“Our music’s intensity and energy is on very high level. No matter what kind of complexity, composition or the music is, the basis is the high energy music.” จากบทสัมภาษณ์ของกลุ่มศิลปิน neo-psychedelic jazz-rock ที่นำส่วนผสมทางดนตรี Jazz, classical มาใส่ไว้ได้อย่างลงตัว โดย Elephant 9 จากนอร์เวย์ ที่รวมตัวกันในปี 2005 และออกผลงานภายใต้ค่ายเพลง Experimental label ของสแกนดิเนเวียอย่าง Rune Grammofon จึงเปรียบเสมือนปลาที่ถูกน้ำผลักดันให้งานเพลงของ Elephant 9 กลายเป็นงานที่มากระแทกหูของผมในยามที่สภาพแวดล้อมทางดนตรีของผมรู้สึกเงียบเหงา เหือดแห้งทางความคิดจนได้ผลชะงัด
จะว่าไปแล้วแรงบันดาลใจทางดนตรีของ Elephant 9 จากบทสัมภาษณ์ก็ล้วนมาจากอิทธิพลผลงานดนตรี Prog Rock ในยุค 70s อาทิ Deep Purple และการสร้าง Space เวิ้งว้างกับ Heavy Keyboard Sounding ในแบบ Pink Floyd ไปจนถึงงาน Fusion ในยุคของ Miles Davis ซึ่งแน่นอนคงมีผลงานอย่าง Miles In The Sky (เป็นอัลบั้มแรกที่ Miles เริ่มใช้เครื่องดนตรี Electric เข้ามามีส่วนในอัลบั้ม) In a Silent Way, Bitches Brew, Live-Evil, On The Corner ไปจนถึงงานแตกเหล่าแตกกอ Alumni ของ Miles อย่าง Return To Forever, The Headhunters , Weather Report, The Tony Williams Lifetime, The Mahavishnu Orchestra ซึ่งล้วนมีส่วนต่อเติมลมหายใจให้กับดนตรีแจ๊สจากที่ถูกลดทอนจากกระแสดนตรี Rock นับแต่กลางยุค 60s ไปจนถึงกลางยุค 70s ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
Elephant 9 เดิมชื่อวงมาจากชื่อศิลปินเองคือ Storløkken/Eilertsen/Lofthus, ซึ่งประกอบไปด้วย Ståle Storløkken (คีย์บอรด์), Nikolai Eilertsen (เบสไฟฟ้า) and Torstein Lofthus (กลอง) แต่ต่อมาใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Elephant 9 ซึ่งสมาชิกแต่ละคนล้วนฝากผลงานภายใต้วงแถวหน้าของนอร์เวย์แทบทั้งสิ้น Ståle Storløkken มือคีย์บอรด์ที่จบการศึกษา Jazz Program จาก Trondheim Music Conservatory ในระดับปริญญาตรีและโท มีความชื่นชอบงานคลาสสิคอย่าง Messiah สร้างชื่อเสียงในขณะอยู่ร่วมกับวงในแนว avant-garde อย่าง Supersilent, Motorpsycho หรือกับมือกีตาร์คนสำคัญของนอร์เวย์เช่น Terje Rypdal
Storløkken มีความชำนาญทั้งเปียโน คียบอร์ดไปจนถึง Hammond Organ ในขณะที่ Nikolai Eilertsen ที่ได้รับรางวัล Spellemann Prize หรือเทียบเท่า Norwegian Grammy Award ในขณะที่เล่นให้กับวง Pop Rock อย่าง The National Bank เทคนิคการใช้ Bass picking แทนที่จะเป็น Finger เรียกว่าจัดจ้านพอตัว เปรียบเสมือนการให้เสียงกีตาร์เป็นเครื่องดนตรีชิ้นที่ 4 ในวงทริโอ และมือกลอง Torstein Lofthus ที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนความมันส์ของวงช้างหมายเลข 9 นี้ก็ไม่ธรรมดาเมื่อเขาเป็นหนึ่งในเมมเบอร์ของ Shining วง Experimental Metal ที่ล้ำหน้าของนอร์เวย์และสแกนดิเนเวีย
ผลงานชุดแรกของวงออกในปี 2008 Dodovoodoo ตามติดด้วย Walk The Nile ในปี 2010 ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ได้รับรางวัล Norwegian Grammy Award ในปีเดียวกัน จนในปี 2012 ได้มีแขกรับเชิญมือกีตาร์ Prog จากสวีเดน Reine Fiske ในอัลบั้ม Atlantis และอีกครั้งในปี 2015 จากอัลบั้ม Silver Mountain ทั้งหมด 5 อัลบั้มภายใต้สังกัดเดียวกัน Rune Grammofon ผลงานประพันธ์ส่วนใหญ่จากมือคีย์บอร์ด หรือบางเพลงโดยมือเบสของวงเพราะมีความเข้าใจในการเรียบเรียงเสียงประสานในแบบ Jazz และ Classic จาก Jazz Program ที่ร่ำเรียนมานำมาใช้เดินเรื่องราวของแต่ละบทเพลงได้อย่างน่าสนใจ
การที่ Storløkken เลือกใช้ Keyboard ที่ย้อนยุคอย่าง Hammond B3, Fender Rhodes, Mellotron (ที่ให้สุ้มเสียงหลอกหลอนเหมือนมีวงเครื่องสายเป็นฉากหลัง) ที่มักพบในวง Psychedelic, Prog Rock ยุค 70s ความหนักหน่วงของการเดินเบสและจังหวะกลองที่พรูพลั่งดังสายธารแห่งดนตรีที่ทะลักออกมาจากหัวใจคนดนตรีอันเป็นผลิตผลตกผลึกจากยุคนั้น ไปถึง Sound ที่ออกๆไปทาง Analog เหลือเกินส่งผลให้ผลงานของ Elephant 9 กลายเป็นสิ่งที่ขา Jazz และ Rock จากยุคอดีตที่ยังฝันค้างอยู่ไปจนถึงคนร๊อคยุคใหม่พึงพอใจและให้การตอบรับพวกเขาอย่างเนืองแน่น ได้รับเชิญในเทศการแจ๊สระดับโลกอย่าง Kongsberg Jazz Festival, Nattjazz, International Jazzhead!, Jarasum International Jazz Festival ไปจนถึงคลับแจ๊สตำนานอย่าง Ronnie Scott’s Jazz Clup ในลอนดอน
หากลองได้ฟังบันทึกแสดงสดที่ Jazzhead! Bremen ในปี 2014 นี้ก็ต้องบอกว่ามันดุเด็ดเผ็ดมันส์มาก ต้องอุทานว่า “อ้าวเฮ้ย วง Elephant 9 มันไปอยู่ไหนมาว่ะ”