มีเสียงจริงครับ ใช้หลักการสั่นกระดูกหูเอา เสียงก็สู้แบบปกติไม่ได้แน่นอน ตำแหน่งที่ใส่ถ้าไม่เป๊ะเสียงก็แปลกๆ แต่ดีตรงได้ยินทุกอย่างครับ เพราะมันไม่ปิดหู เค้าเรียกกันว่า Bone Conduction Headphones ครับ

ผมไปลองมา ไม่จริงครับ
มันมีเสียงออกมาอยู่ดี เบาๆ
และต้องใช้หูเราฟังอยู่ดี
และที่สำคัญที่สุดคือเสียงก็แย่มากๆด้วยครับ

แต่ที่ผมไปลองมามันยี่ห้ออื่นนะครับ อันที่โชว์ในรูปหนะครับ

มันสั่นเสียงตรงเข้าไปที่กระดูกเลยนะคับ  ต้องขยับตำแหน่งดีๆ แต่ละตำแหน่งมันจะดังไม่เท่ากันคับ ถ้าเป็นเสียงเบาๆจากตัวมัน ตำแหน่งน่าจะไม่มีผลคับ

แต่เห็นด้วยเรื่องเสียง  สำหรับผมเสียงไม่ผ่านอะ

ผมใช้ใส่ตอนปั่นจักรยานครับ

วัตถุประสงค์ของมันคือเอาไว้ใส่ออกกำลังกายกลางแจ้ง อย่างปั่นจักรยาน หรือวิ่ง เพื่อความปลอดภัย
เนื่องจากมันไม่มีส่วนไหนปิดรูหู เราจึงยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่

อยากฟังเพลงตอนออกกำลังกลางแจ้ง
ชั่งน้ำหนักระหว่างความปลอดภัย กับเสียงที่ด้อยกว่า ก็โอเคครับ

อ้อ ลืมบอก
ที่ผมใช้ ยี่ห้อ Aftershokz ครับ

ผมอ่านดูหลักการกำเนิดเสียงของหูประเภทนี้ว่าใช้การสั่นสะเทือนผ่านกลามชั้นบนเข้าไปที่หูเรา ทำให้มันเกิดเสียง แต่ตอนที่ผมไปลองดู ผมถือมันห่างออกมาจากหูโดยไม่ได้เอามันไปสัมพัสกับตรงไหนของใบหน้าเรา แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงเพลงของมันเล็ดลอดออกมาจากตัวหูฟังอยู่ แต่ถ้าหากเอามันเข้ามาใกล้หูเราเท่าไหร่ เสียงมันก็จะดังขึ้นเท่านั้น ดังนั้นผมจึงสรุปไปเองว่าการกำเนิดเสียงโดยอาศัยการสั่นสะเทือนของตัวมันผ่านกระดูกกลามด้านบนไปที่หูของเราไม่น่าจะเป็นความจริงหนะครับ แต่ผมอาจจะสรุปผิดก็ได้ครับ เพราะว่ามันก็สั่นจริงๆตามจังหวะเพลงนะครับ แต่ผมกลับนึกถึงการสั่นของมือถือหนะครับ คิดว่ามันอาจจะสั่นตามจังหวะเพลงมากกว่าสั่นเพื่อให้กำเนิดเสียง (ซึ่งผมอาจจะสันนิฐานข้อนี้ผิดอีกก็เป็นได้ครับ) อย่างไรก็ดีมันคงจะตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการได้ยินเสียงจากภายนอกควบคู่กับการฟังเพลงไปด้วยหนะครับ และมันก็แลดูเท่ห์ดีเหมือนกันครับ

สำหรับผู้ที่สนใจอยากลอง ผมไปเจอตัวเดโมอยู่ที่แผนกเครื่องเสียงในห้างเดอะมอลท่าพระครับ ลองดูครับ มันก็แปลกๆดี คล้ายมีเครื่องนวดขมับสั่นตามจังหวะเพลงครับ

มี Aftershokz ใช้อยู่ตัวนึงครับ สนใจเลยซื้อมาลอง แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่

ส่วนตัวผมเชื่อนะครับว่าหลักการส่งคลื่นเสียงผ่านกระดูกตามที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างนั้นทำได้จริง เพราะไม่อย่างนั้นคงโดนฝรั่งสวดกันยับไปแล้วแหละครับ ข้อหาโฆษณาเกินจริง อะไรก็ว่าไป แต่นี่บริษัทเขาก็ยังขายของได้อยู่ แล้วก็มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

แต่จากการใช้จริง ก็เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนครับ คือเสียงมันไม่ได้เข้าหู (หัว) เราผ่านแค่การสั่นผ่านกระดูกเพียงอย่างเดียว ตัว driver ของเขา ก็ผลิตเสียงที่เป็นคลื่นเสียง และเสียงนั้นก็เล็ดลอดมาเข้าหูเราผ่านแก้วหูตามปกติด้วยส่วนหนึ่ง (จะมากน้อยแค่ไหน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็น นี่ผมก็ไม่ทราบอะนะครับ คงต้องวัดกันแบบจริงจัง)

โดยที่ตรงที่เป็นตะแกรง ถ้าเทียบกับหูแบบ earbud ที่เขาจะเจาะรูไว้ แต่ตัวนี้ ตรงตะแกรงที่ว่ามันจะเป็นยางครับ ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นตัวถ่ายทอดคลื่นเสียงผ่านผิวหนัง ผ่านชั้นไขมัน และส่งต่อไปยังกระดูกของเราอีกที

ถ้าใครไปอ่านสิ่งที่ปรับปรุงในหูฟังรุ่นใหม่ๆ ของทาง Aftershokz ก็จะเห็นว่า ประเด็นที่เขาพัฒนาหลักๆ ก็คือการลดเสียงที่เล็ดลอด (leaking sound) มาจากตัวหูฟังของเขานี่แหละครับ ซึ่ง... ก็คงต้องไปเทียบดูอะนะครับ ว่าถ้าเสียงเล็ดลอดที่ว่าในหูรุ่นใหม่มันเบาลงจริง (อันนี้คงพิสูจน์ง่าย) แล้วเสียงที่เราได้ยิน มันยังดังเท่ากับรุ่นก่อนหรือเปล่า

เพราะถ้าสรุปได้ว่า รุ่นใหม่เสียงลอดลดลง แต่เราก็ได้ยินเบาลง แปลว่าเสียงที่เราได้ยิน มาจากเสียงที่เรารับรูผ่านแก้วหูเป็นสัดส่วนที่มากกว่าเสียงที่เข้าหูเราผ่านกระดูกตามคำโฆษณานะครับ

ผมมีเขียนรีวิวไว้อยู่ครับ ถ้าใครสนใจก็เข้าไปอ่านได้ #พื้นที่โฆษณา อิอิ รีวิว: Aftershokz SPORTZ M3 หูฟังระบบ Bone Conduction