ดูหนัง soundtrack และเปิด sub ภาษาอังกฤษครับ พวก youtube ที่มันให้เปิด sub ได้ ผมก็เปิดนะครับ เลยรู้ว่า sub ใน youtube มันมั่วเยอะพอสมควร แต่ vdo ที่พูดชัดๆ ส่วนใหญ่ก็ยังถูกครับ

นอกจากนี้ยังนึกไม่ออกครับ ถ้านึกออกเดี๋ยวมาลงเพิ่มเติมให้ครับ

เริ่มจากฟังเพลงเลยครับ
เพลงสากล แล้วพยายามฟังว่าเค้าร้องว่าอะไร
อย่าเพิ่งยอมแพ้ไปหาเนื้อมาอ่านตามก่อนที่จะพยายามฟังด้วยตัวเองนะครับ!
แต่ถ้าฟังไม่ออกจริงๆ (เหมือนผมฟังเพลงเกาหลี) ก็หาเนื้อมาอ่านตาม แล้วพยายามแปลให้ได้ว่าความหมายคืออะไรครับ

อีกวีธีคลาสสิคคือดูข่าวครับ bbc cnn ผู้ประกาศจะอ่านออกเสียงชัดมาก หรือถ้าไม่บันเทิงพอให้ลองดูพวก E-NEWS พวกข่าวบันเทิงครับ

ผมเรียนอังกฤษที่ fast english ครับ เค้าจะมี vocab cd ให้ ผมก็ไรท์มาเป็น mp3 ฟังวนๆไปครับ แล้วก็ในคลาสเค้าก็จะแนะนำให้ฟังข่าว cbs news อะไรพวกนี้ ผมก็ฟังตาม ก็ช่วยได้เยอะครับ ที่เหลือก็เรียนๆจดจำประโยค หัดออกเสียงตามไป ก็ช่วยได้เยอะครับ

แล้วก็ผมเป็นคนชอบดูอนิเม อ่านมังงะ ก็ดูที่เป็นซับ eng ไป แล้วก็พยายามจำรูปประโยคกับคำศัพท์บ่อยๆ แล้วก็ดูการ์ตูนพวก steven universe, star vs the force of evils, gravity fall etc. พวกนี้ก็ออกเสียงชัดดีครับ แล้วก็ผ่อนคลายไปในตัว หรือถ้า advance หน่อย ก็ south park 

แล้วก็ผมชอบตามข่าวหูฟัง DAP ชอบอ่านรีวิว ก็ใช้ head fi นี่แหละเป็นสื่อฝึกพิมพ์ฝึกอ่าน จะได้พวกศัพท์แสลง ภาษาพูดที่ไม่เจอในหนังสือเยอะ 

เริ่มจากหาอะไรที่เราชอบ ฟังพูดอ่านเขียน มันจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นครับ

หาแฟนเป็นฝรั่งหรือหาแฟนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเลยครับ 555 ล้อเล่นครับ แต่ถ้าได้นี่ดีมากเลย
การดูรายการหรือหนัง มันก็ดีครับ แต่มันได้ด้านเดียวคือการฟัง ส่วนด้านการพูดโต้ตอบอันนี้คงต้องหาคนมาคุยด้วยครับ

พยายามให้ได้ยินเสียงภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด 24 ชม.ได้ยิ่งดีครับ สมัยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเคยเรียน AUA อ.ฝรั่งจะชอบให้ฟังพวกคลื่นวิทยุที่ไม่พูดไทยเลย ซึ่งมันช่วยได้เยอะเลยครับ

ปล.ปัจจุบันฟังแต่คลื่นกีฬา FM99 ภาษาอังกฤษเลยไม่กระดิกครับ 555+

ทำตามข้างต้นทุกประการ
ขอเพิ่มเพียงข้อเดียว ให้หมั่นพูดภาษอังกฤษกับตัวเอง รวมถึงการบ่นในใจ นึกในใจเป็นภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน ทำให้มากเท่าที่เราจะจำได้ เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่ามีอะไร รูปประโยคแบบใด รวมถึงสถานการณ์แบบไหน ที่เรายังไม่สามารถทำเป็นภาษาอังกฤษได้ดี

อ้อท้ายสุด ขอแนะนำหนังสือ english usage ของ oxford ครับ จากชื่อหนังสือก็จะเห็นได้ว่า มันคือการฝึกฝนในเชิงการนำไปใช้งานจริงๆ เป็นเล่มเล็กๆ ปกสีน้ำเงิน มีเวลาจะลงรูปปกให้ดูครับ วิธีคือไม่ต้องคร่ำเคร่งในการอ่านไปแต่ละบท เพราะมันไม่ได้ไล่จากง่ายไปยาก เอาเป็นว่า ก่อนจะนอน เปิดหน้าไหน อ่านหน้านั้น จนวันนึง เอเราอ่านซ้ำๆๆๆๆ จนจำได้ทุกหน้าครับ

ปกติผมชอบฟัง Guardian News นะ (ไม่ค่อยชอบ BBC) เท่าไหร่

พวกหนังนี่ไม่ค่อยดู  ส่วนนึงเพราะหนังส่วนใหญ่มันเป็นหนัง Hollywood มั้ง ไม่ค่อยชินกับสำเนียง เมกันเท่าไหร่ (ส่วนใหญ่ชินสำเนียง British )

ถ้าเป็นภาษาที่ Formal Language นี่ค่อนข้างเข้าใจนะ  แต่พวก Informal นี่ไม่ค่อยชินเท่าไหร่

YouTube ครับ แนะนำให้หารายการที่เราสนในก่อน ส่วนตัวแนะนำให้ฟังคนออสเตรเลียก่อน เพราะสำเนียงฟังค่อนข้างง่ายครับ 
แต่ผมชินสำเนียง USA 555+
เป็นไปตามช่อง YouTube ที่ฟังครับ
ปล.แนะนำให้ฟัง CNN.ครับ

พูดบ่อยๆครับ พูดคนเดียวโดยการเลียนแบบประโยค และหัดตีความประโยคนั้นๆ จะเร็วมากๆ 

อ่านบ้างก็ช่วยได้ครับ

ผมนี่ถึงขั้นไม่ได้เรื่องเลย คือไม่ได้เลยมาแต่ไหนแต่ไร แต่หลังๆเริ่มอ่านออกเขียนได้ก่อนครับ ตอบอีเมล์ง่ายๆได้ อาศัยจำว่าไอ้คนที่เขียนมามันตอบว่ายังไง พออ่านออกก็ต้องพยายามอ่านฟอรั่มต่างประเทศ ตัวไหนแปลไม่ออกก็แปลไปเรื่อยๆๆ ผมว่ามันจะจำได้เอง

ส่วนการพูด อันนี้ผมว่าสิ่งที่ยากคือการฟังมากกว่าพูดครับ คือส่วนมากเราฟังไม่ค่อยออก ทักษะการฟังมันไม่ค่อยเกิด ลองคิดเล่นๆๆครับ หากเราหันหลัง แล้วได้ยินใครพูดภาษาไทย ต่อให้ไทยภาคไหนเราก้ฟังออก แต่พอเจอฝรั่งยืนตรงหน้า บางทีฟังไม่ออก ต้องบอกให้เค้าพูดช้าๆๆชัดๆๆ

ผมว่าของพรรค์นี้ถ้าได้พูดบ่อยๆใช้งานบ่อยๆ ผมว่าจะเก่งไปเอง ทุกวันนี้ผมก็คุยรู้มั่งไม่รู้มั่ง อาศัยมือช่วยทำภาษาใบ้เอา 555

ดูหนัง ฟังเพลง และดูกีฬาครับ
ผมว่าดูกีฬานี่ได้ผลดีเลยนะ

ผมว่า grammar กับทักษะการ พูด มันต้องไปด้วยกันนะครับ แต่อย่างอื่น

ต้องกล้าพูดก่อน!
แล้วก็หาทางพูดให้ได้ทุกวัน!

ผมโชคดีได้เพื่อนต่างชาติจากการทำงานเยอะ พูดไปเรื่อยทุกๆวันทำให้คิดแบบไม่ต้องแปลงไปๆมาๆได้
แล้วที่สำคัญ ก็ฝึก grammar ก็มีไว้ทำให้ที่เราพูดมันถูกต้องมากว่า เริ่มตั้งแต่ is am are ไปเลยครับ ผมก็ไม่เคยได้ไปเรียนโรงเรียนภาษาหรอกครับแอบเสียดายตัง ถ้าได้เรียนก็คงจะทำได้เร็วขึ้น

ภาษามันก็เป็น skill อย่างหนึ่งทำผิดๆถูกๆค่อยๆทำให้รายละเอียดดีขึ้นด้วยประสบการณ์ ทำได้วันติดต่อกันทุกวันซักเดือนนึง ผมว่าหลังจากนั้นมันก็ง่ายล่ะครับ

ส่วนตัว ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีมากหรอกครับ อย่างไรก็ตามดีกว่าแต่ก่อนเยอะ! (เรียนจบมาได้ไงก็ไม่รู้)

แนะนำ Apps สอนภาษาอังกฤษสำหรับคนไทย สนับสนุนจากรัฐบาลครับ

ชื่อ Echo English ครับ

จากโพสนี้

https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=237136

tactic ที่จะแนะนำ โดนความเห็น 4 ปาดหน้าไปแล้วครับ...อดเล่นมุกนี้เลย T^T

พาตัวเองเข้าหาสภาพแวดล้อมที่ต้องพูดภาษาอังกฤษครับ

ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก โดยทฤษฎีในห้องเราเรียนกันมาเยอะ แต่สังเกตการสื่อสารไปไม่ถึงไหน นอกจากบางคนที่เรียนด้านภาษาอังกฤษโดยตรง หรือบางคนที่เรียนจบมาจากต่างประเทศ

จริงไม่มีอะไรซับซ้อน แต่หลักง่ายๆคือปฎิบัติ ลงมือทำ และทำเป็นประจำ ไม่ว่าจะ ดูหนังซาวร์แทรก ฟังเพลงสากล และเริ่มฝึกพูดในทุกๆวัน ทุกๆครั้งที่มีโอกาส

โดยส่วนตัวทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน ก็เลยเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ทำให้อ่านออก เขียนได้ พูดได้จนชำนาญเพราะเจอมันทุกวัน

เรียนรู้ > ฝึกฝน > ปฎิบัติเป็นประจำ > เกิดเป็นทักษะความชำนาญ

ผมเองก็ฟังไม่ออกครับ คือถ้ามาแบบชัดๆช้าๆ อันนี้พอคุยกันได้ แต่ถ้ารัวยิกๆเหมือนปืนกล มันฟังและแยกคำไม่ออก ซึ่งผมว่าปัญหาการสนทนาน่าจะมาจากการฟังไม่ออกก่อน พอฟังไม่ออก ระบบก็รวนไปถึงการพูด 555

พวกศัพท์ทั่วไปผมก็พอเข้าใจหมด แต่ยากอีตรงฟังให้ออกหมดนี่ล่ะ 555

ทักษะการฟังไม่ง่ายเลยครับ มีอีกอย่างหนึ่งสำหรับภาษาอังกฤษคือสำเนียงครับเพราะว่าสำเนียงภาษาอังกฤษของแต่ละประเทศไม่เหมีอนกันแล้ว ภาษาอังกฤษของคนอังกฤษเองก็ยังไม่เหมือนกันเลยครับ

เช่นการพูดที่เราได้ยินจากสำนักข่าวต่างๆ CNN NBC เป็นภาษาพูดที่เป็นทางการเราจะฟังกันรู้เรื่องฟังง่าย เหมือนที่เราเรียนกันจากตำราต่างๆ แต่ในชีวิตจริงคนอังกฤษจริงเค้าพูดกันอีกแบบหนึ่ง พูดกันสั้นๆพูดง่ายๆตัดโน้นตัดนี้จนเราฟังไม่รู้เรื่องเช่น ภาษาพูดอังกฤษจะชอบพูดย่อๆ พูดควบคำ พูดไม่ออกเสียงตัว T พูดคล้ายเสียงในลำคอ พูดใช้ลิ้นและกระพุ้งแก้ม

ฝึกได้ด้วยฟังบ่อยๆ เอาหนังหลายๆแนวมาดู อยากได้ภาษาชัดๆก็ดูการ์ตูน อยากได้ภาษาพูดฝึกการฟังก็ดูหนังดราม่าบทพูดเยอะ หรือถ้าอยากได้ภาษาแสลงก็หนังแอคชั่นมันๆ โหดๆ

อันนี้อาจจะไม่ได้ช่วยสำหรับใครที่จะฝึกภาษาเพื่อไปสอบเอาคะแนน TOEIC เพื่อทำงาน หรือ TOFEL และอื่นๆเพื่อไปเรียนต่อนะครับ อาจจะต้องไปฝึกตามตำราและสถาบันครับ

เห็นด้วยครับมีหูฟังดีๆสักเส้นช่วยการฟังได้เยอะครับ

ผมขอแนะนำจากประสบการตรงนะครับ เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วได้ออกจากงาน เพราะไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย(รู้แค่ cat dog bat) แต่ boss ผมดันเป็นต่างชาติ เวลาไปpresent งานเลยทำไม่ได้ เลยตัดสินใจลาออก แล้วควักเงินในกระเป๋า ส่งตัวเองเรียนที่แคนาดา ไปสองเดือนแรก ง่อยครับ สิ่งที่เริ่มก่อนคือ พูดครับ อาจารย์ฝรั่งเค้าสอนให้พูดก่อนเลย พูดๆๆๆๆ เขียนน้อยมาก กลังจากสองเดือนเริ่มพูดได้ แต่แกรมม่ายังเน่าๆ พอขึ้นเดือนที่ 5 6 เริ่มพูดได้แบบไม่ต้องนึกเป็นไทย แต่ภาษาก็ยังไม่ค่อยดี เนื่องจากทุนเดิมมาจาก 0 เลย เรียนไปเรียนมา ครบ 1ปีพอดี เริ่มฟังออก เขียนได้(แต่เรื่องการเขียนนิ ผมอ่อนสุด อ่อนกว่าคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษในไทยแน่นอน) แต่สิ่งที่ได้จากการไปเรียนคือ communication skill ครับ ฟัง พูด อ่าน ได้ อาจารย์ผมแทบทุกคนบอกว่า อยากฟังได้ ให้ฟังมันแบบกรอกหูครับ ฟังแบบไม่ต้องสนใจ ฟังไปเรื่อยๆ อย่างเช่น เปิดข่าวภาษาอังกฤษฟังแบบผ่านๆ จากฟังเป็นภาษาต่างดาว ก็จะเริ่มแยกฟังออกเป็นคำๆได้

ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่ก็ทำตามมาตลอด 1 ปี แล้วมันก็ฟังได้จริง

ส่วนเรื่องสำเนียง ตอนผมไปเรียนโชคดีที่มีเพื่อนมาจากทั่วโลก ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ใต้หวัน จีน Latin Europe

สำเนียงที่ยากที่สุดสำหรับผมคือ British ครับ ยากมาก จนบัดนี้ยังเกลียดมันอยู่

ถ้าอยากดูซี่รี่ต่างชาติ ผมแนะนำได้ครับ (ผมว่ามันไม่สนุก แต่ผมดูเพราะผึกฟังนะครับ)

เรื่องแรกที่แนะนำคือ 13 reasons why พูดช้า เคลีย ชัด ศัพท์ในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นจากเรื่องนี้ครับ

friends พูดเร็วกว่า แต่หนังเก่า ออกแนวตลก ผมดูตอนเดียวเลิก เพราะไม่เข้าใจมุขมัน

เรื่องที่สองกับเรื่องที่สามคือ The flash กับ Supergirl ดูจนติด รอมันออกตอนใหม่อยู่

(ขอเสริมอีกอย่างครับ การดูหนังแบบเปิดsubtitleอ่านตาม มันคือการฝึกอ่าน ไม่ใช่ฝึกฟัง เพราะเราจะไป focus ที่อ่าน มากกว่าฟัง อันนี้อาจารย์ก็บอกมา แล้วผมก็เห็นด้้วย)

ตอนนี้ระดับภาษาอังกฤษผมก็ยังไม่ดีมาก แต่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ของคนที่เริ่มจาก 0 ครับ

เคยทำแบบไม่ได้ตั้งใจครับ

ช่วงนั้นบ้ามือถือ เคสมือถือ อุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็ดูรีวิวจากyoutubeเยอะมากๆๆๆ ส่วนมากรีวิวดีๆ เปรียบเทียบดีๆ มีเทสเยอะๆ จะเป็นพวกต่างชาติทำครับ ภาษามีหลากหลายสำเนียง

ดูเล่นๆ ดูบ่อยมากๆ แทบจะทั้งวันครับ

หลังจากนั้นได้ลองไปเทส listening testของTOEFL ปรากฏว่าฟังออกหมดเลย จับประเด็นได้หมดเลย คะแนนพุ่งมากๆๆ ต่างจากที่ฝึกจากCDที่แถมมากับแบบฝึกหัดแบบผิดหูผิดตาเลยครับ

แนะนำ หาเรื่องที่สนใจ อยู่กับมันได้ทั้งวัน ดูรีวิวจากyoutube จะเป็นเรื่องเรียน เรื่องนาฬิกา รถอะไรก็ได้แล้วแต่ครับ ดีขึ้นมากจริงๆ

www.effortlessenglishclub.com

ผม Copy  บทสนทนา เอาใส่ MP3  กรอกใส่หู  ฟังทุกครั้งที่ออกกำลังกาย
หรือมีเวลาว่าง   สำหรับผม  มัน Work ทีเดียว  ช่วยให้มั่นใจขึ้นมาก

1.ฝึกฟัง ผมได้จากการเล่นเกมครับ เกมที่เน้นเรื่อง โดยเฉพาะพวก aventure การ์ตูนสวยๆ หรือพวก rpg ที่มีเสียงครบทุกบทพูด ยิ่งเวลาเควสมันติดแล้วก็ต้องไปคุยกับ npc หน้าเดิมๆ ก็จะเจอคำเดิมๆ ท่าทางเดิมๆ พูดกรอกหูเรา จนเราจำสำเนียงพร้อมความหมายได้เลย
2.ฝึกอ่าน ให้หาเนื้อหาที่เรารู้สึกชอบ ตื่นเต้นที่ได้อ่าน แรกๆอย่าฝึกกับนิยายครับ ศัพท์ยาก หาบทความ จะใช้ภาษาได้ถูกต้องเป๊ะกว่า เราจะได้แกรมม่าไปในตัว หาprogram ช่วยอ่านมาเพื่อให้มันออกสำเนียงให้ฟังในเวลาที่เราสะกดหรือออกเสียงได้ไม่แม่น อ่านออกเสียงให้ตัวเองฟังไปด้วย พร้อมแปลเนื้อหาที่เราชอบไปด้วย การเรียนมันต้องสนุกครับถึงจะได้ผล
3.ฝึก communication ลองเล่น game onlineดูครับ server inter หรือ us เท่านั้น เอาที่สังคมดีๆหน่อยก็ดี ถ้าไม่รู้จะเล่นอะไรก็ลอง ragnarok inter ดูครับ สนใจใครก็เข้าไปทักทายเลย แค่บอกว่ามาจากไทยแลนด์ เท่านั้น รับรองหาเรื่องคุยได้เพียบ แต่ต้องทำใจก่อน คำๆแรกที่ได้เรียนรู้มักจะเป็น wtf(what the fuck!) ครับ และจะเจอศัพท์แสลงศัพท์วัยรุ่น ไวยกรณ์พิสดาร ต้องใช้หลักเหมือนฝึกอ่าน คือรู้จัก keyword ที่เหลือเดาเอาตามสถานะการณ์

ผมได้ทำทั้งสามแบบโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ(หนักทางเล่นเกม)ครับ วันนึงเค้าเรียกสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ ก็นึกว่าคงต้องใช้ภาษามือเป็นส่วนใหญ่ กลายเป็นว่าเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอังกฤษได้ ฟังเข้าใจ และที่แปลกคือฟังสำเนียงที่เป็นnative(us/uk) เข้าใจได้ง่ายกว่าฟังคนไทยที่พูดอังกฤษซะอีกครับ