Laco sub-second , 17 Jewels Manual-wind
20 microns Yellow gold curved rectangular tank case
Circa 1940’s , German Made
ระบบปฎิบัติการ ขึ้นลานด้วยมือ / ไขลาน ( Manual Wind )
ขนาด 32 x 22 มิลลิเมตร ไม่รวมเม็ดมะยม ( 24 มิลลิเมตร รวมเม็ดมะยม ) , L to L= 40 mm
ตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง แบบ curved rectangular tank case
ตัวเรือนและฝาหลัง 20 microns Yellow Gold Plated Base metal
หน้าปัดสีทอง เลขบอกเวลาเลขอารบิก 1-12 เข็มบอกเวลาโลหะสีน้ำเงิน
พร้อมวงเข็มวินาทีด้านล่างแบบ sub-second
ตัวอักษรบนหน้าปัด
“ Laco “ ใต้ 12 น.
ตัวอักษรบนฝาหลัง
“Walz – Gold – Double 20 Mikrons “
พร้อมประทับตราพระอาทิตย์ สัญลักษณ์ของ Laco ยุคเก่าตรงกลางฝาหลัง
เครื่องกลไกไขลาน Laco / Durowe รหัส 550 , seventeen ( 17 ) jewels , German Made
Durowe ( โรงงานผลิตเครื่องกลไกนาฬิกาเยอรมนี Durowe -Deutsche Uhren-ROhWErke )
ก่อตั้งในช่วงยุค 1930’s เพื่อผลิตเครื่องกลไกให้กับนาฬิกา Laco
( รวมถึงนาฬิกาเยอรมันแบรนด์อื่น ๆ แทบทุกแบรนด์ต่างก็เคยสั่งซื้อเครื่องกลไกรุ่นต่าง ๆ จากโรงงาน Durowe นี้
เพื่อลงในนาฬิกาของตนเอง )
เครื่องกลไก Laco / Durowe 550 เป็นเครื่องกลไกไขลานในยุคแรก ๆ ของ Laco / Durowe เริ่มผลิตในปี 1940
เครื่องกลไกอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีเยี่ยม การใช้งานเป็นปกติ
การทดสอบการใช้งานจริง ไขลานเต็ม เก็บพลังงานได้ประมาณ 30 ชั่วโมง ++
ค่าความคาดเคลื่อน ( ความเที่ยงตรง ) ประมาณ 1-2 นาที / 24 ชั่วโมง ( 1 วัน )
สายหนังแท้เส้นใหม่ ของ Hirsch Made in Austria รุ่น Wildboar สายหนังหมูป่าแท้ สีดำ ขนาด 14 มม.
สำหรับข้อมือขนาด 5 นิ้วครึ่ง ถึง 7 นิ้ว
-----------------------------------------------------------------------------
Laco แบรนด์นาฬิกาเยอรมัน ก่อตั้งเมื่อปี 1925 โดย Frieda Lacher และ Ludwig Hummel
มีโรงงานประกอบในเมือง Pforzheim เดิมผลิตนาฬิกาโดยใช้เครื่องกลไกจากสวิส
ต่อมาในปี 1935 Hummel ซึ่งมีความคิดหัวก้าวหน้าได้ก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องกลไกเยอรมนี
Deutsche Uhren-ROhWErke หรือที่รู้จักในชื่อ Durowe เพื่อป้อนให้กับแบรนด์ Laco
( และต่อมาเกือบทุกแบรนด์ของนาฬิกาเยอรมันยุคไขลานต่าง ก็ได้เคยใช้บริการเครื่องกลไกจาก Durowe )
ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มียอดการผลิตนาฬิกาเดือนละกว่า 30,000 เรือน
และเป็นหนึ่งใน 5 แบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาสำหรับนักบินกองทัพเยอรมัน ( B-Uhr )
( และเป็นหนึ่งในสองบริษัท ที่ใช้เครื่องกลไกของตัวเองในนาฬิกา B-Uhr )
หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติ โรงงานที่ Pforzheim ที่ถูกทิ้งระเบิดโดยฝ่ายสัมพันธมิตร ได้รับการฟื้นฟูจากแผนการมาร์แชล
ทำให้ Durowe และ Laco กลับมาผลิตนาฬิกาอีกครั้งและก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ตลอดช่วงยุค 50-60’s ถือเป็นยุคทองของนาฬิกา Laco
อย่างไรก็ตามจากการถือกำเนิดของเครื่องกลไกแบบควอทซ์ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ Quartz Crisis
กับนาฬิกาที่ใช้กลไกไขลาน หลายแบรนด์ที่ปรับตัวไม่ทันก็ต้องล้มหายตายจากไป
สำหรับ Laco แล้ว Ludwig Hummel ได้ขายกิจการ Laco ให้กับ Timex USA ไปในช่วงปี 1959
ส่วน Erich Lacher บุตรชายของ Frieda Lacher ก็ได้ไปตั้งบริษัทนาฬิกา Erich Lacher ของตัวเอง
Timex ผลิตนาฬิกา Laco อย่าง Laco Electronic ในช่วงสั้น ๆ จนถึงยุค 70’s แบรนด์ Laco ก็ได้หายไปจากตลาด
( ส่วน Erich Lacher ก็ยังผลิตนาฬิกาต่อในแบรนด์ Lacher )
จนกระทั่งปี 1988 Horst Gunther ชาวเยอรมนี หนึ่งในผู้บริหารและผู้ร่วมลงทุนของบริษัท Erich Lacher
ได้ดำเนินการเรื่องกรรมสิทธิ์แบรนด์ Laco มาจาก Timex และถือว่าแบรนด์ Laco ได้กลับมาถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง
ปัจจุบันแบรนด์ Laco บริหารงานโดย Andreas Gunther บุตรชายของ Horst Gunther ผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ Laco ( Laco1925 )
และมีแบรนด์ร่วมเครือ Erich Lacher อย่าง Lacher และ Laco by Lacher
---------------------------------------------------------------------------------
เป็นนาฬิกา Laco ที่ผลิตในยุค 1940’s ( ประเมินอายุจากช่วงปีที่ผลิตเครื่องกลไก ) อายุกว่า 70 ปี
นาฬิกายังอยู่ในสภาพที่ดี มีรอยจากการใช้งานปกติและตามอายุบ้างเล็กน้อย
ทองหุ้มยังสวยเงางาม ไม่มีรอยหนัก หน้าปัดและชุดเข็ม ยังอยู่ในสภาพดี ด้านข้างตัวเรือนมีเดินลายฟันปลาสองชั้น สวยงาม
พร้อมสายหนังหมูป่าแท้ของ Hirsch Made in Austria สีดำ เดินด้ายทอง สวยงามเข้าชุด และสามารถใส่ใช้งานได้ในทุกโอกาส
นาฬิกาเรือนทองแนวเดรส การใช้งานยังเป็นปกติดี เก็บพลังงานและรักษาเวลาได้ดี พร้อมสวมใส่ใช้งานในขีวิตประจำวัน
ราคาปัจจุบันในต่างประเทศไปไกลมากแล้ว สำหรับ Laco เรือนเหลี่ยม เครื่อง 550 ยุค 40
ตั้งแต่หลักพันปลาย ๆ ( 7-9 พันบาท ) ไปจนถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป
ขอเสนอนาฬิกาแบรนด์เยอรมันชั้นนำทรงคุณค่าสภาพเยี่ยมเรือนนี้ ในราคาเพียง 4,500 บาท รวมส่ง EMS แล้วเท่านั้น
---------------------------------------------------------------------------------
นาฬิกา SECTOR 540
จัดส่งแล้วเมื่อ 08/03/60 09.01 น.
EX220228662TH
ขอขอบคุณท่านผู้ซื้อมากครับ
Oris Watch Co. , 17 Jewels with Date , Manual wind
Circa 1970s , Swiss Made
ระบบปฎิบัติการ ขึ้นลานด้วยมือ / ไขลาน ( Manual wind )
ขนาด 36 มม. ( 38 มิลลิเมตร รวมเม็ดมะยม ) L to L = 40 mm
ตัวเรือนหุ้มโครมเงิน ฝาหลัง stainless steel หน้าปัดสีน้ำเงินเข้ม
หลักบอกเวลาแบบขีดสีเงิน เข็มบอกเวลาสีเงิน 3 เข็ม
หน้าต่างบอกวันที่ ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
ตัวอักษรบนหน้าปัด
“ Oris 17 Jewels “ ใต้ 12 น.
“ Swiss Made “ ที่ 6 น.
ตัวอักษรบนฝาหลัง
“ Oris Watch Co. Swiss “
“ Water Resistant – Shock Resistant – Stainless Steel Back “
ประทับตรา Oris ตรงกลางฝาหลัง
เครื่องกลไกไขลาน Oris Watch Co. Swiss , Cal. 715 , Seventeen (17) Jewels , Swiss Made
สภาพเครื่องสวยสมบูรณ์ดี การใช้งานเป็นปกติ
การทดสอบการใช้งาน ไขลานเต็ม เก็บพลังงานได้ประมาณ 30 ชั่วโมง +++
ความคาดเคลื่อน ประมาณ 30 วินาที / 24 ชั่วโมง ( 1 วัน )
สายหนังวัวแท้ เส้นใหม่ ของ Hirsch Made in Austria สีดำ รุ่น Gaucho ขนาด 18 มม.
สำหรับข้อมือขนาด 6-8 นิ้ว ใส่ได้
----------------------------
Oris แบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ของสวิสเซอร์แลนด์ ก่อตั้งในปี 1904 โดย Paul Cattin และ Georges Christian
โดยซื้อโรงงานนาฬิกา Lohner & Co ที่ปิดกิจการลง และได้ตั้งชื่อบริษัทผลิตนาฬิกาของพวกเขาว่า Oris ตามชื่อของลำธารที่อยู่ใกล้เคียง
เริ่มผลิตนาฬิกาข้อมือในปี 1925 โดยในระยะแรกเป็นการพัฒนาจากนาฬิกาพก
ปี 1938 ได้ผลิตนาฬิกาข้อมือสำหรับนักบิน ที่มีมะยมขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และ มีเข็มชี้บอกวันที่ตามวันในปฏิทิน
โดยใช้ชื่อรุ่นตามมะยมของนาฬิกาที่มีขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้นักบินสามารถปรับตั้งเวลาได้ในขณะที่ยังสวมถุงมืออยู่ได้
ถือเป็นจุดกำเนิดของ Oris Big Crown
ในปี 1934 รัฐบาลแห่งสหพันธรัฐสวิส ได้ออกกฎระเบียบข้อบังคับที่เรียกว่า บทบัญญัติเกี่ยวกับนาฬิกา หรือ Watch Statute ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีลักษณะเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันและควบคุมอุตสาหกรรมนาฬิกา โดยป้องกันไม่ให้บริษัทผลิตนาฬิกาใช้เทคโนโลยีใหม่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอยู่ในจุดที่ Oris ได้ใช้เฟืองคานโยกเอสเคปเมนท์แบบเข็ม (pin-lever escapement - Roskopf escapement) ซึ่งมีความเที่ยงตรงน้อยกว่าการใช้เฟืองคานโยกเอสเคปเมนท์ (lever escapements) ที่คู่แข่งของโอริสใช้ ซึ่งเขาได้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาก่อนที่กฎหมายฉบับนี้ผ่านการบังคับใช้
อย่างไรก็ดี ในปี 1945 Oris ได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นที่หนึ่งด้านกลไกแบบเฟืองเข็มคานโยก (pin-lever movement) จากกว่า 200 กลไก โดย สถาบันการควบคุมการผลิตนาฬิกา (Bureau Officiel de Contrôle de la Marche des Montres) ณ เมืองเลอโลค (Le Locle) ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ากลไกแบบเฟืองเข็มคานโยก (pin-lever movement) นั้นก็มีความเที่ยงตรงเช่นเดียวกับเฟืองคานโยกเอสเคปเมนท์ทั่วไป
ปี 1956 Oscar Herzog ผู้จัดการทั่วไปของ Oris ได้ว่าจ้างทนายความ Dr Rolf Portmann เพื่อเรียกร้องต่อสหพันธรัฐสวิส ให้มีการยกเลิก Watch Statute ที่ทำให้ Oris ไม่สามารถใช้เฟืองคานโยกเอสเคปเมนท์ (lever escapements) ในนาฬิกาของ Oris ได้ เขาใช้เวลาถึง 10 ปี จนกระทั่งปี 1966 เขาจึงประสบความสำเร็จ ได้รับการยกย่องในประวัติศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาสวิส
ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 Oris ได้กลายเป็นหนึ่งในสิบของบริษัทนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.2 ล้านเรือนต่อปี
แต่ในช่วงต้นยุค 1970s ได้เกิดภาวะการหยุดชะงักของอุตสาหกรรมนาฬิกาจักรกลสวิส เนื่องจากการเข้ามาตีตลาดของนาฬิกาควอทซ์ ( watch crisis ) Oris เป็นหนึ่งในบริษัทนาฬิกาสวิสที่ต้องประสบปัญหานั้น การผลิตนาฬิกาลดลงอย่างมาก จนต้องปรับลดพนักงานที่เคยมีถึงกว่า 900 คน เหลือเพียง 20 กว่าคน และถูกให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ASUAG ( ที่ต่อมาคือ Swatch Group ) เพื่อความอยู่รอดของบริษัท
จนถึงปี 1982 Dr Rolf Portmann และ Ulrich W. Herzog ได้เข้าซื้อกิจการ Oris คืนจาก ASUAG หลังจากนั้นไม่นาน ได้จดทะเบียนบริษัทในนาม Oris SA และในปี 1984 Oris ได้เริ่มนำรุ่น Big Crown กลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง
นาฬิกาผลิตในช่วงกลาง – ปลาย ยุค 1970 อายุประมาณ 40 ปี
สภาพโดยรวมยังอยู่ในสภาพดี มีร่องรอยจากการใช้งานทั่วไปและตามอายุบ้าง
โครมเงินยังสวยเงางาม นาฬิกาเดินดีการใช้งานเป็นปกติ
พร้อมสายหนังวัวแท้เส้นใหม่ของ Hirsch Austria พร้อมสวมใส่ใช้งาน
นาฬิกาสภาพเดิมแท้ทั้งเรือน มาจากสวิสเซอร์แลนด์โดยตรง
ขอเสนอในราคาเพียง 2,200 บาท รวมส่งแล้วเท่านั้น