ผมว่า ถ้าระยึดแบบนี้ แจ้งตำรวจมาจับเลยครับอย่าหรอช้า
พระสมัยนี้มีทั้งดีและไม่ดี

แต่การที่ยึดแล้วตอนขากลับให้คืนผมว่าก็ปกตินะครับ เพราะว่าบ้างวัดอาจต้องการความสงบจริงๆ
แต่นี่ยึดแล้วไม่คืน ก็คือโจรดีดีน่ะครับ


จัดไปเลยครับ อย่าให้เสียง จะได้เป็นแบบอย่างให้พระรุ่นต่อไปครับ

แจ้งอาจารย์ที่พาไปเลยครับ...ทำอย่างนี้ เรียกว่า ยักยอกทรัพย์ ครับ

เป็นผมไม่คืนผมไม่กลับนะ

ถ้าเป็นผม ต่อยพระให้ซี่โครงหักไปเลยคับ

ถ้าตอนกลับไม่คืนก็แจ้งความได้เลยครับ อย่ามองแค่ใส่ผ้าเหลืองให้มองที่เจตนาคน

อย่างพี่วิเชียร ว่าครับให้อาจารย์ไปคุย โดยบอกเหตุผลกับท่านดี ๆ ว่าเราจำเป็นจริง ๆ เดินทางลำบากมาก ๆ
ถ้าไม่ได้ทำผิดจริง ก็ไม่ต้องกลัวอะไรครับ

คห 4 .... โคตรโหด

ใช่แล้วค่ะ...
เรื่องนี้ อาจารย์เท่านั้น ที่จะช่วยได้
ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของอาจารย์เลยก็ว่าได้ค่ะ
ว่าแล้ว ... ลุยโลด

มือถือเครื่องนึง ขี้หมูขี้หมาก็ 1000 up

พ่อแม่น้องทำงานทั้งวันเลยนะครับกว่าจะได้มา อยู่ดีๆมาให้คนเอาไปได้ยังไง
เป็นพระมายึดของของคนอื่นมันผิดศีลนะครับ พระต้องรับของที่เจ้าของเต็มใจให้เท่านั้น
เจอพระห่วยแล้วครับ มาสอนเด็กได้ยังไง บอกชื่อวัดมาเลยครับ

เรื่องไปอบรมนั้นเขาต้องการฝึกวินัย แต่เรื่องการยึดมือถือ นาฬิกา กระเป๋าตังค์ ก็ไม่ควรทำทั้งนั้นครับ ถือเป็นของส่วนตัว เช่นเดียวกับแปรงสีฟันหรือสบู่อาบน้ำ กางเกงใน

แต่มีเหตุให้สมควรโดนยึดอันนี้ก็สมควร เช่น คุยมือถือระหว่างอบรม เอามือถือมาฟังเพลงไม่สนใจกิจกรรม หรือเอามือถือมาก่อกวนการอบรม ลองนึกภาพเราแปรงฟันขณะที่พระอาจารย์กำลังให้นั่งสมาธิ มันน่าโดนเขกหัวไหมละ

แต่ถ้าเอามือถือมาถ่ายภาพระหว่างร่วมกิจกรรม หรือบันทึกวีดีโอไว้เป็นที่ระลึกอันนี้ ก็คงไม่เข้าข่ายการยึด

อีกอย่างการอบรมผมเองเป็นคนนึงที่ต่อต้านการลงโทษทรมานทุกรูปแบบครับ ถึงแม้จะได้ผลเร็ว แต่เด็กจะไม่ได้อะไรเลย พอเวลาผ่านไปเด็กจะลืม ให้ความกระจ่างด้วยปัญญาดีกว่าครับ มันจะติดตัวเด็กไปตลอดชีวิตครับ

แจ้วความครับ ทรัพย์สินส่วนตัวของเรา ใหญ่มาจากไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาไป ขนาดตำรวจยึดใบขับขี่เรายังมีสิทธิ์ไม่ให้เลยครับ มือถือจะกี่ตังก็ช่างแต่ผิดก็คือผิดครับ สมควรเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

พระหยิบของโดยที่เจ้าของไม่ได้ให้(ประเคน) ถ้ามูลค่ามากกว่า 1 บาท (หรือเปล่า จำไม่ได้แล้ว) อาบัติทันทีเลยนะครับ

ของผมเอาเป็นไฟฉายอะครับใช้แฟลชของมันแทนไฟฉาย มันมึดมากตอนกลางคืน เดินเตะเสาเล็บแทบหลุดครับดีไม่โดนเนื้อถ้าโดนเนื้อคงเลือดอาบเลยล่ะเสามันอยู่ที่พื้นมึดๆมองไม่เห็นเลยล่ะครับเลยล่ะครับหลังจากโดนยึด เพราะว่ามองทางไม่เห็น เฮ้อไม่ได้เอาไปก่อกวนใดๆทั้งสิ้นเลยอะครับเฮ้้อแรกๆกะบอกว่าถวายเอาไปเลยเหอท่านแค่ค่ารถจะมาก็แทบจะได้ค่าเครื่องแล้วเพราะว่าต้องนั่งแท็ชซี่เท่านั้นมันลึก ถ้าผมเอาไปก่อกวนผมจะไม่ว่าเลยสักคำ

ทำใจให้สบาย
แล้วก็ให้ภัย ให้ทาน
หาเครื่องใหม่ เปลี่ยนเบอร์
แล้วดำเนินชิวิตต่อไป
ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้อีก (นานๆทีได้)
นะครับ ลองดู

คนสมัยนี้ คุณภาพต่ำลงเรื่อยๆ ต้องจับครับ ผิดชัดๆอย่างงี้

ศาสนาพุทธ ทุกสิ่งล้วนต้องเกิดจากความสมัครใจทั้งสิ้นครับ
ไม่ใช่การบังคับ หรือการลงโทษ เพื่อให้ผู้อื่นสนใจในศาสนา
ทุกวันนี้ วัดต่างๆและพระสงฆ์ จำนวนมาก กำลังมีค่านิยม จากการเรียนแบบ
ต้องจัดอบรมพุทธศาสนาให้เด็ก ต้องมีการเข้าค่ายสำหรับโรงเรียน แล้วก็เลยเถิดไปถึง
การลงโทษ การบังคับ การกระทำในวิธีการแปลกประหลาดต่างๆนาๆ
แล้วอ้างว่าเพื่อให้ผู้ฝึกปฏิบัติได้เข้าถึงพระพุทธศาสนา (ไม่ใช่เพื่อเงินบริจาคเหรอ) มันน่าขันยิ่งนักครับ

ในสมัยบรรพการ พระพุทธองค์ ท่านไม่เคยบังคับใครครับ มีแต่คนที่ได้ฟังธรรมจากท่าน
หรือผู้ที่เลื่อมใสในการปฏิบัติตนของพระองค์ ศรัทธาและเชื่อในคำสอน จึงมาขอบวชในพระพุทธศาสนา
ท่านมีจุดประสงค์ในการเผยแผ่ศาสนา เพื่อให้มนุษย์เข้าใจในความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
ใครไม่สนใจท่านก็ไม่บังคับ ไม่เรียกร้องให้มาสนใจพุทธศาสนา

ในทุกวันนี้พระสงฆ์บางส่วน กลับมาบีบบังคับให้สนใจในวัด สนใจศาสนา ต้องหมั่นทำบุญหมั่นบริจาค
เท่าที่เห็น จุดประสงฆ์ส่วนใหญ่ก็เพื่อเงินปัจจัย เพื่อวิหารที่มโหฬาร เพื่อกำแพงวัดสวยๆ เพื่อวัตถุทั้งนั้น

ออ! ส่วนเรื่องมือถือ ถ้าขอคืนไม่ได้ ให้แจ้งตำรวจจับไปเลยครับ บ้านเมืองมีกฎหมายบังคับใช้
ถูกผิด ก็ว่ากันไปตามนั้น พระสงฆ์ที่แท้จริงดูได้จากสิ่งที่แสดงออก และการปฏิบัติตนของท่านครับ
มนุษย์ที่ห่มผ้าเหลือง ไม่ได้เป็นสงฆ์เสมอไปครับ
ถ้าท่านตีรวนบอกไม่รู้กฏหมาย ไม่รู้ว่าที่ทำนั้นผิด ก็ให้ท่านได้รู้ซะวันนั้นแหละครับ

ผมไม่ใช่มารศาสนานะครับ ผมยึดเหนี่ยว และประพฤติตามคำสอนของพระพุทธศาสนา เสมอมาครับ
แต่บางครั้งเราเห็นในสิ่งที่ผิด เราก็ต้องว่าไปตามนั้น ไม่งมงายครับ

แจ้งตำรวจจับไปเลย ถือว่าช่วยศาสนา อย่าให้มีกาฝากมาแฝงตัวอยู่

แล้ว.....ปล่อย ให้เค้ายึดไปง่ายๆ ทำไมล่ะครับ

โทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง

ตอนที่ผมบวชอยู่ ยังไม่เห็นมีพระรูปไหนมายึดมือถือไปเลย เพราะเราอาจต้องใช้ติดต่อบ้าง ดูที่เจตนาในการใช้ครับ

นอกจากไปวัดป่าที่เน้นปฎิบัติจริงๆ เจ้าอาวาสก็แค่บอกให้ปิดเครื่องแล้วฝากไว้ พอจะกลับก็ให้คืน

ถ้าไม่ยอมคืนให้ก็แจ้งความไปเลยครับ ถ้าอ้างว่าอยู่ในเขตวัดต้องฝากไว้ แต่เราจะออกจากเขตวัดกลับไม่ยอมคืน

ตอนที่ให้ยึดไปเราก็ไม่ได้เต็มใจให้ไป ถ้าเราจะออกจากวัดแล้วไม่คืนก็คือเอาของๆ คนอื่นถือว่า ปาราชิก ครับ

ใส่ผ้าเหลือง หัวโล้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นพระเสมอไปนะครับ

พระเพื่อนผมเพิ่งแอดเฟซบุ๊คมาครับ
เคยคุยกันท่านบอกว่าไม่สึกเพราะซึ้งในรสพระธรรม
แต่เมื่อวานท่านแอดเฟซบุ๊คมาผมก็ไม่รู้จะว่าไง-*-
มือถือไฟฉายนีี่ประมาณ1200มั้ง ผมว่านั่งรถ2-3ชั่วโมงก็คุ้มค่ารถครับ
ยกเว้นแต่ว่า... อ้อนแม่ซื้อเครื่องใหม่เลย หึๆๆๆ

ถ้าพระทำผิดนี่ตกนรกหนักกว่าคนธรรมดาอีกครับ ถ้าไม่คิดมากนี่ก็ุคุยกับท่านเป็นเหตุเป็นผล ถ้าท่านไม่ฟังก็ยกให้ท่านไปเถอะครับ กรรมมันมีจริง ตามทันไม่เว้นพระครับ