดียวที่มาดันให้แก้วหูเราให้ขยับ แต่หูเราไม่ได้วัดแรงดันค่านั้นคับ มันแปลผลความถี่ที่แก้วหูสั่น ดังนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปพูดถึงระยะเวลาที่มันสั้นเกินไป หูคนเราตอบสนองได้ถึง 20,000 Hz คิดว่าหูและสมองเราไม่ไวเหรอคับ รับรู้การสั่นได้ถึง 20000 ครั้งต่อวินาที
3. คุณบอกว่าเสียงตดคุณมีความถี่ตั้งแต่ "200-1000Hz แล้วกราฟของผมมีพีคที่ช่วง 800-900" จริงๆอันนี้คือคุณพูดถึงแหล่งกำเนิดเสียง อธิบายต่อได้ว่า ถ้าหูฟังมีกราฟที่ช่วงความถี่ 800-900 สูงกว่าตัวอื่นๆ ใช่คับ มันก็จะให้เสียงตดที่สดใสเป็นประกายมากกว่าหูฟังตัวอื่น หรือยกตัวอย่างเสริม เช่น อคูสติกกีตาร์
Acoustic 120 to 200 Hz - Boom/Body: This is where you'll find most of the explosive low end on a mic'd acoustic that tends to feedback in the live world or be disruptive in the studio. A little bit here adds warmth and fullness on a solo performance, but in a dense band mix, it's probably better to get it out of the way200 to 400 Hz - Thickness/Wood: This is the main "body" of most acoustic tones. Too many cuts here, and you're going to lose the life of the guitar somewhat2,000 Hz - Definition/Harshness: This double-edged sword band will give the definition to the acoustic tone to hear intricacies in chords and picking, but too much will make it harsh and aggressive7,000 Hz - Air/Sparkle: A touch, and I mean a touch, of a shelf boost here can help open up an acoustic soundหูฟังที่มีกราฟช่วง 7000 สูงกว่าหูฟังอื่นๆ ก็จะให้เสียงกี่ตาร์สดใส กุ๊งกิ๊งมากกว่าหูฟังตัวอื่น เป็นต้น ซึ่งมันก็จะไม่ส่งผลแค่เสียงกีตาร์ ถ้าเครื่องดนตรีอื่นมีช่วงความถี่ครอบคลุมมาถึงจุดนี้ด้วยก็จะให้ผลต่อลักษณะเสียงของเครื่องดนตรีนั้นๆเช่นกัน
4. อยากให้ลองฟังเองหลังจากได้อ่านเยอะๆคับ ฝรั่งใน headfi ก็ไม่ได้แจ๋วทุกคน sound engineer ก็ไม่ได้ยึดมั่นว่าต้องทำเสียงให้ดีที่สุดทุกคน ไม่งั้นค่ายเพลงไทยเสียงคงดีกว่านี้นานแล้ว ธุรกิจมันมีเรื่องจุดคุ้มทุนเสมอ ห้องอัดส่วนใหญ่ก็ทำเพลงให้มีคุณภาพพอรองรับตลาด mass ครับ ไม่ใช่ตลาด audiophile
headfi มันก็มีคนเชื่อในทุกความเชื่อแหละคับ สุดท้ายคุณเองนั่นแหละ เลือกเชื่อและอ่านฝั่งไหนต่างหาก สุดท้ายคุณก็แค่ถ่ายทอดให้คนอื่นฟังเฉพาะด้านที่คุณเชื่อนั่นเอง ผมอ่าน headfi มา ฝรั่งเล่นชุดใหญ่เลย บอกว่า Shunyata venom usb เสียงเหมือน Audioquest diamond ผมนี่ดีใจรีบวิ่งไปหาคุณหมูหวานจะซื้อ เสียบลอง 10 วิ ก็เก็บคืนได้เลย ถ้าอยากจะ test ขอให้ลองคู่นี้นะคับ ที่ร้านเฮียมี
ไม่ได้ชวนทะเลาะเช่นกันคับ เห็นว่าคุณมีข้อมูลเยอะดีอ่านมาเยอะ น่าจะต่อยอดไปได้อีก :)
มีอีกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนที่จะมาคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งเราๆ ไม่ได้พูดถึง และลืมพูดถึงกันตั้งแต่ต้น
มันคือความเรื่องมากของอุปกรณ์ในระบบครับ เครื่องเสียงของคุณ @Artnoi อาจจะไม่ขี้ฟ้อง
ทำให้ เปลี่ยนนี่โน่นนั่น แล้วแยกไม่ออกว่าต่างกันอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากเครื่องเสียงของผม
คือถ้าฟังผ่านเจ้ากราโด้ SR80i การปรับแต่งอะไรก็ตามลงไป ะบว่ามันแตกต่างกันน้อยมาก
แต่ถ้าเป็นเจ้า ออเดส LCD3 หล่ะก็ เปลี่ยนอะไรก็ฟังออกหมดตั้งแต่ ต่าทางสาย USB จนถึงปลายทางหูฟัง
ผมลืมนึกถึงข้อนี้ไปว่า ที่เรามานั่งถกเถียงกันนั้น เราคุยกันเรื่องเดียวกัน หรือระบบเดียวกันหรือเปล่า