Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

๋Jagaz Jazzist วง Experimental, Electronica Jazz ที่เปลี่ยนเส้นทางการฟังเพลงผมไปตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา

Soundscape

07/05/2017 20:45:25
124

เมื่อตอนที่ได้เป็น Trainee ที่ The Coastal Jazz & Blue Society เมื่อราวปี 2003-2004 ได้มีโอกาสดูโชว์และฝึกงานในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งใน North America คือ The Vancouver International Jazz Festival ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้มีโอกาสเสพย์งานดนตรีแจ๊สที่มาจากศิลปินทั่วโลกกว่า 1,700 คน กับ 400 โชว์กับสถานที่จัดแสดงในลักษณะต่างๆกันมากกว่า 40 venues โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อนเพราะแต่เดิมเราแค่เพียงติดตามงานเพลงแจ๊สตั้งแต่สมัยมัธยมเมื่อราวช่วงปลายปี 80s และก็แค่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้ทำกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งที่เรารัก จนในที่สุดก็ได้ไปอยู่ในเมืองแห่งดนตรี


จากจุดนี้เองทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นเพราะทำหน้าที่หลายอย่างตั้งแต่เป็นคนเก็บตั๋ว คอยอำนวยความสะดวกเช่นนั่งรถไปรับศิลปิน (่John Pizzarelli ยอดมือกีตาร์นักร้องสวิงแจ๊ส) เก็บ data base, back stage, pay chequeให้กับศิลปินที่เล่น จนเห็นความวุ่นวายและยุ่งยากว่าการทำเทศกาลระดับโลกมันต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและเม็ดเงินมหาศาลทีเดียว (แอบดูบัญชีค่าตัวของศิลปินแต่ละคนเลยรู้ว่าวงดังๆเค้าได้กันเท่าไหร่)


แต่เมือง Vancouver ที่มีประชากรราวๆ 1 ล้านคนในขณะนั้นกลับดึงดูดศิลปินจากทั่วโลกทั้งยุโรป เอเชียและอเมริกาเองอาจเป็นเพราะว่า Artistic Director คือ Ken Pickering เป็นคนที่มี Visionary และ Passion อย่างมากในการบริหารและจัดการกับศิลปินชั้นนำระดับโลกมาเป็นเวลานาน เฉกเช่นเดียวกับที่ The Montreal International Jazz Festival ที่มี Alain Simard ที่ว่ากันว่าเป็นเทศกาลแจ๊สที่มีคนดูมากที่สุดในโลก และถัดมากับเทศกาลที่ยิ่งใหญ่อันดับสองของโลกอย่าง Montreux Jazz Festival ในสวิสที่ Head โดย Claude Nobs ซึ่งกลายเป็นตำนานผู้ล่วงลับไม่นานมานี้

ว่ากันว่าในการจัดงานอย่าง Vancouver Jazz Festival นั้นทำเงินหมุมนเวียนได้มากถึง 35 ล้านเหรียญแคนาดา และ Montreal ่Jazz มีรายได้มากรองเพียงการแข่ง Formula One เท่านั้น ในขณะที่ฝึกงานเป็น Trainee ที่นั่นพบว่าในช่วงฤดูร้อนของทุกปีจะมีคนสมัครเป็น Volunteer มากนับพันๆคนจนมี Waiting List ยาวเป็นหางว่าวโดยมาจากหลากหลายสาขาอาขีพที่ส่วนใหญ่มีหน้าที่การงานค่อนข้างดีแต่่มารวมกันเพื่อสิ่งเดียวคือ "แจ๊ส" โดยมาด้วยใจพร้อมได้รับ Ticket และเสื้อเชิ๊ดประจำปีที่ถูกออกแบบโดย Artist จนกลายเป็นของสะสมมาตลอด ผมเองขณะนั้นก็ถือโอกาสสังเกตการคัดเลือกและการจัดการแสดงว่าเค้ามีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกที่ต้องมาเช็ด Demo หรือ Album ที่ส่งมาจากทั่วโลกจนหูตาเปียก แต่ก็ได้เห็นและฟังงานที่ไม่เคยได้ยินในชีวิตเลยโดยเฉพาะวงจากยุโรป

เพราะวงในอเมริกาเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่หนึ่งในวงที่ทำให้ผมสนใจในประวัติและความสดใหม่ในสไตล์นั้นคือว่าจากนอร์เวย์ที่ขื่อว่า Jaga Jazzist ในสไตล์ Electronica, Experimental Jazz ที่ในขณะนั้นออกทัวร์ด้วยผู้เล่นถ้าจำไม่ผิดราวๆ 14-15 คนด้วยกัน เป็นคนหนุ่มสาวในวัยยี่สิบต้นๆแต่ก็สามารถข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลมากทีเดียวและได้รับทุนจากรัฐบาลในการสร้างชื่อเสียงและเปรียบเสมือนการส่งออกอุตสาหกรรมทางดนตรีของประเทศนอร์เวย์และอีกหลายประเทศในแถบนี้

Jaga Jazzist ริ่เริ่มก่อตั้งโดยสองพี่น้อง Martin Horntveth และ Lars Horntveth สองพี่น้องที่มีความสามารถทางดนตรีโดย Martin คนพี่เล่นตำแหน่งกลอง Programming และ Percussion อีกมากขณะที่คนน้องค่อนข้างโดดเด่นที่สุดในวงเพราะนอกจากจะเป็นคนแต่งเพลงส่วนใหญ่แล้วยังเล่นในต่ำแหน่งเครื่องเป่าแทบจะทุกประเภท รวมถึงการโซโล่กีตาร์และคีย์บอร์ดอีกต่างหาก ทำให้เห็นว่าศิลปินที่หากมีความชำนาญหลากหลายแล้วมักจะสร้างสีสันและนำเสนอมิติดนตรีในมุมมองที่แตกต่างจากวงทั่วไป ส่วนศิลปินที่เหลือก็ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวในวัยเบญจเพศที่มีฝีมือจัดจ้านทีเดียวและแต่ละคนจะเล่นเครื่องดนตรีอย่างต่ำ 3 ชิ้นขึ้นไป เป็นที่น่าสังเกตุของผมอย่างมากที่การที่นักดนตรีแต่ละคนสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิดอย่างช่ำชองทำให้ Sound ที่ออกมามีมิติและชวนให้เราติดตามว่าเค้าเหล่านั้นจะพาผู้ฟังไปโลกดนตรีที่ไหน

แต่โดยรวม Sound ที่ออกมาเหมือนดูภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนที่ลึกลับ และมี Beat ดนตรีที่หนักหน่วงสะใจขาร๊อคก่อนที่จะให้ Solo เป็นของศิลปินในวง แต่จะเน้นไปที่ Lars Horntveth เสียเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าเป็นพระเอกของวงและก็เรียกเสียงกรี๋ดบรรดาสาวก Jaga Jazzist ได้ตลอด ซึ่งในโชว์ที่ผมได้ดูนั้นคราครำไปด้วยผู้คนหนุ่มสาว (รวมทั้งผมเมื่อราว 13-14 ปีที่แล้วที่ยังหนุ่ม 55) ต้องเรียกว่าสะกดผมและผู้ชมที่คงอาจไม่เคยคิดว่าจะได้ยินได้ฟังงานดนตรีที่เหมือนท่องไปในอวกาศที่เวิ้งว้าง และโลดโผนดั่งขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาตลอดโชว์ที่เดียว แทบไม่อาจคาดเดาได้ถึงวินาทีที่ดนตรีมันคลืบคลานเข้ามาในความคิด จิตวิญญาณจนล่องลอยไปตามเสียงดนตรีที่วงเล่นตลอด 1 ชมเศษ

หลังจากนั้นอีกหลายปีผมได้ฟังงาน One-Armed Bandit อัลบั้มลำดับที่ 5 ที่ออกในปี 2010 ในสังกัด Ninja Tune ของวงเองโดยมีผองเพื่อนอย่างวง The Thing วงในสไตล์ Avant-garde jazz ที่นำโดยมือ Tenor Baritone Sax Mats Gustafsson และมืองกลอง Paal Nilssen-Love มามีส่วนร่วม พร้อมด้วย Mathias Eick มือทรัมเป็ตและ Upright Bass คนดังของนอร์เวย์ที่ขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของวงก่อนที่จะออกจากวงเพื่อออกผลงานของตนเองในสังกัดยักษ์ใหญ่อย่าง ECM จนถึงปัจจุบัน

อัลบั้มดังกล่าวกวนตั้งแต่แบบปกที่เป็นรูปผลไม้บนพื้นขาว และแถมยังทำเป็น Card แข็งเป็นเหมือนไพ่และรูปผลไม้อีกสี่ชนิดพร้อมลายมือเขียนกล่าวให้เครดิตต่างๆในด้านหลัง บทเพลง 9 แทร็คกับเวลา 50 นาทีเศษ เริ่มด้วยอินโทรสุดกวนกับเสียงเหมือนเปิดศาลไคฟงฉ่างใหญ่และ The Thing วง Avant-garde jazz ก็บรรเลงในรูป Mono ด้วยBaritone Sax, Double Bass Drums ก่อนที่จะเชื่อมต่อเข้า Album Title One-armed bandit ที่มี Groove ดนตรีเท่ๆกับ sound เครื่องดนตรีที่หลากหลายมากดั่ง Clip VDO ในเพลงเดียวกันจากอัลบั้ม Live with Britten Sinfonia

เพลงส่วนใหญ่เหมือนวาง Layer ดนตรีไว้ในแนว Electronic Pop, Psychedelic Rock ที่เล่นย้ำๆให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้มและขยับแข้งขาได้ตลอดก่อน Soloist จะเล่นบน Beat และ Melody ของแต่ละแทร็คทำให้ศิลปินดูมีอิสระภาพในการที่จะนำเสนอ ณ ช่วงเวลาต่างๆของอัลบั้มแทบไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งอิทธิพลเหล่านี้้ล้วนได้มาจากวงดนตรี Art Rock รุ่นพี่อย่าง Soft Machine, Talk Talk, Stereolab และในสายแจ๊สอย่าง John Coltrane และ Don Cherryทำให้การฟังแต่ละแทร็คนั้นมีอารมณ์ที่แตกต่างๆกันจนฟังจบยังไม่รู้ว่าจบเลย 555

ในภาคบันทึกเสียงนั้นทำได้ค่อนข้างดีแม้เสียงเครื่องดนตรีนั้นจะมีความหลากหลายมากทั้ง Ebow-banjo, Marxophone, Drum-machines, Spike piano, Glockenspiel, Marimba, Mandolin Harp, Synthesizers , Distortion, effects, Vintage instruments ต่างๆเรียกว่ามาเต็มจริงๆสำหรับวงนี้ One-armed Bandit อัลบั้มจึงคุ้มค่าสำหรับคนที่อยากลองของใหม่มากระแทกหูในยามที่เบื่อๆแนวดนตรีที่ฟังอยู๋ทุกวันนี้ครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

Soundscape

07/05/2017 20:46:02
124
อีกหนึ่งแทร็คที่เท่เหมือนกัน

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Soundscape

07/05/2017 20:47:19
124
เล่นร่วมกับ Brittten Sinfonia กับเพลง One-Armed Bandit ที่ Lars Horntveth ที่เล่นโซโล่ได้เด่นมากครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Soundscape

07/05/2017 20:48:11
124
สามารพอ่านเพิ่มเติมในเพจผมที่ "แจ๊สชวนชิม" https://www.facebook.com/jazzchuanchim/?fref=nf

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"๋Jagaz Jazzist วง Experimental, Electronica Jazz ที่เปลี่ยนเส้นทางการฟังเพลงผมไปตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา"