"ความเมตตาของคุณ ไม่ต้องผ่านการทดสอบ"
ผู้กำกับชาวบราซิลชื่อดัง Walter Salles กำลังค้นหาตัวนักแสดงที่เหมาะสมสำหรับภาพนตร์เรื่องใหม่ของเขา "Central do Brasil" หรือ "Central Station" ในชื่อภาษาอังกฤษ มีผู้มาให้คัดตัวมากมาย แต่ก็ยังไม่ถูกใจ
วันหนึ่งระหว่างออกไปทำธุระผ่านสถานีรถไฟ มีเด็กผู้ชายวิ่งมาถามเขาว่า "ขัดรองเท้าไหมครับ ท่าน" เขามองดูรองเท้าตัวเอง ซึ่งก็เพิ่งขัดมาไม่นาน จึงตอบปฏิเสธไป แต่เด็กน้อยก็เดินตามเขาไป พร้อมพูดกับเขาด้วยแววตาวิงวอนว่า "วันนี้ทั้งวันยังไม่มีเม็ดข้าวตกถึงท้องเลย อยากขอยืมเงินไปซื้อข้าวกินหน่อย ผมสัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนให้ภายในหนึ่งอาทิตย์ครับ" เขาเห็นว่ามันเป็นเงินเล็กน้อย และเหตุการณ์เด็กเร่ร่อนมาขอเงินก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เขาจึงควักเงินให้เด็กน้อยไป
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน เขาลืมเรื่องให้เงินเด็กน้อยไปหมดสิ้นแล้ว วันนั้นเขาก็ผ่านมาใช้สถานีรถไฟนั้นอีกครั้ง มีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาหาเขาแต่ไกลพร้อมตะโกนว่า "คุณครับ รอแป๊ปนึง" เมื่อเด็กน้อยวิ่งมาใกล้แล้ว เขาจึงจำหน้าเด็กที่เคยมาขอเงินคนนั้นได้
เด็กน้อยพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า "คุณครับ ผมมารอคุณตั้งหลายวันแล้ว ขอบคุณที่ให้เงินผมยืมครับ" พร้อมยื่นเงินเหรียญหลายเหรียญคืนใส่มือของเขา เขามองดูเหรียญในมือ บังเกิดความรู้สึกดีๆกับเด็กน้อยคนนี้
ผู้กำกับก้มมองดูหน้าเด็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ เกิดความรู้สึกว่า เด็กคนนี้ ช่างหมาะกับบุคลิก "เด็กน้อย"ในภาพยนตร์ของตนที่กำลังค้นหานักแสดงอยู่ เขาพูดกับเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มว่า "พรุ่งนี้หนูลองมาทดสอบหน้ากล้องที่บริษัทหน่อย อาจทำให้หนูมีโอกาสได้ดีใจครั้งใหญ่ในชีวิต"
รุ่งขึ้นตอนเช้า พนักงานขึ้นมารายงานผู้กำกับว่า มีเด็กกลุ่มใหญ่มารออยู่หน้าประตูบริษัท เขาออกไปดูเหตุการณ์ ก็พบเด็กน้อยวิ่งมาหาเขาด้วยความตื่นเต้นพร้อมพูดกับเขาว่า "คุณครับ เด็กเหล่านี้ก็เป็นเด็กเร่ร่อนเหมือนผมที่ไม่มีพ่อแม่ ผมอยากขอให้พวกเขามีโอกาสได้ดีใจแบบเดียวกับผมบ้าง เลยชวนมาทั้งหมด อยากขอโอกาสให้พวกเขาทุกคนด้วยครับ" ผู้กำกับรู้สึกตื้นตันในน้ำใจของเด็กคนนี้
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะได้เจอเด็กเร่ร่อนที่มีจิตใจเมตตาปราณีได้ดีงามถึงเพียงนี้ ในเมื่อพวกเขาก็มาพร้อมกันอยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงสั่งให้ลูกน้องจัดการทดสอบหน้ากล้องพร้อมทดสอบการแสดงออกของเด็กทั้งกลุ่ม ในที่สุด เด็กหลายคนถูกคัดเลือกออกมา พวกเขาดูมีความพร้อมและเหมาะสมกว่าเด็กน้อยคนนั้นของผู้กำกับเสียอีก
แต่สุดท้าย ผู้กำกับก็ตัดสินใจเลือกเด็กน้อยคนเดิมไว้
เขาบรรจงเขียนข้อคิดเห็นบนข้อมูลเด็กน้อยคนนั้นว่า "ความเมตตา ไม่ต้องผ่านการทดสอบ"
เด็กน้อยที่มีอายุแค่ประมาณสิบขวบ แม้ชีวิตจะอยู่ในภาวะขัดสน แต่กลับยอมนำเอาโอกาสดีๆของตนมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ นี่ช่างเป็นความเมตตาที่งดงามและยิ่งใหญ่จากมนุษย์ตัวน้อยๆคนนี้ เขาแน่ใจว่า เด็กน้อยคนนี้แค่ใช้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแสดงออกมา แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับบทบาท"เด็กน้อย"ในภาพยนตร์ของเขาโดยไม่ต้องมีการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น
แล้วเด็กน้อยก็สามารถตีบทแตกอย่างสุดยอดในบทบาทที่น่าประทับใจที่สุด
ภาพยนตร์ได้กวาดรางวัลจากสถาบันต่างๆทั่วโลกรวม 36 รางวัล (1998-99) มีแต่เสียงชื่นชมจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ เด็กน้อยกลายเป็นนักแสดงที่ดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืน และสามารถกลายเป็นนักแสดงยอดนิยมของประเทศบราซิลอยู่ยาวนาน
หลายๆปีผ่านไป เด็กน้อยที่บัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่ ได้กลายเป็นนักแสดงระดับแนวหน้า และยังเป็นประธานบริษัทในวงการภาพยนตร์ เขาผู้นั้นคือ Viniclus de Oliveira
"ชีวิตการแสดงของข้าพเจ้า" คือหนังสือที่นักแสดงผู้นี้แต่งขึ้นมาเพื่อบันทึกชีวประวัติส่วนตัวของเขา เขาขอให้ผู้กำกับที่มีพระคุณที่สุดในชีวิตเขาเป็นคนให้เกียรติเขียนคำนำสำหรับหนังสือเล่มนี้ของเขา
ผู้กำกับ Walter Salles
บรรจงเขียนข้อความจากใจว่า
"ความเมตตาของคุณ
ไม่ต้องผ่านการทดสอบ
ความเมตตา ทำให้คุณพยายามยื่นโอกาสดีๆในชีวิตแบ่งปันให้กับคนอื่น
และก็คือความเมตตาของคุณเช่นเดียวกัน ที่ทำให้คุณได้รับโอกาสดีๆมากมายไปเป็นรางวัลชีวิต"
เขายังคงความเมตตาสมัยเป็นเด็กน้อยไม่ขาดหาย
แต่เจริญรุ่งโรจน์ในเส้นทางชีวิตอย่างน่าชื่นใจ
********
คนที่มีใจเมตตาปราณี
ชะตาชีวิตมักจะไม่เลวร้าย
อาจจะตกต่ำไปบ้างในบางจังหวะชีวิต
แต่สุดท้ายโอกาสดีๆก็จะเข้ามาให้ได้ประสบพบเจอในเส้นทางชีวิตแน่นอน
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
29/7/17
www.facebook.com/Flintlibrary