Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

สอบถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไปครับ

ต้นกล้า

05/11/2009 22:48:52
คือผมก็ชื่นชอบการฟังเพลงมานานแล้วนะคัรบ แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลยอะครับ เกี่ยวกับลำโพง หรือ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ทราบว่ามีเว็ปให้ความรู้ไหมครับผม อยากถามว่า รีซีฟเวอร์คืออะไรไว้ทำอะไร ดอกลำโพงคืออะไรไว้ทำอะไร DACคืออะไรไว้ทำอะไร

อยากรู้หลายเรื่องมากครับผม ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่เสียสละเวลาเข้ามาตอบนะครับ ถ้าเป็นกระทู้รบกวนต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

แล้วอยากถามเรื่องพวก แอมป์ ปรีแอมป์ มันคืออะรไรหรอครับ

พอดีเซิสในกูเกิ้ลไม่มีเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

PlanaRIA

06/11/2009 10:10:14
117
ถ้าพื้นฐาน สามารถหาอ่านได้จากเวป Thaidvd.net ได้ครัยบ มีคนเข้าไปโพสท์ถามปัญหาแนวนี้ไว้เยอะทีเดียว

ถ้าจะเอาละเอียด หาอ่านได้จากเวปเครื่องเสียงออดิโอไฟล์แท้ๆ พวก www.audio-teams.com หรือ www.wijitboonchoo.com ได้ครับ

อันนี้เป็นการทำงานของลำโพงครับ
http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/physics2/speaker/speaker.htm

ส่วนอันอื่นก็ (คร่าวๆ นะครับ)
Pre Amplifier คือภาคขยายเสียงเบื้องต้นที่ทำการขยายสัญญาณจากแหล่งที่มีเกนขยายต่ำ (เช่นพวกเครื่องเล่นแผ่นเสียง) หรือแหล่งอื่นๆ (เช่นพวกเครื่องเล่นซีดี ซึ่งมีเกนขยายสูงอยู่แล้ว) + ภาคโทนคอนโทลที่ใช้ในการปรับแต่งเสียง เพิ่งลดความดัง ปรับแต่งเสียงบางย่านความถี่ (เช่นความถี่ต่ำ ความถี่สูง เป็นต้น) Pre Amp นี่เอาไปต่อกับลำโพงตรงๆ เลยไม่ได้นะครับ เพราะมีกำลังขยายไม่พอ

Power Amplier คือภาคขยายหลักครับ มีหน้าที่ขยายสัญญาณที่มาจากปรีแอมป์ให้มีกำลังขยายสูงพอที่จะทำให้ลำโพงมีเสียงไงล่ะครับ Power Amp จะไม่มีปุ่มปรับความดัง หรือปุ่มเลือกแหล่งโปรแกรมนะครับ(มีแค่ปุ่มเปิดเท่านั้นแหละ) ทำให้ไม่นิยมให้เอาไปต่อกับแหล่งโปรแกรมโดยตรงโดยไม่ผ่านปรีแอมป์ (เพราะไม่มีปุ่มปรับความดัง เปิดมาก็ดังสุดเลย ถ้าแหล่งโปรแกรมพวกเครื่องเล่นซีดีไม่มีปุ่มปรับความดังในตัว เปิดมาอาจดังบ้านแตก ลำโพงพังไปเลยนะครับ)

Integrated Amp คือแอมป์ที่มีภาค Pre Amp + tone Control + Power Amp อยู่ในตัวถังเดียวกันครับ ได้ข้อดีตรงประหยัด ได้มาตัวเดียวครบ ไม่ต้องหาสายมาต่อ ไม่ต้องกลัวเรื่องภาคปรีกับเพาเวอร์จะเข้ากันไม่ได้ แต่เสียตรงจะเปลี่ยนภาคใดภาคหนึ่งที่หลังไม่ได้ ใช้หม้อแปลงร่วมกันทำให้ดึงกำลังหม้อแปลง และอาจมีการกวนกันของแต่ละภาคมากกว่า - แต่ยังไงเสีย ปัจจุบันแอมป์ประเภทนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นนะครับ เนื่องจากประหยัดเนื่อที่การวางและใช้ง่ายด้วย

Receiver คือ Integrated Amp ที่มีภาค Tuner (ภาครับวิทยุ) ในตัวครับ

AVR Audio Video Receiver คือ Receiver ทีมีภาคขยายหลายแชนแนลในตัวเดียว(มีอย่างน้อย 5 แชนแนล ในขณะที่เพาเวอร์แอมป์ฟังเพลงมีแค่ 2 แชนแนลเท่านั้น) + ภาคถอดรหัสเสียงรอบทิศทาง + ภาคสังเคราะห์สนามเสียง(DSP) + ภาคอื่นๆ เท่าที่ผู้ผลิตจะนึกออกและจับยัดเข้าไป เช่นพวก HDMI วงจรเชื่อมต่อ USB เป็นต้น ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เป็นแอมป์สารพัดประโยชน์ที่ทำได้ทุกอย่าง แต่เนื่องจากทำได้ทุกอย่าง จึงเอาดีไม่ได้สักอย่าง ยกเว้นเรื่องดูหนังเท่านั้น ถ้าเทียบกับอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะทาง เช่นเอามาฟังเพลง สู้แอมป์ฟังเพลงแท้ๆ ไม่ได้ เนื่องจากหม้อแปลงตัวเดียวจ่ายมันทุกภาค (แถมหม้อแปลงตัวเล็กกว่าเพาวเวอร์แอมป์ฟังเพลงบางตัวอีก -*-) สารพัดวงจรที่อัดแน่นเอี้ยดในตัวถังเดียว ทำให้แย่งไฟกันบ้าง กวนกันบ้าง ที่สำคัญคือราคาเท่ากับแอมป์ฟังเพลง แต่ทำได้ทุกอย่าง มีสารพัดวงจรในตัว (ในขณะที่แอมป์ฟังเพลงใช้แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ในตัวมีแค่ภาคปรี โทนคอนโทรลกับเพาเวอร์) ทำให้ต้นทุนอุปกรณ์วัสดุที่เอามาใช้ถูกว่า(สรุปคือใช้ของห่วยกว่า ในราคาเท่ากันแหละครับ)

ส่วน DAC คือตัวแปลงข้อมูลดิจิตอลไปเป็นอนาลอคครับ

ยกตัวอย่างการทำงานของเครื่องเล่นซีดี หัวอ่านจะอ่านข้อมูลดิจิตอลจากแผ่นซีดี (ออกมาเป็นเลขฐานสอง) ข้อมูลที่ถูกอ่านออกมาจะมาผ่าน DAC(Digital to Analog Converter) นี่ละครับ เพื่อแปลงให้เป็นสัญญาณอนาลอค (คือสัญญาณเสียงปกติที่เราได้ยินกัน) จากนั้นสัญญาณที่ได้จะไปผ่านภาคดิจิตอลฟิลเตอร์ เพื่อเกลี่ยสัญญาณให้เป็นรูป sinewave สวยงาม (อิอิ) คือภาคนี้มันจะกรองข้อมูลขยะที่เกิดจากการแปลงข้อมูลอีกทีน่ะครับ เพื่อที่สัญญาณจะได้ใหกล้เคียงต้นฉบับที่สุด จากนั้น สัญญาณก็จะไปผ่านภาคขยายเบื้องต้น (ที่ชาว Gadget รู้จักกันดี มันคือ Opamp นั่นเอง) เพื่อขยายสัญญาณให้มีกำลังมากพอที่จะส่งต่อไปยังเครื่องขยายอื่นต่อไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"สอบถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆไปครับ"