1 ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือต่างกันที่ความต้านทานครับ เรื่องเสียงบอกไม่ได้ว่าอะไรดีกว่า คงต้องฟังเทียบเอาเอง 

2.ใช่ต่ำกว่าขับง่ายกว่า

3. การตลาดครับ เพราะสังคมตอนนี้ รับรู้ข่าวสารอะไรกันง่ายเกินไป ใครพูดอะไรมา ก็เชื่อไว้ก่อน เรื่องความต้านทานก็เช่นกันครับ เค้า(แบรนด์หูฟังจีนๆ)ก็พยายามสะกดจิตเราว่า "นี่นะ ถ้าคุณยิ่งซื้อหูขับยากๆ เสียงมันนิ่งงงงมากๆๆๆ ไม่มีนอยซ์ แถมต่อแอมป์แล้วเสียงดีขึ้นเยอะมากๆๆๆๆๆ" ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่มี correlation กันเล้ย กะไอเรื่องที่ว่า ohm สูงๆ ราคาสูงๆ แล้วมันจะดีเทพกว่า หู ohm ต่ำๆ เสมอไป

เออบางค่ายอาจจะดีตามโอมจริง เพราะเพิ่มแรงแม่เหล็กแล้วเบสเต็มขึ้น แถมพอต้องต่อแอมป์ พอเสียงดังๆ เราก็มโนว่าได้ยินฟังชัด เสียงเต็มอิ่มกว่า ทั้งๆที่จริงๆอาจจะ placebo หรือ bias ก็ได้ 

แต่ถ้าใครมาบอกว่า ยิ่งโอมสูง เสียงจะดีกว่าโดยแท้ทรู อย่างไม่มีข้อแม้เลยเนี่ย คุณเลิกอ่านเลิกติดตามเค้าไปได้เลย ไม่เคยมีใครสอนครับ

มาจบที่คำถามสุดท้าย ซื้อเท่าไหร่ดี ผมบอกเลย ซื้อตามที่คุณลองกับชุดที่คุณมีแล้วชอบครับ ยิ่งฟังจากมือถือ ไม่ต้องไปดิ้นรนหา หู 300-500 โอม เลย เสียตังค่าหูไม่พอ ยังต้องหาแอมป์มาใช้ เพราะต่อตรงก็ขับไม่หมด ลำบากป่าวๆ

แต่กรณีที่ถาม 32 vs 64 เป็นผมคง play safe เล่นที่ 32 โอมแทนครับ นี่คือกรณีที่คุณอยู่ ตจว ไม่สะดวกลองน่ะนะ แต่เอาจริง อะไรที่ไม่ได้ลองอย่าซื้อเลย หยอดกระปุกไว้ดีกว่า ซื้อของไม่ลองนี่ไม่ต่างจากซื้อหวย ยกเว้นราคาถูกจริงๆ ไม่เดือดร้อนก็โอเคครับ

สรุปคือลองก่อนซื้อครับ ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงครับ

ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้

แล้วOhmเท่าไหร่ที่มือถือสามารถขับไหวครับ  (เอาiPhoneเป็นตัวอ้างอิงละกัน เพราะน่าจะรู้จักกันเยอะสุด)

ที่รู้แน่ๆตอนนี้คือ 32 โอห์ม ไหว

เวลาอยากซื้อหูฟังOhm สูงๆ ไม่กล้าซื้อซักทีเพราะกลัวมันใช้กับมือถือไม่ไหว

ใครใช้iPhoneอยู่ลองเสียบสดทดสอบดูให้หน่อยครับผม ของผมมีสูงสุดแค่32 โอห์ม เอง

ปัจจัยมีสองเรื่องครับคือ ความต้านทาน หนึ่ง กับ sensitivity หูที่ใช้ สอง

ลองกดเล่นตามลิงค์นี้ครับ

https://www.headphonesty.com/headphone-power-calculator/

ขับไม่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าจะฟังไม่ได้หรอกครับ เพียงแต่ว่าถ้ามีแรงขับให้ตามสเปกมันยังงั้น มันก็จะได้เต็มประสิทธิภาพของมันว่างั้นเถอะ 

ผมก็ชอบฟัง Seahf เหมือนกันครับ สะสมไว้ 3 รุ่น มี 32,64,150 ohm แต่ละรุ่นเสียงต่างกันครับ ไม่ได้แค่ความต้านทานอย่างเดียว สเปกสายแต่ละรุ่นต่างกันด้วย ราคาจึงต่างกัน เสียงดีทั้ง 3 รุ่นครับ 32 จะให้เสียงสดชัดกว่า แต่ ohm สูงๆจะได้เรื่องมิติ ความกว้างมากขึ้น สำหรับผมฟังต่อตรงไอโฟนเหมือนกัน  ชอบ 64 ที่สุด โปร่ง รายละเอียดดี มีเบส  64 กับ 150 เสียงคล้ายกันมาก ไอโฟนขับหมดหรือป่าวไม่รู้ แต่ผมว่าก็ฟังดี เร่งวอลุ่มเพิ่มขึ้นอีกขีดนึงก็โอเค ไม่นิยมผูกสายต่อคอนโดเหมือนกันครับ แต่ถ้าได้แอมป์จะดีกว่าเดิมอีกหรือป่าวไม่รู้ 555

ง่ายๆ เลย อิมพีแดนซ์ คือค่าความต้านทานของขดลวดหูฟัง ค่าสูง ต่ำ จะแปรตาม ขนาดสายไฟ กับ จำนวนรอบที่พัน

- ตัวความต้านทาน 32 กับ 64 ราคาใกล้เคียงกันจะต่างกันตรงไหนครับ
 
ยี่ห้อ รุ่นเดียวกันมั้ยครับ ถ้าไม่ใช่ อยู่ที่การออกแบบ แต่ถ้าใช่ 64 เสียงจะดีกว่า 32

- ความต้านทานต่ำ มันง่ายต่อการขับใช่มั๊ยครับ ทำไมราคาถึงถูกกว่าตัวที่ความต้านทานสูงกว่า ทั้งๆ ที่ตัวความต้านทานสูงต้องพึ่งแอมป์ในการขับ

ใช่ครับ เพราะ กำลังเสียงที่ออกมาจากหูฟัง แปรตามแรงดันที่จ่ายยกกำลังสอง หารด้วยความต้านทานหูฟัง ดังนั้นเครื่องเล่นทั่วไป แรงดันไม่สูงนัก จึงเหมาะกับหูฟังที่อิมพีแดนซ์ต่ำมากกว่า  ราคาถูกส่วนใหญ่ก็เพราะ มันไม่ออกแบบซับซ้อนอะไรมาก และโดยส่วนใหญ่ คุณภาพเสียงมัดสู้รุ่นที่อิมพีแดนซ์ สูงๆ ไม่ได้

- ถ้าจะซื้อสมควรซื้อตัวที่มีความต้านทานที่เท่าไหร่ครับ? 

อย่าไปสนใจเรื่องอิมพีแดนซ์  มันแค่พารามิเตอร์หนึ่งของหูฟังที่เค้าออกแบบมา ให้เลือกจากหูฟังที่ชอบเป็นหลัก แล้วค่อยมาดูต่อว่า อิมพีแดนซ์ สูงหรือต่ำ ต้องใช้ Amp กำลังเท่าไหร่ ฟังผ่านมือถือโดยตรงเสียงออดมาครบมั้ย ถ้าไม่ต้องการ amp กำลังเท่าไหร่ครับ