แนะนำแอมป์สุดโปรดก่อนครับ woo wa8 eclipse เป็นdac/amp ที่ให้เสียงคาแรกเตอร์แบบหลอดที่ให้เสียงละมุน อุ่น และหวานจนมดขึ้นเลยทีเดียวครับ

ภาพ-http://www.headphonebar.com/woo-audio-wa8/

รีวิวสั้นจังครับ
.
.
.
.
.



อ๋อ  ยังไม่เสร็จ   อิอิ

บอกก่อนเลยครับว่า ether นี่ตอนแรกไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำครับ(เพราะมันอยู่สูงสุดบนชั้นเลยมองไม่ค่อยเห็น ครั้นจะเรียกพี่หลุยส์หยิบให้ก็เกรงใจกลัวโดนเสยคางวิญญาณออกจากร่างครับ แต่วันนี้ที่ได้ลองเพราะถือคติด้านได้ อายอด) พอได้มาก็ไม่รีรอวิ่งเอาหูฟังออกจากร้านขโมยกลับบ้าน อ้าวไม่ใช่ครับ555 รีบต่อกับแอมป์เปิดเพลงทันที โดยเสียงที่ได้เป็นดังนี้ครับ

คราวนี้มาดูหูฟังตัวโปรดของผมบ้างครับ hifiman edition x v2 ตัวนี้แต่ก่อนก็ไม่เหลียวแลเหมือนกันครับ แต่พอช่วงหลังเปลี่ยนมาฟังช่วงเสียงร้องต้องรีบซื้อดอกไม้มาง้อทันทีครับ เอ๊ะไม่น่าใช่แล้ว เสียงเป็นยังไงมาดูกันดีกว่าครับ

ต่อจากนี้จะขอรีวิวไปทีละเพลงเลยนะครับ อย่างที่บอกว่าฟังแต่ anisong เพลงที่ทดสอบก็เลยมีค่อนข้างจำกัดครับ เริ่มจากเพลง wishing จากเรื่อง rezero บอกเลยครับว่าเพลงนี้เรื่องมากเรื่องหูฟังสุดๆ(หรือเราเรื่องมากเองหว่า) เริ่มเพลงมาจะมีเสียงเปียโนก่อนซึ่งหูฟังทั้งคู่ทำในจุดนี้ได้ดีมากครับ ต่อมาจะมีเสียงย่านเบสมาปะทะเห็นได้ชัดว่า ether ทำในจุดนี้ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่กลับ edition x นั้นให้แรงปะทะของเบสที่แน่น อีกทั้งเบสยังลงได้ลึก แต่ช็อตสำคัญที่ผมใช้ตัดสินว่าหูฟังตัวนี้ผ่านเกณฑ์หรือไม่อยู่ที่ช่วง 4 นาที 35 วินาทีครับ เท่าที่เคยลองมาหูฟังรุ่นล่างถึงกลางส่วนใหญ่ถ้าเสียงไม่แห้งผาก ก็อิ่ม หนาจนมิติมัวและกดทับไปหมดครับ แต่สำหรับ ether นั้นแม้จะไม่ให้เสียงร้องที่หนา อิ่มมากแต่ยังคงให้เสียงที่มีความละมุนหูไม่แห้งเลยครับ ส่วนedition x นี่ให้เสียงที่มีความอิ่ม หนา และหวานมากๆครับกับเพลงนี้
ฉะนั้นส่วนตัวสำหรับเพลงนี้ต้องยกให้edition x เลยครับ

เพลง Yozora wa Nandemo Shitteru no？ผมว่าทั้งสองตัวทำได้ดีทั้งคู่ครับแต่จะให้โทนเสียงที่ต่างกันตรงที่ ether จะให้เสียงที่เป็น
กลาง แต่ยังคงให้ความละมุนในเสียงร้องตั้งแต่เริ่มเพลง ส่วน edition x ให้เสียงที่อุ่น หนากว่า และหวาน เพลงนี้ตัดสินใจยากมากครับเพราะดีทั้งคู่เลยให้เสมอ

ต่อมาเป็นอัลบัม anison stringsครับ ผลที่ได้ออกมาคือ ether ให้เสียงที่โปร่งโล่งฟังสบาย ได้ยินถึงการสีของเครื่องดนตรีอย่างชัดเจน
ในขณะที่ edition x ให้เสียงที่ค่อนข้างหนาไปหน่อยจึงรู้สึกได้ถึงความหน่วงในการบรรเลงชิ้นดนตรี ฉะนั้นเพลงนี้ให้ ether ชนะไปครับ

ปิดท้ายด้วยเพลง hires เพลงแรกในชีวิตผมครับ snow halation ในส่วนของedition x นั้นทำเสียงร้องของเพลงนี้ให้อุ่นไปเลยทีเดียวอาจจะทำให้ไม่เหมาะกับคาแรคเตอร์ของเพลงที่ต้องการโทนเย็น ดั่งชื่อ snow แต่ต้องยอมรับว่าดึงรายละเอียดของเพลงได้คอนข้างดี
ส่วน ether ที่ให้เสียงค่อนข้างเป็นกลางนั้นสามารถแสดงศักยภาพของเพลงนี้ได้อย่างเต็มที่ทีเดียวครับทั้งรายละเอียดการไล่เสียงเครื่องดนตรีวนจากซ้ายไปขวา ดีเทลที่ให้นั้นไหลเนียนตลอดไม่ขาดสาย โดยอีกจุดเด่นนั้นคือช่วง 3 นาที 10 วินาที แค่ฟังก็แทบจะขนลุกทันที
(เพราะกำลังหนาวอยู่พอดีครับ555)คิดถึงฉากนี้ในอนิเมะทันทีเลย เสียงร้องที่ให้น่าสะพรึงและอลังการยากยิ่งจะหาหูฟังfull size ตัวอื่นมาเทียบกันได้

ก็เอาไว้เท่านี้กันก่อนนะครับถ้าวันหลังมี้เวลาว่างจะมา update ให้อีกทีครับ ความจริงลองไป10กว่าเพลงแต่ถ้าวันนี้เขียนหมดมีหวังคืนนี้ผมไม่ได้นอนแน่ๆครับ555

Very Visit เลยครับ  ^^

รีวิวได้เฮฮา น่าอ่านดีครับ

ไว้มารีวิวบ่อยๆนะครับ

"ก็เอาไว้เท่านี้กันก่อนนะครับถ้าวันหลังมี้เวลาว่างจะมา update ให้อีกทีครับ ความจริงลองไป10กว่าเพลงแต่ถ้าวันนี้เขียนหมดมีหวังคืนนี้ผมไม่ได้นอนแน่ๆครับ555"

อ้าว ช่วงนี้เห็นว่างทุกวันไม่ใช่หรือครับ ไปสิงอยู่ร้านเรือธงทุกวัน 555

รีวิวได้เยี่ยมครับ ผมอยากให้ editionx ทำแบบปิดหูมาให้เหมือน el8 มากครับ ไว้ฟังนอกสถานที่ 

รีวิวดีครับ

แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผม  ลดพวกคำอุทาน  และคำที่พูดเล่นพวกที่พิมพ์ในวงเล็บไปบ้างก็ดีนะครับ

บางทีมันเยอะไป

เพิ่มเติม

มา  Update คราวหน้าช่วย รีวิว เกี่ยวกับ Build Quality

กับเรื่อง ความสบายในการสวมใส่ด้วย จะดีมากครับ

อ่านแล้วรับรู้ได้ถึง การถ่ายทอดพลังกันมาเป็นอย่างดี555

ขอบคุณสมาชิกบอร์ดที่เข้ามาอ่าน และติชมกันเป็นอย่างมากนะครับ ไว้วันหลังจะเขียนให้ดีขึ้นกว่านี้อีกครับ

 ขนาด ether ยังขนาดนี้ ether flow มันจะไปได้ไกล เยี่ยมครับ

รีวิวอ่านสนุกดีครับ ชอบๆ

สองตัวนี้ถ้าเอาแค่รูปร่างมันคือที่ 1 ในใจผมเลย

แต่ถ้าจะให้ดี ขอ Ether Flow เป็นลายแถบแดงเหมือนตัว Ether จะดีมาก

ได้ลองต่อกับ A25 ไหมครับ อยากรู้ว่าสองตัวนี้ต่อ dap พกพาเสียงเป็นอย่างไรครับ

ปล. ชอบการรีวิวของน้องครับ อ่านแล้วเหมือนกำลังนั่งฟังเองเลยทีเดียว ออกรีวิวมาเรื่อยๆนะครับจะรออ่าน

ขอบคุณสำหรับผลงานครับ หารีวิวยากทั้งคู่ มีออกมาซะที :)

update
comfort
ether-แรงกดของหูฟังมีปริมาณค่อนข้างน้อยโดยจะกดบริเวณตรงกลางทางด้านหน้าของแพดหูฟัง บริเวณกระดูกใต้ตาเยื้องไปทางใบหู

edition x v2-แรงกดปริมาณมากกว่า ether โดยกดบริเวณด้านบนของแพด ทำให้รู้สึกกดทับบริเวณขมับแต่โดยรวมแล้วทั้งคู่เป็นหูฟังที่ใส่สบาย สามารถใส่ติดต่อกันได้หลายชั่วโมงครับ

build quality
ether-น้ำหนักหูฟัง 370 g ตัวโครงบริเวณตะแกรงทำจากโลหะ ขอบสีแดงที่เป็นตัวบอดี้พี่หลุยส์บอกว่าเป็นโลหะชนิดพิเศษครับแต่ไม่รู้เรียกว่าอะไรผมหาก็ไม่มีใครพูดถึงเลย ขอบสีดำข้างหูฟังเป็นโลหะเช่นกัน headband ยังไม่นุ่มเท่า edition x v2 ตัวโครง headband ด้านบนมีเพียงลวดโลหะตรึงไว้สองเส้น แต่เป็นโลหะที่มีความยืดหยุ่นสูงเป็นพิเศษ สามารถนำมาใสนอนฟังได้แน่นอนครับ ยกเว้นว่าตอนขึ้นเตียงจะตีลังกา 18 ตลบ ถ้าอันนั้นคงได้กลับไปเสียตังให้ร้านมั่นคงอีกรอบครับ กลับมานอกจากกระเป๋าตังแฟบแล้วกบาลอาจแยกเพราะถูกจับได้555 

edition x v2-น้ำหนักหูฟัง 399 g วัสดุประกอบโดยรวมดูทนทานกว่าether พอสมควรตัวโครงทำจากโลหะทั้งหมด headband ที่รองหัวนุ่มกว่า ether มาก และโครง headband ข้างบนเป็นเหล็กที่มีความคงทนสูงเลยทีเดียว แพดของหูฟังหนากว่า etherครับ

update เพลงที่ใช้รีวิวเพิ่มเติมครับคราวนี้ลองเพลง classic กันบ้างครับ ผมใช้บทประพันธ์ violin sonata no.9 รู้จักในนาม Kreutzer sonata ของ Beethoven เป็นเพลงที่ใช้ประกอบอนิเมะเรื่อง shigatsu wa kimi no uso โดยเมื่อทดสอบก็ได้ผลดังนี้

ether-ให้เสียงไวโอลินที่โปร่งฟังสบาย เหมาะกับเพลงคลาสสิกเป็นอย่างมาก แต่ต้องเร่งเสียงในระดับที่ดังพอควรไม่งั้นอาจสัมผัสถึงเสียงของไวโอลินได้ยากซักเล็กน้อย

edition x v2-เมื่อเริ่มบรรเลงก็สามารถสัมผัสถึงไดนามิกของทั้งเปียโนที่เล่นคู่กับไวโอลินได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เรื่องของความโปร่งของชิ้นดนตรียังเป็นรอง ether อย่างชัดเจน

สรุปแล้วก็คงขึ้นอยู่กับว่าผู้ฟังแต่ละท่านชอบเอกลักษณ์ของเสียงการบรรเลงแบบใด เพราะหูฟังทั้งสองให้เอกลักษณ์ของเสียงชิ้นดนตรีที่ต่างกัน ฉะนั้นเพลงนี้เสมอครับ

เพลงต่อมาเป็นเพลงที่เพิ่งรู้จัก แต่ชอบมากจึงนำเป็นเพลงที่ใช้ทดสอบด้วยครับ คือ เพลง zero tokei จากเรื่อง Norn9:Norn+Nornette

ether-เสียงเครื่องดนตรีเริ่มเพลงทำได้เป็นธรรมชาติมากกว่า edtion x เมื่อได้ยินเสียงร้อง แล้วรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่ง หากฟังเพียงช่วงครู่เดียวอาจรู้สึกไพเราะมาก แต่เมื่อถึงท่อนฮุคกลับประทับใจน้อยกว่า edition x 

edition x-เสียงเปียโนและเครื่องสายต่างๆทำได้ค่อนข้างไหลเนียนดีทีเดียว ตามมาด้วยเสียงร้อง และฉาบที่ตีเป็นพื้นหลังอยู่ทางซ้าย มิติทำได้ชัดเจน เมื่อถึงท่อนฮุคก็ทำเสียงร้องได้อย่างน่าตะลึงจนขาเก้าอี้ที่นั่งอยู่แทบหักเกือบต้องชดใช้ให้ร้าน555 เพราะเสียงนักร้องช่างหวานและอิ่มเนียน อีกทั้งยังได้ยินรายละเอียดของเครื่องดนตรีต่างๆอย่างชัดเจน

ดังนั้นเพลงนี้เลยตัดสินใจได้ไม่ยากว่าชอบเสียงแบบ edition x v2 มากกว่าครับ

อีกเพลงที่เพิ่งรู้จักครับ แต่ได้รับการเสนอชื่อเข้ามาเป็นตัวเลือกในการรีวิวคือ เพลงGiraffe Blues จากเรื่อง macross delta

ether-เสียงรายละเอียดต่างๆทำได้ดีจนน่าตกใจ เสียงร้องอาจฟังดูบางๆในตอนแรก แต่เมื่อผ่านไปซักพักกลับแสดงเสียงนักร้องได้อย่างทรงพลังขึ้นมาทันทีจนนึกว่าคนละเพลงกันเลยทีเดียวครับ

edition x v2-เสียงนักร้องที่ได้ยินในตอนแรกเป็นเสียงร้องอันแผ่วเบาที่ปล่อยออกมาจากลำคอ แต่เมื่อถึงท่อนสำคัญที่ต้องร้องออกมาด้วยเสียงอันทรงพลัง หูฟังตัวนี้ก็ได้ถ่ายทอดเสียงเหล่านั้นออกมาอย่างเต็มที่

เพลงนี้ก็ตัดสินใจเลือกไม่ได้อีกแล้วครับว่าชอบตัวไหนมากกว่ากัน T_T

ขอพี่หลุยส์หยิบ he1000 มาให้ลอง จะบรรเทิงมากกว่านี้ครีบ

เจ้าของมู้ยังอยู่มั้ยครับ

ขอนอกเรื่องถามหน่อย  เห็นชอบฟัง อนิซอง

พอดีผมเห็นมีแผ่น Audio OST Anime เรื่อง Your's name ขาย ที่ B2S  อยากให้รองรีวิวอัลบั้มนี้หน่อยครับว่าดียังไงมั้ย (เพราะผมไม่เคยดูอนิเมะเรื่องนี้)

ถ้ามีโอกาสได้รีวิวกับหูสองตัวนี้จะดีมาก  ขอบคุณครับ