Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ใครไปดู Dunkirk มาแล้วบ้างครับ

SirIsexnewTA

21/07/2017 17:28:54
387
หลายๆรีวิวให้คะแนนเกือบเต็บ/เต็ม กันทุกสำนัก ส่วนตัวผม ผมให้แค่ 6-7  
อย่างแรกคือดูไม่รู้เรื่องครับ (เป็นแฟนหนังโนแลนนะ แต่ไม่ค่อยดูหนังสงครามเท่าไร ส่วนใหญ่ผมจะชอบดูหนังหักมุมมากกว่า ซึ่งหาได้จากหนังโนแลนเรื่องก่อนๆนี่แหละ) 

ถามว่าหนังดีไหม ดีครับ องค์ประกอบ อารมณ์ อะไรทำได้ดี การเล่าเรื่องก็ใช้ได้ บรรยากาศก็สุดยอด แต่สงสัยว่าทำไมให้คะแนนกันเต็ม max ขนาดนั้น 
ผมไม่ได้สบประมาทหผู้ที่รีวิวจากสำนักต่างๆนะครับ แต่ผมกำลังสงสัยว่ากำลังพลาดอะไรไปจากหนังเรื่องนี้ 

ใครดูแล้วมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันหน่อยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

artpiggo

21/07/2017 18:27:05
15
ถ้าฉากต่างๆ เพลงประกอบโอเคเลยครับ แต่ส่วนตัวไม่อินกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ อันนี้ชวนเพื่อนไปดูกันเมื่อวานเพราะเห็น imdb จัดไป 9.3 พอออกมาจากโรงไม่มีใครคุยเรื่องหนังกันสักคน 55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 2

SirIsexnewTA

21/07/2017 18:37:43
387
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 1 - artpiggo
ถ้าฉากต่างๆ เพลงประกอบโอเคเลยครับ แต่ส่วนตัวไม่อินกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ อันนี้ชวนเพื่อนไปดูกันเมื่อวานเพราะเห็น imdb จัดไป 9.3 พอออกมาจากโรงไม่มีใครคุยเรื่องหนังกันสักคน 55555
คุณ artpiggo คิดเหมือนผมเลยครับ ไม่อิน 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

InLimbo

21/07/2017 19:01:14
53
คิดว่าคนที่ไม่ชอบคงหวังจากแนวงานที่ผ่านมาครับด้วยครับ เพราะจากคนรอบตัวจะมีประโยคนึงที่พูดคล้ายๆกันว่า อยากไปดูว่าโนแลนจะทำหนังออกมายังไง แต่หากจะพิจารณากันตามจริง หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ส่งอารมณ์มาให้คนดูได้เต็มๆครับ ผมก็ไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ก่อนไปดูนะ แต่ตอนที่ดูรู้สึกทั้งกดดัน ความรู้สึกหลายอย่างมันปนเปไปหมด บางทีความรู้สึกมันก็จม จนนั่งมองจอเฉยๆแบบหัวมันโล่งไปขณะนึงเลยครับ ตัวหนังไม่ค่อยมีการใช้บทสนทนาแต่ว่าใช้อารมณ์และการแสดงเชิงสัญลักษณ์ (symbolic)เข้ามาแทน โดยรวมเป็นหนังที่ทำไ้ด้ลึกมากๆครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 4

เหน่งบา

21/07/2017 21:15:30
1,866



ตัดแปะความเห็นของคุณวินทร์ เลียววารินทร์มาให้อ่านกันนะครับ
พี่ท่านนอกจากเป็นนักเขียนระดับบรรลุแล้ว ยังเป็นนักดูหนังขั้นเซียนด้วยคนหนึ่ง

ลืมหนังทุกเรื่องของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่คุณเคยดูมา : Memento, Insomnia, Batman Begins, The Prestige, The Dark Knight, Inception, The Dark Knight Rises และ Interstellar

ทั้งหมดที่เอ่ยถึงนี้เป็นหนัง plot-based เราติดตามเรื่องราวของตัวละครและเหตุการณ์ หากพล็อตสนุก ก็รอดตัวไปแล้วครึ่งหนึ่ง หากบทดี เล่าเรื่องดี ฉากดี ดนตรีดี ก็สมบูรณ์ ดังที่โนแลนประสบความสำเร็จมาทุกเรื่อง

แต่ Dunkirk ไม่เข้าข่ายที่พูดมา

Dunkirk เป็นประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทุกคน (หมายถึงคนที่อ่านหนังสือมากกว่าปีละ 8 บรรทัด) รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารอังกฤษ ฝรั่งเศส และสัมพันธมิตรหลายแสนคนถูกลอยแพที่ฝั่งดังเคิร์ก ฝรั่งเศสในปี 1940 พวกเขาพยายามข้ามช่องแคบอังกฤษกลับประเทศอังกฤษ แต่ไม่มีเรือรบสามารถพาข้ามไป เพราะการโจมตีทางอากาศของฝ่ายเยอรมันตลอดเวลา ในที่สุดชาวประมงริมฝั่งอังกฤษก็พากันออกเรือลำเล็กข้ามไปช่วยขนทหารกลับมา มันจึงถูกเรียกว่า Miracle of Dunkirk

เรื่องมีเท่านี้ ใครๆ ก็รู้ คำถามคือจะเล่าเรื่องอย่างไร จะแต่งพล็อตเรื่องซับซ้อนอิงประวัติศาสตร์ หรือว่า...?

Dunkirk ของโนแลนไม่ได้เล่า 'เรื่อง' แต่เล่า 'อารมณ์' ดังนั้นหากคุณตีตั๋วเข้าโรงไปเพื่อหวังความบันเทิงแบบเรื่องของเขาที่เคยดูมาก่อน ก็เก็บเงินไว้ซื้อไอติมกินดีกว่า เพราะนี่ไม่ใช่หนังดูสนุกเพลิดเพลิน หรือเพื่อความผ่อนคลาย ตรงกันข้าม คุณจะออกจากโรงด้วยความเศร้า หงอย ซึม และสมองไม่ว่างอีกหลายวัน

แต่หากคุณเป็นคอหนังแท้ นี่เป็นงานที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของโนแลน

นี่เป็นหนังสงครามที่มีวิธีการเล่าต่างจากเดิม และทรงพลังโดยแทบไม่ต้องใช้คำพูด

หนังฉายภาพให้ดูว่าสงครามเปลี่ยนคนอย่างไร สงครามทำให้คนกล้า เกลียด ขี้ขลาด กลัว และมีความหวัง ทั้งหมดระบายอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยแทบไม่มีบทพูด

ฉากเรื่องสมจริง การถ่ายภาพสวยงาม ดนตรีอลังการ

ในท้ายเรื่องเราจะคุ้นกับคำที่เราบางคนอาจได้ยินมาก่อน สุนทรพจน์ของ วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พูดให้เรามองเห็นว่าในด้านพ่ายแพ้ก็มีด้านชนะ ในความมืดก็มีความสว่าง

“เราจะไปจนถึงที่สุด เราจะต่อสู้ในฝรั่งเศส เราจะต่อสู้ในทะเลและมหาสมุทร เราจะต่อสู้ด้วยความมั่นใจสูงขึ้น และเข้มแข็งขึ้น ในอากาศ เราจะป้องกันเกาะของเราไม่ว่าราคาจะเป็นเท่าไร เราจะต่อสู้บนหาดทราย เราจะต่อสู้บนพื้นดิน เราจะต่อสู้ในท้องทุ่ง บนถนน เราจะต่อสู้บนเขา เราจะไม่มีวันยอมแพ้”

นักเขียนโก้วเล้งหลังจากทำงานสร้างพล็อตซับซ้อนมานานปี เขาก็ลอกคราบจากนักเขียนพล็อตซับซ้อน สูงสุดคืนสู่สามัญ หันไปเล่าเรื่องเกี่ยวกับคน ความรู้สึก อารมณ์

และนี่ก็เป็นการลอกคราบของโนแลน

เชื่อว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

หมายเหตุ :

1 ดูจากจำนวนรอบน้อยนิดของหนัง เมื่อเทียบกับ Transformers และ Wonder Woman แล้ว ก็รู้เลยว่านี่ไม่ใช่หนังที่นายทุนอยากให้เราดู (จะว่าไปแล้วโครงหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่ติดยี่ห้อโนแลน รับรองไม่ได้สร้าง!) ดังนั้นใครสนใจ ก็ควรดูก่อนหนังออกจากโปรแกรม สังหรณ์ว่าไม่น่าจะอยู่นาน

2 สังหรณ์อีกอย่างว่า เรื่องนี้อาจได้ตุ๊กตาทอง Best Director + Best Picture

.………………..

วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 5

นายมั่นคง

21/07/2017 21:29:08
4,282
พวกหนังสงครามอิงประวัติศาสตร์ผมชอบดูนะครับ แต่บางทีเจอบางเรื่องก็ดูยากเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ไม่พลาดแน่นอนครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 6

เหน่งบา

21/07/2017 21:32:50
1,866
ตัดแปะความเห็นคุณวินทร์ต่ออีกครับ
ไม่บ่อย ที่คุณวินทร์จะเขียนถึงเรื่องบางเรื่องต่อกันสองวัน ^ ^

เมื่อวานนี้พูดถึงหนัง Dunkirk (ออกเสียง ดังเคิร์ก ไม่ใช่ ดันเคิร์ก) ท่อนหนึ่งว่า ถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ติดยี่ห้อ คริสโตเฟอร์ โนแลน รับรองไม่ได้สร้าง

นี่น่าจะเป็นเรื่องจริง นายทุนฮอลลีวูดมีเงินเยอะก็จริง แต่ไม่ได้ให้เงินใครง่ายๆ

หากมิใช่เพราะ คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงอย่างยิ่ง ยากมากที่นายทุนจะโยนเงินให้ 150 ล้านไปสร้างหนังที่ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง

เชื่อว่านายทุนอาจยอมตามใจเขา ให้ทำหนังอาร์ตที่ชอบสักเรื่อง หลังจากนั้นก็ภาวนาสามวัดเจ็ดโบสถ์ให้เขากลับไปทำหนัง 'ตลาด' กว่านี้

ส่วนนายทุนไม่ค่อยแคร์หรอกว่างานจะชิงออสการ์สักกี่ตัว สนใจว่าจะทำเงินได้เท่าไร พวกเขาทำงานเป็นระบบ เป็นโรงงานอุตสาหกรรม เหมือนผลิตบะหมี่สำเร็จรูป

กรอบคิดแบบนี้ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ถูกตีกรอบไปด้วย

วงการฮอลลีวูดทำหนังโดยตั้งเป้าที่กำไร ไม่ใช่ศิลปะ ไม่ได้ประกอบอาชีพสร้างหนังเพราะรักศิลปะ แต่เพราะเงินล้วนๆ

นี่คือธุรกิจ ซอร์รี! ศิลปะเป็นเพียงผลพลอยได้ หรือ by products!

ดังนั้นสตูดิโอหนังจะไม่ปล่อยอำนาจการควบคุม หากผู้กำกับไม่ทำเงินจริง หรือไม่แรงจริง

ตัวอย่างที่เป็นกรณีศึกษาคือหนังเรื่อง Once Upon a Time in America ของ Sergio Leone ผู้กำกับฝีมือดีชาวอิตาเลียน เขาสร้างหนังยาวมาก ดำเนินเรื่องโดยไม่ลำดับเวลา สตูดิโอก็จัดการตัดต่อหนังให้ใหม่โดยที่ผู้กำกับได้แต่ใบ้รับประทาน เรียงลำดับเรื่องตามลำดับเวลา ราวกับว่าคนอเมริกันโง่ ดูหนังไม่ลำดับเวลาไม่เป็น และหั่นหนังให้สั้นลงอีก ปรากฏว่าหนังเจ๊ง กินเวลาอีกนานปีกว่าฉบับ Director's cut จะปรากฏโฉมในอเมริกา และถูกยกย่องว่าเป็นหนังระดับสุดยอดแห่งโลก

Sergio Leone ในเวลานั้นไม่ดังเท่าโนแลน จึงไม่มีอำนาจต่อรอง

กรณีของโนแลนเป็นแค่ความฟลุกของวงการที่เจออัจฉริยะผู้ทำหนังอาร์ตที่ทำเงินด้วย นายทุนจึงยอมให้เขาสนุกไป โดยไม่เข้ามายุ่มย่ามในเรื่องความคิดสร้างสรรค์

………………

โรงงานฮอลลีวูด 'don't give it damn' ว่าหนังดีหรือไม่ดี สนใจแต่ตัวเลขการตลาด

พวกเขาคิดเป็นสูตร หากหนังดังก็ทำภาค 2 ถ้าภาค 2 ยังมีคนชอบ ก็สร้างไปเรื่อยๆ ถ้าพระเอกตายก็โคลนขึ้นมาใหม่ ถ้าโคลนไม่ได้จริงๆ ก็สร้าง prequel

สร้างครบสิบปียี่สิบปี ก็รีบูต กระตุ้นใหม่อีกรอบ ใช้ไฟชอร์ตตัวแฟรงเกนสไตน์ให้มันคืนชีพขึ้นมาใหม่

พวกเขาจะแฮปปี้มากหากได้ไอเดียที่ทำเงินยาวๆ สักเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น Fast and Furious ผู้สร้างคงไม่คาดว่ามันจะฮิตขนาดนี้ เมื่อฮิตก็สร้างภาคต่อ และขยายขอบเขตให้หนังมีชีวิตรอดต่อไปอีกร้อยปี เปลี่ยนโทนหนังให้เป็นหนัง เจมส์ บอนด์ หากถึงภาคที่ 50 คนเบื่อแล้ว ก็ให้มนุษย์ต่างดาวลงมาขับรถแข่งแทน

ล่าสุดสตูดิโอยินดีปรีดาที่บังเอิญหนัง John Wick โกยเงิน คงได้สร้างอีก 20 ภาคแน่นอน เชื่อหัวไอ้เรืองเต๊อะ!

ดังฉะนี้เราจะได้ดู Spider-Man, Captain America, Wonder Woman, Daredevil ฯลฯ อีกหลายรอบ และเมื่อกระแสเฉื่อยของ Transformers จางหาย ก็จะรีบูตขึ้นมาใหม่อีกรอบ

I'll be back!

นี่มิได้บอกว่าหนังในวงจรนี้เลวร้ายทั้งหมด (Wonder Woman ก็สนุกดี) แต่บอกว่าความหลากหลายหายไป ความกล้าที่จะทำของใหม่สดลดลง

วิธีคิดแบบนี้ทำให้งานรวมขาดความคิดสร้างสรรค์อย่างที่ควรเป็น ไม่หลากหลายเมื่อเทียบกับจำนวนหนังในตลาด

นายทุนฮอลลีวูดก็ไม่ต่างจากนายทุนหนังบ้านเรา เป็นโรคไม่กล้าเสี่ยง (No-Risk Syndrome) ดังนั้นเราก็จะได้หนังแบบเซมเซมไปอีกนาน ฝรั่งดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ปีละ 50 เรื่อง

ส่วนคนไทยดูละครผู้หญิงแย่งพระเอก และพระเอกข่มขืนนางเอกต่อไป

เพราะโรค No-Risk Syndrome รักษายากจริงๆ

.………………..

วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 7

SirIsexnewTA

21/07/2017 21:39:35
387
มีประเด็นนึงที่ถูกพูดถึงคือ ถ้าจะให้เข้าถึงอารมณ์ที่สุดต้องดูระบบ IMAX ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ค่อยน่าเกี่ยวนะ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 8

ake9199

22/07/2017 00:09:37
228
สำหรับผม ผมดูแล้ว ได้เข้าใจคำหนึ่งคำเลยครับ ว่า 

หนังเรื่องนี้คือ "หนังที่ดีแต่ไม่สนุก"....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 9

SirIsexnewTA

22/07/2017 11:05:25
387
คิดไปคิดมาผมคิดว่า การทำพานไหว้ครู ที่ผ่านๆมาโนแลนเลือกทำพานสร้างสรรค์ แต่ปีนี้เลือกทำพานสวยงาม 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

kit55623

22/07/2017 12:10:36

ผมไม่ใช่นักดูหนัง แค่ชอบอ่านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามโลกครั้งที่สอง
Dunkirk นี่เป็นจุดเปลี่ยนของสงครามเลยครับ  คนส่วนมากนึกถึงการยกพลขึ้นบกที่ Normandy แต่ถ้าที่ Dunkirk ทหารอังกฤษกับสัมพันธมิตรถูกกวาดล้างจับไปหมด ก็จะไม่สามารถรวมกำลังกลับมาที่ขึ้นบกที่ยุโรปใหม่ เรียกว่าเป็นการถอยเชิงยุทธศาตร์ที่ชี้ขาดผลของสงครามได้เลย ส่วนเบื้องหลังเท่าที่ผมเคยอ่าน ฮิตเล่อร์ก็ไม่ได้ต้องการไล่ต้อนอังกฤษให้จนมุมซะทีเดียว คล้ายๆกับพยายามญาติดีกับอังกฤษด้วยซ้ำถึงได้ปล่อยทหารอังกฤษถอยทัพไปเกือบหมด ซึ่งเป็นการตัดสินใจทางการเมือง (ตอนเริ่มต้นสงครามฮิตเล่อร์มอง อเมริกากับอังกฤษเป็นพวกผมทองตาฟ้าเหมือนกัน) แต่สุดท้ายฮิตเล่อร์ก็ดึงอเมริกากับอังกฤษมาเป็นพวกไม่ได้ แถมยังไปเปิดแนวรบที่สองกับโซเวียตทำให้แพ้ไปในที่สุด

ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องมาถึงยุคปัจจุบัน ถอยหลังไปก็จะประมาณนี้ 

- ยุคปัจจุบัน โลกกำลังจะเข้าสู่ยุคหลายขั้วอำนาจ ฝรั่งเรียก tectonic shift แกนโลกเริ่มเอียง ศูนย์กลางอำนาจ เริ่มย้ายจากอเมริกามาสู่ส่วนอื่นของโลกโดยเฉพาะเอเชีย อเมริกาเริ่มที่สูญเสียอำนาจทั้งการเงิน และการปกครองที่ต้องออกแรงใช้กำลังทหารมากขึ้นเพราะพูดแล้วไม่มีใครฟังเหมือนก่อน
- ยุคมหาอำนาจหนึ่งเดียว เกิดจากหลังสงครามเย็น โซเวียตศัตรูหนึ่งเดียวล่มสลาย ว่ากันว่า อเมริกาถึงกับไปไม่เป็นเพราะไม่เหลือศัตรูในโลกให้สู้อีกแล้ว หลังจากหายมึนอเมริกาก็ขยายฐานทัพไปทั่วโลก และเข้าสู่จุดสูงสุดของอำนาจในยุค New World Order ประมาณช่วงบุชคนพ่อ
- ยุคสงครามเย็น หลังสงครามโลกจบลงสัมพันธมิตรใหญ่สองค่ายคือ เสรีนิยม กับ คอมมิวนิสต์ ก็หันมาเผชิญหน้ากันเอง ซึ่งตามจริงสองสองค่ายนี้ระแวงกันอยู่แล้ว เพียงแต่มีศัตรูร่วมกันคือเยอรมัน ดังนั้นทันทีที่เบอร์ลินแตก รถถังอเมริกันกับโซเวียตก็หันกระบอกปืนเข้าหากันทันที จนเกิดเป็นเส้นแบ่งเบอร์ลิน ตะวันตก ตะวันออกในเวลาต่อมา
- สงครามโลกครั้งที่สอง จบลงด้วยชัยชนะสัมพันธมิตร หลักๆคืออเมริกากับโซเวียต ซึ่งในช่วงสงครามหลังจากปล่อยให้อังกฤษ กับยุโรปฟัดกันจนพินาศและเยอรมันหมดแรงเพราะเปิดศึกอีกด้านกับโซเวียต อเมริกาก็เข้าสงครามในช่วงท้ายๆและเป็นตัวเปลี่ยนเกม เพราะทรัพยากรและขนาดกองทัพที่ใหญ่มาก ขนาดเปิดศึกได้สองฝั่งมหาสมุทร เพราะอเมริกาสู้กับทั้งญี่ปุ่นทางฝั่ง Pacific และสู้กับเยอรมันฝั่งยุโรป

หนังใช้ฉากหลังเป็นสงครามฝั่งยุโรปนี่แหละครับ ในจำนวนหลายสมรภูมิ Dunkirk ซึ่งเป็นสมรภูมิที่สำคัญและเทียบเทียบเท่ากับการยกพลขึ้นบกที่ Normandy หรือ การรบประจัญบานที่ Stalingrad แต่สาเหตุที่ไม่ค่อยมีคนพูด อาจเพราะเป็นการถอยทัพและก็มีเบื้องหลังทางการเมืองด้วย

สงครามเริ่มจาก ฮิตเลอร์เข้ายึด Poland (1939) อังกฤษและสัมพันธมิตรส่งกำลังมาช่วยแต่ก็ต้านไม่อยู่ ฮิตเล่อร์ไล่บุกยึด ฝรั่งเศษ เนเธอแลนท์ เบลเยี่ยม และยุโรปไปจนเกือบหมด อังกฤษถอยกลับไปตั้งหลัก รอการกลับมาใหม่พร้อมการมาถึงของอเมริกาซึ่งแอบช่วยแบบเงียบๆมาตลอด แต่กว่าจะมาช่วยจริงก็ช่วงท้ายของสงครามแล้ว (1944) โดยอเมริกามีขนาดที่ใหญ่เป็นตัวแปรสำคัญของสงครามขนาดฮิตเล่อร์ก็ไม่อยากเป็นศัตรูด้วยในตอนแรก

อเมริกานั้น ก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่สองแทบไม่เคยส่งทหารออกไปรบจริงจังนอกประเทศเลย ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆก็ล้าหลังมาก อย่างรถถังอเมริกันก็เล็กและบางกว่ารถถังเยอรมันหลายเท่า เล่ากันว่าต้องใช้ถึง 4 คันในการสู้กับรถถังเยอรมันคันเดียว ทหารราบก็ไม่มีประสบการณ์ในการรบ จนแม้แต่สัมพันธมิตรด้วยกันเช่นอังกฤษยังดูถูก

แต่สิ่งที่อเมริกามีแต่ประเทศอื่นไม่มีคือขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่มหาศาล ดังนั้นทันทีที่ตัดสินใจเข้าสงคราม โรงงานผลิตข้าวของเครื่องใช้ก็เปลี่ยนหันมาผลิต อาวุธ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพอย่างมากจากตลาดเสรีสามารถย้ายมาสนับสนุนสงครามได้อย่างคาดไม่ถึง (อาวุธและการยุทธภัณฑ์ต่างๆส่วนมากผลิตโดยเอกชน) และภายในไม่กี่ปีของสงคราม อเมริกาก็สามารถพัฒนากองทัพ รวมถึงจิ๊กเทคโนโลยีทางทหารของเยอรมันไปต่อยอดจำนวนมาก และอาศัยขนาดกองทัพที่ใหญ่กว่าเอาชนะเยอรมันได้ในที่สุด

ส่วนอังกฤษเองที่เคยถือตัวว่าเป็นมหาอำนาจเก่ามาก่อน กลับไม่ได้มีบทบาทหลักในสงครามเพราะ แนวรบกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปตามยุค โดยก่อนหน้านั้นในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งการสู้รบทำในสนามเพลาะเป็นหลัก ยิ่งขุดได้ยาวและลึกยิ่งได้เปรียบ พอจบสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอังกฤษจึงได้สร้างเครื่องจักรขุดสนามเพลาะขนาดใหญ่มากไว้ 3-4 เครื่อง และคาดว่าถ้ามีสงครามอีกตัวเองต้องได้เปรียบมากแน่ๆ แต่สงครามโลกครั้งที่สองกลับมาพร้อมกับรถถังรุ่นใหม่ที่เบาและวิ่งได้เร็วของเยอรมัน ทำให้สนามเพลาะที่ขุดไว้หมดประโยชน์ และอังกฤษก็ถูกไล่ตกทะเลที่ Dunkirk ในที่สุด

ส่วนตัวหนังผมคิดว่าไว้ต้องหาโอกาสไปดูแน่ๆครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังเดินเรื่องไปแนวไหน รู้แต่ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามโลก และจุดเปลี่ยนนี้ก็ส่งผลมาถึงการขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของอเมริกา และหลังจากสิ้นสุดสงครามเย็นก็เหลืออเมริกาประเทศเดียวที่ใหญ่สุด สามารถกำหนดนโยบายแทรกแซงการเมืองประเทศต่างๆทั่วโลกได้เกือบหมด

http://www.truthdig.com/report/item/dunkirk_greatest_moment_biggest_disgrace_british_history_20170721

--> ต่อจากนี้ไม่เกี่ยวกับหนังและกระทู้แล้วนะครับ ขออภัยทีี่เขียนต่อเพราะติดลม สามารถเลื่อนข้ามได้เลยครับ

ถ้าถอยหลังไปช่วงเหตการณ์ก่อนหน้าในหนังอีก ก็จะพบว่าในช่วง 500 ปีก่อนหน้านี้ พวกฝรั่งเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาจากยุคกลาง (-1500 ถึง -500) เข้าสู่ยุคฟื้นฟู (-700 ถึง -300) และเจริญเเร็วมากหลังจากการปฎิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ 200 ปีก่อน ประเทศต่างๆ ที่เคยเป็นเจ้าโลก ไล่ลำดับก็มี สเปน โปรตุเกศ ดัตช์ ฝรั่งเศษ อังกฤษ จนมาถึงอเมริกา ซึ่งแต่ละประเทศ ก็มีช่วงเวลายิ่งใหญ่สักประมาณ 1-200 ปีก่อนจะค่อยๆเสื่อมและถอยกลับไปจนไม่เหลือความเป็นมหาอำนาจอยู่อีก

จะเห็นว่าฝรั่งเพิ่งมาเจริญในยุคใหม่นี้แค่ราวๆ 500 ปี โดยก่อนหน้าบางครั้งก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของเปอร์เซียอย่างยาวนาน ซึ่งระหว่างนั้นแต่ละส่วนของโลกก็มีอารยธรรมของตัวเอง และผลัดกันสร้างวิทยาการด้านต่างๆทิ้งไว้เป็นมรดกให้คนรุ่นหลัง ไม่ว่าจะชาวจีนที่ประดิษฐ์เป็นเข็มทิศ กระดาษ หางเสือเรื อ ชาวอาหรับ คิดค้น พีชคณิต (ตัวเลขอารบิกที่เห็นบนหน้าจอนี้รวมถึงระบบเลขฐานสิบและวิธีการคำนวน) เครื่องมือกล เพลา การดูดาว ซึ่งวิทยาการในช่วง 2-3000 ปีก่อนหน้านี้เองที่เป็นรากฐานให้กับการเข้าสู่อุตสาหกรรม และยุคสารสนเทศ จนมามี iphone ipad ในปัจจุบัน

ให้กำลังใจ 5
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

สมัครเล่น

22/07/2017 13:33:53
412
ตอนเด็กประถม ครูชอบพูดว่า เชอร์ชิล ชูสองนิ้ว
เพราะยอมแพ้ไม่ได้ เพราะตกทะเลแล้ว
เข้าใจแล้วครับ ว่าคือเรื่องนี้เอง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 12

ยังไม่ดู

22/07/2017 21:03:56
อารมณ์ประมาณ cast away ไม่จำเป็นต้องมีบทพูดเยอะ เเสดงออกทางสีหน้า บุคลิก ก็เดาออก
หนังเเนวชีวิต ปรัชญา ดราม่า 

tom hardy อีกเเล้วหรอ ในหนังโนเเลน
ชอบเฮียเท่


ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

oumfc

23/07/2017 02:57:53
5



เพิ่งคุยกับมิตรสหายท่านหนึ่งมา แค่เรือ ก็หลอกลวง แล้ว เหมือนดูถูกคนดูว่าโง่   เรือยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เหรอ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 14

oumfc

23/07/2017 03:02:30
5



ยังไม่ได้ไปดู เจอ แบบนี้ ไม่ไปดีกว่า 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 15

Zack

23/07/2017 09:59:26
2
หลังจากอ่านรีวิวจากหลายๆเพจ ตั้งความหวังไว้ระดับนึงก่อนไปดู แน่นอนว่าต้อง IMAX มีแต่คนบอกให้ดูโรงนี้

หลังเข้าไปดู หนังดี แต่เฉยๆมาก ส่วนตัวไม่อิน ไม่ได้กดดันอะไรขนาดนั้นด้วย หนังที่ไม่ได้ดีเท่าเรื่องนี้อย่าง 47 meters down ยังกดดันกว่าซะอีก

ส่วนตัวผมให้ 7.0
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 16

InLimbo

23/07/2017 10:17:10
53
 47 meters down จงใจทำมาให้ลุ้นและกดดันครับ ถ้าตัวหนังทำไม่ได้ถือว่า ล้มเหลว

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 17

หลุยส์ munkonggadget

23/07/2017 16:48:34
1,057
หนังองค์ประกอบดีมาก ฉากสวย ภาพสวยถ้าได้ดู IMAX คงจะดี  แต่ตัวหนังมันก็เรียบๆไปหน่อยปกติชอบหนังของ Nolan ทุกเรื่องเลยครับแต่ Dunkirk นี่อาจจะคาดหวังเยอะไปหน่อยเลยออกจากโรงแบบเฉยๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 18

Five

23/07/2017 19:26:42
100
เป็นหนังที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เสียเงินดูเด็ดขาด
เพราะรู้ตัวว่าไปดูในโรงตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจ T T

ผมคงต้องรอหนังออกโรงแล้ว True เอามาฉายวนในเคเบิล ถึงตอนนั้นคงมีคนย่อยและอธิบายเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น ประกอบกับดูหลายๆรอบคงเข้าใจงานศิลป์ของโนแลนด์ชิ้นนี้มากขึ้นครับ -_-"

ปล. สัปดาห์นี้ผมดู Valerian แทนครับ รู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และเบาสมองดีครับ 555+
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 19

tangkoo.

23/07/2017 19:31:43
1,368
คนที่ไปดูมาไม่ทราบว่าหนังมีฉากที่อะดรีนาลีนสูบฉีดอย่างหนังเรื่อง Saving prirate Ryan ตอนยกพลขึ้นฝั่ง  หรือภาพตระการตาอย่างหนัง Pearl Habor ตอนเครื่องบินญี่ปุ่นโจมตี(อาจไม่ต้องวินาศสันตะโรเท่าป๋าเบย์ก็ได้555)หรือเปล่าครับ  

คือเห็นเขาว่าควรดู Imax ผมว่าถ้าไม่มีฉากอย่าว่า ดูโรงธรรมดาดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 20

ake9199

23/07/2017 20:24:15
228
ได้ตั๋วฟรีมา เลยได้ดูอีกรอบ 

หลังจากที่ดูไป 2 รอบ ยิ่งชัดเลยครับ

"หนังไม่สนุกเอาเสียเลย เป็นหนังดีก็จริง แต่ความเร้าใจ ตื่นเต้นหรือจุดพีคแทบไม่มีครับ"

ผมเป็นแฟนหนังของ Nolan แต่เรื่องนี้ผมไม่ชอบเลยครับ ผิดหวังเลยทีเดียว

ให้ 6/10 ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 21

SirIsexnewTA

23/07/2017 21:21:47
387
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - Five
เป็นหนังที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เสียเงินดูเด็ดขาด
เพราะรู้ตัวว่าไปดูในโรงตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจ T T

ผมคงต้องรอหนังออกโรงแล้ว True เอามาฉายวนในเคเบิล ถึงตอนนั้นคงมีคนย่อยและอธิบายเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น ประกอบกับดูหลายๆรอบคงเข้าใจงานศิลป์ของโนแลนด์ชิ้นนี้มากขึ้นครับ -_-"

ปล. สัปดาห์นี้ผมดู Valerian แทนครับ รู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และเบาสมองดีครับ 555+
ตอนแรกชั่งใจอยู่ว่าจะดู dunkirk หรือ valerian ดี สุดท้ายเพราะคำว่าโนแลน ก็ทำให้ผมได้เข้าไปดู dunkirk 555
พอมาตอนนี้อยากดู valeriannnn อยากดูน้องคาร่า 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

Five

23/07/2017 21:50:03
100



อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 21 - SirIsexnewTA

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - Five
เป็นหนังที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เสียเงินดูเด็ดขาด
เพราะรู้ตัวว่าไปดูในโรงตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจ T T

ผมคงต้องรอหนังออกโรงแล้ว True เอามาฉายวนในเคเบิล ถึงตอนนั้นคงมีคนย่อยและอธิบายเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น ประกอบกับดูหลายๆรอบคงเข้าใจงานศิลป์ของโนแลนด์ชิ้นนี้มากขึ้นครับ -_-"

ปล. สัปดาห์นี้ผมดู Valerian แทนครับ รู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และเบาสมองดีครับ 555+
ตอนแรกชั่งใจอยู่ว่าจะดู dunkirk หรือ valerian ดี สุดท้ายเพราะคำว่าโนแลน ก็ทำให้ผมได้เข้าไปดู dunkirk 555
พอมาตอนนี้อยากดู valeriannnn อยากดูน้องคาร่า 55

น้องคาร่าแสดงดีมากกกกก

บทหนังจืดไปหน่อย แต่ได้น้องคาร่าในบทลอเรลีนช่วยให้หนังมีสีสันขึ้นมาสุดๆครับ 555+


*********************************

หลวงจีนหอไตรเขียนไว้ดีมากๆครับ

https://m.pantip.com/topic/36676828?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 23

นายมั่นคง

23/07/2017 22:40:48
4,282
เมื่อคืนง้างไปเต็มที่เลยครับ แต่ปรากฏว่ารอบค่ำที่เซ็นปิ่นดันไม่มี ดันไปมีอีกทีรอบ 21.30 ผมก็เลยถอยออกมาก่อน กะว่าเปลี่ยนไปดูห้างอื่น 555

ดูหนังดึกเกินไป บางทีถ้าหนังเนือยๆๆถึงกับคาจอเลยครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 24

tangkoo.

23/07/2017 22:57:36
1,368
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 22 - Five




อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 21 - SirIsexnewTA

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - Five
เป็นหนังที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เสียเงินดูเด็ดขาด
เพราะรู้ตัวว่าไปดูในโรงตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจ T T

ผมคงต้องรอหนังออกโรงแล้ว True เอามาฉายวนในเคเบิล ถึงตอนนั้นคงมีคนย่อยและอธิบายเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น ประกอบกับดูหลายๆรอบคงเข้าใจงานศิลป์ของโนแลนด์ชิ้นนี้มากขึ้นครับ -_-"

ปล. สัปดาห์นี้ผมดู Valerian แทนครับ รู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และเบาสมองดีครับ 555+
ตอนแรกชั่งใจอยู่ว่าจะดู dunkirk หรือ valerian ดี สุดท้ายเพราะคำว่าโนแลน ก็ทำให้ผมได้เข้าไปดู dunkirk 555
พอมาตอนนี้อยากดู valeriannnn อยากดูน้องคาร่า 55

น้องคาร่าแสดงดีมากกกกก

บทหนังจืดไปหน่อย แต่ได้น้องคาร่าในบทลอเรลีนช่วยให้หนังมีสีสันขึ้นมาสุดๆครับ 555+


*********************************

หลวงจีนหอไตรเขียนไว้ดีมากๆครับ

https://m.pantip.com/topic/36676828?

เปลี่ยนใจ ไม่ดูมันแล้วดังคงดังเคิร์ก เพิ่งนึกออกว่าตัวเองเป็นแฟนหนัง ลุค เบซอง555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 25

SirIsexnewTA

24/07/2017 07:12:46
387
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 23 - นายมั่นคง
เมื่อคืนง้างไปเต็มที่เลยครับ แต่ปรากฏว่ารอบค่ำที่เซ็นปิ่นดันไม่มี ดันไปมีอีกทีรอบ 21.30 ผมก็เลยถอยออกมาก่อน กะว่าเปลี่ยนไปดูห้างอื่น 555

ดูหนังดึกเกินไป บางทีถ้าหนังเนือยๆๆถึงกับคาจอเลยครับ 555
ใช่แล้วครับ ผมเองก็เกือบคาจอไปหลายรอบเหมือนกันช่วงกลางๆเรื่อง 

ดูหนังได้แต่อย่าให้หนังดูเรา 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

crabfather

24/07/2017 07:22:12
166



ปกติผมชอบถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มอยู่แล้ว พอเห็นข่าวว่าหนังเรื่องนี้ใช้ฟิล์มหนังของโกดักในการถ่ายทำก็ยิ่งทำให้เกิดความกระสันอยากดูมากขึ้นไปอีก (แต่ยังไม่ได้ดูนะครับ - -")

สำหรับคนในวงการถ่ายภาพด้วยฟิล์มจะรู้ว่าหนังฝั่งอเมริกาหลายเรื่องถ่ายทำด้วยฟิล์มถ่ายหนังโดยการผลักดันจากผู้กำกับชื่อดัง เช่น Christopher Nolan, Quentin Tarantino, Steven Speilberg, J.J. abrams ยกตัวอย่างหนังดังๆ ที่ใช้ฟิล์มหนังถ่ายทำ เช่น Captain America ภาคแรก, Star Wars: The Force Awakens, Interstellar, Jurassic World, Batman Vs. Supreman: Dawn of Justice, Mission Impossible, Ant-Man




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 27

SirIsexnewTA

24/07/2017 07:28:48
387
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 24 - tangkoo.
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 22 - Five




อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 21 - SirIsexnewTA

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - Five
เป็นหนังที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เสียเงินดูเด็ดขาด
เพราะรู้ตัวว่าไปดูในโรงตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจ T T

ผมคงต้องรอหนังออกโรงแล้ว True เอามาฉายวนในเคเบิล ถึงตอนนั้นคงมีคนย่อยและอธิบายเนื้อเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น ประกอบกับดูหลายๆรอบคงเข้าใจงานศิลป์ของโนแลนด์ชิ้นนี้มากขึ้นครับ -_-"

ปล. สัปดาห์นี้ผมดู Valerian แทนครับ รู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และเบาสมองดีครับ 555+
ตอนแรกชั่งใจอยู่ว่าจะดู dunkirk หรือ valerian ดี สุดท้ายเพราะคำว่าโนแลน ก็ทำให้ผมได้เข้าไปดู dunkirk 555
พอมาตอนนี้อยากดู valeriannnn อยากดูน้องคาร่า 55

น้องคาร่าแสดงดีมากกกกก

บทหนังจืดไปหน่อย แต่ได้น้องคาร่าในบทลอเรลีนช่วยให้หนังมีสีสันขึ้นมาสุดๆครับ 555+


*********************************

หลวงจีนหอไตรเขียนไว้ดีมากๆครับ

https://m.pantip.com/topic/36676828?

เปลี่ยนใจ ไม่ดูมันแล้วดังคงดังเคิร์ก เพิ่งนึกออกว่าตัวเองเป็นแฟนหนัง ลุค เบซอง555

 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 28

Five

24/07/2017 11:58:51
100



เดี๋ยวจะกลายเป็นผมพาออกทะเลเป็นกระทู้ชวนดู Valerian นะครับ 555+

ผมชอบการรีวิวหนังในความคิดเห็นแรกของเพจจ่า Drama addict มาก เปรียบเทียบเห็นภาพได้ชัดเลยนะครับ :P
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 29

tangkoo.

24/07/2017 13:09:56
1,368



บ็อกซ์ออฟฟิตออกมาแล้วครับ ดังเคิร์กอันดับหนึ่งตามคาด แต่น้องลิงซีซาร์กับน้องคาร่า(เปิดตัวค่อนข้างน่าผิดหวัง)นี่น่าเป็นห่วงมาก  ยิ่งดูจากทุนสร้างแล้ว ไม่รอดแน่ๆ

http://www.boxofficemojo.com/weekend/chart/
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 30

Grasen

24/07/2017 17:02:36
4
เป็นหนังสงครามที่ผมชอบมากๆ ครับ
ดูจบแล้ว เรื่องราวมันยังวนเวียนอยู่ในหัวอยู่อีกพักใหญ่
แต่หนังสไตล์นี้ผมไม่ค่อยแปลกใจที่จะมีคนไม่ชอบเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 31

SirIsexnewTA

24/07/2017 19:58:57
387
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 30 - Grasen
เป็นหนังสงครามที่ผมชอบมากๆ ครับ
ดูจบแล้ว เรื่องราวมันยังวนเวียนอยู่ในหัวอยู่อีกพักใหญ่
แต่หนังสไตล์นี้ผมไม่ค่อยแปลกใจที่จะมีคนไม่ชอบเยอะ
กดพลาดไปหยิกหู โทษทีครับ 55 
คือกระทู้นี้ผมตั้งไม่ได้ว่าหนังไม่ดีหรือไม่ชอบนะ แค่สงสัยว่าเพจรีวิว ให้คะแนนเว่อไปรึเปล่า แล้วถ้าไม่ได้เว่อผมเองพลาดจุดไหนไป อยากให้มาลอง discuss กันจริงๆ 
จากความเห็นของหลายๆท่าน ก็เป็นไปในทิศทางต่างๆกันออกไปซึ่งก็ได้เห็นมุมมองของแต่ละท่านที่มีต่อหนังเรื่องนี้ แต่สำหรับผม ค่อนข้างเสียดายที่ไม่เป็นเหมือนที่ใจต้องการ ไม่มีการดำเนินเรื่องที่ทำให้อยากตามต่อ ไม่มีจุดหักมุม ไม่มีดราม่าแรงๆ ไม่มีสิ่งที่ผู้ชมคิดไม่ถึง (ทั้งหมดมีอยู่ใน interstella) 
ถามว่าคุ้มค่าตั๋วไหม คุ้มครับ ชอบฉากชอบบบรรยากาศมาก แต่อยากเห็นสไตล์หนังของโนแลนที่ตอบโจทย์ข้างต้นนั้นได้เฉยๆ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้มีรีวิวออกมาสัก 7-8 คะแนน คงจะสมเหตุสมผล และไม่มีข้อคาใจใดๆ 
ส่วนตัวเรื่องนี้ ให้ 6.5 คะแนนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 32

taechanyz

24/07/2017 21:45:15
48
เป็นหนังที่ดีมากๆๆครับ.. (คหสต) แต่ใช่ครับ มันไม่สนุกเท่าไหร่

***สปอยนะ
เรื่องถูกวางเป็น3องค์ตั้งแต่แรก 
1 week : The mole
1 day : the see
1 Hour : the air

ทุกองค์มีจุดหมายของตัวเอง และเกี่ยวข้องกับDunkirk
ทุกองค์มีเรื่องราวของตัวเอง และเกี่ยวข้องกับองค์อื่นๆ
ทุกองค์มีคนตายในองค์นั้้น ทั้ง บก น้ำ อากาศ

**พอถึงจถุดที่ทุกองค์มาบรรจบกัน บอกได้เลยว่าผมขนลุกกลางโรงเลย (Nolanแกชอบเล่นtimelineจริงๆ)

จุดอื่นๆที่ดีของหนังเรื่องนี้คือ
- ภาพสวย ถ่ายจากสภานที่จริง CGแทบจะไม่ใช้ คนเยอะในฉากชายหาดใช้กระดาษมาเป็นคนแทน(แนวมาก)
- Soundประกอบของ Hans Zimmer ที่ต้องบอกว่ากดดันและบีบคั้นดีมากๆ แต่เพลงประกอบก้อเฉยๆ

อย่างที่กล่าวมาในตอนแรก มันไม่ค่อยสนุกเลย... ไม่หักมุมตามแบบฉบับNolan ไม่ลุ้นระทึกเท่าไหร่ ไม่ตลกเลย
แต่ในแง่ของความดีงามของหนังนั้น คือความสมจริงอย่างกับเราเข้าไปดูสงครามจริงๆ ความขนลุกในการเล่าเรื่องของNolanผ่านตัวเอกในแต่ละองค์ ความบีบคั้นและกดดันจากsound effect... และภาพสวยๆแบบminimal

สำหรับผมผมใช้คำว่า"อิ่ม"กับหนังเรื่องนี้ครับ 9/10
ปล.ทั้งหมดคือความเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว อย่าดราม่านะครับ ^_^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 33

taechanyz

24/07/2017 21:47:49
48
"The sea" นะ แก้ ไม่ใช่ "the see"

พิมผิดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

Grasen

24/07/2017 22:26:56
4
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 31 - SirIsexnewTA

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 30 - Grasen
เป็นหนังสงครามที่ผมชอบมากๆ ครับ
ดูจบแล้ว เรื่องราวมันยังวนเวียนอยู่ในหัวอยู่อีกพักใหญ่
แต่หนังสไตล์นี้ผมไม่ค่อยแปลกใจที่จะมีคนไม่ชอบเยอะ
กดพลาดไปหยิกหู โทษทีครับ 55 
คือกระทู้นี้ผมตั้งไม่ได้ว่าหนังไม่ดีหรือไม่ชอบนะ แค่สงสัยว่าเพจรีวิว ให้คะแนนเว่อไปรึเปล่า แล้วถ้าไม่ได้เว่อผมเองพลาดจุดไหนไป อยากให้มาลอง discuss กันจริงๆ 
จากความเห็นของหลายๆท่าน ก็เป็นไปในทิศทางต่างๆกันออกไปซึ่งก็ได้เห็นมุมมองของแต่ละท่านที่มีต่อหนังเรื่องนี้ แต่สำหรับผม ค่อนข้างเสียดายที่ไม่เป็นเหมือนที่ใจต้องการ ไม่มีการดำเนินเรื่องที่ทำให้อยากตามต่อ ไม่มีจุดหักมุม ไม่มีดราม่าแรงๆ ไม่มีสิ่งที่ผู้ชมคิดไม่ถึง (ทั้งหมดมีอยู่ใน interstella) 
ถามว่าคุ้มค่าตั๋วไหม คุ้มครับ ชอบฉากชอบบบรรยากาศมาก แต่อยากเห็นสไตล์หนังของโนแลนที่ตอบโจทย์ข้างต้นนั้นได้เฉยๆ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้มีรีวิวออกมาสัก 7-8 คะแนน คงจะสมเหตุสมผล และไม่มีข้อคาใจใดๆ 
ส่วนตัวเรื่องนี้ ให้ 6.5 คะแนนครับ

555 ไม่เป็นไรครับ 
ผมชอบเนื้อเรื่องนี้ตรงการประกอบดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นไปภาพรวมใหญ่ๆ การตัดสินใจของตัวละครแต่ละตัวมันส่งผลกระทบแต่สิ่งต่างๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ การเล่าเรื่องอาจไม่มีจุดพีคสักทีเดียว แต่มันตรึงใจผมอย่างบอกไม่ถูก

สุดท้าย ผมประทับใจตัวละครที่เป็นลุงเจ้าของเรือกับเด็กทั้งสองคนมากๆ ไม่ขอบอกว่าจากอะไรนะครับ เดี๋ยวสปอย 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 35

นายมั่นคง

24/07/2017 22:57:12
4,282
เจอกันเสาร์นี้ละกัน Dunkirk 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 36

MaxxIE

01/08/2017 23:03:07
107
พึ่งไปดูมาเมื่อเย็นวันนี้

บอกตรงๆ ผมว่ามันเป็นหนังที่เอา เหตุการณ์ที่ไม่มีอะไรมาก มา พยายาม ให้มันมีอะไร มากจนเกินไป

ฉากเริ่มเรื่องถือว่าทำได้ดี วางองค์ประกอบ วางพล๊อต ออกมาได้น่าสนใจ

แต่ฉากกลางไปจนท้ายเรื่อง ผมว่ามันจืดไป

ตัวหนังเล่นกับความคิดคนดู ที่มักจะคิดว่า ทหารมักจะเป็นผู้กล้าหาญ ชาญชัย เสียสละ  แต่ทหารในหนังนี่ ส่วนใหญ่ล้วนตื่นตระหนกสงคราม จนอยากเผ่นกลับบ้าน อยากในระดับที่ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่ง ยอมสูญเสียความเป็นมนุษย์ เพื่อจะได้กลับบ้าน

และอีกประเด็นที่เล่น คือ ประเด็นเรื่องความเสียสละของพลเรือนที่ ยอมเข้าสู่สงครามเพื่อไปช่วยทหารกว่าสามแสนคนที่ตื่นสงครามและอยากกลับบ้าน

ตัวหนังเล่าสลับไปมาระหว่างสองประเด็นนี้ ผ่านมุมมองของสามบุคคล ไปเรื่อยๆจนจบเรื่อง
ซึ่งผมว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นใดๆเลยที่จะต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ เหมือนจงใจให้ตัวหนังมันไม่เหมือนใครเฉยๆ
และด้วยการเล่าเรื่องแบบนี้ มันเลยค่อนข้างไร้ความต่อเนื่องของอารมย์ในหลายๆฉาก มันจึงส่งผลให้ประเด็นทั้งสองประเด็นข้างต้นไม่สามารถถูกนำเสนอได้เข้มแข็งพอ ตัวหนังโดยรวมจึงจืดจางลงไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก

สรุป
โดยรวม ก็ถือว่าตัวหนังทำออกมาได้ค่อนข้างดี เก็บรายละเอียด องค์ประกอบต่างๆได้เนี๊ยบ โดยเฉพาะมุมกล้องที่สามารถดึงคนดูให้เข้าไปร่วมกับเหตุการณ์ ดนตรีประกอบที่บีบเค้นหัวใจคนดู และเสียงเอฟเฟคต่างๆที่จัดเต็มในด้านไดนามิคของเสียง เสียงระเบิด เสียงปืน เสียงเครื่องบิน กระหึ่มและกระแทกกระทั้นได้ถึงใจมาก

แต่ตัวหนังยังขาดเรื่องความหนักแน่นในการสื่อสารและจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่องอยู่พอสมควร
ถ้าโนแลนเล่าเรื่องได้เนียนๆ สลับไปๆมาๆดีๆ เหมือนสมัยMementoหรือThe Prestige หนังเรื่องนี้จะเพอร์เฟคมาก

คะแนน 7.8/10 (หักเรื่องจังหวะการเล่าเรื่องล้วนๆเลย)
ปีนี้โนแลนน่าจะชวดออสการ์อีกตามเคย จากใจติ่งโนแลนคนนี้ เฮ้อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 37

Atnas

01/08/2017 23:26:56
3
ผมไปดูมาแล้วครับ ก้ไปดูแบบ imax ที่พารากอนมาถึงสองรอบ รอบแรกผมผิดหวัง แต่รอบสองก้ได้อะไรกลับไปเพิ่มและคิดว่ามันเปนหนังโอเคให้ความรู้แต่ถ้าดูเอามันสไม่ใช่ครับ เท่าที่สังเกตุหนังไม่ได้ฉายแบบ 70mm ทั้งเรื่อง มีบางฉากที่จอมันหดแล้วสีก้เปลี่ยนนิดๆ เรื่องมันมีบางช่วงที่ไม่ต่อกันแนวคล้ายๆ เรื่อง memento ตัวอย่างฉากที่เครื่องบินยิงกัน มันเล่าเรื่องแล้วย้อนกลับแล้วเล่าต่อ ผมคิดว่าเขาสื่อได้ดีแต่มันไม่เร้าใชและสนุกเหมือนเรื่องอื่นๆของ Christopher Nolan ในหนังเรื่องนี้ผมก้มีเหนความผิดพลากนิดนึงที่ทำให้เอะใจ อย่างแรก ฉากแรกเปิดตัวในเมือง เมืองมันดูใหม่ เหมือนแค่เมืองร้าง แต่ในความเปนจริงมันควรจะมีควัญมีของถูกทำลาย สองเครื่องบินที่สู้กันของนาซีทาจมูกเหลืองจริงๆแล้วผมเคยเรียนมาว่าเครื่องบินนาซีทาจมูกเหลืองหลังจาก เหตุdunkirk แต่ก้เข้าใจได้ว่าผู้กำกับคงทำอย่างงี้เพื่อให้คนดูเข้าใจสองฝ่ายและแยกตัวละครได้ง่ายขึ้น สาม ที่หน้าเสียดายคือตอนจบ นักบินผู้ช่วยทหารหลายนาย "Farrier" กำจัดศัตรูแล้วยังรอดจากน้ำมันหมดแต่ดันโดนจับ แล้วที่มันติดอยู่ในหัวคือ เขารอดไหม

สรุปถ้าไม่คิดไรมาก ได้ความรู้นิดหน่อยฟังเพลงอลังการหลอนๆก้ดูโอ แต่ถ้าหวังสนุกเพลินๆก้อย่าดีกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 38

นายมั่นคง

01/08/2017 23:37:07
4,282
ฉากสุดท้ายที่เป็นฉากพ่อลูกที่ขับเรือ ที่พ่อบอกลูกว่าคอยดูนะเดี๋ยวเครื่องบินนาซีจะต้องบินต่ำลงมาและอยู่นิ่งๆ แล้วภาพก็ตัดไปโดยเห็นเพียงเครื่องบินตกเพราะโดนยิงจากอะไรซักอย่าง

แล้วก็ตัดไปจนถึงเด็กที่อายุ 17 ได้เหรียญกล้าหาญ ผมถึงกับร้องอ๋อเลยว่าคนเขียนบทนี่มันเข้าใจผูกเรื่องให้คนติดกับดักความสงสัย แล้วไปเฉลยเอาตอนท้าย (คือตาลุงขับเรือแกยกให้เป็นความกล้าหาญของเด็ก 17 ทั้งๆที่นอนตายไปตั้งนานแล้ว)

ขออภัยที่สปอยด์หน่อยนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 39

ellevoid

02/08/2017 00:02:55
220
เค้าว่าต้องไปดู imax paragon ใช่ไหมครับเรื่องนี้ เพราะเป็นโรง imax โรงเดียวที่ฉายฟิล์มไม่ใช่ digital
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 40

mplayer-01

03/08/2017 12:23:19
23
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 19 - tangkoo.
คนที่ไปดูมาไม่ทราบว่าหนังมีฉากที่อะดรีนาลีนสูบฉีดอย่างหนังเรื่อง Saving prirate Ryan ตอนยกพลขึ้นฝั่ง  หรือภาพตระการตาอย่างหนัง Pearl Habor ตอนเครื่องบินญี่ปุ่นโจมตี(อาจไม่ต้องวินาศสันตะโรเท่าป๋าเบย์ก็ได้555)หรือเปล่าครับ  

คือเห็นเขาว่าควรดู Imax ผมว่าถ้าไม่มีฉากอย่าว่า ดูโรงธรรมดาดีกว่า
ถ้าเทียบกับ Private Saving Ryan สำหรับผมมองว่า Saving สนุกกว่าครับ มีหลากหลายอารมณ์ ดูง่าย ลองเข้าไปดูใน pantip นะครับ พวกแฟรคลับโนแลนแข็งแกร่งมาก ใครว่า Dunkirk ไม่ดี ดูไม่รู้เรื่องนี่เป็นโดน หาว่าดูหนังไม่เป็นอะไรทำนองนั้นละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 41

MaOdA

03/08/2017 17:05:00
55
ผมสงสัยว่าหนังสร้างจาก ประวัติศาสตร์ หรือหนังสือ มันก็ spoil แต่แรกอยู่แล้ว
แต่มีคนบางพวกห่วง spoil เพื่ออะไร
คนไปดูก็บอกหนังไม่มีอะไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 42

tangkoo.

03/08/2017 18:40:46
1,368
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 40 - mplayer-01

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 19 - tangkoo.
คนที่ไปดูมาไม่ทราบว่าหนังมีฉากที่อะดรีนาลีนสูบฉีดอย่างหนังเรื่อง Saving prirate Ryan ตอนยกพลขึ้นฝั่ง  หรือภาพตระการตาอย่างหนัง Pearl Habor ตอนเครื่องบินญี่ปุ่นโจมตี(อาจไม่ต้องวินาศสันตะโรเท่าป๋าเบย์ก็ได้555)หรือเปล่าครับ  

คือเห็นเขาว่าควรดู Imax ผมว่าถ้าไม่มีฉากอย่าว่า ดูโรงธรรมดาดีกว่า
ถ้าเทียบกับ Private Saving Ryan สำหรับผมมองว่า Saving สนุกกว่าครับ มีหลากหลายอารมณ์ ดูง่าย ลองเข้าไปดูใน pantip นะครับ พวกแฟรคลับโนแลนแข็งแกร่งมาก ใครว่า Dunkirk ไม่ดี ดูไม่รู้เรื่องนี่เป็นโดน หาว่าดูหนังไม่เป็นอะไรทำนองนั้นละครับ

555ขอบคุณมากครับ  หนังของโนแลนอย่างแบทแมน ผมก็ชอบมากนะครับ ในแง่ของหนังอาชญากรรม ไม่ใช่ super hero เพราะแบทง่อยมาก555

แต่อย่างอินเซ็ปชั่นได้ดูแค่รอบเดียว  ไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย คงเป็นจำพวกดูหนังไม่เป็น หัวไม่ถึงอะไรทำนองนั้น555 ส่วนสาวกโนแลนผมไม่ค่อยไปอ่านหรือสนใจเท่าไหร่  ถ้าเจอประเภทเกรียนๆอวยเวอร์ไร้เหตุผลมาว่า  ผมก็แค่บอกโนแลนไม่ใช่พ่อ555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 43

นายมั่นคง

03/08/2017 21:43:08
4,282
ผมก็ดู interception ไม่รู้เรื่องครับ อันนั้นแทบหลับเลย 555

จริงๆหนังเรื่อง Dunkirk เปรียบไปก็เหมือนอาหารที่ลึกเกินไป เช่นเทียบแล้วมันอาจจะเหมือนอาหารของจีนแคะที่ผมเคยไปลองกิน ร้านนี้ดังมาก แต่กินแล้วบอกไม่ถูกว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่แน่ใจว่ามันอร่อยแน่ๆๆล่ะ เพียงแต่ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่

ผมว่า Dunkirk ก็น่าจะอีหรอบเดียวกัน คือมาพิจารณาโดยละเอียด ผมว่ามันเป็นหนังดี แต่เป็นหนังดีที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าถูกใจตัวเองหรือเปล่า 555

อธิบายยากนะครับ ผมเคยไปหาหนังอาร์ทของผู้กำกับชาวจีน(ชื่อไรลืมแล้ว) หนังมันอาร์ทมาก ดูแรกๆฝืดๆ แต่พอจับทิศได้ คราวนี้สบายเลย 555

ใครจำได้ว่าผู้กำกับชาวจีนคนนี้ชื่ออะไร บอกทีนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 44

Salek

04/08/2017 17:04:18
187
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 43 - นายมั่นคง
ผมก็ดู interception ไม่รู้เรื่องครับ อันนั้นแทบหลับเลย 555

จริงๆหนังเรื่อง Dunkirk เปรียบไปก็เหมือนอาหารที่ลึกเกินไป เช่นเทียบแล้วมันอาจจะเหมือนอาหารของจีนแคะที่ผมเคยไปลองกิน ร้านนี้ดังมาก แต่กินแล้วบอกไม่ถูกว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่แน่ใจว่ามันอร่อยแน่ๆๆล่ะ เพียงแต่ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่

ผมว่า Dunkirk ก็น่าจะอีหรอบเดียวกัน คือมาพิจารณาโดยละเอียด ผมว่ามันเป็นหนังดี แต่เป็นหนังดีที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าถูกใจตัวเองหรือเปล่า 555

อธิบายยากนะครับ ผมเคยไปหาหนังอาร์ทของผู้กำกับชาวจีน(ชื่อไรลืมแล้ว) หนังมันอาร์ทมาก ดูแรกๆฝืดๆ แต่พอจับทิศได้ คราวนี้สบายเลย 555

ใครจำได้ว่าผู้กำกับชาวจีนคนนี้ชื่ออะไร บอกทีนะครับ 555
ใช่จางอี้โหมวรึเปล่าครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 45

tangkoo.

04/08/2017 17:09:32
1,368
แนวติสต์ๆ ผมนึกถึง หว่อง กาไว อีกคน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 46

Salek

04/08/2017 19:25:00
187
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 44 - Salek
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 43 - นายมั่นคง
ผมก็ดู interception ไม่รู้เรื่องครับ อันนั้นแทบหลับเลย 555

จริงๆหนังเรื่อง Dunkirk เปรียบไปก็เหมือนอาหารที่ลึกเกินไป เช่นเทียบแล้วมันอาจจะเหมือนอาหารของจีนแคะที่ผมเคยไปลองกิน ร้านนี้ดังมาก แต่กินแล้วบอกไม่ถูกว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่แน่ใจว่ามันอร่อยแน่ๆๆล่ะ เพียงแต่ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่

ผมว่า Dunkirk ก็น่าจะอีหรอบเดียวกัน คือมาพิจารณาโดยละเอียด ผมว่ามันเป็นหนังดี แต่เป็นหนังดีที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าถูกใจตัวเองหรือเปล่า 555

อธิบายยากนะครับ ผมเคยไปหาหนังอาร์ทของผู้กำกับชาวจีน(ชื่อไรลืมแล้ว) หนังมันอาร์ทมาก ดูแรกๆฝืดๆ แต่พอจับทิศได้ คราวนี้สบายเลย 555

ใครจำได้ว่าผู้กำกับชาวจีนคนนี้ชื่ออะไร บอกทีนะครับ 555
ใช่จางอี้โหมวรึเปล่าครับเฮีย
รึว่าจะเป็น เฉินข่ายเก๋อ ที่กำกับเรื่อง Fairwell My Concubine
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 47

นายมั่นคง

04/08/2017 20:04:24
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 44 - Salek
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 43 - นายมั่นคง
ผมก็ดู interception ไม่รู้เรื่องครับ อันนั้นแทบหลับเลย 555

จริงๆหนังเรื่อง Dunkirk เปรียบไปก็เหมือนอาหารที่ลึกเกินไป เช่นเทียบแล้วมันอาจจะเหมือนอาหารของจีนแคะที่ผมเคยไปลองกิน ร้านนี้ดังมาก แต่กินแล้วบอกไม่ถูกว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่แน่ใจว่ามันอร่อยแน่ๆๆล่ะ เพียงแต่ไม่ถูกปากเราเท่าไหร่

ผมว่า Dunkirk ก็น่าจะอีหรอบเดียวกัน คือมาพิจารณาโดยละเอียด ผมว่ามันเป็นหนังดี แต่เป็นหนังดีที่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าถูกใจตัวเองหรือเปล่า 555

อธิบายยากนะครับ ผมเคยไปหาหนังอาร์ทของผู้กำกับชาวจีน(ชื่อไรลืมแล้ว) หนังมันอาร์ทมาก ดูแรกๆฝืดๆ แต่พอจับทิศได้ คราวนี้สบายเลย 555

ใครจำได้ว่าผู้กำกับชาวจีนคนนี้ชื่ออะไร บอกทีนะครับ 555
ใช่จางอี้โหมวรึเปล่าครับเฮีย
ใช่ๆๆๆๆ ชื่อจางอี้โหมวนี่ล่ะ ผมซื้อมาดูทุกเรื่องเลย หนังมันอาร์ทแบบเอเซียดีครับ สุดยอดเลย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 48

MaxxIE

04/08/2017 22:15:47
107
จางอี้โหม่ว นี่ผมเรียกว่าผู้กำกับจอมลีลาเลยครับ

สมัยเรื่อง Hero สุดยอดแห่งความอาร์ตเลยครับ  แค่จะอธิบายความหมายของคำๆเดียว พี่แกจะเล่าเรื่อง อ้อมเขาวกจักรวาลอะไรขนาดนั้น 555

เรื่องที่ผมชอบที่สุดก็คงเรื่อง Curse of Golden Flower ศึกชิงบัลลังก์วังดอกทอง
เนื้อเรื่องนี่เข้มมาก ดูแล้วเข้าถึงได้ง่ายด้วย และโปรดักชั่นอภิมหาอลังกาล ฉากกับเครื่องแต่งกายโคตรจัดเต็ม

เรื่องล่าสุดแกก็ได้ทำหนังกึ่งๆฮอลลีวูด เรื่อง The Great Wall ครับ
เป็นหนังที่ฮอลลีวูด ออกทุนและช่วยโปรโมทให้ และให้แมต เดม่อน มาเป็นพระเอก น่าเพื่อจะได้ช่วยขยายฐานลูกค้า ไม่ให้มันเป็นหนังจีนจ๋าจนเกินไป

แม้เนื้อเรื่องมันจะ(โคตร)การ์ตูนไปหน่อย แต่โดยรวมผมถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่นะ แม้ตัวบทในหลายๆฉากมันจะค่อนข้างWTFอยู่บ้าง แต่พวกฉากรบ ฉากต่อสู้นี่โคตรเท่ และมันยังมีจุดเด่นของจางอี้โหม่วอยู่ ซึ่งก็คือฉากการจัดขบวนทัพ และฉากโชว์การทำงานของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเท่ดีครับ

ถ้าแกได้ทำหนังที่บทดีกว่านี้หน่อย เส้นทางในฮอลลีวูดแกไปได้อีกไกลแน่ๆ

ปล.Ost The Great Wall แหล่มมาก โดยเฉพาะเพลง Nameless Order
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
"ใครไปดู Dunkirk มาแล้วบ้างครับ"