Guest
หมวดหมู่ >

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ขายน้ำหอมใช้เองคะ (มีของใหม่มาเพิ่มเยอะเลยคะ)

tamamajung

29/11/2016 17:21:37
0
IP : 58.10.65.176
น้ำหอมทุกตัวเป็นของแท้100% (นัดเจอที่ห้างเพื่อตรวจเช็คได้คะ ไม่แท้คืนเงิน10เท่าคะ)

**น้ำหอมที่หนูลงขายหรือแบ่งใส่ขวดสเปรย์ขาย รับประกันว่าแทบทุกตัวคัดมาจากน้ำหอมที่ติดอันดับTop จากหลายๆผลโหวตมาแล้วนะคะ รับประกันว่าหอมทุกตัว อยู่ที่ว่าลูกค้าชื่นชอบกลิ่นแนวไหนหรือนำไปใช้ในสถานการณ์ไหนๆคะ**

**น้ำหอมทุกตัวสามารถสั่งแบบขวดแบ่งได้นะคะ เผื่อคนที่อยากลองหลายๆกลิ่น หรือยากลองก่อนซื้อขวดใหญ่ หรือใช้สำหรับบางวัน บางโอกาส**
ปล.ตัวที่ไม่มีในนี้ ก็ลองสอบถามมาได้นะคะ หนูมีอีกหลายตัวแต่ไม่ได้ลงไว่้คะ

โทร 080-6295928
Line ID >> kusuma_kk



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

***ด่วนนะคะ จากเคาน์เตอร์ มีจำนวนจำกัดคะ!!!***

ตอนนี้มี Creed ขวดใหญ่สุดขนาด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75-80% (ประมาณ 90-100ml) ขายขวดละ 3,800
>> รีวิวสามารถเลื่อนดูข้างล่างได้เลยนะคะ หนูลงไว้ทุกตัวให้แล้วคะ












รุ่นที่มีตามนี้เลยนะคะ

Millesime Imperial
Himalaya
Silver mountain water
Green Irish Tweed
Virgin Island Water
Original Vetiver
Royal water
Tabarome Millesime
Love in Black
Love in white

**ยกเว้น 2ตัวนี้ Silver mountain water กับ Green Irish Tweed  ขวดใหญ่สุดขนาด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือ 80% (ประมาณ100ml) 4,600฿ **


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Amouage





Amouage เป็นผู้ผลิตน้ำหอมที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มหรือน้ำหอมประเภท Niche ครับ ก่อตั้งขึ้นมือ ปี ค.ศ. ๑๙๘๓ โดยสุลต่าน Sayyid Hamad bin Hamoud al bu Said แห่ง Oman ผู้ทรงมีดำริที่จะบูรณะศาสตร์โบราณของอาหรับในการผลิตน้ำหอมให้เฟื่องฟูอีกครั้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง  ประธานาธิบดีปูตินและองค์สุลต่านของประเทศโอมานทรงใช้น้ำหอม Amouage ด้วย  ถือว่า Amouage เป็นโรงพระสุคนธ์ในพระราชูปถัมภ์ขององค์สุลต่านแห่งประเทศ Oman อย่างแท้จริงครับ (จะมีตรามงกฎอยู่บนฝาขวดน้ำหอมครับ)

Amouage ใช้ส่วนผสมดั่งเดิมในการสร้างสรรค์น้ำหอมแบบอาหรับ โดยประเทศโอมานเป็นประเทศที่ผลิตยางไม้ Frankincense ดีที่สุดในโลก โดย Amouage ได้ใช้ส่วนผสมของยางไม้ Frankincense ระดับเดียวกันกับที่ใช้เผาสร้างกลิ่นในพระราชวังครับ อาทิ ไม้กฤษณา ธูปหอม มัสค์ ดอกกุหลาบ และเครื่องเทศ  ทั้งนี้นอกจาก ยางไม้ Frankincense แล้ว Amouage ยังแสะหาส่วนผสมน้ำหอมที่ดีที่สุดจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้น้ำหอมของ Amouage โดดเด่น มีเอกลักษณ์ ชวนย้อนรำลึกถึงอดีต แต่ผู้สร้างสรรค์กลิ่นต่างๆคือ คุณ Christopher Chong ที่เป็น Creative Director ของ Amouage ร่วมกับ นักปรุงน้ำหอมระดับโลกจากกรุง Paris และเมือง Grasse ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
 
น้ำหอม Amouage เป็นน้ำหอม Niche ที่เจาะตลาดสูงและใช้วัตถุดิบส่วนผสมที่ดีที่สุด ราคาจึงแพงมาก แต่ก็ใช้ได้นานมากเช่นกัน เพราะใช้แค่ครั้งละ 1 - 2 สเปรย์ ก็พอสำหรับทั้งวันแล้ว เนื่องจากมีความเข้มข้นมาก


>>> หนูมี 13 กลิ่นให้เลือกนะคะ แต่มีอย่างละ 2-3 หลอดเท่านั้นนะคะ หมดแล้วหมดเลย <<<

** ส่วนขวดจริงที่หนูมี ที่สามารถแบ่งใส่ขวดได้จะมี Reflection man / Honour man / Memoir man / Sunshine man / Epic Woman / Opus X / Opus V  >>>  แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 470฿ และ 10ml 900฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

1. Epic man EDP หมด
2. Honour man EDP (ราคาเต็ม 7,400) มีแบบแบ่ง 5 ml
3. Memoir man EDP (ราคาเต็ม 6,750)
4. Jubilation xxv man EDP หมด
5. Reflection man EDP (ราคาเต็ม 7,400)
6. Sunshine man EDP (ราคาเต็ม 13,910)
7. Interlude man EDP
8. Gold man EDP (ราคาเต็ม 9,000)
9. Dia man EDP (ราคาเต็ม 7,750)
10. Myths man EDP ตัวใหม่เพิ่งออกปี 2016 (ราคาเต็ม 7,400)
11. Lyric man EDP (ราคาเต็ม 6,750)
12. Library collection opus II EDP (ราคาเต็ม 9,500)
13. Library collection opus X EDP (ราคาเต็ม 9,500)
14. Library collection opus V EDP (ราคาเต็ม 9,500)

หลอดแบบเสปรย์ขนาด 2.5ml พร้อมการ์ดจากAmouage (ขนาดจะใหญ่กว่าหลอดสเปรย์ Creed นะคะ) ราคา 220฿



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


2. Honour man EDP  (เป็น 1ใน4 น้ำหอมที่เป็นกลิ่นประจำตัวของพี่เข็มขัดสั้น)





- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 490฿ และ 10ml 900฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Amouage-Epic-Man-6537.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/05/review-amouage-honour-man.html


 My Knight of Dignity พร้อมสำหรับการ Review แล้ว เพราะนี้คือหนึ่งใน 4 น้ำหอมที่เป็นอัศวินด้านกลิ่นประจำตัวของเข็มขัดสั้นเลย ด้วยฝีมือของแบรนด์น้ำหอม Niche กับความหรูหรามีระดับที่สุลต่านโอมานเป็นเจ้าของแบรนด์นี้ กับแรงบันดาลใจในการสรรสร้างน้ำหอมตัวนี้จากเรื่อง “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” เช่นนั้น Honour Man จะเป็นอย่างไร มาดมกันดีกว่า

สิ่งหนึ่งในการเทสและใช้ตัวนี้ ภาพในหัวจะบอกอย่างชัดเจนถึงความเป็นผู้ชายที่หนักแน่นและมั่นคงกับกลิ่นอายที่มาในโทน Woody Spicy ที่จัดเต็มอย่างแข็งขันมาก เพราะเปิดต้นกลิ่นมาเต็มเลยทีเดียวกับความเป็นพริกไทย 2 ประเภทที่มีทั้งความสดชื่นจากพริกไทย และความหวานติดฟรุตตี้จางๆ ของพริกไทยสีชมพู มีกลิ่นอายของซิตรัสแทรกจางๆ แต่ไม่สามารถลดทอนความแน่นและกระจายของพริกไทยทั้ง 2 ตัวได้ กลิ่นจะ Spicy แน่นเลยทีเดียว เพียงแต่ออกแนวโปร่งจมูกตามสไตล์ของความเป็นพริกไทย เนื้อกลิ่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นโทนไม้หอมที่รองพื้นอยู่ด้านหลัง เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายพริกไทยยังคงปล่อยของอยู่ แต่จะมีกลิ่นอายของลูกจันทน์เทศมาเพิ่มความเป็น Spicy และมีกลิ่นของดอกเจอเรเนียมที่มาให้ความหอมแบบมีชั้นเชิงติดโทนสดชื่นกลั้วด้วยยางไม้ที่ติดโทนเขียวสะอาดมาเสริมให้กลิ่นยังมีความแน่นสดชื่น ดันให้กลิ่นพริกไทยที่ตามมาจากตอนต้นกลิ่นมีระดับมากขึ้น ที่สำคัญกลิ่นโทนไม้หอมจะเริ่มปล่อยของเรื่อยๆ ในช่วงนี้ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้ายเต็มตัวกับการเป็นกลิ่นอายแบบธูปหอมกลั้วไม้ซีดาร์ที่ให้ความขรึมและขลัง โดยเสริมความ Smoky ให้เนื้อกลิ่นด้วยหญ้าแฝกและมีความครีมมี่บางๆ แกมอบอุ่นมาตัดทอนไม่ให้ Smoky จนขลังเกินไปอย่างถั่วตองก้าและ Musk ซึ่งพริกไทยยังคงอยู่ไม่หนีไปไหนแต่จะกลายเป็นตัวสนับสนุนกลิ่นโทนธูปหอมแทนได้น่าดูชมคงความรู้สึกที่บอกถึงความหนักแน่น รวมถึงความมีภูมิน่าเชื่อถือและอบอุ่นแบบผู้ชายคนนึงที่มีความมั่นคงในความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจน

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นบอกถึงความหนักแน่นและความน่าเชื่อถือ สร้างความภูมิฐานที่เอื้อกับสถานการณ์ที่เป็นงานทางการ หรือทำงาน Office มากเลยทีเดียว ซึ่งเอาเข้าจริงๆ สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปได้ด้วยเช่นกัน แบบจำนวนสเปรย์เหมาะสมทั้งคู่ เพราะกลิ่นจะให้ความรู้สึกเป็นผู้ชายอบอุ่นได้ด้วย ตัดยามออกกำลังกายหรืออยู่กลางแจ้งออกไปจะดีที่สุด เพราะเดี๋ยว Spicy แน่นจนจุกเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้จัดได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไปที่แบบโรแมนติคก็ได้ แต่ถ้าจะใส่ไปเที่ยวอารมณ์อาจจะไม่ได้มาทางยั่วยวนนักก็เท่านั้นเอง

ความทน – มากกกกก 8 ชม. และมากกว่านั้นอีก เพราะแค่ 3-4 สเปรย์ ก็สามารถลากยาวให้ได้สบายแฮแล้ว ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. แบบเข้าทางมากด้วย

การกระจาย – มากมายในช่วงแรกที่เป็นพริกไทยตีคู่เด่นมาเลย ก่อนจะลดลงมากระจายดีกึ่งปานกลางในช่วงกลาง แล้วค่อยเป็นปานกลางไปเรื่อยๆ คงตัวลากยาวไปพอเกิน 8 ชม. จะเริ่มค่อยๆ ลดลงเป็นออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย – ผมรักน้ำหอมตัวนี้มากเพราะบ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ตัวเองที่ชัดเจน ที่สำคัญเป็นรุ่นที่อยู่ในโซน Lite Version ที่เข้าถึงได้ง่ายในระดับหนึ่งของ Amouage เสียด้วย เช่นนั้น คู่ควรมากกับการเป็นหนี่งในอัศวินด้านกลิ่นประจำตัวของผมบ่งบอกถึงความเข้มแข็งมั่นคงและซื่อสัตย์ความรู้สึกของตัวเองได้ชัดเจนมากครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


3. Amouage - Reflection Man




- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 490฿ และ 10ml 900฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Reflection-Man-920.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/07/review-amouage-reflection-man.html

กลับมาที่แบรนด์น้ำหอมของสุลต่านโอมานที่เรียกว่าคุณภาพจัดเต็ม มาหมดทั้งแน่น ทั้งหอมกระจาย และหรูหราขาดใจ ซึ่งจากที่เคยบอกเล่ากันถึงรุ่นกุหลาบกำยานโรแมนติคอย่าง Lyric Man งานนี้กลับมาหา Amouage ทั้งทีต้องมาที่ความหรูหราจัดจ้านเช่นเคย ซึ่งขอมาที่ตัวนี้ครับ Reflection Man

ตรงๆ ฉีดกลิ่นนี้ ความรู้สึกแรกที่ออกมาเลย คือ กลิ่นรวยมากกกกกกก มีมาครบเลยทั้งความหรูหราและมีระดับในเนื้อกลิ่น โดยมีความเป็นตะวันออกกลางอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มาเต็มจนทำให้รู้สึกเป็นแขกแบบแน่นๆ แต่ประการใด แต่เป็นราวกับผู้ดีที่มีเชื้อสายแขกขาวแบบหรูหราเสียมากกว่า โดยเปิด Top Notes ที่กลิ่นโทนสมุนไพรกลั้วกุหลาบ กลิ่นเปิดเรียกว่าแน่นในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะสมุนไพรจะมาเต็มแน่นมากโดยเฉพาะโรสแมรี่ที่จะออกทางซ่าๆ ติดเขียว โดยมีกลิ่นพริกหวานมาทำให้สดชื่นติดหวาน โดยกลิ่นกุหลาบจะมาทำให้รู้สึกนุ่มนวล เรียกว่ากลิ่นเปิดผสาน 3 ทีมกันชัดเจน คือ เขียวซ่า สดชื่นติดหวาน และนุ่มนวล ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้หลายๆ คนอาจจะนึกถึง Le Male รุ่นดังพอสมควรครับ เพราะกลิ่นให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะ Reflection Man จะออกทางกุหลาบกลั้วมะลิ ไม่ได้เป็นท้องทุ่งลาเวนเดอร์แบบ Le Male ซึ่งพอเข้า Middle Notes กลิ่นมะลิจะดันขึ้นมาแบบชัดเจนมาก ช่วงนี้จะเป็นมะลิแบบแมนๆ เลย โดยมีดอกส้มเข้ามาผสาน เรียกว่าเป็นช่วงที่ให้ความรู้สึกแบบแป้งหอมดอกไม้สีขาวแน่นๆ แมนๆ มีระดับและหรูหรามาก คือ กลิ่นมันบ่งบอกุถึงความมีคลาสและเป็นผู้ดีที่รวยเลย กลิ่นช่วงนี้จะยาวนานให้ฟินกันไปข้างนึง จนเมื่อเข้า Base Notes ก็ยังคงอยู่ แต่ผันไปเป็นฉากหลังให้รู้สึกได้ โดยดันให้โทนไม้หอมขึ้นมาเด่นแทน โดยเฉพาะไม้จันทน์หอมที่จะชัดเจนสุด โดยมีกลิ่นอายของไม้หอมอื่นๆ ผสานไปตลอด และที่ขาดไม่ได้เลยคือ พิมเสน กลิ่นอ้อยอิ่งนุ่มเย้าอย่างมีระดับคลอเคลียไปตลอด ซึ่งยังคงความมีระดับและหรูหราไม่มีผิดเพี้ยน ดังที่บอกไปข้างต้นว่า มันสร้างออร่าความเป็นผู้ดีและรวยอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป ซึ่งกลิ่นนี้ ถือเป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายและเข้าถึงง่ายตัวนึงในบรรดาน้ำหอมของ Amouage เพราะถึงแม้จะแน่น แต่ก็ไม่ได้มากจนรับไม่ได้กับอากาศบ้านเรา สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืน ยิ่งงานทางการยิ่งเข้าทางสุดๆ บ่งบอกรสนิยมว่ามีคลาสกันได้มากเลยทีเดียว ตัดเรื่องการใส่ออกกำลังกายและใส่ไปเมายาดองหรือเหล้าขาวออกไปได้เลย เพราะไม่ได้เข้าทางเลยแม้แต่นิดเดียว

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะผมเจอที่ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่เลยกับจำนวนสเปรย์เพียง 4 สเปรย์

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีเว่อร์แบบแน่นๆ หน่อยในช่วงต้น แล้วจึงลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นหรูรวยจริง อะไรจริง ซึ่งถ้าคนที่ชอบน้ำหอมโทนสดชื่นเป็นหลัก อาจจะต้องใช้เวลาศึกษาตัวนี้ในการใช้นิดนึง เพราะแบรนด์นี้แน่นทุกตัว แต่ถ้าใครสนใจ Amouage ตัวนี้เป็นตัวแรกเริ่มที่ดีที่จะมาลองน้ำหอมของแบรนด์นี้เลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


11. Amouage Lyric Man






รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Amouage-Lyric-Man-4622.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/02/review-amouage-lyric-man.html

น้ำหอมแบรนด์นี้ถือเป็นหนึ่งในใต้หล้าของความหอมแน่นและหรูหราจัดจ้านมาก เพราะเป็นแบรนด์ของสุลต่านโอมาน เน้นทำน้ำหอมออกมาแบบจัดเต็มทุกอย่าง คือไม่หวั่นเรื่องส่วนผสมที่จะแพงแค่ไหนเพราะรวยมาก ซึ่งน้ำหอมต่างๆ ก็มากันแบบแน่นจัดจ้านใส่แล้วดูมีคลาสราคาแพงสุดๆ (แต่ถ้ามากเกินไปชาวบ้านจะด่าหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง) เช่นนั้นสบโอกาสต้องจัดมารีวิวซักหน่อยกับรุ่นนี้เลยครับ Lyric Man

บอกกันกงๆ ว่า น้ำหอมตัวนี้จะมาเต็มอย่างแรงมากในความเป็นกุหลาบที่ร้อยเรียงกลิ่นออกมาเหมือนท่วงทำนองอันดื่มด่ำของกลิ่นแบบจัดเต็มเหนี่ยวมากมาย แม้ว่ากลิ่นเปิดจะมีช่วงของความเป็นซิตรัสด้วยกลิ่นมะนาวกับมะกรูดก็จริง แต่อิทธิพลของกุหลาบแดงในช่วงกลางนั้นเด่นเด้งออกมากันตั้งแต่ช่วงต้นเลยทีเดียว เพียงแต่ไม่ได้มาแบบกุหลาบแดงฉ่ำๆ แต่มาแบบแห้ง กลิ่นเลยจะหอมแน่นเต็มที่ เหมือนกุหลาบแดงแบบแห้งๆ ราดน้ำมะนาว จนเมื่อเข้าช่วงกลางเต็มๆ อิทธิพลของซิตรัสยังอยู่บางๆ แต่คราวนี้กุหลาบจะจัดหนักจัดเต็มมาก โดยมากลั้วกับกลิ่นของโสมตังกุย มีโทนบางๆ ของดอกส้มและโทนเครื่องเทศให้สัมผัสได้ แต่ไม่มีตัวไหนที่จะมาเด่นกว่ากุหลาบ เหมือนทุกตัวดันให้กลิ่นกุหลาบออกมาชัดเจนเต็มแน่นมาก บางครั้งอาจจะได้อารมณ์เหมือนได้กลิ่นดอกของต้นตีนเป็ดหรือพญาสัตบรรณที่เวลาหน้าหนาวกลิ่นจะลอยมาเลยทีเดียวเป็นวูบๆ จนเมื่อถึงช่วงท้ายๆ กลิ่นของธูปแนวๆ กำยาน และกลิ่นไม้หอมเริ่มค่อยๆ แทรกซึมมาผสมผสานกับกลิ่นแห้งๆ ของกุหลาบแดง จนเป็นกลิ่นที่ออกทางกุหลาบอวลๆ แต่เพิ่มความนวลๆ นุ่มๆ ติดแป้งเล็กๆ ด้วยกลิ่นของวานิลลาและ Musk ซึ่งภาพรวมของน้ำหอมรุ่นนี้ นอกจากที่จะมาแบบกุหลาบแดงจัดเต็มแน่นหนักแล้ว ยังแฝงไปด้วยความรู้สึกที่โรแมนติคแบบที่เห็นหนุ่มนักร้องนักเปียโนเล่นเพลงรักอยู่ท่ามกลางสวนกุหลาบสีแดง ที่ให้ความรู้สึกฟิน วาบหวาม และปลาบปลื้มอย่างไม่รู้ตัว เก๋ไหมล่ะ

เหมาะสำหรับ – แม้ว่ารุ่นนี้จะตีตราไว้ว่าเป็นของผู้ชาย แต่กลิ่นกุหลาบมันทำให้เกิดอารมณ์แบบ Unisex ได้มากเลยทีเดียว ซึ่ง Lyric Man เหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป และควรใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ หรือออกงานหรูหราสุดๆ เพราะมันจะบ่งบอกรสนิยมที่ High-End ของคนใส่อย่างมหาศาลเลยทีเดียว ซึ่งถ้าจะเอามาใส่ทำงาน ให้ลดจำนวนสเปรย์ให้น้อยไว้ก่อน ซึ่งไม่ควรเกิน 3 สเปรย์ๆ เพราะกลิ่นจะหนักมากแบบเป็นกุหลาบแดงแห้งๆ เดินได้ไปตลอดเลย เช่นนั้นจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม ก็จะทำให้เป็นกลิ่นสร้างเสน่ห์แบบพอดีๆ ได้มากครับสำหรับรุ่นนี้

ความทน – มากกกกกกกก คือ 15 ชั่วโมง กลิ่นยังคงอยู่ กับเพียง 3 สเปรย์

การกระจาย – กลิ่นกระจายหนักหน่วงมากในช่วง Top และ Middle มีในช่วง Base ที่จะกระจายปานกลางแบบกุหลาบกลั้วธูปกำยานโรแมนติค

ทิ้งท้าย – แน่นอนว่าแพงงงงงง แต่คุณภาพก็จัดหนักสมราคาสุดใจขาดดิ้นไม่ต่างกันครับ ก็ของ High-End นี่นา ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


13. Amouage Opus X





รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/The-Library-Collection-Opus-X-35679.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/07/review-amouage-library-collection-opus-x.html

ได้ยินกิตติศัพท์ของ Library Collection จาก Amouage มานานแต่ตรงๆ คือส่วนใหญ่เพียงแค่ดมๆ แล้วก็โดนลากไปที่ไลน์ปกติเสียมาก จนมาวันหนึ่งมีโอกาสได้เห็นรุ่นล่าสุดของไลน์นี้ที่เปิดตัวออกมากับ Concept ที่จะบอกกล่าวถึงเรื่องราวของ Red Violin ที่หลายๆ คนเคยได้ชมเรื่องราวนี้ผ่านจอภาพยนตร์มาแล้ว เช่นนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างต้องมาลองดมกันกับรุ่นนี้เลย Opus X

เรียกว่ามาเต็มกันเลยทีเดียวกับ Top Notes ที่ขนความเป็นกุหลาบแบบแห้งและชัดเจนมาก กลั้วด้วยกลิ่นอายของเหล็กที่ติดสนิมหรือกลิ่นอายเหล็กที่กำลังโดนตัดจนมีกลิ่นโลหะออกมา กลิ่นจะมีคาแรคเตอร์ในตัวเองสูงมากกับการสื่อสารในโทนที่ได้อารมณ์ความเป็นสีแดงกุหลาบแบบจัดจ้านและมีความดาร์กในเนื้อกลิ่นแบบให้รู้สึกได้ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางเถากุหลาบแห้งกับซุ้มเหล็กที่มีสนิมประปราย น่าค้นหา ลึกลับ และดูมีพลังกันเต็มๆ ซึ่งกลิ่นกุหลาบแห้งหนักแน่นกลั้วโลหะแบบนี้จะยิงยาวไปที่ Middle Notes กับกลิ่นอายเหล็กที่จะเริ่มชัดขึ้น จนทำให้กลิ่นบางช่วงไพล่ไปทางกลิ่นเลือด (ที่มีความเป็นกลิ่นแบบโลหะ) ผสมผสานกับกุหลาบอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้ออกทางกลิ่นคาวเลือดเพราะความเป็นเหล็กชัดเจนกว่า โดยจะมีกลิ่นอายของหนังที่มาเบรกให้มีความนุ่มลงมา แถมด้วยกลิ่นแบบแลคเกอร์เคลือบไม้ที่จะมาแบบกลางๆ ไม่ออกทางคมจัดจนบาดจมูก ความเป็นโทนสีแดงยังคงเด่นชัดจัดเจน เหมือนเดินเข้าซุ้มกุหลาบแล้วปลายทางเห็นบุคคลใส่ชุดสีแดงสดนั่งอยู่ เด่นมาแต่ไกลพร้อมกลิ่นอายที่ยังคงมีพลังที่ทำให้รู้สึกไม่อยากละการดมและสายตาออกไป แล้วเมื่อถึงช่วงเวลาส่งต่อให้กับ Base Notes ที่จะเริ่มลดทอนความเป็นกุหลาบลงไป แต่ไม่หนีหายไปไหน ยังคงลักษณะแบบกุหลาบแห้งกลั้วโลหะสีแดงอยู่ แต่จะมีกลิ่นอายของ Oud หรือกฤษณาที่จะมาแบบนวลๆ นุ่มๆ ไม่อวล กับกลิ่นอายนุ่มๆ อบอุ่นแนวๆ อำพันปลาวาฬหรือ Ambergris ที่จะมาทำให้กลิ่นมีความนวลละมุนมากขึ้น และมีโทนดอกไม้ติดหวานจางๆ อย่างกระดังงามาเสริมให้ดูเย้ายวนกำลังดีเสียด้วย กลิ่นมีความรื่นรมย์แบบดนตรีคลาสสิคผสมผสานกับความลึกลับน่าค้นหาด้วยโทนสีแดงตั้งแต่ต้นยันจบ และสื่อสารถึงความเป็น Red Violin แบบตั้งแต่เริ่มต้นยันจบ แบบนี้เลยจากภาพในหัว

~กลิ่นกุหลาบที่มีพลังสื่อสารถึงคำว่ารัก เย้ายวน น่าค้นหา และความอาลัย กลั้วความเป็นโลหะที่ติดกลิ่นเลือดที่ทาลงบน Violin แล้วเคลือบด้วยแลคเกอร์กับการระลึกถึงคนรักที่จากไป จนเมื่อได้เครื่องดนตรีชนิดนี้และลงมือเล่น จะได้ดนตรีที่ทั้งตรึงจิต รุนแรงเร้าอารมณ์ เศร้าสร้อย และนุ่มนวลตามจังหวะที่คนเล่นจะสื่อสารออกมา~

เหมาะสำหรับ - กลิ่นมีความเป็น Unisex ตามที่แบรนด์ต้องการจะสื่อเลย เพียงแต่ถ้าในความคิดของคนไทยมักจะมองว่ากุหลาบเป็นของผู้หญิงซึ่งก็ไม่ผิดแต่ประการใด กลิ่นถือว่ามีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นมาก ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ใช้แล้วเสริมคาแรคเตอร์ของตัวเองได้พอสมควร พูดง่ายๆ คือ เลือกคนใส่นั่นแล โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบไม่ได้อยู่กับอากาศร้อนจัด ใส่กับงานทางการได้บ้างแต่ต้องเลือกใส่ให้เหมาะสมที่อาจจะไม่ได้ทางการจัดๆ เกินไปนัก ในยามทั่วๆ ไป ก็สามารถใส่ได้ กลิ่นจะเสริมความน่าค้นหาและลึกลับ รวมถึงความ Strong ให้ผู้ใส่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงยามค่ำคืนที่ไม่ว่าจะงานทางการหน่อยๆ หรือการไปจิบอะไรแบบหรูๆ ก็จัดได้ ได้อารมณ์แบบคนมีของ สูงส่ง และลึกลับได้เลยทีเดียว และสุดท้ายงดใช้เลยกับการออกกำลังกายทุกประเภท ไม่เข้าทางทุกประการ

ความทน - 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ให้รับรู้ได้ เช่นนั้นแม้ผิวอาจจะไม่เอื้อ แต่ก็ลากไปได้ที่ 8 ชม. ได้ไม่ยาก

การกระจาย - กลิ่นกระจายหนักหน่วงมากในช่วงต้น เรียกว่าบาเรียกว้างเป็นเมตรกันได้ แล้วจึงลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนจะลดระดับเป็นกระจายปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ที่ยังให้อารมณ์สีแดงชัดเจนอยู่ไม่หายไปไหน

ทิ้งท้าย - นอกเหนือจากการสื่อสารถึง Red Violin ที่เป็นคอนเซปท์หลักของกลิ่นนี้อยู่แล้ว กลิ่นนี้ทำให้ผมนึกถึงลักษณะของคาแรคเตอร์แบบผู้ดีที่มีของในภาพยนตร์เรื่อง Sin City (ซี่งไม่ได้หมายถึงตัวละครใดในเรื่องนี้) ด้วยที่เวลาเราดูเราจะเห็นถึงการเล่นโทนสีแดงจัดๆ เด่นออกมา โดยที่หน้าตาอาจจะมองเห็นไม่ชัดนักว่าเขาคือใคร แต่น่าค้นหาและน่ามองซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ เพราะคาแรคเตอร์กลิ่นเด่นจัดมากจริงๆ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


5. Amouage Memoir Man





รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Memoir-Man-10145.html

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 490฿ และ 10ml 900฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

น้ำหอมผู้ชาย, แนวกลิ่น...Leather

คำบรรยายจากแบรนด์...This is a woody and leather fougere fragrance inspired by the sombre mood of an existential journey. Both alluring and philosophical, this fragrance defies conventions and moves beyond sense and reason.

Top notes : Basil, Mint, Wormwood

Middle notes : Lavender, Incense, Rose

Base notes : Sandalwood, Guaiac Wood, Oak moss, Amber, Vanille, Tobacco, Leather, Vetiver, Musk


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


6. Amouage Sunshine Man





รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Sunshine-Men-31619.html

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 490฿ และ 10ml 900฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

น้ำหอมผู้ชาย, แนวกลิ่น...Aromatic

คำบรรยายจากแบรนด์...Sunshine Man is a spicy and aromatic fragrance expressing a retro-chic interplay of freshness and sensuality.

Top notes : Brandy, Orange, Lavender, Immortelle

Middle notes : Bergamot, Juniper berries, Clary Sage

Base notes : Tonka Bean, Vanilla, Cedar


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


7. Amouage - Interlude EDP (Man)





รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Interlude-Man-15294.html

น้ำหอมผู้ชาย, แนวกลิ่น...Oriental Woody

Inspired by chaos and disorder this spicy and woody fragrance masquerades an interlude moment of harmony in its heart.

Top Notes : Bergamot, Oregano, Pepper

Middle Notes : Incense, Labdanum, Opoponax

Base Notes : Leather, Patchouli, Agarwood (Oud), Sandalwood


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


8. Amouage Gold Man





http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Amouage-Gold-pour-Homme-918.html

น้ำหอมผู้ชาย, แนวกลิ่น...Woody Floral Musk

คำบรรยายจากแบรนด์...Evoking the sophisticated lifesyle of a gentleman with disceming taste, this richly luxurious and dry chypre fragrance is reminiscent of the golden age of perfumery.

Top notes : rose hip, incense and lily-of-the-valley

Middle notes : orris root, jasmine and myrrh

Base notes : amber, sandalwood, patchouli, musk, civet, oakmoss and cedar.


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


9. Amouage Dia Man





http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Dia-pour-Homme-1110.html

น้ำหอมผู้ชาย, แนวกลิ่น...Woody Floral Musk

คำบรรยายจากแบรนด์...Elegant day wear to complement Amouage Gold, this well-rounded chypre fragrance is a fine example of tasteful subtlety.

Top notes : Cistus, Bigarade, Cardamom, Frankincense, Labdanum

Middle notes : Peony, Ylang-ylang, Orris, Plum

Base notes : Vetiver, Leather, Patchouli, Amber, Palissander


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


10. Myths man EDP ตัวใหม่เพิ่งออกปี 2016





http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/Myths-Man-38259.html

น้ำหอมผู้ชาย, แนวกลิ่น...Oriental

This is a new fragrance. Myths Man was launched in 2016.

Top notes : chrysanthemum and orris;

Middle notes : rum, rose, vetiver and elemi;

Base notes : labdanum, ash and leather.


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


12. Amouage Opus II





http://www.fragrantica.com/perfume/Amouage/The-Library-Collection-Opus-II-9920.html

น้ำหอมunisex, แนวกลิ่น... aromatic spicy

Opus II คือน้ำหอมลำดับที่ 10 ใน Library Collection ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นที่เป็นกลิ่นแบบUnisex ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายค่ะ

คำบรรยายจากแบรนด์...คำบรรยายจากแบรนด์...Bewitching, astounding and mysterious. Opus X is a multi-faceted floral and woody fragrance unveiling an oldfactive canvas of roses.

Top notes : lavender, wormwood, pink pepper and bay leaves

Middle notes :  floral aromas of jasmine and rose spiced with cinnamon and cardamom

Base notes : cedar, amber, musk, incense and patchouli.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

tamamajung

29/11/2016 17:26:43
0
IP : 58.10.65.176
TOM FORD - Tuscan Leather








http://www.fragrantica.com/perfume/Tom-Ford/Tuscan-Leather-1849.html

ถือเป็นเรือธงของ Tom Ford เป็นหนึ่งในน้ำหอมกลิ่นหนังที่ดังที่สุดกลิ่นนึง แค่สเปรย์เดียว กลิ่นแน่นและติดบนผิวเกิน 20 ช.ม.แล้วคะ

ขนาด 4ml พร้อมกล่อง 500฿


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Armaf – Club de Nuit Intense (โคลนนิ่ง TOMFORD - Noir de noir)








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 150฿ และ 10ml 300฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Armaf/Club-de-Nuit-Intense-27656.html

ตัวนี้ถูกกล่าวขานกันในโลกน้ำหอมอย่างมากว่าเป็นตัวเดียวที่ทำกลิ่นได้เหมือน  TOMFORD - Noir de Noir ที่ขวดละเกือบหมื่น หรือ เกินหมื่นถ้าเป็นขนาด100ml หลายสำนักต่างเรียกว่า โคลนนิ่ง TF Noiir de Noir เลยคะ

เพราะฉะนั้นเราไปดูรีวิวคร่าวๆของกลิ่นนี้กันเลยคะ (ขอเอารีวิวตัว TF มาลงนะคะเพราะกลิ่นคล้ายมากจริงๆ)

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/08/review-tom-ford-private-blend-noir-de.html

ได้เวลาของน้ำหอมกลิ่นลึกลับและเย้ายวนสุดช่วงตัวจากแบรนด์ของดีไซน์เนอร์หนุ่มสุดหล่ออย่าง Tom Ford ที่ราคาของรุ่นี้ เห็นแล้ว เฮือกกกกก ใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เพราะแพ๊ง แพง แต่กลิ่นนั้นสมราคาเป็นอย่างมาก เพราะลึกลับและซับซ้อนได้ใจเลยทีเดียว ที่สำคัญเป็นโซน Private Blend ที่ถือเป็น Exclusive ที่เจ้าของแบรนด์ลงมือเองเสียด้วย นั่นคือรุ่น Noir de Noir ครับ

คำจำกัดความ - กุหลาบดำส่งกลิ่นรัญจวน ราดครีมวานิลลาเจือชอคโกแลตทั่วดอก จนส่งกลิ่นลึกลับและดึงดูดแบบดาร์กเข้มข้น

ต้องบอกกว่ากลิ่นนี้มีความสามารถในการดึงดูดอารมณ์คนรอบข้างได้ดีมากเลยนะครับ เพราะลักษณะแบบ Power House ที่กระจายดีเหลือเกินและแต่ละคนที่ได้กลิ่นจะพูดว่า "กลิ่นหอมแปลก ยั่วๆ แต่แอบน่าเกรงขาม ลึกลับบอกไม่ถูก" โดยเปิดตัวด้วยกลิ่นกุหลาบดำ (กลิ่นจะออกทางเข้มพอๆ กับกุหลาบแดง แต่กลิ่นจะออกนวลๆ ติดดาร์กกว่า) ซึ่งจะมีกลิ่นหญ้าฝรั่นมาทำให้กลิ่นออกทางเข้มติดดาร์กและมีกลิ่นเครื่องเทศประปรายให้รู้สึกได้ กลิ่นจะมาเต็มมาก เลยว่าแน่นกันตั้งแต่ตอนนี้ แล้วจึงส่งต่อให้ช่วงกลางที่เป็นช่วงที่ขอมอบความงามด้านกลิ่นกุหลาบแบบลึกลับให้กันเต็มเลย เพราะกุหลาบดำจะเหมือนโดนสาดหรือราดจนเคลือบไปด้วยวานิลลากับชอคโกแลต โดยมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ติดเลี่ยนๆ ออกทางขนมหน่อยๆ ของเห็ดทรัฟเฟิลดันขึ้นมา ทำให้กลิ่นช่วงนี้จะมีเสน่ห์และเย้ายวนแบบมาเต็มเหนี่ยวมาก กลิ่นไม่ได้ออกทางหวานจัด เพราะจะอยู่ระหว่างโทนดอกไม้กับโทนขนมแบบแน่นๆ เสียมาก แต่คุมโทนสีดำชัดเจนมีความดาร์กในเนื้อกลิ่นแบบติดเครื่องเทศจางๆ เสียด้วย กลิ่นมีความซับซ้อนเลยทีเดียว จนส่งต่อให้ช่วงท้ายที่กุหลาบดำจะจางลงไปเป็นพื้นหลังส่งให้วานิลลากับพิมเสนจะมากลั้วกับโทรไม้หอมซึ่งมี Oud หรือกฤษณาเป็นตัวรองพื้นด้านหลัง กลิ่นจะรัญจวนแบบดึงดูดอย่างร้ายกาจเลย เพราะมันมีความหอมนุ่มอบอุ่นก็จริงแต่แอบติดความรู้สึกเย็นชาจางๆ ให้เกิดความน่าค้นหาอย่างมาก กลิ่นตอนนี้ความเซ็กซี่จะมาเต็มแบบมีระดับ ไม่ได้โจ่งแจ้ง ให้ความรู้สึกดึงดูดไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เข้าไปค้นหาคนใส่น้ำหอมรุ่นนี้จนได้

เหมาะสำหรับ - Unisex ครับ เรียกว่าเป็นน้ำหอมโทนลึกลับนำเด่นด้วยกุหลาบที่ครอบคลุมการใช้งานได้ทุกเพศจริงๆ สามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำกัดจำนวนสเปรย์เพราะกลิ่นหนักมาก สามารถใส่ออกทางทางการก็ได้ ทำงาน Office แอร์เย็นฉ่ำๆ ก็ได้ ชิลล์ๆ แบบใส่เสื้อผ้าชุดดำก็ได้ แต่งดใส่ออกแดดและออกกำลังกาย ฆ่าตายหมดรอบทิศเอาแทนที่จะยั่ว ส่วนยามค่ำคืนออกงานถ้าทางการก็เพิ่มจำนวนสเปรย์ตามความเหมะสม แต่ถ้าไปท่องราตรีจัดไปครับกลิ่นเซ็กซี่เย้ายวนแบบมีระดับมาก ไม่ต้องเอ่ยปากเลยว่า "มากินผมสิ" แต่จะเป็นการเอ่ยผ่านกลิ่นว่า "ผมรู้ว่าคุณอยากเข้ามาใกล้ๆ ผม" ประมาณนั้นเลย

ความทน - มากกกกกกกกก คือ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้น ขนาดจัดเพียง 3 สเปรย์เท่านั้น ของเขาแรงจริงๆ

การกระจาย - มากกกกกกก กลิ่นกระจายหนักเลย กลิ่นมาก่อนคน คนไปแล้วกลิ่นยังทิ้งค้างเอาไว้พักใหญ่ ช่วงต้นนี่เอาอยู่รอบทิศ ช่วงกลางลดลงมากระจายดีงามไปตลอด จนช่วงท้ายจะลดการกระจายเป็นกลางๆ และออร่ารอบๆ ตัวแทน

ทิ้งท้าย - ถ้าราคาไม่หนักหน่วงจนจะเป็นลมเพราะไม่มีตังค์ซื้อ ถ้ามีผ่อน 0% 6 เดือนนะ ป่านนี้จัดขวดใหญ่ไปแล้ววววววว ที่สำคัญน้ำหอมรุ่นนี้ ใช้แต่ละครั้งจะได้ความรู้สึกซับซ้อนในเนื้อกลิ่นที่จับอย่างอื่นได้มากขึ้น ยกนิ้วให้ Tom Ford เลย ปรุงออกมาได้เจ๋งจริงครับ ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Tom Ford Noir (EDP)














- มีขวด 50 ml ของใหม่ ยังไม่แกะกล่อง ซื้อจาก Siam Paragon มา 3,800  ขอขาย 2,800 คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 300฿ และ 10ml 580 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Tom-Ford/Noir-15727.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/01/tom-ford-noir-tom-ford-noir-top-notes.html

กลับมาหาบุรุษหนุ่มนาม Tom Ford อีกครั้งกับคราวนี้ได้มาลองตัวที่ยอดฮิตและกลิ่นดีงามอีกตัว ยิ่งมากับคำว่า Noir งานนี้จะเซ็กซี่ ดาร์ก และยั่วยวนขนาดไหน เลยจัดไป ผลออกมาคือ

Top Notes ก็กลิ่นอายแป้งหอมมาเยือนกันตั้งแต่ต้นเพราะดอกไวโอเล็ตจะมาทำให้เกิดความรู้สึกแบบแป้งหอมนวลๆ ติดเขียวจางๆ แต่จะมีโทนเครื่องเทศอย่างพริกไทยสีชมพูมาตัดทำให้กลิ่นหวานโดยมีความสดชื่นมาแบบประปราย ซึ่งกลิ่นมาแน่นกันตั้งแต่ช่วงนี้เลย เรียกว่ามาถึงก็เซ็กซี่แบบกำลังดีแนวแป้งหอมติดสดชื่น แล้วจึงเปลี่ยนโทนมาเป็นแป้งหอมติดนัวและดาร์กน่าค้นหาต่อเนื่องในช่วง Middle Notes ซึ่งดอก Iris จะมาให้โทนแป้งนวลๆ ติดดาร์กหน่อยๆ และมีกุหลาบมาแบบเย้าลึกลับ ซึ่งจะมีกลิ่นอายเครื่องเทศนัวๆ ของพริกไทยนำเด่นมากลั้วกับกลิ่นเมทัลลิคจางๆ ซึ่งเรียกว่ากลิ่นจะนัวและดาร์กลงตัวมากระหว่างความเป็นแป้งเซ็กซี่กลั้วเครื่องเทศ และมีความอบอุ่นรองเป็นพื้นหลังจางๆ ในช่วงนี้ให้ความรู้สึกแบบผู้ชายมาดเท่ห์ใส่สูทแบบพอดีตัวปลดกระดุมเชิ้ตเห็นแผงอกหน่อยๆ ดูหล่อเซ็กซี่ในความภูมิฐานเมโทนเท่ห์ๆ และปิดท้ายที่ Base Notes งานนี้ กลิ่นอบอุ่นที่รองพื้นในช่วงกลางจะเป็นตัวเด่นขึ้นมาแบบชัดเจนนั่นคือแอมเบอร์ที่จะเด่นหอมเย้าตีคู่กับพิมเสน โดยมีวานิลลารับช่วงต่อโทนแป้งหอมให้ออกนวลหวานเนียน ที่สำคัญจะมีกลิ่นติดสาป Animalic จากหนังและชะมดเช็ดให้รู้สึกได้ถึงความนัวเย้าและเซ็กซี่บอกแรงขับทางเพศชายที่อุ่นนัวและเร้าใจอย่างชัดเจนเลย ภาพรวมเลยเป็นอีกหนึ่งกลิ่นเซ็กซี่ที่จะมาแบบค่อยเป็นค่อยไป คืบคลานมาจนรู้ตัวอีกที ก็นะ ขอพากลับบ้านได้ไหม ประมาณนี้เลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ที่ไม่ได้ยี้กับกลิ่นโทนแป้ง โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและไม่ทางการแบบลุคต้องเนี้ยบๆ หน่อยจะเสริมบารมีเซ็กซี่ได้มากเลยทีเดียว ส่วนน้องๆ มหาลัยเอาเข้าจริงๆ ก็ใช้ได้ครับ แต่ต้องเลือกสถานการณ์นิดนึงก็เท่านั้นเองเช่นลั่นล้ากลางคืน โรแมนติคกับแฟน หรือออกงานเลี้ยงอะไรซักอย่างนี่แหละ จะลงตัวมาก

ความทน - ประมาณ 8 ชม. กำลังดี ซึ่งจะมากกว่านี้ได้อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - เปิดต้นกลิ่นมาก็กระจายดีเลยทีเดียว ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปเรื่อยๆ จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวเข้ามาใกล้ๆ จะได้กลิ่นชวนซบในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - เรียกว่ากลิ่นเซ็กซี่และนัวสมกับการเป็น Tom Ford ที่เป็นโทนแป้งหอมผสมกลิ่นอายแบบ Animalic เสริมบุคลิกให้ดูเจ้าชู้และเร้าใจได้ดีเลย จนทำให้ผมต้องหารุ่น Extreme มาลองต่อเนื่องกันเลยทีเดียว


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Tom Ford - Tobacco Oud








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 500฿ และ 10ml 930฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Tom-Ford/Tobacco-Oud-21402.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/04/review-tom-ford-tobacco-oud.html

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ีงกลิ่นในไลน์ Private ของ Tom Ford ที่มาเน้นความเป็นยาสูบกับกลิ่นยอดฮิตอย่าง Oud หรือกฤษณา ซึ่งเมื่อเห็นครั้งแรก ในใจคิดก่อนเลยว่าต้องแขกแหงแซะ แต่พอได้ใช้จริงเท่านั้นแหละ เลยได้รู้ว่า Tobacco Oud ออกมาเป็นลักษณะนี้เลย เพราะ

เปิดตัวด้วยกลิ่นอายแบบใบยาสูบแห้งๆ ดิบๆ เด่นขึ้นมาตีคู่กับกลิ่นอายของแอมเบอร์โดยมีความเป็นกลิ่นไม้เนื้อหอมผสมผสานแบบคมๆ ที่สำคัญมีกลิ่นอายออกทางวิสกี้รองพื้นอยู่ ซึ่งกลิ่นจะค่อนข้างเด่นพุ่งเข้าในจมูกมาก ไม่มีความหวานแบบยาสูบแบบที่เคยดม แต่มีลักษณะออกแนวยาสูบกลั้วไม้แห้งหอมบาดแต่มีเสน่ห์มาก จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายของโทนเครื่องเทศกลั้วดอกไม้อย่างมะลิเริ่มเข้ามาครองพื้นที่กลั้วกับกลิ่นยาสูบแบบแห้งๆ ที่คงความเด่นเสมอต้นเสมอปลายอยู่ และกลิ่นโทนไม้หอมจะเริ่มผันตัวเป็นผู้สนับสนุนรองลงมา ซึ่งช่วงนี้จะมาในลักษณะที่เบาลงจากกลิ่นคมๆ ช่วงแรกๆ มาเป็นความลงตัวระหว่างกลิ่นไม้หอมแนวแอมเบอร์และยาสูบ โดยที่มีกลิ่นเครื่องเทศและดอกไม้มาเป็นตัวเชื่อมโยงให้นุ่มนวลขึ้น จนโทนกลิ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงเพราะกลิ่นอายของ Oud ที่มาในลักษณะหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ภายใต้ความเป็นแอมเบอร์ตั้งแต่ต้นจะเริ่มเด่นขึ้นมานำเข้าสู่ช่วงท้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากอย่างหนึ่งคือ กลิ่น Oud ไม่ได้มาแบบนวลๆ อวลๆ แบบตะวันออกกลางเลย มาลักษณะเนื้อไม้แห้งๆ ที่กลิ่นออกทางสบายจมูกติดมีระดับเสียมาก โดยมีพิมเสนเป็นตัวล้อมให้กลิ่นออกทางนวลๆ โดยที่กลิ่นยาสูบจะเหลือแบบเบาบางให้กลิ่นติดโทนเท่ห์ผสมผสานลงไป ซึ่งถือว่าเป็นกลิ่นอายที่มีเสน่ห์แบบ Unique และไม่เหมือนใคร ให้ทั้งความห่าม คม ดิบ นุ่มนวล มีระดับ ขลัง และเท่ห์ ในรูปแบบที่แตกต่างจากน้ำหอมยาสูบที่ดังๆ หลายๆ ตัวในท้องตลาดได้ดีเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ตราเอาไว้ว่าเป็น Unisex แต่เอาเข้าจริง ออกทางผู้ชายอย่างประมาณ 70% ได้เลยทีเดียว เพราะกลิ่นออกทางโทนไม้หอมกลั้วยาสูบดิบๆ ที่เข้าคาแรคเตอร์ผู้ชายมากกว่า โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไป กลิ่นมีคเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากพอที่จะเรียกให้คนสนใจ เพราะโทนกลิ่นแบบนี้ไม่ค่อยได้มีออกมาให้ได้ดมกันนัก ยกเว้นการใส่ออกกำลังกาย เพราะกลิ่นไม่ได้ไปทางนั้ยและไม่ได้มาทางสดชื่นเลย ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นมีระดับแบบเท่ห์ๆ เลยล่ะ

ความทน - 10 ชม. กำลังดี ซึ่งส่วนตัวเจอไปที่ 12 ชม. แบบที่กลิ่นยังหลงเหลือแบบติดขลังเท่ห์ๆ ได้สบายๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น มาคมพอสมควร แต่พอเซทตัวแล้วจะลดลงมากระจายกลางๆ ก่อนจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - กลิ่นนี้ทำให้นึกถึงซิการ์ไม้และยาสูบแบบแห้งๆ ที่ไม่กลิ่นกลิ่นหวาน รวมถึงเป็นการแบ่งภาคที่ลงตัวระหว่างความเป็นยาสูบและ Oud ได้ลงตัว แบ่งกันเด่นได้น่าดูชมไม่น้อยเลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Creed













Creed น้ำหอมแบรนด์ที่เรียกได้ว่าแพงมากแต่คุณภาพก็สมกับความแพงทั้งในเรื่องของกลิ่นที่หรูหรา ดูผู้ดีสุดๆ สามารถใช้ได้ทุกโอกาส และแถมติดทนนานมาก
(ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะคะ สมมุติน้ำหอมดีไซเนอร์ตามห้างบางตัวกลิ่นเบาหรือติดไม่ทน ทำให้อาจต้องฉีดทีครั้งละหลายสเปรย์ และอาจต้องฉีดเพิ่มในระหว่างวันเนื่องจากกลิ่นจางหายไป แต่สำหรับ Creed ฉีดครั้งเดียวสามารถอยู่ได้ 8ชม.ขึ้นไป หลายๆตัวก็12ชม.ขึ้น ทำให้น้ำหอมปริมาณเท่ากันแต่ Creed สามารถใช้ได้ยาวนานกว่าคะ แถมกลิ่นก็หรูหรา ไฮโซ แต่ใช้ง่าย ได้ทุกโอกาสเลย)

ขายดีมากจนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาพึ่งขึ้นราคาอีก 400฿ ทุกรุ่น  โดยขวด 75ml ราคา 7,700฿ และ ไลน์ที่แพงที่สุด(Royal Exclusives line) ราคาขวดละ 25,700฿

ขายแบบทดลองและพกพา ขนาด 2.5 ml (พร้อมใบกระดาษแข็งการันตรีของ Creed)  (ซื้อ30ขวด จะได้75ml ทั้งหมด 5,070 ซึ่งจะประหยัดไป 2,630 กว่าซื้อขวดใหญ่75ml 7,700฿  )

(Royal Exclusives line ไลน์ที่แพงสุด ราคาในshopไทยขวดละ 25,700) ขายขวดละ 219฿
1.Spice and Wood
2.Sublime Vanille

ขายหลอดละ 179฿
3.Aventus

ขายหลอดละ 169฿
4.Silver mountain water
5.Millesime imperial
6.himalaya
7.Green irish tweed
8.Virgin island water
9.Iris tuberose



1 Spice and Wood








http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Spice-and-Wood-10101.html

อยู่ในไลน์ที่แพงที่สุดของ Creed (Royal Exclusives line) วัตถุดิบที่ใช้สกัดเป็นน้ำหอมใช้วัตุดิบที่หายากและแพงมากๆคะ กลิ่นหอมแนววูดดี้จากไม้ cedar Patchouli  Oakmoss(หญ้ามอส)ที่ให้กลิ่นที่สากแต่ชุมชื้น เลเยอร์ด้วยกลิ่นสโมกกี้จาก ต้น Birch ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติรัสเซีย และผสมกลิ่นหอมด้วยความสไปซี่ของ Pepper และ Lemon apple bergamot(มะกรูด) ที่ให้ความหอมที่เย็นสดชื่น  เติมเสน่ห์ที่แสนดึงดูดด้วยความหอมจาก musk  ถ่ายทอดเป็นแนวกลิ่นที่น่าตื่นตาติ่นใจ และหรูหรา เป็นน้ำหอมที่ฝรั่งรีวิวว่าไม่สามารถได้กลิ่นนี้จากน้ำหอมราคาต่ำกว่า 10,000 







------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


2.Sublime Vanille

http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Sublime-Vanille-7024.html

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 490฿ และ 10ml 940฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

อยู่ในไลน์ที่แพงที่สุดของ Creed (Royal Exclusives line) วัตถุดิบที่ใช้สกัดเป็นน้ำหอมใช้วัตุดิบที่หายากและแพงมากๆคะ กลิ่นตัวนี้หอมวนิลากลั้วกับมะนาว(Lemon)จางๆให้ความรู้สดชื่นแบบธรรมชาติ มีกลิ่นหอมหวานติด smoky จาก Tonka bean มี musk(สกัดได้จากต่อมเพศบริเวณเหนือยเครื่องเพศของกวางเพศผู้) ทำให้กลิ่นหอมสว่างไสวขึ้น อ่อนโยนขึ้น เซ็กซี่ขึ้น และกระตุ้นอารมณ์ได้มากขึ้น หอมหรูหรามาก ดูแพงสุดๆคะ เป็นน้ำหอมที่ฝรั่งรีวิวว่าไม่สามารถได้กลิ่นนี้จากน้ำหอมราคาต่ำกว่า 10,000 หอมมากๆคะ







------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


3. Creed - Silver Mountain Water








รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Silver-Mountain-Water-472.html

**ขวดใหญ่สุดขนาด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 80% (ประมาณ 100ml) ขาย 4,600฿**

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 310฿ และ 10ml 620฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ  / ขวด Vial 2.5ml หลอดละ169฿


รีวิวคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-creed-silver-mountain-water.html

ได้เวลาเล่นของสูงและแพง เพราะน้ำหอมแบรนด์นี้ราคาแบบว่าถ้าซื้อในไทยหรือเมืองนอกก็ใจหายไปอยู่ตาตุ่มกันเลยทีเดียว แค่ในไทยปัจจุบันมีเคาน์เตอร์ที่พารากอนแล้วขวด 120 ml ก็ล่อไป 9,000 บาท แล้วล่ะครับ แต่เห็นของแพงแบบนี้ คุณภาพสมกับความแพงที่สุดในเรื่องของกลิ่นจริงๆ

Silver Mountain Water: SMW มาพร้อมกับกลิ่นแนวคุณชายผู้ดีที่สุภาพ อ่อนโยน มาดดี ยิ้มง่าย เป็นผู้นำที่ดี มีคลาส และดูมีการศึกษาสุดๆ ถ้าเทียบกับ Series เรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ กลิ่นนี้อธิบายได้ถึงความเป็นคุณชายปวรรุจ (ที่โป๊ปเล่น) ได้ดีมากมาย เพราะกลิ่นจะเริ่มต้นกับความสดใสแบบ Citrus แต่หอมนุ่มนวลมาก แถมต่อเนื่องด้วยชาเขียวกลั้วกลิ่น Blackcurrant ที่สดชื่นเรียกรอยยิ้มได้ทันที และกลิ่นชาเขียวนี่แหละที่จะอยู่ยาวนานไปจนถึงช่วงเบส ที่จะหอมสะอาด เย็นๆ ด้วย Musk และพิมเสน กลิ่นนุ่มนวล ชวนฝัน สะอาดสะอ้าน ใส่ยังไงออร่าความเป็นผู้ดีออกทันที แถมกลิ่นที่ออกมาทั้งหมดนั้นธรรมชาติมาก เพราะแบรนด์นี้เน้นความเป็นธรรมชาติของกลิ่น โดยเน้นสกัดจริง พึ่งการสังเคราะห์กลิ่นค่อนข้างน้อย เช่นนั้น ทุกอณูของกลิ่นเลยทำให้คนใส่ดูดี ยกระดับ ออร่าบรรเจิด และดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ครับ

เหมาะสำหรับ - ชายหนุ่มทุกผู้ทุกนาม ที่มีตังค์ซื้อ 55555 เพราะตัวนี้ใส่ได้ทุกสถานการณ์เลยทีเดียว แต่อาจจะไม่เหมาะนักกับการใส่ไปเตะบอล หรือใส่ผ้าขาวม้ากระโจนลงคลองว่ายน้ำเล่น ยิ่งใส่ไปทำงาน หรือไปงานทางการ รวมถึงไปเดินเล่นพักผ่อน ยังไงก็ชนะเลิศน้ำหอมแทบจะทุกกลิ่นของคนที่ใส่เดินสวนไปมาเลยทีเดียว

ความทน - มากก เพราะเป็น EDP ของผู้ชาย เกิน 8 ชม. ขึ้นไปจนอาบน้ำนอนเลยล่ะครับ

การกระจาย - กระจายดีทุกช่วงเลย แต่โทนกลิ่นจะให้ไม่หนักหน่วงมาก จะดูมีคลาสตลอดศกที่ใส่ตัวนี้จริงๆ

ป.ล. อย่าคิดว่าผมซื้อขวดเต็มมา เพราะไม่ได้รวยขนาดนั้น ซื้อแบบแบ่งขายมาใช้เองครับ และเป็นอีกตัวของ Creed ที่ปลื้มมากเลยทีเดียว แพ้แค่ Aventus ลูกรัก ที่ผมหลงสุดๆ จนต้องซื้อขวดเต็ม ทุ่มไม่อั้นเลยทีเดียว







------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


AL Rehab - silver (กลิ่นคล้าย Creed - Silver Mountain Water)









รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Al-Rehab/Silver-1176.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2016/07/review-al-rehab-silver.html

ตัวนี้เป็น1ในตัวที่ทำกลิ่นได้เหมือนน้ำหอมสุดหรูและสุดแพงอย่าง Creed - Silver Mountain Water มากที่สุดคะ (ฝรั่งทุกคนยกให้เป็นตัว Clone creed SMW เลยคะ)

- ขวดใหญ่ 35 ml เป็น EDP นะคะ ขาย 700  (Creed -  Silver Mountain Water ขวด75ml ก็ 7,700 แล้วคะ)

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 140฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- มีแบบ Oil perfume (เป็นลูกกลิ้งทาผิวจะทนกว่าแบบสเปรย์นะคะและไม่มีแอลกอฮอลด้วยคะ) ขนาด 3ml  ขวดละ 190 บาท เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

เอ๊ะ! นี่น้ำหอมอาหรับจริงๆ เหรอ กลิ่นอายไม่ได้มาทางน้ำหอมตามขนบของอาหรับอะไรนักเลย กลับกลายเป็นกลิ่นอายที่ดันจะคุ้นเคยเอาเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่านี่มันใกล้เคียงกับCreed Silver Mountain Water นี่นา เช่นนั้นต้องเจาะให้ได้ว่าคล้ายมากขนาดไหน เพราะผิวเผินมันเล่นเอาซะตกใจ แต่เอาเข้าจริงแล้วมันมีความต่าง เพราะ Top Notes ของ Silver จะขนความเป็นซิตรัสติดฟรุตตี้มาเต็มๆ กันก่อน กลั้วกลิ่นโทนน้ำที่ไม่ได้ออกทางฉ่ำนักและจะมีโทนเขียวนวลๆ เจือแต่ไม่มาก ออกแนวเจอความแน่นของโทนฟรุตตี้และซิตรัสกลบเด่นเสียมาก ซึ่งมาในลักษณะของความคมแน่นพอตัวเลยทีเดียว พอเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นอายแบบเมทัลลิคโลหะจึงได้เริ่มต้นขึ้นมาแจม โดยจะกลิ่นดอกไม้นวลๆ มาล้อมรอบ มีกุหลาบเบาๆ มีความเป็นโทนติดเขียวออกทางชาหน่อยๆ กลิ่นจะออกทางนวลๆ มากขึ้น ความแน่นในตอนต้นเริ่มหายไป ส่งต่อให้ Base Notes กลิ่นนุ่มๆ ที่ว่าได้เด่นขึ้นมาแทนนั่นคือ Musk ซึ่งจุดนี้จะเริ่มต่างจาก SMW อย่างชัดเจนเพราะจะมาติดนุ่มดิบๆ ไม่ได้นุ่มนวลละเมียดนัก โดยกลั้วกับกลิ่นโทนไม้หอมที่เป็นผู้สนับสนุนรองแบบให้พอรู้สึกได้ กลิ่นที่ได้เลยจะออกทางนัวๆ ไม่ได้ออกทางแบบนุ่มสะอาด เน้นความรู้สึกแบบติดเซ็กซี่ดิบๆ หน่อยๆ นั่นเอง

เปรียบเทียบ 
Creed Silver Mountain Water - กลิ่นเป็นโทนชาทันสมัยผู้ดีมีภูมิ และกลิ่นนุ่มนวลสะอาดมีระดับ
Al-Rehab Silver - กลิ่นขนความคล้าย SMW แต่คมแน่นกว่า แล้วค่อยมาเป็นตัวเองแบบ Sexy Dirty
AJMal Silver Shade - มาลักษณะเดียวกันกับ Silver แต่มีความเป็นแป้งและครีมมี่กว่า

เหมาะสำหรับ - Unisex ตามที่แบรนด์ตราเอาไว้เลย เพียงแต่ลักษณะของกลิ่นอาจจะเข้าทางผู้ชายมากกว่าประมาณ 65% แต่ก็ไม่ได้แมนจัดอะไรขนาดนั้นเพราะดอกไม้ช่วงกลางเด่นพอสมควร ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบที่ไม่เน้นงานทางการจัดๆแนวรับแขกบ้านแขกเมือง เน้นทั่วๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อยู่ ถ้าจะใส่เพื่อออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืนจัดไป กลิ่นนี้มันเซ็กซี่ได้อยู่

ความทน - ประมาณ 8 ชม. กำลังดี อิงตามจำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงแรก เรียกว่ามาคมแน่นกันเลย แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายปานกลาง แล้วปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - เอาจริงๆ คล้ายมากน่ะใช่เลย แต่มันแค่ไม่นานก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้วครับแถมเซ็กซี่ด้วย ถ้าไม่คิดอะไรและมองว่า Creed แพงไป ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ราคาย่อมเยากว่ามากจริงๆ ครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ajmal - Silver Shade (กลิ่นคล้าย Creed - Silver Mountain Water)








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 120฿ และ 10ml 210฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Ajmal/Silver-Shade-18138.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/04/review-ajmal-silver-shade.html

คนส่วนใหญ่ที่ลองน้ำหอมรุ่น Silver Shade ของ AJMal มักจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันช่าง Creed - Silver Mountain Water มากกกก ในราคาที่ถูกกว่ามากด้วยเช่นกัน งานนี้ต้องสอยสิเพราะไม่มีตังค์ซื้อ Creed เมื่อได้ใช้จึงได้รู้ว่า

ใช่เลยยยยยยยเหมือนมากกกกกก แต่ก็มีความแตกต่างให้จับต้องได้อยู่ แน่นอนว่า Top Notes กลิ่นใกล้เคียงสุดๆ กับ SWM มากจนแทบจะแยกไม่ออก เพราะจะมาในลักษณะที่เป็นโทนซิตรัสติดกลิ่นผลไม้ที่ขนมาเลยไม่ว่าจะเป็นเลมอน มะกรูดและมะนาว โดยมีกลิ่นของลูกพลัมกับแบล็คเคอแรนท์ที่จะมาแย่งซีนเป็นระยะๆ ติดกลิ่นเขียวจางๆ มาพอสมควร เหมือนมากแม้ว่า Notes กลิ่นจะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดก็ตาม

จนเมื่อเข้า Middle Notes ความแตกต่างเริ่มปรากฎเพราะใน Silver Shade จะไม่มีกลิ่นของชาเขียวหอมนุ่ม ติดกลิ่นรัมหน่อยๆ ในแบบ SWM แต่จะเป็นการผสมผสานโทนในช่วงต้นกับโทนดอกไม้ในช่วงกลางแทน เพราะโทนซิตรัสกลั้วผลไม้ยังคงตามมาอยู่ กลิ่นแบล็คเคอแรนท์กับมะนาวจะยังชัดเจน โดยจะมีกลิ่นของมะลิกับไอริสมาล้อมกรอบให้นุ่มนวลขึ้น จนกลายเป็นโทนออกทางแป้งหอมเซ็กซี่ติดซิตรัสกำลังดีเลยล่ะ แต่ความเหมือนก็ยังคงอยู่นะอย่างน้อยก็ประมาณ 50% ได้ ที่กลิ่นยังคงคล้าย SMW มาถึง Base Notes งานนี้ความต่างเริ่มชัดขึ้นพอสมควร โดยมีพื้นฐานความคล้ายอยู่พอสมควรที่ความนุ่มนวลเย้าๆ ของ Musk กับ และมีโทน Animalic เข้ามาแจมด้วยคือ Ambergris หรืออำพันทองที่จะให้กลิ่นโทนผิวกายติดเค็มนิดๆ โดยมีกลิ่นอายไม้หอมจางๆ มาผสาน แต่สิ่งที่ออกมาคือ กลิ่นชะมดเช็ดจางๆ แบบไม่มีสาปเหม็นๆ ที่เป็นตัวดันให้โทนสาปเร้าใจแบบ Animalic เด่นขึ้นมา ทำให้มีความเย้ายวน เซ็กซี่มากขึ้น โดยโทนครีมมี่นุ่มๆ ให้รู้สึกได้ไปตลอดสำหรับดึงดูดนั่นเอง

ผลการเปรียบเทียบ: กลิ่นเหมือนกันมากครับ แต่ความรู้สึกที่ได้ต่างกันแบบนี้เลย
SWM - นุ่มนวลติดเขียวสดชื่นเย้ายวนกำลังดีแบบภูมิฐานและผู้ดีหรูหราจัดๆ
Silver Shade - สาปเร้าเย้ายวนกลั้วเซ็กซี่ มีความนุ่มนวลติดหรูภูมิฐานกำลังงาม

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ กลิ่นนี้ Unisex ชัดเจน สามารถใช้ได้แบบครอบจักรวาลแทบทุกสถานการณ์เลย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน กลิ่นให้ความรู้สึกกลางๆ ทั้งทางการและไม่ทางการณ์ได้หมด มีแค่ถ้าใส่ไปออกกำลังกายอาจจะไม่เหมาะนัก ยกเว้นรอปลายท้ายๆ ของช่วง Base Notes จะพอไหวครับ

ความทน - ประมาณ 8 ชั่วโมงครับ ซึ่งแน่นอนว่า SMW จะทนได้ยาวนานกว่าจากการเปรียบเทียบ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ปิดท้ายด้วยเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ใครเข้ามาใกล้ๆ ได้กลิ่นไม่ยาก

ทิ้งท้าย - ใครเห็นราคา SMW แล้ว กี๊ซ! จนเป็นลม เพราะไม่มีตังค์ซื้อล่อไป 8,500 แล้วมั้งนั่น ได้ข่าวว่า Creed จะขึ้นราคาอีกแล้วนะ เออ จะแพงไปไหนจ้ะตะเอง เช่นนั้น ตัวนี้เป็นทางเลือกที่ดีมากเลยทีเดียวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

tamamajung

29/11/2016 17:28:24
0
IP : 58.10.65.176
4. Creed - Aventus














- มีของใหม่ 75ml Batch ปี2013 ซื้อจากSiam Paragon มา 8,000 ขอขาย 5,700฿คะ (Creed - Aventus ในแต่ละปีที่ผลิตใหม่ กลิ่นจะไม่เหมือนกันนะคะ ตัวนี้กลิ่นจะค่างจากปีปัจจุบันที่นู๋แบ่งขายนะคะ)

แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 420฿ และ 10 ml ขวดละ 770฿ คะ เผื่อใครอยากลองกลิ่น / หลอดทดลองขนาด 2.5ml หลอดละ 179 บาทคะ








รีวิวของพี่เข็มขัดสั้น

http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-creed-aventus.html

ได้เวลาของลูกรักที่สุดและแพงที่สุดจริงๆ เท่าที่เคยได้ซื้อน้ำหอมใช้มา ซึ่งคุ้มค่าเลยทีเดียวที่น้ำหอมตัวนี้จะเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ตัดสินใจไม่ผิดที่ทุ่มทุนมากขนาดนี้ เพราะหอมจริงอะไรจริง รวมถึงความหรูหราจัดเต็มมากมายกับ Creed Aventus ครับ

กลิ่นนี้นอกจากที่จะหอมแบบขาดใจ ยังใช้ง่ายมาก เป็นน้ำหอมที่ใครได้กลิ่นก็จะได้รับคำชมไม่ยาก ซึ่งส่วนตัวผมใส่ทุกครั้งได้รับคำชมทุกครั้งทั้งคนไม่รู้จักและคนที่รู้จักทั้งหลายเลยทีเดียว ให้อารมณ์แบบคุณชายที่สุภาพ ยิ้มง่าย ดูมีฐานะอย่างบอกไม่ถูก ประมาณว่าถ้าเทียบกับ Series สุภาพบุรุษจุฑาเทพ กลิ่นนี้สามารถบอกตัวตนของคุณชายหมอพุฒิภัทรได้เลยทีเดียว เพราะความนุ่มนวล สุภาพ เสน่ห์จัดเต็มแบบไม่ต้องทำอะไรมากนิ่งๆ แต่เวลาตัดสินใจมีความเป็นผู้นำสูง รวมถึงทันสมัยสุดๆ ได้เลย

Top Notes มากับโทนกลิ่นที่ขาดลอยมากในด้านความหอมจรุงจมูก เพราะโทนสับปะรดเด่นมาก มีกลิ่นแบลคเคอเรนท์จางๆ กลั้วกับโทนซิตรัสเสริมทำให้ออกมากลิ่นหอมสดชื่นนุ่มนวลแทนที่ความสดชื่นแบบคมๆ ถึงขั้นฟินได้เลยเพราะกลิ่นผสมกันออกมาได้หอมแบบ Fruity ที่ไม่สาว แต่แมนและหรูหราได้ดีจริงๆ เพราะถ้าเป็นซิตรัสคมๆ อาจจะทำให้คนไม่ชอบเบือนหน้าหนีเพราะเสียดจมูกได้ นี่แหละที่ให้ความรู้สึกแบบเวลาหมอพุฒิภัทรยิ้ม มันสดใส และแฝงไปด้วยความนุ่มนวลมากจริงๆ ซึ่งโทนกลิ่นผลไม้จะตามมาที่ช่วง Middle Notes โดยเป็นฉากหลังให้กลิ่นของ Birch จัดเต็มในเรื่องของความหอมแบบเขียว นุ่ม และสดชื่น กลั้วไปกับพิมเสนที่ให้อารมณ์นิ่งๆ เย็นๆ และโทน Floral เบาๆ ที่ทำให้กลิ่นเข้าถึงง่าย หอมนวล มีคลาส เหมือนเวลาที่หมอพุฒิภัทรที่นิ่งมาดขรึม แต่จริงๆ เข้าถึงง่าย Nice และใจเย็น กลิ่นหล่อจริงจังเลยทีเดียวขอบอกกกกก! ยังไม่พอในช่วง Base Notes ได้เวลาจัดเต็มในเรื่องของกลิ่นที่สะอาดสะอ้าน มาดแมน อบอุ่น และจริงจัง เพราะการผสานกันของ Musk (สะอาด) Oak moss (มาดแมน) วานิลลา (อบอุ่น) หนัง (จริงจัง) เสริมด้วยอำพันทองที่ทำให้กลิ่นนุ่มนวล ทนและกระจายได้ดีมาก ทำให้ช่วงนี้บอกถึงความเป็นสุภาพบุรุษชัดเจน มีความเป็นผู้นำ แต่ยังคงความนุ่มนวลอยู่เสมอ กลิ่นโค-ตะ-ระชายในฝันมากน่ะครับ แบบที่หมอพุฒิภัทรแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ความอบอุ่น ความจริงจังของตัวเองเอาชนะใจนางสาวศรีสยามอย่างกรองแก้ว ข้ามกำแพงแห่งชนชั้นและฐานะได้นั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ เป็นกลิ่นที่ใส่ไปแล้ว % การได้รับคำชมสูงมาก สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์และทุกช่วงเวลาเลยไม่ว่าจะใส่ทำงาน เดินห้าง พบปะผู้ใหญ่ ออกงานสำคัญอะไรก็ตาม กลิ่นเข้ากับชุดสูทมากเลยทีเดียว แต่ถ้าจะใส่กลิ่นนี้ออกกำลังกายก็พอได้แต่รอช่วงเบสก่อนจะดีกว่า ส่วนใส่เที่ยวกลางคืนก็ได้อยู่ครับ เพียงแต่กลิ่นดูไม่ค่อยเข้ากับสถานที่ดึ๋งดึง On the Floor เต้นแรงๆ อะไรเท่าไหร่นัก เน้นออกงานสังคมเต้นรำชวนฝันมากกว่าจะเต้นชะชะช่าตีลังกา 3 ตลบครับ

ความทน - มากกกกกกครับ 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ส่วนตัวผมถึง 12 ชม. มาแล้วด้วยซ้ำไป

การกระจาย - กระจายดีมากในทุกๆ ช่วงเลย ถึงขั้นบางทีกลิ่นมาก่อนเป็นเมตรๆ เลยทีเดียว แถมค้างทิ้งไว้ยามคนที่ใช้เดินผ่านไปแล้วเสียด้วยซ้ำ และคง Concept สุภาพบุรุษนุ่มนวลได้ไม่มีผิดเพี้ยนตลอดตั้งแต่ต้นยันจบ มีช่วง Base ที่กลิ่นเบามาหน่อย แต่ก็ยังปล่อยของเต็มที่สบายๆ

ทิ้งท้าย - น้ำหอมตัวนี้ราคาไม่ใช่เล่นๆ แถมขึ้นราคาบ๊อยบ่อย จะแพงไปไหนเนี่ย ตอนนี้แพงกว่าแบรนด์ของสุลต่านประเทศโอมานที่ราคาสูงมหาโหดอย่าง Amouage ไปแล้วนะนั่น -_-? แต่ของดีจริงครับ ถ้าใครเจอราคาที่ Paragon แล้วถอย แนะนำแบบแบ่งขายเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะได้ใช้ตัวนี้ เพราะผมก็ใช้แบบแบ่งขายมาก่อนที่จะทุ่มทุนสร้างกับขวดเต็มครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Lattafa - Al Dur Al Maknoon Silver (กลิ่นคล้าย Creed - Aventus)








ตัวนี้เป็นตัวใหม่ล่าสุดและฝรั่งชื่นชอบมากคะ เป็น1ในตัวที่ทำกลิ่นได้เหมือนน้ำหอมสุดหรูและสุดแพงอย่าง Creed Aventus ที่สุดคะ (Creed Aventus แต่ละ Batch จะให้กลิ่นต่างกันคะ ซึ่ง Lattafa ตัวนี้จะเหมือน Aventus ตัวที่กลิ่น Fruity เด่น และกลิ่นจะมีความธรรมชาติกว่า Afnan คะ)

รีวิวคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Lattafa-Perfumes/Al-Dur-Al-Maknoon-Silver-25890.html

**ขวด 100 ml ของใหม่ยังไม่ได้ใช้คะ จะขายตัวกล่องซีลที่ยังไม่แกะให้คะ ขาย 1,900 (Creed - Aventus ขวด75ml ก็ 9,200 แล้วคะ)

--> มีแบ่งขาย 5ml 140฿ / 10ml  ขวดละ 270 บาท เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Afnan - Supremacy Silver (กลิ่นคล้าย Creed - Aventus มากๆ)














ตัวนี้เป็น1ในตัวที่ทำกลิ่นได้เหมือนน้ำหอมสุดหรูและสุดแพงอย่าง Creed Aventus ที่สุดคะ (Creed Aventus แต่ละ Batch จะให้กลิ่นต่างกันคะ ซึ่ง Afnan ตัวนี้จะเหมือน Aventus ตัวที่กลิ่น Fruity เด่นคะ)

** ขวด 100 ml ของใหม่ยังไม่ได้ใช้คะ จะขายตัวกล่องซีลที่ยังไม่แกะให้คะ ขาย 1,650

--> มีแบ่งขาย 5ml 125฿ / 10ml  ขวดละ 235 บาท เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Afnan-Perfumes/Supremacy-Silver-27352.html


ขออนุญาติยกรีวิวพี่เข็มขัดสั้นมาให้อ่านนะคะ

http://kemkudson.blogspot.com/2015/12/review-afnan-supremacy-silver.html

ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียวว่า Afnan คืออะไร จนเมื่อวันหนึ่งมีคนบอกว่า Afnan รุ่น Supremacy Silver นี้แหละ คือตัวที่คล้าย Creed Aventus มากที่สุดเลยตัวนึง อ้าวงานนี้ก็สนสิจ้ะ เลยไปค้นหาข้อมูลไม่พอก็ขอสอยมาบ้างไรบ้างว่าแบรนด์จาก UAE แบรนด์นี้จะทำน้ำหอมออกมาเป็นยังไง

อุ๊ต่ะ! เปิดมานี่มัน Aventus จริงๆ ด้วยแหละแกร๊~ เพราะกลิ่นมาเลยจ้ากับความเป็นสับปะรด แอปเปิ้ลเขียว กับแบล็คเคอร์แรนท์ ล้อมด้วยกลิ่นโทนซิตรัส มันใช่เลย แต่! มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะกลิ่นเปิดนี่มีความเป็นผลไม้ชัดกว่า Aventus ที่จะมีกลิ่นของจูนิเปอร์เบอร์รี่และพิมเสนเด้งขึ้นมาล้อมตั้งแต่ช่วงนี้ ซึ่งตัวนี้ไม่ได้มีแบบนั้นเท่าไหร่ มันจึงกลายเป็นกลิ่นอายแบบสดชื่นของผลไม้เสียมากนั่นเอง แถมตามไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของน้ำหอมเสียด้วย มันเลยมีความต่างจาก Aventus ออกมาบ้าง โดยในช่วงกลางกลิ่นอายของเปลือกเบิร์ธจะเด่นนำขึ้นมาให้โทนเขียวหอมนุ่มๆ และพิมเสนเริ่มมาบ้างแล้วแต่มาแบบกลางๆ กำลังดี ไม่ได้เด่นออกมามากนัก โทนกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ในช่วงนี้ก็มาแบบบางๆ เรียกว่าเป็นตัวสนับสนุนที่ดีของกลิ่นโทนผลไม้เสียมาก โดยกลิ่นจะมาแบบสดชื่นเย้าๆ กำลังดี มีความสดใสและขี้เล่นแฝงอยู่ในแบบที่ Aventus ไม่ได้มาในความรู้สึกแบบนี้ ในลักษณะโทนกลิ่นที่เหมือนกัน เพียงแต่ความเด่นของกลิ่นที่เป็นโทนหลักจะแตกต่างกัน เอาล่ะสิ งั้นมาดมต่อที่ช่วงท้าย ซึ่งใช่เลย เรารู้แล้วว่าอะไรคืออะไร กลิ่นเด่นนำขึ้นมาในช่วงนี้จะเป็นกลิ่นอายนุ่มๆ ติดเขียวกลั้วกลิ่นผลไม้จางๆ ที่ตามมาตั้งแต่ตอนต้น โดย Musk กับ Oak Moss จะคุมโทนหลัก และมีกลิ่นอายหอมนวลๆ ติดกลิ่นผิวกายนวลๆ อบอุ่นเบาๆ ซึ่งมาจาก Ambergris ตรึงไว้ให้มีความหรูหรากำลังดีเลย แต่สิ่งหนึ่งคือ กลิ่นที่ได้รับจะมีความใสสดชื่นเบาๆ แฝงอยู่ให้รู้สึกได้ไปตลอด จึงเป็นความเหมือนในรูปแบบที่เบาลงนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายๆ กลิ่นเรียกว่าหอมแบบสดชื่น ตามด้วยนวลๆ ปิดท้ายด้วยอบอุ่นโดยมีความสดใสในเนื้อกลิ่นแฝงไปด้วยตลอด ซึ่งสามารถใส่ได้ในแทบทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการที่ไม่ได้ถึงขั้นรับแขกบ้านแขกเมืองและไม่ทางการทั่วๆ ไปก็สามารถ เรียกว่ากลิ่นครอบจักรวาลได้เลยทีเดียว รวมไปถึงกลางคืนที่จัดได้สบายๆ เพราะเนื้อกลิ่นมันมีความขี้เล่นนี่แหละ

ความทน - อันนี้ต้องยกให้เขา เพราะเป็น EDP ที่กลิ่นทนถึง 8 ชม. สบายๆ และมากกว่านั้นเสียด้วยถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว

การกระจาย - เรียกว่ามีความดีงาม มาในลักษณะ Sillage Scent เช่นเดียวกับ Aventus เลยที่กลิ่นจะมาถึงก่อนคน คนไปแล้วกลิ่นยังอยู่ ต่อให้โต้ลมแค่ไหน กลิ่นก็ยังอยู่กับเรา เพียงแต่คนใส่จะไม่ค่อยได้กลิ่นจากตัวเองเท่าไหร่นักในช่วงต้นและช่วงกลาง หรืออาจจะได้กลิ่นชัดตามสภาพผิว มีช่วงท้ายๆ ที่จะลดระดับการกระจายมาแบบกลางๆ ที่จะเริ่มตีขึ้นให้รับรู้ จนค่อยๆ ลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนหายไปจากผิว

สรุป - ใช่เลย มันคือ Aventus แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าจะให้มาอยู่ใต้ร่มไม้ชายคาด้วยการให้ตัวเทพเป็นตัวพ่อก็จะบอกว่านี้คือ Aventus ในรูปแบบที่วัยรุ่นขึ้น สดใสขึ้น ไม่ได้ออกทาง Smoky ติดกลิ่นอายคุณชายนุ่มนวลหรือทางการ และกลิ่นนวลเนียนเนี้ยบแบบที่ Aventus ทำได้นั่นเอง ที่สำคัญถ้าสั่งมาได้จาก ตปท. ราคาถูกกว่า Aventus เรียกว่าเกินครึ่งนะจ้ะ ขอบอก!


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ARMAF - CLUB DE NUIT INTENSE (กลิ่นคล้าย Creed - Aventus มากๆ)









ตัวนี้เป็น1ในตัวที่ทำกลิ่นได้เหมือนน้ำหอมสุดหรูและสุดแพงอย่าง Creed Aventus ที่สุดอีกตัวคะ (Creed Aventus แต่ละ Batch จะให้กลิ่นต่างกันคะ ซึ่ง ARMAF ตัวนี้จะเหมือน Aventus ตัวที่กลิ่น Smoky เด่นคะ ซึ่งจะต่างจาก Afnan นะคะ) 

** ขวด 105 ml เป็นความเข้มข้นระดับ EDPด้วยคะ ทนแน่ๆคะ ของใหม่ยังไม่ได้ใช้ ขาย 1,600

--> มีแบ่งขาย 5ml 125฿ / 10ml  ขวดละ 235 บาท เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Armaf/Club-de-Nuit-Intense-34696.html


รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/04/review-armaf-club-de-nuit-intense-for.html

เมื่อได้อ่านข้อมูลมาจากหลายๆ ทางไม่ว่าจะเป็นทั้งเวบไซต์เกี่ยวกับน้ำหอม หรือเพจต่างๆ ที่เหล่าคนรักน้ำหอมเขาไปชุมนุมกันของ ตปท. มักจะพูดกันว่า Armaf รุ่น Club de Nuit Intense for Men เป็นอีกหนึ่งตัวที่คล้าย Creed Aventus มากโดยเทียบกับ Batch การผลิตในรุ่นที่มีกลิ่นอาย Smoky จัดๆ (ต้องเข้าใจกันก่อนว่า Creed เป็นแบรนด์ที่วัดกลิ่นเหมือนกันในทุกรอบการผลิตได้ยาก เพราะอิงกับคุณภาพวัตถุดิบในช่วงนั้นๆ เลยทำให้จะมีบาง Batch ที่กลิ่นนี้เด่นกว่ากลิ่นนั้น กลิ่นนั้นโดยกลบไปเยอะบ้าง) เช่นนั้นเราต้องพิสูจน์ด้วยการเสียเงินสอยมาแล้วผลที่ออก คือ

Top Notes กลิ่นมีความเข้มข้นของโทน Smoky จากเปลือก Birch ชัดเจนมากกลิ่นมาติดโทนหนังหน่อยๆ เสียด้วย แต่เพราะว่ามีกลิ่นอายของโทนสดชื่นอย่างซิตรัสและผลไม้ที่ไม่ยอมให้มาแย่งซีนแน่ๆ เลยทำให้กลิ่นของเลมอนและโทนผลไม้ยังทำหน้าที่เด่นเด้งออกมาอยู่ แน่นอนว่ากลิ่นสับปะรดนั้นแทบไม่รู้สึกเพราะออกแนวจะไปทางโทนผลไม้อย่างแบล็คเคอแรนท์และแอปเปิ้ลเขียวเสียมากกว่า โดยกลิ่น Smoky ก็ขอตีคู่กันไปตั้งแต่ต้น จนเมื่อเข้า Middle Notes งานมาเต็มของโทน Smoky จึงได้มาและเป็นตัวที่จะเด่นไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลยนั่นคือ เปลือกไม้ Birch ที่จะให้กลิ่นอายหนังติดโทน Smoky แมนๆ มาเลยก็จริง แต่จะมีกลิ่นโทนดอกไม้อย่างมะลิติดกุหลาบจางๆ เคล้าวานิลลาหน่อยๆ มาทำให้กลิ่นนุ่มขึ้น ไม่มามะรุมมะตุ้มผลัดกันเด่นแบบช่วงต้นแล้ว ซึ่งส่งต่อไปยังช่วง Base Notes ที่ความ Smoky ยังคงอยู่ไม่หนีไปไหน แต่จะมีความอบอุ่นติดนุ่มนวลของ Musk และกลิ่นตรึงที่ออกทางผิวกายสะอาดติดเค็มจางๆ ของอำพันปลาวาฬ (Ambergris) ที่จะมาตรึงให้เกิดความนุ่ม วานิลลาจะมาให้ความอบอุ่นเพิ่มมีกลิ่นอายของพิมเสนมาแบบเบาๆ เคล้าไปตลอด ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วกับตัวเทพอย่าง Aventus คงต้องบอกว่า กลิ่นช่วงต้นแตกต่างเพราะยังอยู่ในช่วงชิงดีชิงเด่นกันอยู่ ก่อนที่จะเริ่มมีความคล้ายมากขึ้นในช่วงกลางแต่มีความแมนเข้มกว่า และใกล้เคียงมากในช่วงท้าย ซึ่ง Batch ของ Aventus ที่มีความเป็น Smoky จัดๆ กลิ่นจะใกล้เคียงตัวนี้มากจริงๆ แต่ Armaf ก็ยังไม่ได้มีกลิ่นอายที่นุ่มนวลจมูกกว่า Aventus ที่มีคุณภาพกลิ่นและตัวเกลาให้กลิ่นมีความหรูหรามีระดับแบบสัมผัสได้มากกว่ารวมถึงมีความนวลเนียนกว่าก็เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าไม่มายด์เพราะลงรายละเอียดมากไป ตัวนี้ทดแทนกันได้เลยล่ะ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ได้แล้ว กลิ่นอาจจะอยู่ระหว่างกลางๆ ที่ไม่ได้เข้าถึงได้ง่ายมากขนาดนั้น แต่ถ้าใครต้องการตัวแทนของ Aventus ในแบบที่ Smoky จัดๆ ตัวนี้ไปได้ค่อนข้างดีและมีความแมนเข้มเพิ่มเข้ามาเสียด้วย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป ถ้าจะออกกำลังกายให้รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน กลับกลายเป็นว่าตัวนี้เข้าทางกว่าในแง่ของการใส่ไปเรียกเรตติ้งและไม่ได้ดูออกทางคุณชายมากเกินไป แบบที่ Aventus ทำได้ เพราะความเข้มของโทน Smoky ที่สร้างความแมนเท่ห์นั่นเอง

ความทน - EDP มาเต็มเช่นนั้นจัดไปที่ 8 ชม. สบายๆ แถมลากยาวไปได้มากกว่านั้นอีกด้วยซ้ำถ้าจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเอื้อมากพอ ส่วนตัวเจอที่ 12 ชม. แบบฟินๆ เลย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายแบบดีค่อนไปปานกลาง และปิดท้ายที่การเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย แล้วลดลงเรื่อยๆ ตามลำดับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


5. Creed - Millesime Imperial


























**มีขนาดใหญ่สุด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75%+ (ประมาณ 90ml) ขาย 3,800฿  (ของใหม่ ราคา 8,600)**

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 310฿ และ 10ml 620฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ  / ขวด Vial 2.5ml หลอดละ169฿

รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Imperial-Millesime-466.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/05/review-creed-millesime-imperial.html


ขึ้นชื่อว่า - King of Citrus ของน้ำหอม ชื่อนี้คงไม่ได้แต่ใดมา ถ้าไม่ดีจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าเป็น Creed จะมาหมูหมากาไก่ที่ไหนก็คงไม่ได้ ต้องมาเต็ม มาหรู มาไฮโซ และมาแบบมีคลาสมีระดับจัดเต็มแน่นอน ที่สำคัญถึงขั้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Sean John Unforgivable และหลายๆ รุ่นเสียอีกด้วย เช่นนั้นมาเจอตัวพ่อกันหน่อยอย่าง Millesime Imperial ครับ

เพียงแค่ Top Notes ก็ต้องยกให้เขาล่ะครับ เพราะกลิ่นโทนผลไม้สดชื่นติดเปรี้ยวอมหวานมาเต็มมาก มีความฉ่ำๆ ของเมล่อนและมีโทนเหล้ารัมแบบใสๆ บวกกับกลิ่นอายเกลือสะอาดๆ กำลังดี กลิ่นช่วงนี้สดชื่นแบบหรูหราติดกรุ้มกริ่มแนวๆ คุณชายได้ดีมาก และพอเข้าสู่ช่วง Middle Notes งานนี้โทนซิตรัสของมะกรูด ส้ม เลมอนจะมาแบบใสสว่าง สดชื่นมากมาย โดยมีฐานรองพื้นด้านหลังคือกลิ่นโทนแป้งของดอกไอริสมาเสริม ทำให้กลายเป็นกลิ่นโทนสดชื่นที่ติดความเซ็กซี่กรุ้มกริ่มจางๆ โดยไม่เสียลุคผู้ดีคุณชายเจ้าเสน่ห์ไปตลอด ก่อนจะปิดท้ายที่ Base Notes งานสะอาดนุ่มต้องมา เพราะ Musk แบบนุ่มนวลเย้าเป็นระยะจะมากลั้วกับโทนวู้ดดี้อ่อนๆ ติดอบอุ่นกำลังดี ที่สำคัญกลิ่นโทนผลไม้กลั้วซิตรัสยังคงตามมาอยู่ เรียกว่ามาเรียกแขกให้ตลอด ส่งเสริมให้คนใส่ดูรวย มีรสนิยม ขี้เล่นก็ได้ สดชื่นติดทางการหรูหราก็ดี ชิลล์ๆ ก็เหมาะ คือ ยังไงก็มาเต็มแบบมีระดับเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

เหมาะสำหรับ - จริงๆ น้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex ครับ ใช้ได้ทั้งหญิงทั้งชาย แต่หลังจากใช้ผมเอนเอียงมาทางผู้ชายมากหน่อย เพราะกลิ่นมันดูสดใสและขี้เล่นติดหรูหรา อารมณ์ดีไม่น้อย แต่เอาเข้าจริงสาวๆ ใช้ได้สบายๆ แถมเพิ่มความหรูหรากับคนใส่ได้มากโขเลย ซึ่งสามารถใส่ได้ทั้งงานทางการและไม่ทางการ ได้ทุกสถานการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน บอกเลยว่าครอบจักรวาลมาก

ความทน - อยู่ที่ 8 ชั่วโมง อาจจะมีบวกลบบ้างตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด ซึ่งส่วนตัวผมเจอ 10 ชั่วโมงเป็นเรื่องปกติของตัวพ่อตัวนี้ประจำ ฟินไปเลย

การกระจาย - กระจายดีมากในช่วงต้น และจะลดมากระจายกลางๆ แบบหรูหรา ใครอยู่ใกล้ๆ ก็ฟินกับกลิ่นที่เข้าถึงได้ง่ายแบบมีระดับแบบนี้ไม่ยาก จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่ยังตีขึ้นให้คนใส่รับรู้เสมอครับ

ทิ้งท้าย - สมกับฉายา King of Citrus ไม่มีผิดเพี้ยน แถมเป็นตัวพ่อที่เรียกว่างดงามเลยทีเดียวในความมีระดับและหรูหราในเนื้อกลิ่นที่เน้นสดชื่น แม้ว่าจะมีกลิ่นที่เอาไปเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งถ้าเทียบจริงๆ ก็ไม่ได้ออกทางเจ้าชู้จัดๆ แบบ Unforgivable และไม่ได้ออกทางวัยรุ่นใสๆ แบบ Love & Luck for Men แต่เป็นกลิ่นผู้ดีที่อารมณ์ดี กรุ้มกริ่ม สดชื่น และมีระดับหรูหราคาบเกี่ยวทุกอารมณ์แทน ซึ่งถ้ามีตังค์ก็จัดไป อย่าให้เสียนะคร้าบ

ป.ล. ทำไม Creed จะขึ้นราคาอีกแล้ว จะแพงไปไหนเนี่ย 555


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


6. Creed - Himalaya















**มีขนาดใหญ่สุด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75%+ (ประมาณ 90ml) ขาย 3,800฿  (ของใหม่ ราคา 8,600)**

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 310฿ และ 10ml 620฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ  / ขวด Vial 2.5ml หลอดละ169฿


รีวิวต่างประเทศคะ   http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Himalaya-465.html


ถือเป็นน้ำหอมที่ขายดีมากอีกกลิ่นของ Creed มาในขวดสีเงินทึบ บ่งบอกถึงความเย็น และมาในกลิ่นโทนสดชื่นแบบหรูหรา และแน่นด้วย ambergris สารหลั่งจากวาฬที่มีราคาสูง

Himalaya เป็นน้ำหอมโืืทน citrus woody ให้กลิ่นต้นของมะกรูด มะนาว ส้ม และเกรฟฟรุ๊ต โดยเนื้อกลิ่นนั้นออกทาง woody ตั้งแต่เริ่มแรกกันเลยทีเดียว มันไม่ youthful หรือใสเท่า Silver Mountain Water หากแต่มีความเป็นผู้ใหญ่นิดนึง ลองนึกภาพนักธุรกิจอายุราว ๆ 35 ใส่สูท หน้าตาดีใช้กลิ่นนี้ ในขณะที่ลูกน้องของเขา อายุ 30 ใช้ Silver Mountain Water โดยเนื้อกลิ่นของ Himalaya อาจจะบอกถึงตำแหน่งของคน 2 คนนี้ได้ ในความเห็นผมมันเป็นแบบนั้น Himalaya กลิ่นหรูหรากว่า

แม้ช่วงต้นจะเห็นกลิ่นอย่างมะกรูด มะนาว ส้ม แต่อย่าโยงไปถึงน้ำหอม citrus แรง ๆ อย่าง Eau d'Hadrien หรือ Eau de Sud ของ Annick Goutal เพราะ Himalaya มีโทนกลิ่นอากาศเย็น ๆ บนยอดเขาปนอยู่ ไม่ได้ออกมะนาว ส้ม และมะกรูดแบบนั้น

ช่วงกลางกลิ่น spicy ขึ้น แต่ยังคงความใสเย็นอยู่ เย็น ๆ เชิง metallic นิด ๆ

ช่วงเบสเข้าทาง house note อันโด่งดังของ Creed กลิ่นนั้นเนียน แน่น อบอุ่นหน่อย ๆ ไปกับ ambergris หรือที่รู้จักกันในนาม อำพันทอง ซึ่งมากับมัสก์และ tonka beans

Himalaya เป็นน้ำหอม unisex ที่เข้าถึงง่ายมาก ให้กลิ่นประเภทที่เรียกคำชมได้ไม่ยากพอ ๆ กับกลิ่นอื่น ๆ จาก Creed ที่กล่าวถึงด้านบนไปแล้ว

ใช้ได้กับหลายสถานการณ์ ทำงาน เข้าประชุม ออกงานหรู งานแต่ง เดินเที่ยวเล่น และออกเดท เป็นน้ำหอมที่เข้าถึงทุกโอกาส


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


7. Creed - Green Irish Tweed














**มีขนาดใหญ่สุด 120ml กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 80% (ประมาณ 100ml) ขาย 4,600฿ 

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 310฿ และ 10ml 620฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ  / ขวด Vial 2.5ml หลอดละ169฿

รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Green-Irish-Tweed-474.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/07/revire-creed-green-irish-tweed.html

บอกเลย! นี่คือตัวพ่อของ Davidoff Cool Water ที่ฮอตฮิตเหลือแสนเพราะเมื่ออยู่ในที่สาธารณะอย่างน้อยต้องได้กลิ่นไม่ต่ำกว่า 3 คนเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่หรูหว่า มีระดับกว่า และกลิ่นให้คุณภาพและความสุดยอดมากกว่า และเกิดขึ้นมาก่อน Cool Water คงต้องยกให้ตัวพ่ออย่าง Creed ที่เกิดขึ้นมาก่อนและราคาสูงมากเลยทีเดียวกับรุ่นนี้ครับ Green Irish Tweed

อย่างที่บอกข้างต้นว่าเป็นตัวพ่อของ Cool Water โดยเป็นน้ำหอมที่กลิ่นใกล้เคียงกันมากก็จริง แต่มาในลักษณะที่ไม่ได้ออกทางน้ำทะเลแบบตัวฮิตของ Davidoff แต่มาในแบบ Woody Floral Musk ที่มีชั้นเชิงและกลิ่นนุ่มนวลเนียนมีระดับสุดๆ เพราะ Top Notes จะมาในโทนของซิตรัสให้ความสดชื่นติดเขียวอย่างชัดเจนอย่างใบเวอร์บีน่าที่กลิ่นคล้ายมะนาวกับเลมอน ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะหอมสดชื่นอย่างมีระดับเพราะมีโทนไม้หอมรองพื้นด้านหลัง กลิ่นมีความซ่าออกทางเขียวๆ แบบสมุนไพรกำลังดีและหรูหรากันตั้งแต่ตอนต้น โดยไม่มีโทนน้ำทะเลแบบ Cool Water มาให้ลำบากใจในการแยกกลิ่นเพราะในความเหมือนมันมีความแตกต่างชัดเจนก็ตรงนี้ จนเมื่อเข้า Middle Notes กลิ่นสดชื่นของซิตรัสติดเขียว ยังคงอยู่แต่จะมาผสานกับโทนแป้งดอกไม้ ที่ยกให้ดอกไอริสและใบไวโอเล็ตที่มาทำให้เป็นโทนแป้งหอมสดชื่นติดเขียวรับช่วงต่อได้อย่างกลมกลืน กลิ่นมีระดับไล่เรียงแบบนวลเนียนมาก และให้ความสดชื่นแบบหรูหราคาบเกี่ยวความเป็นทางการได้อย่างลงตัว ก่อนจะปิดท้ายที่ Base Notes ซึ่ง Signature ของ Creed จะมากันในช่วงนี้กับกลิ่นของอำพันทอง (Ambergris) ที่จะให้ความรู้สึกแบบผิวกายติดกลิ่นเค็มหน่อยๆ กลั้วกับ Musk ที่มาให้ความสะอาดนุ่ม โดยโทนไม้หอมที่รองพื้นมาตั้งแต่ตอนต้นจะชัดเจนแบบกำลังดีในช่วงนี้ไปด้วย กลิ่นผสานกันจะเป็นโทนสดชื่นและสะอาดแบบนุ่มนวล มีความบางเบาแต่ไม่หายต๋อม ซึ่งภาพรวมทั้งหมดบ่งบอกถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่สดชื่นและหรูหรามีระดับสูงมาก โดยไม่ละทิ้งความเป็นธรรมชาติของกลิ่นที่นวลเนียนเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้่นไป ซึ่งกลิ่นใช้ง่าย เข้าถึงง่ายแน่นอน สามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันทั้งทางการและไม่ทางการ กลิ่นให้ทั้งความสดชื่นและน่าเชื่อถือ เพราะเนื้อกลิ่นมันมีระดับสูงมาก ส่วนใส่กลางคืนกับอากาศบ้านเราก็เข้าทีไม่น้อย แต่ถ้าใส่ไปเที่ยวเคล้าแอลกอฮอล์ก็ได้อยู่ครับ แต่มันไม่ได้ออกทางยั่วยวนก็เท่านั้นเอง

ความทน - บอกเลยมาเต็ม 10 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้ ยิ่งถ้าร่างกายทำความร้อนกลิ่นจะตีขึ้นแบบที่ปลื้มไปเลยล่ะครับ

การกระจาย - นี่คือ Sillage Scent เพราะเน้นกระจายออกรอบตัวสร้างความหอมและรื่นรมย์ให้ผู้อื่นได้มาก ดมที่ผิวอาจจะ แต่กลิ่นออกเข้ม กลิ่นที่กระจายออกไปคือสดชื่นเขียวๆ นุ่มนวลแบบมีระดับ เรียกว่ากระจายดีทั้ง 3 ช่วง มีช่วงท้ายที่ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวเป็นหลัก

ทิ้งท้าย - พูดง่ายๆ Cool Water เด็กไปเลยถ้าเจอตัวพ่อตัวนี้ เพราะมาเต็มด้านการมีดีเต็มเหนี่ยวกว่าเยอะ รวมถึงราคาที่ต้องขอยาหอม ยาดม ยาลม และยาหม่องไปด้วยเลยล่ะครับ เพราะแพงจริงอะไรจริง 555


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


8. Creed - Virgin Island Water








**มีขนาดใหญ่สุด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 80% (ประมาณ 100ml) ขาย 3,800฿  (ของใหม่ ราคา 8,600)**

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 310฿ และ 10ml 620฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ  / ขวด Vial 2.5ml หลอดละ169฿


รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Virgin-Island-Water-899.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-creed-virgin-island-water.html

ได้เวลาของความเรียบหรูดูผู้ดีกับน้ำหอมแบรนด์ที่เรียกได้ว่าแพงแต่คุณภาพก็สมราคาอย่าง Creed อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้จะมาไฮโซกลับกลิ่นที่ออกทางการท่องเที่ยวเกาะแบบหรูหราพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ท่ามกลางอากาศอบอุ่นสุดๆ อย่าง Virgin Island Water กันครับ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

ต้องบอกกันเลยว่าใครที่ชอบมะพร้าว น้ำหอมตัวนี้จะให้อารมณ์มะพร้าวที่หรูหรากำจายมาก เพราะเปิดต้นกลิ่นกันด้วยกลิ่นของจาวมะพร้าวที่ทั้งหอมหวานและฉ่ำน้ำเลี้ยงสุดๆ โดยจะมีกลิ่นซิตรัสมาตัดให้ออกทางสดชื่นใสๆ มากขึ้น ได้อารมณ์วันฟ้าใสบนรีสอร์ทหรูหราขาดใจริมทะเลมากๆ ซึ่งกลิ่นมะพร้าวจะยังคงอยู่ไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลยทีเดียว โดยในช่วงหัวใจหลักของน้ำหอมกลิ่นเชิงดอกไม้อ่อนๆ จะเริ่มมาเสริม แถมด้วยความสดชื่นจากขิงเข้าไปอีกดอกทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงเบาสบายและหรูหราแบบใส่ชุดขาวใส่แว่นดำเดินเล่นพร้อมจิบน้ำมะพร้าวดูวิวทิวทัศน์ของทะเลชัดเจน และเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายที่จะติดผิวไปตลอดมะพร้าวจะเริ่มจางลงเป็นฉากหลังให้กับกลิ่นน้ำตาลหอมหวานเบาๆ บวกกับเหล้ารัมเย้ายวนกำลังงามและ Musk ที่สะอาดสะอ้านนุ่มนวล ราวกับจิบค็อกเทลรัมมะพร้าวเบาๆ ท่ามกลางอากาศอบอุ่นบนเกาะ ซึ่งเป็นกลิ่นที่ฟินมากบนพื้นฐานที่หรูหราตามสไตล์ของ Creed แต่เข้าถึงง่าย ได้อารมณ์สีขาวตัดกับสีฟ้าตลอดเวลาที่ได้กลิ่นเลยครับ

เหมาะสำหรับ - ทุกเพศทุกวัยเลยครับ เพราะน้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex ที่เข้าถึงได้ง่ายแบบชิลล์ๆ หรูๆ ริมทะเล (ที่ไม่มีกลิ่นคาวทะเลมารบกวนใจ) สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะไปเรียน ทำงาน เที่ยวทะเล เที่ยวทั่วๆ ไปแบบติดหรู แต่ออกกำลังกายอย่าใส่เลยครับ มันแพงไปนะ 55555 ที่สำคัญใส่ไปเที่ยวกลางคืนได้สบายๆ แต่กลิ่นมันจะหรูหน่อย และไม่ได้เย้ายวนอะไรมากขนาดนั้น ออกแนวเหมาะกับการใส่ไปจิบเหล้าตามบาร์ที่อยู่ในโรงแรม 5 ดาวมากกว่าครับ

ความทน - 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ กับน้ำหอมของ Creed

การกระจาย - กลิ่นกระจายได้ดีมากในตอนต้นได้อารมณ์มะพร้าวใสๆ กันเลยทีเดียว ก่อนจะลดระดับมาเรื่อยๆ เป็นกำลังดีคนรอบข้างยังได้กลิ่นอยู่จนกว่าจะหายไปจากผิว

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

tamamajung

29/11/2016 17:30:49
0
IP : 58.10.65.176

9. Creed - Original Vetiver









**มีขนาดใหญ่สุด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75% (ประมาณ 90ml) ขาย 3,800฿  (ของใหม่ ราคา 8,600)**


รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Original-Vetiver-468.html

Original Vetiver ให้กลิ่นหญ้าแฝกที่เข้าถึงง่ายเมื่อเทียบกับกลิ่นหญ้าแฝกจาก Annick Goutal, Etro, L'Occitane หรือของ Guerlain (รุ่นก่อนยุค 2000)

หญ้าแฝกของ Creed เน้นสกัดมาจากใบ ในขณะที่ของแบรนด์อื่น ๆ มีการสกัดจากรากด้วย ทำให้กลิ่นของ Creed มาแบบบางกว่า แต่ก็มีความ raw ของหญ้าแฝกซ่อนอยู่ และตีขึ้นในช่วงกลางกลิ่นแบบเบา ๆ กำลังดี

กลิ่นเปิดด้วยความสดชื่นของโทนซิตรัส หอมแบบเขียว ๆ และมีความเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนเปิดประตูออกมารับแสงอาทิตย์ยามเช้าท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจี

ผ่านไปสัก 30 นาที จะเริ่มได้กลิ่นหญ้าแฝกแบบ raw นิด ๆ ตีขึ้นมา มีความเขียวเด่นชัดปนขมนิด ๆ ให้ความรู้สึก sensual, sophisticated และดูมีระดับ ทั้งนี้ทั้งนั้น Original Vetiver เน้นเจาะตลาด niche ที่ใหญ่กว่าแบรนด์ niche อื่น ๆ กลิ่นจึงต้องเข้าถึงง่าย กลิ่น floral อ่อน ๆ ของ iris จึงช่วยประคองไม่ให้กลิ่นหญ้าแฝกโดดเด่นออกมามาก

เบสอบอุ่นและเด่นที่ ambergris ซึ่งเป็น fixative ประจำแบรนด์นี้

ใส่ได้หลายโอกาส ตั้งแต่วันสบาย ๆ ถึงออกงานทางการ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Thierry Mugler - Mugler Cologne













ฝรั่งและนักรีวิวทุกคนต่างบอกว่าตัวนี้คือโคลนนิ่ง Creed - Original Vetiver ซึ่งลองใช้แล้วก็ใกล้เคียงกันจริงๆคะ ในราคาที่ต่างกันหลายเท่า และเป็น1ในน้ำหอมที่ถูกโหวตให้เป็น "best of green scent" ซึ่งเหมาะกับอากาศร้อนๆมากๆ ฉีดปุ๊บรู้สึกสดชื่น สะอาดปั๊บเลยคะ **แต่ที่พิเศษสุดคือตัวนี้สามารถฉีดผสม(หรือที่เรียกกันว่า Layer)กับน้ำหอมกลิ่นอื่น โดยเฉพาะตัวที่กลิ่นเข้ม หวาน หรืออบอุ่น ทำให้ออกมาเป็นกลิ่นใหม่ที่หอมขึ้นได้ด้วยคะ วิธีการคือฉีดน้ำหอมตัวหลักก่อนแล้วก็ฉีดตัวนี้ทับลงไปคะ**

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- มีขวดใหม่ ขนาด 100ml กล่องซีลยังไม่แกะ ขาย 2,200 นะคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Thierry-Mugler/Mugler-Cologne-708.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/03/review-thierry-mugler-mugler-cologne.html

เปิดต้น Top Notes กันได้แบบว่ากระจ่างใส สดชื่น สะอาดได้ใจมากกับกับกลิ่นโทนซิตรัสติดเขียวๆ ของใบส้ม ดอกส้ม และมะกรูด แบบว่ามาเต็มในแบบที่กลิ่นคมกำลังดี ไม่ได้แหลมเฟี้ยวมากเกินไป กับอิทธิฤทธิ์ของดอกส้มที่จะมาทำให้กลิ่นนุ่มลงมา เหมือนกลิ่นสดชื่นขณะอาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติสุดๆ และเมื่อเข้า Middle Notes งานนี้ดอกส้มมาเต็มมากกกกก โดยจะมีกลิ่นโทนสบู่หอมสะอาดรองพื้นอยู่ตลอดเวลาทำให้กลิ่นนี้ออกแนวสะอาดนุ่มๆ แต่เซ็กซี่อ่ะ คือ เหมือนคนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เดินตัวเปียกๆ ออกมาจากห้องน้ำกลิ่นสดชื่นแบบนุ่มๆ ของสบู่ติดผิวกาย แล้วทำตาเชื่อมๆ เซ็กซี่เอียงอายราวกับบอกว่า ?#อยากเห็นคนแก้ผ้าไหม? อย่างไงอย่างงั้น ซึ่งกลิ่นโทนนี้จะเด่นไปจนสุดท้ายเลยทีเดียว โดย Base Notes จะเพิ่มความนุ่มของ White Musk เข้าไปอีก ทำให้กลิ่นจะนุ่มนวลสะอาดอยู่ตลอด แบบใส่เสื้อผ้านั่งชิลล์ๆ สบายๆ ให้อีกฝ่ายมาดมชื่นชมความสะอาดหรือพาไปร่อนนอกบ้านอย่างรื่นรมย์เลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - Unisex ขาดใจ เพราะเป็นกลิ่นหอมสดชื่นอย่างเป็นธรรมชาติที่เข้าได้กับทุกเพศ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ในยามกลางวัน เพราะถือว่าเป็น Safe Scent ที่แฝงด้วยความเซ็กซี่กำลังดีงาม และใครได้กลิ่นก็สบายๆ ชิลล์ๆ สดชื่นไปด้วย ส่วนกลางคืนถ้าอากาศร้อนๆ อยู่กลางแจ้ง หรือสถานการณ์ทั่วๆ ไปก็ใส่ได้สบายๆ ครับ

ความทน - แม้จะเป็น Cologne แต่ก็ทนดีเลย ประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น และจะลดระดับมากระจายกลางๆ จนถึงการเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายๆ ที่ถ้าร่างกายทำความร้อน จะมีกลิ่นสบู่ดอกส้มสดชื่นตีขึ้นให้รับรู้ได้ไม่ยาก

ทิ้งท้าย - เอาไปเลยดีกว่ากับคำว่า #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ของเขาดีจริงๆ และเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ ของบ้านเราเลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



Creed - Love in Black








รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Love-in-Black-4261.html

Love in Black ออกตามหลัง Love in White โดย Creed ปรุงกลิ่นนี้เพื่อยกย่อง Jacqueline Kennedy Onassis ภรรยาของ John F. Kennedy ซึ่งดำรงตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่งตั้งแต่ปี 1961 จวบจบกระทั่ง John F. Kennedy ถูกลอบสังหารในปี 1963

Creed เลือกส่วนผสมที่พบได้ในแหล่งต่าง ๆ ที่Jacqueline Kennedy Onassis นั้นชอบเดินทางท่องเที่ยวไป โดยเฉพาะประเทศกรีก เพราะหลังจากที่ John F. Kennedy ได้จากไป เธอได้แต่งงานกับAristotle Onassis นักธุรกิจด้านชิปปิ้งชาวกรีกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และการออก Love in Black นี้เป็นการฉลองครบรอบการแต่งงาน 40 ปีของเธอกับนักธุรกิจชาวกรีก

Love in Black มีกลิ่นหลักเป็น violet และ iris โดยมาในโทน floral oriental รายล้อมด้วย powdery tone และความหวานในปริมาณที่พอเหมาะ ให้กลิ่นที่น่าค้นหา seductive และดูสวย สง่างามในขณะเดียวกัน

เนื้อกลิ่นนั้นมีความเขียวปนเข้ามา เนื่องจากการใช้ violet leaf ในปริมาณที่สูง กอปรกับ iris ที่ปรุงมาแบบเข้มข้นในช่วงกลางกลิ่น ผสานกับซีดาร์ที่มีคุณภาพ กลิ่นจึงเต็มแน่น ชวนฝัน และให้ภาพขาวดำตามที่ผู้ปรุงแต่งต้องการจะสื่อถึง ซึ่งJacqueline Kennedy Onassis นั้นชื่นชอบเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสีดำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เบสมี blackcurrant และกุหลาบเด่น ซึ่ง Creed เล่น composition ได้ดี เพราะปกติแล้ว blackcurrant จะอยู่ต้นหรือกลางกลิ่นมากกว่า เป็นการเล่นกลิ่นให้มีมิติ และตัดความ powdery ออก ทำให้กลิ่นดูเหมือนมีชีวิตชีวามากกว่าจะปล่อยให้จบด้วย woody, oriental base อย่างเดียว

ครั้งแรกที่ลอง ผมจับกลิ่นไม่ค่อยได้ แต่การใช้ครั้งที่สอง จมูกปรับตัวได้และรับรู้กลิ่นดีขึ้นกว่าครั้งแรกอย่างมาก โดยครั้งที่สอง ใช้ 4 สเปรย์เท่าครั้งแรก ได้กลิ่นนานกว่า 14 ช.ม. ครับ

กลิ่นติดทน ตีขึ้นเรื่อย ๆ ใส่ทำงาน ออกงาน ออกเดท ได้หมดเลยครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Creed - Erolfa









**ด่วนนะคะ!!! ตอนนี้มี Creed ขวดใหญ่สุดขนาด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75% (ประมาณ 90ml) ขายขวดละ 3,800 **

รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Erolfa-4248.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/03/review-creed-erolfa.html

ได้เวลาของมีหรูหราและมีคลาส แถมด้วยราคาแพงอีกครั้งกับแบรนด์ Creed กับรุ่นน้ำหอมที่สื่อถึงการนั่งอยู่บนเรือยอร์ชส่วนตัวท่องไปบนทะเล มีกลิ่นอายของน้ำทะเลสดใส กลั้วกับอากาศอบอุ่น และสายลมเย็นๆ ที่มาปะทะตัวให้สดชื่น นั่นคือรุ่น Erolfa ครับ

Top Notes เปิดตัวกันแบบหอมสดชื่นแบบซิตรัสกันเลยทีเดียว แต่มันมีความนุ่มติดหวานจางๆ ในเนื้อกลิ่นมาทำให้กลิ่นโทนซิตรัสของมะกรูด เลมอน และมะนาวไม่คมจนเกินไป อย่างเมล่อนที่มาทำให้กลิ่นออกทางหวานติดโทนผลไม้ เสริมด้วยกลิ่นของยี่หร่าที่มาแบบหวานจางๆ แต่ที่ดันตัวเองมาตัดให้โทนซิตรัสนุ่มลงนั่นคือโทนแป้งนุ่มๆ ของไวโอเล็ตเลย เพียงแค่กลิ่นเปิดก็สามารถทำให้ปลื้มและชอบตัวนี้ได้ในทันที (แต่ซื้อเลยหรือไม่อยู่ที่กำลังทรัพย์นะแจ๊ะ) โดยเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes โทนซิตรัสนุ่มๆ ยังไม่หายไปไหนยังคงอยู่ แต่จะมากลั้วกับโทนสมุนไพรติดเขียว และกลิ่นของน้ำทะเลแบบไม่คาว กลิ่นจะหอมสดชื่นแบบมีระดับมาก มีความหอมละมุนจมูกหรูหราแบบไม่ซับซ้อน ราวกับกลิ่นอายของทะเลลอยเข้าจมูกอยู่ตลอด จนปิดท้ายด้วย Base Notes ที่ Musk และอำพันทองจะมานำเด่น กลั้วกับโทนวู้ดดี้อบอุ่น โดยยังมีพื้นฐานความสดชื่นจากกลิ่นอายทะเลคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งภาพรวมของน้ำหอมรุ่นนี้จะบอกถึงผู้ชายหล่อหรูเท่ห์ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขาสั้น ล่องเรือยอร์ชอยู่ในทะเล ซึ่งทั้งดูรวย ดูชิลล์ และดูมีระดับ ครบเลย ไม่ต้องกล่าวถึงอะไรต่อ เพราะใส่แล้วหล่อทุกทีได้ไม่ยาก

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลาย เป็นต้นไป ที่สามารถซื้อหามาใช้ได้ กลิ่นเข้าถึงได้ง่ายมาก ไม่ซับซ้อน มีความเป็นธรรมชาติในเนื้อกลิ่นที่สื่อถึงทะเลชัดเจน แถมไปด้วยความหรูหรามีคลาส เหมาะสำหรับใส่ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน และยามเย็นแบบทั่วๆ ไป ซึ่งจริงๆ จะใส่ไปปาร์ตี้ยามกลางคืนก็พอได้อยู่ครับ ส่วนคุณผู้หญิงใส่ตัวนี้ได้อยู่นะครับ เพราะมันให้ความสดชื่นแบบทะเลสบายๆ เลยทีเดียว

ความทน – ประมาณ 8 ชม. ขึ้นไป กับโทนกลิ่นที่หอมสดชื่นแบบมีระดับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และลดลงมากระจายดีเรียกคำชมได้ไม่ยากในช่วง Middle และลดลงไปเป็นออร่าบาเรียรอบตัวใครมายืนใกล้ๆ ได้กลิ่นหอมสดชื่นจากผู้ใส่ได้หมด ในช่วง Base จนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – แพงนะ แต่คุณภาพด้านกลิ่นมันก็สมราคา แถมเข้าถึงได้ง่ายแบบน้ำหอมโทนทะเลสดชื่นต่างๆ ได้เลยทีเดียว ที่สำคัญใส่แล้วหล่อ เรียกคำชมได้ แหมมมม มันน่าลองนะครับนั่น 5555


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Creed - Royal water








**ด่วนนะคะ!!! ตอนนี้มี Creed ขวดใหญ่สุดขนาด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75% (ประมาณ 90ml) ขายขวดละ 3,800 **

รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Royal-Water-7510.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/11/review-creed-royal-water.html

ความหรูน่ะต้องมาเต็มแน่ๆ เพราะแค่ขึ้นชื่อว่า Royal มีหรือที่จะมาแบบทั่วๆ ไป เช่นนั้นต้องหรูหราและมีระดับแน่ๆ ที่สำคัญกลิ่นนี้ทำขึ้นเพื่อ Tribute ถึงเจ้าหญิงไดอาน่าที่สิ้นพระชนม์ไป เช่นนั้นแน่นอนว่าต้องสื่อถึงความสง่างามเข้ามาด้วยอีกแน่นอน และ Royal Water ตัวนี้ของ Creed จากการใช้ของผมล่ะ จะเป็นยังไง

ก็ตอบกันตรงๆ เลยครับว่า กลิ่นนี้จะหรูหรา เรียบนิ่ง ธรรมชาติ มีความสดใส สะอาด สว่าง มีระดับ และสง่างามมาครบจริงจัง เพราะเปิด Top Notes กับกลิ่นโทน Green Citrus ของใบเวอร์บีน่าและเหล่ามะกรูดเลมอนกันเต็มๆ แต่สิ่งหนึ่งที่จะแหลมขึ้นมาทำให้กลิ่นต้นอาจจะดูเหมือนหนักคมก็คือ จูนิเปอร์เบอร์รี่ ซึ่งจะมาแบบซิตรัสติดแป้งเย็นหน่อยๆ แต่เอาเข้าจริง กลิ่นมีความกลางๆ ไม่จี๊ดจนเกินไป เลยทำให้มีความสดชื่นสดใสแบบหรูหราหน่อยๆ เริ่มกันตั้งแต่ช่วงนี้ จนเมื่อเข้า Middle Notes ความสง่างามเริ่มบังเกิดเพราะกลิ่นโทนซิตรัสติดเขียวในตอนต้นจะมาเป็นโทน Aromatic ที่ออกทางนุ่มจมูกติดเขียวได้ลงตัวมาก โดยกลิ่นของโหระพาและมินท์จะมาให้ความนุ่มติดสมุนไพรแบบกลางๆ กำลังดี ที่สำคัญมีกลิ่นอายสะอาดๆ ของพริกไทยเข้ามาเสริม เรียกว่าในช่วงนี้คือการเบลนด์น้ำหอมออกมาได้ลงตัว ไม่มีกลิ่นไหนแหลมเด่นออกมา มีแต่ความสดชื่นติดเขียวนุ่มจมูกกลั้วความสะอาดและสุภาพแบบมีคลาส ส่งต่อให้ Base Notes โดยที่โทนซิตรัสจะเริ่มจางจนเหลือเบาๆ ทิ้งความสดชื่นและความสะอาดเรียบหรูในเนื้อกลิ่นไว้ให้รับรู้ได้ แต่สิ่งที่เริ่มดันขึ้นมาคือ กลิ่นอายอบอุ่นแบบกำลังดีนุ่มจมูก เพราะกลิ่นของ Musk และ Ambergris จะมาให้ความรู้สึกแบบผิวกายหอมละมุนนุ่มนวล กลั้วไม้กับโทนวู้ดดี้อ่อนๆสบายๆ เรียกว่ากลิ่นนี้ไม่ต้องหวือหวาอะไรมากเลย แต่เอาอยู่ในเรื่องของออร่าความหอมที่ได้ทั้งความรู้สึกเย็นใจ และสบายใจ ที่สำคัญคือการเบลนด์ Notes แต่ละกลิ่นออกมาให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ไม่หวือหวา แต่ยืนพื้นที่ความสง่าและสุภาพในเนื้อกลิ่นได้ครบเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – Unisex ครับ ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย เรียกว่าเป็นอีกกลิ่นที่มีความหอมสดชื่นแบบมีระดับ โดยไม่ต้องพยายาม แต่อาจจะต้องลองก่อนเพราะกลิ่นต้นเป็นช่วงเซทตัวอาจจะมีความรู้สึกคมๆ ไปบ้าง โดยสามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์เลยในยามกลางวัน เพราะมันมีความหรูหรามีระดับ และเรียบนิ่งอ่อนโยนเย็นใจได้ดีมากในโทนน้ำหอมแบบนี้ ส่วนยามค่ำคืนถ้ากับอากาศบ้านเราเข้าทีไม่น้อยถ้าในในหลายๆ สถานการณ์ แต่ถ้าเอาไปเที่ยวกลางคืนเพื่อหาเหยื่อ วางไว้ที่เดิมเปลี่ยนเป็นตัวอื่นเถิด กลิ่นไม่ได้ไปในทางแบบนั้นเลยจ้า

ความทน – เอาไปเลย เกิน 8 ชม. เพราะส่วนตัวผมเจอที่ 12 ชม. เป็นเรื่องปกติกับตัวนี้ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น เพียงไม่นานก็จะลดลงมากระจายกลางๆ และเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – Royal Water ทำเอาผมประทับใจไม่น้อยตรงที่เป็นน้ำหอมกลิ่นไม่หวือหวาอะไรมาก มาน้อยแต่ได้มากในแง่ของความสดชื่น สะอาด และสุภาพ แกล้มไปกับความหรูหรามีระดับอย่างสง่างาม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่ Creed ทำออกมาแล้วไม่ผิดหวังครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Creed - Tabarome Millesime








**ด่วนนะคะ!!! ตอนนี้มี Creed ขวดใหญ่สุดขนาด 120ml ของแท้ กล่องเทสเตอร์  ไม่มีฝา เหลือปริมาณ 75% (ประมาณ 90ml) ขายขวดละ 3,800 **


รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Tabarome-470.html

Tabarome ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่นะครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วมี vintage version ด้วย แต่หาแทบไม่ได้แล้ว โดยตัวใหม่นี้กลิ่นใสกว่า เข้าถึงง่ายกว่า มีการเติมกลิ่นไซตรัสเข้ามา

Tabarome เป็นน้ำหอมที่ให้ความสง่างาม ภูมิฐาน กลิ่นเต็มไปด้วย note ที่สื่อถึงความรู้สึกนี้อย่างใบยาสูบ ชา ไม้จันทร์หอม และขิงที่เด่นในช่วงต้นและกลาง

กลิ่นเปิดเด่นด้วยมะกรูด สดชื่น หากแต่ไม่บาง โดยเนื้อกลิ่นนั้นมีโทนวู๊ดดี้อยู่

กลางชัดเจนไปกับไม้จันทร์หอม และในช่วงนี้กลิ่นขิงจากต้นเริ่มชัดขึ้น และกลายเป็นคู่หูกับใบยาสูบ โดดเด่นไปด้วยกันจนจบ ซึ่งในปลายกลิ่นนั้น จะได้พบกับ house note ของ Creed ที่ปรากฏใน millesime line เช่น Millesime Imperial เป็นต้น

หากใส่สูทแล้วใช้กลิ่นนี้ จะเข้ากันมากครับ เพราะสื่อถึงคลาส ความสง่างาม แถมยังแอบ sexy อีกด้วย เพราะกลิ่นจำพวกใบยาสูบนี่มัน seductive น่าค้นหาอยู่แล้ว ยิ่งถ้าสูบบุหรี่ จะยิ่งหอมครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------









Chanel - Allure Homme Sport Eau Extreme EDP "ขายแล้วคะ"










------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Versace Pour Homme








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 265฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Versace/Versace-Pour-Homme-2318.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-versace-pour-homme.html

หนึ่งในน้ำหอมจำพวก #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ได้เวลามาเสิร์ฟอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้มาในแบรนด์อย่าง Versace ที่ดันรุ่น pour Homme เป็นหนึ่งในพระเอกของแบรนด์ ซึ่งจะหอมโดนใจหรือไม่ ได้เวลาบอกเล่าแล้วครับ

คนหลายๆ คนมักบอกว่า Versace pour Homme นี้เป็นตัวก็อบมาจาก Chanel Allure Homme Sport มาชัดๆ เพราะกลิ่นเหมือนกันมากกกกกก แต่จริงๆ แล้วในพื้นฐานที่ดมกันเพียงผิวเผินกลิ่นของ Versace จะแตกต่างจาก AHS ชัดมากตรงนี่ไม่มีโทนหวานในเนื้อกลิ่นอยู่เลยครับ เพราะ Top Notes จะออกทางโทนสดชื่นคมๆ จากเลมอน มะกรูด และดอกส้ม โดยมีกลิ่นกุหลาบบางๆ ออกทางใสๆ เข้ามาแจม ที่สำคัญกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดพอสมควรแต่เพียงไม่นานช่วงนี้จะหายไป มาเป็น Middle Notes ที่จะเด่นที่กลิ่นโทนสมุนไพรนุ่มๆ ติดเขียว และวู้ดดี้เท่ห์ๆ ทันสมัย กลิ่นออกทางสดชื่นแบบเมทัลลิคกลั้วไปกับกลิ่นซิตรัสตอนต้นที่ยังตามมาให้สัมผัสได้เป็นระยะๆ ทำให้กลิ่นช่วงนี้มีความสดใสเต็มๆ กลิ่นเรียกคำชมได้ดีมาก ทันสมัยและไม่ทิ้งความแมนเลย จนเมื่อถึง Base Notes กลิ่นจะเปลี่ยนจากสดชื่นนำเป็นหลักมาเป็นอบอุ่นนำกับกลิ่นที่ใครๆ ก็บอกว่ามันคล้าย Chanel AHS กับกลิ่นสะอาดๆ ของ Musk และโทนอบอุ่นครีมมี่นุ่มๆ ของ Amber และถั่วตองก้า ซึ่งถ้าเผลอมีวานิลลาเข้ามาด้วยจะใช่เลยนี่มัน AHS แต่เนื่องจากไม่มี กลิ่นในช่วงนี้จะไปในโทนอบอุ่น สะอาด สดชื่น ทันสมัย หรูหรา และสว่างสไวสดใสเลยทีเดียว ซึ่งโดยรวมสรุปง่ายๆ แบบนี้เลยครับ

Chanel Allure Homme Sport --> สดชื่น เปรี้ยวอมหวาน อบอุ่นครีมมี่นุ่มนวล
Versace pour Homme --> สดชื่น ซิตรัสแบบคมๆ สะอาด และอบอุ่นแบบเท่ห์ๆ

กลิ่นใกล้เคียงแต่ต่างโทนจริงๆ ครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศทุกวัย เป็นกลิ่นที่ใช้ง่ายมาก มีความหอมในตัวเป็นทุนเดิมที่คนได้กลิ่นมักจะชอบ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทำงาน เรียน เที่ยวเล่นที่ไหน ใส่ไปอยู่กับแฟนก็หอมน่าเข้าใกล้ ออกกำลังกายก็ใส่ได้ ออกงานแต่งตัวเนี้้ยบๆ ยิ่งเข้าที ไม่ไม่ค่อยเหมาะกับยามกลางคืนเท่าไหร่ ยกเว้นยามเย็นทั่วๆ ไปครับ

ความทน - 8 ชม. บวกลบนิดหน่อย แล้วแต่การฉีด จุดที่ฉีด และจำนวนสเปรย์

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากตอนต้นๆ จนถึงปลายๆ ของช่วงกลาง แต่พอมาเข้าช่วงท้ายๆ จะกระจายปานกลางให้คนอื่นได้กลิ่นสดชื่ สะอาด ทันสมัยครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Chanel - Bleu De Chanel (EDT) และตัว Parfum (EDP)














ขวด 100 ml ตีต่ำๆเหลือประมาณ 75% "ขายแล้วคะ"

- ตัวEDT แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 185฿ และ 10ml 360 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ตัวEDP แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/01/review-chanel-bleu-de-chanel.html

คนที่ใช้น้ำหอมหรือเล่นน้ำหอมกันมานักต่อนัก ต้องรู้จักตัวนี้เป็นแน่แท้ เผลอๆ ใน 1 สัปดาห์ ต้องได้กลิ่นน้ำหอมรุ่นนี้ของ Chanel อย่างน้อย 1 ครั้งจากบุคคลอื่นที่ใส่น้ำหอมตัวนี้ เพราะเป็นที่นิยมไม่น้อยเลยทีเดียวในความเป็นกลิ่นคนเมือง ที่มีความเมโทรทันสมัยในตัวเองสูง เผลอๆ คนชอบกลิ่นนี้พอๆ กับรุ่น Allure Homme Sport เลยเสียด้วยซ้ำไป เช่นนั้นมาคุยถึงรุ่นนี้กันครับ Bleu De Chanel

เปิดต้นกลิ่นก็ปล่อยของกันเลยทีเดียวกับโทนซิตรัสเย็นๆ กับความเป็นเกรฟฟรุตและเลม่อนกลั้วกับมิ้นท์ให้ความสดชื่นแบบมีชั้นเชิงเพราะแอบเข้มเท่ห์ Modern โดยไม่ได้คล้ายกับกลิ่นสดชื่นทั่วไปในตลาดเลย ซึ่งถ้าคนดมแล้วไม่ชอบช่วงต้น อาจจะพลาดโอกาสบางอย่างไปพอสมควร เพราะกลิ่นที่เหลือนี่แหละมันทำให้ตัวนี้เป็น Top Class ตัวนึงในน้ำหอมแบบ Mass Market ที่มีระดับมาก เพราะช่วงกลางความสดชื่นเย็นๆ กลั้วความหวานจางๆ ของขิงจันทน์เทศและพริกไทยสีชมพู จะมาผสานกับกลิ่นมะลิที่ทำให้ดูอ่อนโยน แต่แมนขรึมด้วยโทนวู้ดดี้รองพื้น ทำให้กลิ่นมีมิติมากเลยทีเดียวและสื่อชัดเจนถึงผู้ชายทันสมัยได้ชัดเจน จนเมื่อถึงช่วงท้ายคราวนี้ได้เวลาของความเย้ายวนแบบเมโทรที่ไม่ได้มาชวนกันโต้งๆ มาแบบเงียบๆ แต่โดดเด่นด้วยกลิ่นเชิงธูปหอมผสานกับพิมเสนที่ไม่หนักหน่วง โดยแอบจับได้ว่ามีหญ้าแฝกมาตัดลดความหนักหน่วงของทำให้กลิ่นนี้ไม่กลายเป็นกลิ่นที่ออกหลอน แต่มาเป็นกลิ่นที่เย้ายวนแบบทันสมัย มีความแมนในเนื้อกลิ่นแบบผู้ชายมั่นใจในตัวเอง นี่แหละผมจึงไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงชื่นชอบน้ำหอมรุ่นนี้ของ Chanel กันมาก เพราะมันสื่อถึง Lifestyle ในแบบผู้ชายปัจจุบันที่หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้นนั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นใช้ได้ในทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ครอบจักรวาลเลยทีเดียว แถมสร้างลุคแบบผู้ชายดูแลตัวเองได้ดีมากเลยล่ะครับ

ความทน - ประมาณ 8 ชม. เป็นเรื่องปกติ ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีดด้วยเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายได้ดีเลยทีเดียวในช่วงต้นและกลาง ให้คนอื่นรอบตัวรับรู้ถึงเสน่ห์และความ Modern ที่คนฉีดเป็นได้ดีมาก พอมาในช่วงท้ายๆ กลิ่นจะลดการกระจายลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวหอมกำลังดี


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Chanel - Allure Homme Edition Blanche EDP







- ขวด 100 ml เหลือประมาณ 95% ขาย 2,900 คะ (ตัวนี้เป็น EDP ความทนและความแน่นของกลิ่นจะมากกว่ารุ่น EDT นะคะ)

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

ได้รับการพูดถึงมากทีเดียวสำหรับ Allure Homme Edition Blanche กลิ่นเด่นที่สุดในช่วง 2 ช.ม. แรกน่าจะเป็นมะนาวครับ ไม่ใช่มะนาวแบบบ้านเรานะครับ อันนั้นเรียกว่า lime แต่นี่คือ Lemon หรือมะนาวเมืองนอกนั่นล่ะครับ แต่กลิ่นไม่ได้ใส ๆ แบบน้ำหอมที่เด่นด้วยกลิ่นโทน citrus เนื่องจากรุ่นนี้มีพื้นเพมาจาก Allure Homme กลิ่นจึงออกทาง oriental หน่อย ๆ

กลิ่น citrus มาแบบ creamy นุ่มนวลต่อจมูก ส่วนผสมได้รับการคัดสรรแล้ว เชื่อใจ Jacques Polge ได้เลยครับ เขาไม่ทำให้ Chanel เสียชื่อแน่นอน ผ่านช่วงต้นมาแล้ว กลิ่นก็ยังมีโทน citrus ให้จับได้อยู่ เมื่อรวมตัวกับกลิ่นแน่น ๆ ของพวกเครื่องเทศและกลิ่นโทนอบอุ่นอย่างวานิลลาและแอมเบอร์ น่าจะเห็นได้ถึงความซับซ้อนนะครับ หนึ่งคือสดชื่น สองคือ sophisticated ไปกับ spicy notes และสาม อบอุ่นกำลังดีกับวานิลลา แอมเบอร์และไม้ซีดาร์

กลิ่นทนมาก กระจายดี ให้ความรู้สึกทันสมัย ดูหรูหรามีการศึกษา 

ใส่ไปทำงานจะดีมากครับ ยิ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้ายิ่งเหมาะครับ ถือเป็นกลิ่นผู้นำเทรนด์ความทันสมัยของสังคมเมืองอย่างแท้จริง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

tamamajung

29/11/2016 17:32:57
0
IP : 58.10.65.176
Thierry Mugler - A*Men Original














- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 180฿ และ 10ml 360฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวด 100 ml ของใหม่ ยังไม่แกะกล่องนะคะ (ในรูปเป็นตัวของหนูเองคะ) ขาย 2,500

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Thierry-Mugler/A-Men-705.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-thierry-mugler-amen.html

เรียกได้ว่าเป็นตำนานในฐานะน้ำหอมที่ถือว่าเป็นตัวเรียกแขกอันดับต้นๆ ของโลกให้เข้ามากินตับให้หนำใจได้เลยทีเดียว กับความเป็นน้ำหอมเชิง Gourmand ที่ออกแนวขนมหวานหรือของกินหวานๆ แถมยังร้ายกาจอย่างมากในแง่ของการกระจายตัวที่เรียกร้องความสนใจอย่างแรงจริงๆ กับ A*Men ตัวนี้เลยครับ

แม้ว่า A*Men จะเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่ถ้าไม่ชอบก็จะเกลียดไปเลย แถมเลือกผู้ใส่พอสมควรก็ตามที แต่อย่างน้อยมันก็ยังให้โอกาสในการให้คนที่จะใช้ได้ทำความเข้าใจและเรียนรู้กับมันอยู่พอสมควร เพราะเนื้อกลิ่นแค่ช่วง Top Notes หลายๆ คนเบือนหน้าหนีกันได้เลยทีเดียว เพราะกลิ่นเปิดแรงบาดจมูกแอบไม่น่าพิสมัยมาก เพราะกลิ่นของลาเวนเดอร์ มิ้นท์ เม็ดผักชี โทนเขียวๆ และโทนผลไม้จะมาตีกันนัวเลย ออกแนวเหมือนไม้เหม็นหืนมาผสมกลิ่นเต่าแขกนิดหน่อย เพราะนอกจากโทนข้างบนจะยกพวกมาตีกันแล้ว กลิ่นคาราเมลจะดันขึ้นมาเร็วมากมาร่วมตีกับเขาด้วย ซึ่งต้องอาศัยเวลาที่จะทำความเข้าใจกับช่วงนี้และยอมรับมันพอสมควร ซึ่งพอชินแล้วก็จะ OK ไปเองแหละครับ และเมื่อถึงเวลาคาราเมลพระเอกของเราก็ตีทุกทัพแตกกระเจิงก็จะเข้าสู่ Middle Notes ที่จัดเต็มความหวานหอมน่ากินเย้ายวนดึงดูดเยือกเย็นแบบไม่แคร์สื่อ เพราะพระเอกของเราจะมารวมตัวเป็นพันธมิตรกับน้ำผึ้ง นม กลิ่นวู้ดดี้ติดมะลิจางๆ โดยมีพิมเสนเป็นกุนซือตัวสำคัญที่ทำให้กลิ่นเข้าครอบครองพื้นที่รอบกายแผ่กระจายไปรอบอาณาเขตของผิวกายเรา ยิ่งถ้าเคมีเข้ากันได้ แถมร่างกายมีการขยับเนื้อตัวเกิดความร้อน และอากาศในแบบบ้านเรากลิ่นจะขยายอาณาเขตแบบเต็มเหนี่ยวแบบขจรไกล เรียกร้องความสนใจทุกผู้ทุกนามว่า "หันมามองผมสิ แล้วกินให้หมดทั้งตัวก็ได้นะผมไม่ว่า (พลางทำหน้าแบบ #ก็ไม่รู้สินะ)" อิทธิพลของกลิ่นในช่วงนี้ถ้าใส่ถูกช่วงเวลา คือ เที่ยวกลางคืน บอกได้เลยว่ายั่ว Sex ขาดใจ ทำให้คนอยากเข้าใกล้มาสีเกินความจำเป็น หรือพยายามมานัวเนียสารพัด ช่วยทำให้คนใส่บริหารเสน่ห์ได้แบบจัดเต็มจริงๆ จนถึงขั้นไปรบกัน 2 ต่อ 2 ได้ แต่ต้องรวมถึงบุคลิกและการ Present ตัวเองด้วยนะครับ ไม่ใช่ใส่แล้วนั่งทื่อเป็นเสา ดูแห้งแล้ง เคมีไม่เข้า หรือทำหน้าเป็นตรูด ใครมันจะอยากเข้าหากันล่ะนั่น ยังไม่พอเมื่อเข้าสู่ช่วง Base Notes คราวนี้กุนซือและพระเอกของเราก็มาร่วมทีมกับกับโทนวู้ดดี้ ครีมมี่ อบอุ่น เย้ายวน เซ็กซี่ หวาน น่ากิน เข้มข้น ซึ่งกลิ่นช่วงนี้คือขนมชั้นดีกลั้วกาแฟแบบคาราเมลแมคคิอาโต้ที่จะออกนุ่มเย็น กลิ่นเริ่มดึงเข้าสู่ทางจัดหนักทางด้านกระจายดึงดูดทุกกรณีแบบไม่มีข้อแม้ ไม่มีคำว่าสดชื่น สะอาด หรือโลกสวยแต่ประการใด จัดเต็มกันแบบไม่แคร์รับช่วงต่อในเรื่องการดึงดูดจัดหนักยั่วขาดใจ โดยเฉพาะขุนศึกในโทนกาแฟ วานิลลา ถั่วตองก้า กำยาน ไม้หอม และอำพันที่จะมาทำหน้าที่หลัก โดยยังมีกุนซืออย่างพิมเสนที่ยังคงเต็มที่ในการสั่งการ แต่พระเอกของเราตอนนี้นั่งพักผ่อนเป็นฉากหลังแทน ยังกับนั่งดูสามก๊กเน้นฝั่งจ๊กก๊กทางด้านกลิ่นที่ออกทางยั่ว Sex ยังไงยังงั้น ใครเป็นเล่าปี ใครเป็นขงเบ้ง ใครเป็นอะไรอันนี้น่าจะเดากันได้ไม่อยากนะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยมหาลัยขึ้นไป เน้นใส่เที่ยวกลางคืน หาเหยื่อ หรือขับเสน่ห์จะดีที่สุดครับ ที่สำคัญ#เรียกแขกได้ทุกเพศ แต่ถ้าลดระดับจำนวนสเปรย์ในระดับที่เหมาะสมก็สามารถใส่ยามกลางวันไปเรียน ไปทำงาน ใส่ไปเที่ยวกับแฟน ใส่ไปหากิ้ก หรือใส่ชิลล์ๆ ก็ยังได้อยู่ครับ แต่อย่าได้ใส่ออกกำลังกายหรือในช่วงอากาศร้อนจัดๆ เพราะคนรอบข้างอาจจะด่าตรงๆ หรือด่าในใจ หลบลี้หนี้หายหมด เพราะกลิ่นเวลากระจายช่วงนี้สามารถทำให้คนเวียนหัวได้ไม่น้อยจริงๆ ส่วนคุณผู้หญิงสามารถใช้น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ ครับ เพราะโทนกลิ่นออกทางหวานเข้าทางอยู่ไม่ใช่น้อยถ้าจะลอง

ความทน - มากกกกกกกกกกจนไม่รู้จะบอกว่ามากยังไง 12 ชม. ขึ้นไปครับ กลิ่นติดเสื้อซักแล้วกลิ่นก็ยังไม่จางเลย เอากับมันสิ

การกระจาย - กระจายดีมันทุกช่วงเลย แต่จะเริ่มเรียกร้องความสนใจได้เต็มๆ ตั้งแต่ Middle เป็นต้นไปครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Thierry Mugler - A*Men Pure Malt








รีวิวต่างประเทศ   http://www.fragrantica.com/perfume/Thierry-Mugler/A-Men-Pure-Malt-6103.html

แบรนด์และตระกูลสุดรักของพี่เข็มขัดสั้นเลยคะ ตัวนี้เป็นลิมิเต็ททำออกมาในปี 2009 นะคะ ปีต่อไปก็ไม่ทำแล้วคะ หายากมากๆคะ เป็นตัวที่ถูกโหวตให้เป็นอันดับต้นๆของน้ำหอมผู้ชายที่ทำออกมาได้ดีที่สุดเลยคะตัวนี้ รีวิวในYoutube และในอินเตอร์เน็ตชื่นชมตัวนี้ทุกคนเลยคะ

- ขวด 100 ml ของใหม่ ยังไม่แกะกล่องนะคะ (ในรูปเป็นตัวของหนูเองคะ) ขาย 2,900฿

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-thierry-mugler-amen-pure-malt.html

หนึ่งในน้ำหอมขั้นเทพ ที่เป็น Flanker ของตัวเทพสุดอย่าง A*Men ปกติ ที่กลิ่นจะพร้อมเรียกแขกยามค่ำคืนได้ไม่ยาก ใช้ง่ายกว่าต้นฉบับ แถมดูมีคลาส Chic เซ็กซี่ และคาสโนว่าสุดๆ ต้องเป็นตัวนี้เลย A*Men Pure Malt

เพราะเปิดต้นกลิ่นมาก็เป็นกลิ่นแนวผลไม้รวมที่ให้อารมณ์ Fruity สุดๆ มีกลิ่นอายสดชื่นก็จริง และมันดูขี้เล่นกรุ้มกริ่มไม่หยอก พอเข้าช่วง Middle เท่านั้นแหละ ได้เวลาของ Malt กันแล้ว เพราะกลิ่นที่ได้คือกลิ่นวิสกี้ ที่ผสานกับกลิ่นแนวๆ Woody ได้หอมเซ็กซี่ ดูมีสกุลรุนชาติขึ้นมาทันที ซึ่งกลิ่นนี้แหละบ่งบอกถึงอารมณ์แห่งการเป็นคาสโนว่าที่หล่อเลือกได้ แค่เพียงกลิ่นลอยไปปะทะจมูกใครซักคน โดยจะมีกลิ่นผลไม้บางเบาเป็นฉากหลังเสริมทำให้เกิดอารมณ์ Chic กำลังดีแถมให้อารมณ์ผู้ชายคนนี้มันหล่อจังเลย และกลิ่นวิสกี้นี่แหละที่จะมารวมตัวกันกับช่วงเบสอย่างกลิ่นแนวๆ Oriental เครื่องเทศที่ไม่หนักหน่วงนัก มีโทนวานิลลาอยู่พอประมาณ แต่ที่เด็ดดวงที่ทำให้เกิดอาการผู้ชายคนนี้มาดแมน เซ็กซี่ เร้าใจอย่างบอกไม่ถูก โดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้าก็ถือกลิ่นถ่านหินที่สะอาดๆ นี่แหละ ความเก๋มันอยู่ตรงนี้

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายวัยทำงานครับ เป็นน้ำหอมที่ใส่ยามกลางคืนไปเที่ยวก็ได้ หรือออกงานกลางคืนก็เสริมออร่าเซ็กซี่ได้ไม่หยอก จริงๆ ก็ใส่ยามกลางวันได้ครับ เช่นเที่ยวห้างเดินเล่นแบบหรูๆ หน่อย แต่ถ้าใส่ไปทำงานอย่าฉีดเยอะ เดี๋ยวจะดูออกแนวเซ็กซี่เกินไปนักครับ

ความทน - มากกกกกกกกกกกก เกิน 8 ชั่วโมงขึ้นไป กลิ่นวิสกี้ตีขึ้นให้ฟินตลอด

การกระจาย - กระจายดีมากในช่วง Top และ Middle กลิ่นจะเย้ายวนกำลังดี และหรูหรา แต่ช่วงเบสจะออกแนวกลิ่นออร่ารอบๆ ตัวแบบเท่ห์ๆ มากกว่า

เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจในโซนของน้ำหอมโทนกลิ่นเหล้าที่ไม่ได้ทำให้ดูเป็นคนขี้เมาแต่อย่างใด แต่ทำให้ดูว่าคนๆ นี้ช่างมีรสนิยมดี๊ ดี ดูรวย ใส่แล้วระวังงานเข้าต้องออกกำลังกายยามค่ำตคืนหน่อยนะครับ คุณผู้ชาย ฮี่ฮี่


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Thierry Mugler - A*Men Pure Havane








รีวิวต่างประเทศ   http://www.fragrantica.com/perfume/Thierry-Mugler/A-Men-Pure-Havane-11444.html

แบรนด์และตระกูลสุดรักของพี่เข็มขัดสั้นเลยคะ ตัวนี้เป็นลิมิเต็ททำออกมาในปี 2011 นะคะ ปีต่อไปก็ไม่ทำแล้วคะ หายากมากคะ เป็นตัวที่ถูกโหวตให้เป็นอันดับต้นๆของน้ำหอมผู้ชายที่ทำออกมาได้ดีที่สุดตัวนึงเลยคะ รีวิวในYoutube และในอินเตอร์เน็ตชื่นชมตัวนี้ทุกคนเลยคะ

- ขวด 100 ml ของใหม่ ยังไม่แกะกล่องนะคะ (ในรูปเป็นตัวของหนูเองคะ) ขาย 3,500 

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 250฿ และ 10ml 460 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/12/review-thierry-mugler-amen-pure-havane.html

นี่คือหนึ่งในตัวที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดตัวนึงเลยทีเดียวกับในการเป็น Flanker ของโซน A*Men ที่จัดเต็มกับการบอกถึงต้นตำรับที่ยังคงความเซ็กซี่เย้ายวนอยู่เบื้องหลัง แต่โดดเด่นเป็นสง่าในแง่ของการเป็นตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นรุ่น Limited Edition ที่คนรักน้ำหอมแบรนด์ Thierry Mugler ไม่ควรจะพลาดกับรุ่นนี้ครับ A*Men Pure Havane

เปิดตัวด้วยความเป็นยาสูบหอมๆ ราดด้วยน้ำผึ้งชุ่มๆ กลิ่นมีเสน่ห์แบบภูมิฐานมากมายกันตั้งแต่เริ่มต้น ให้ความรู้สึกเย้ายวนในแบบสุภาพบุรุษที่ซ่อนคมและหวานลึกลับกันเลทีเดียว ซึ่งกลิ่นของยาสูบและน้ำผึ้งนี้จะตามติดไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของน้ำหอมเลย โดยเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางก็ได้เวลาของความเป็น A*Men ที่เข้ามาทำหน้าที่แทน โดยกลิ่นของต้นจะกลายเป็นคนเบื้องหลังที่ปล่อยกลิ่นให้รู้สึกบางๆ ตลอด ให้กลิ่นของวานิลลา โกโก้ และพิมเสน ทำหน้าที่อย่างโดดเด่น มาก กลิ่นช่วงนี้จะหอมเซ็กซี่เย้ายวนแบบมีระดับขาดใจ แถมกลิ่นอบอุ่นน่าเชื่อถือมาก ยิ่งมีกลิ่นยาสูบกลั้วน้ำผึ้งจางๆ มาผสานยิ่งทำให้เซ็กซี่แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้าก็เชิญมากินทั้งตัวเลยน่าจะง่ายกว่า และได้เวลาของการปิดท้ายด้วยกำยานและแอมเบอร์ที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่น น่าเข้าใกล้ แบบยังคงความมีภูมิเต็มเปี่ยม ลึกลับกำลังดี โดยมีกลิ่นในช่วงต้นและกลางตามมาเป็นพื้นหลังทำให้ได้ความเย้ายวน ความหวาน และความเซ็กซี่แบบสุภาพบุรุษหน้านิ่งๆ เพิ่มเข้ามาดึงดูดอีกต่อ แค่นี้ก็เพียงพอที่น้ำหอมตัวนี้จะทำให้คนใส่และคนได้กลิ่นฟิน และพร้อมฟินต่อกันได้ไม่ยากครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศเน้นวัยทำงานขึ้นไป เพราะกลิ่นค่อนข้างให้อารมณ์ความเป็นผู้ใหญ่ในเนื้อกลิ่นจากโทนน้ำผึ้งราดใบยาสูบนี่แหละ สามารถใส่ทำงาน (แบบสเปรย์เหมาะสม) ใส่ออกงานหรู หรือออกงานทั่วไป รวมถึงการเที่ยวกลางคืนแบบมีระดับนิดนึง ไม่ใช่ใส่ไปเต้นรากแตก ร้องกี๊ซซซซ ร้องแอร๊ยยยย มันไม่ใช่อ่ะ แต่ไม่เหมาะกับการใส่ไปออกกำลังกายเลย กลิ่นจะกระจายดีจนทำให้คนอื่นเวียนหัวเอาได้ครับ

ความทน - มากกกกกกกกกกกกก จะมากไปไหน เกิน 8 ชม. แน่ๆ เพราะใส่ทุกครั้งตั้งแต่ 6 โมงเช้า เที่ยงคืนกลิ่นยังลอยให้รู้สึกตลอดเลย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น และจะลดมากระจายดีไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว สมกับการเป็น A*Men ที่ไม่เคยลดราวาศอกให้ใคร

ทิ้งท้าย - เป็นอีหหนึ่งใน Flanker ของ A*Men ที่ผมปลื้มมากๆ เลยทีเดียวครับ ของเขาดีจริงๆ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Thierry Mugler - A*Men Ultra Zest








รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Thierry-Mugler/A-Men-Ultra-Zest-29589.html

แบรนด์และตระกูลสุดรักของพี่เข็มขัดสั้นเลยคะ ตัวนี้เป็นลิมิเต็ททำออกมาในปี 2015 นะคะ เพิ่งออกมาเมื่อปีที่แล้ว เป็นตัวที่ถูกโหวตให้เป็นน้ำหอมผู้ชายที่ทำออกมาได้ดีที่สุดเป็นอันดับ1ในเว็บน้ำหอม Fragrantica ในปี2015 (Best men's Perfumes in 2015) เลยคะ

- ขวด 100 ml ของใหม่ ยังไม่แกะกล่องนะคะ (ในรูปเป็นตัวของหนูเองคะ) ขาย 2,950

- ขวด 100 ml เหลือประมาณ 50% ขาย 1,700 คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 380฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ

http://kemkudson.blogspot.com/2015/11/review-thierry-mugler-amen-ultra-zest.html

บอกกันตรงนี้ว่า "นี่คือหนึ่งในลูกรักของผมเลย" ที่กลิ่นแบบว่าถูกจริตขั้นสุดในแง่ของการผสมผสานน้ำหอมโทนสดชื่นและเย้ายวนเข้าด้วยกันได้อย่างมีชั้นเชิงมาก โดยยังมีกลิ่นอายของต้นตระกูลอย่าง A*Men ที่ X แตกอยู่อย่างไม่มีผิดเพี้ยน นั่นก็คือ ตัวส้มสีแสบจี๊ดที่พึ่งวางตลาดอย่างรุ่นนี้เลยครับ A*Men Ultra Zest

เปิดต้นกลิ่นด้วย Top Notes กับกลิ่นส้มสีเลือดที่จะออกหวานฉ่ำติดเปรี้ยว มาผสมผสานกับส้มเขียวหวานทีมาในโทนเปรี้ยวอมหวานเดียวกันกลายเป็นกลิ่นอายหอมสดชื่นที่ฉ่ำมากไม่หวานไปไม่เปรี้ยวไป โดยจะมีกลิ่นซ่าๆ ของกลิ่นขิงกับเลมอน และมีมินท์มาให้ความสดชื่นแบบเย็นๆ อีก กลายเป็นกลิ่นแบบน้ำส้มแฟนต้าซ่าๆ มากันเต็มๆ แน่นๆ เลย นี่แหละครับคนรักกลิ่นส้มจะแบบว่าฟินจัดกับตัวนี้มากเลย เพราะมันลั่นล้ากันตั้งแต่ต้นและยาวนานไปจนถึงช่วงท้ายๆ เลย เพียงแต่จะมีสิ่งที่หลบๆ ซ่อนๆ ในช่วงนี้คือโทนแบบ A*Men ต้นตระกูลและตัวเอกของไลน์อย่างพิมเสนที่มาแบบเบาๆ อยู่ ซึ่งจะมาชัดเจนกันในช่วง Middle โดยที่กลิ่นส้มซ่าๆ จะตามมาเด่นอยู่ แต่สิ่งที่เสริมขึ้นมาคือ กลิ่นของกาแฟกลั้วเครื่องเทศ มีกลิ่นอายแบบคาราเมลติดพิมเสนให้รู้สึกได้ ช่วงนี้เลยกลายเป็นกาแฟรสส้มแบบเย้ายวน เท่ห์ ลั่นล้า และสดชื่นในเวลาเดียวกัน เรียกว่าคือไฮไลท์กันเลยกับการเอาความเป็น A*Men มาผสมกับส้มจนได้กลิ่นที่ลงตัวมาก กลิ่นแบบยั่วยวนชวน X ก็จริง แต่มีความสดชื่นมาเบรกไม่ให้หวานเกินไป และใช้ง่ายกว่า ซึ่งกลิ่นกาแฟผสมส้มซ่าๆ ในตอนนี้จะลากยาวไปเรื่อยๆ จนจะมีกลิ่นอายของวานิลลาและครีมมี่แบบนุ่มนวลดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้า Base Notes ที่จะหลายเป็นกลิ่นกาแฟกลั้วส้มจางๆ มีกลิ่นวานิลลาแบบไลท์เวอร์ชั่นแบบนุ่มๆ ติดครีมมี่มากลั้ว ที่สำคัญจะพลาดไปได้อย่างไรกับพิมเสนที่เปิดตัวกันเต็มๆ ในช่วงนี้ กลิ่นอายจะหอมแบบชวนคลุกวงในแบบ A*Men แบบที่ไม่ชวนกันโต้งๆ ชัดเจนแบบต้นตระกูล มาแบบเฮฮา สดชื่น แต่หันไปหลิ่วตาใส่เป็นระยะยังไงยังงั้นเลยอ่ะ ฮิ้วววววว เรียกว่าคือไฮไลท์กันเลยกับการเอาความเป็น A*Men มาผสมกับส้มจนได้กลิ่นที่ลงตัว และใช้ง่ายกว่าต้นกระกูลมาก ไม่รักและหลงกลิ่นนี้ได้อย่างไรกัน

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป กลิ่นสดลื่นลั่นล้าอย่างมีชั้นเชิงมาก แถมมีความเจ้าชู้ชวนกินแบบต้นตระกูลที่ไม่ได้ออกตัวแรงยั่วให้มากินให้หมดทั้งตัวขนาดนั้น แต่เน้นยั่วเรื่อยๆ จนสุดท้ายฟินนนนนนนนน ซึ่งใส่ได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งงานทางการจัดๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ถ้าใส่แบบทำงาน Office นี่ได้อยู่ หรือใส่แบบชิลล์ๆ เที่ยวลั่นล้าก็ได้นะครับ แต่งดใส่ออกกำลังกายได้เลย เพราะกลิ่นแม้จะสดชื่นแต่แน่นมาก ฆ่าชาวบ้านหรือไม่ก็ยั่วให้มาฟัดนัวกันคาลู่วิ่งในสถานที่ออกกำลังกายเสียก่อน ส่วนยามค่ำคืน จัดไป ใส่ได้สบายมากกับอากาศบ้านเรา เรียกว่าเรียกแขกได้ดีมากตามสไตล์ตัวต้นตระกูลเลยครับ

ความทน - 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ซึ่งอยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวผมเจอที่ 12 ชม. ครับ กลิ่นตีขึ้นตลอดด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากกกกกกกกกกในช่วงต้นสดชื่นซาบซ่ามากมาย แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ก่อนจะกระจายกลางๆ ค่อนไปทางออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย - รักมาก หวงมาก และดีใจมากที่มีไว้ครอบครอง พูดได้ว่ามีโอกาสจะซื้อตุนไว้ครับ เพราะมันเป็น Limited Edition ด้วยยยยย และคงไม่ปล่อยให้จากไปไหนง่ายๆ แน่นอนกับน้ำหอมรุ่นนี้ ที่เข้า Top 20 น้ำหอมสุดรักผมทันทีไม่มีเงื่อนไขใดๆ ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Carolina Herrera - CH Men Prive









รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Carolina-Herrera/CH-Men-Prive-31508.html

ตัวใหม่ล่าสุดจาก Carolina Herrera พึ่งออกมาปลายปี2015ที่แล้ว กลิ่นแนวอโรมาติค อบอุ่น เซ็กซี่สุดๆ แบบชายหนุ่มที่ยั่วสุดๆๆ เด่นที่กลิ่นวิสกี้กรุ่นๆ หนัง กับความหวานของทองก้าบีน ตัวนี้ฝรั่งเลิฟมากๆค่ะ **โดยรีวิวจากสาวๆในยูทูป ต่างบอกว่า SEX ALL DAY การันตรีด้วยการติดอันดับ1 ปี2016 น้ำหอมที่ใส่ออกเดทกับเที่ยวกลางคืนจากผลโหวตของสาวๆด้วยนะคะ**

- ขวด 100 ml ของใหม่ ซื้อมา 3,900 ขาย 2,400 คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Lattafa Perfumes - Raghba








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 260฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวด 100ml กล่องซีล ของใหม่ ยังไม่ใช้ ขาย 1,800฿ คะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Lattafa-Perfumes/Raghba-25807.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/12/review-lattafa-perfumes-raghba.html

 เฮ้ยยยย! กลิ่นดีอ่ะ ชอบ กลิ่นหอมหวานน่าสนใจมาก เปิดต้นกลิ่นมาก็เรียกได้ว่าเรียกร้องความสนใจได้มากเลยทีเดียวกับกลิ่นอายของรัมหวานๆ มีเจือกลิ่นผลไม้ที่ออกทางเย้ายวนติดดาร์กแบบลูกพลัมนิดๆ โดยที่จะมีกลิ่นวานิลลาและกำยานที่เป็นตัวรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นออกทางหอมหวานเย้ายวนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนมาแน่นเลยทีเดียว และเพียงไม่นาน Oud มาแล้วจ้า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากตรงที่ไม่ได้มาแบบที่เข้มหนักหน่วง คงเป็นเพราะการที่กลิ่นหวานๆ อบอุ่นของวานิลาติดกำยานมาเป็นตัวตัดทอนให้ลงตัวไม่พอ ยังมีกลิ่นของน้ำตาลที่เคี่ยวจนงวดเหนียวติดกลิ่นน้ำตาลไหม้เข้ามาด้วย เลยกลายเป็นช่วงที่เย้ายวนหอมหวานแบบมีเสน่ห์มาก แบบที่มีความเป็นกลิ่นอายแบบตะวันออกกลางแบบกำลังดี ไม่ได้มาเข้มจนแบบว่ากำลังเดินเล่นแถวนานาหรือดูไบแต่ประการใด และเพียงไม่นานกลิ่นอายแบบ Smoky ของกลิ่นธูปไม้หอมจะมากลั้วเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงท้ายที่ยังมีกลิ่นอายความหวานอบอุ่นเต็มๆ อยู่แบบวานิลลาติดกำยานกลั้วน้ำตาลเคี่ยว แต่จะเริ่มมีเสน่ห์มากขึ้นจากกลิ่นไม้จันทน์หอมที่เข้ามาเป็นลูกคู่ของ Oud ที่ลดระดับลงมา มีกลิ่นนุ่มๆ ของ Musk รองพื้นด้านหลังที่จะมาแบบเย้ายวนติดเซ็กซี่ เรียกว่าภาพรวมของน้ำหอมใครรักกลิ่นโทนหวานและมีเสน่ห์ติดกลิ่นอายตะวันออกกลาง จะปลื้มตัวนี้ได้เลย แถมนำไปใช้ในการปล่อยเสน่ห์โทนเย้ายวนได้ดีเสียด้วยล่ะ

เหมาะสำหรับ - Unisex เลย ใช้ได้ทั้งหญิงและชายกลิ่นเป็นโทนหวานที่แตะทั้ง 2 ฝั่งแบบลงตัวมาก และจะเหมาะกับคนที่ผ่านน้ำหอมที่มีกลิ่นอายแบบ Oud มาบ้าง ไม่งั้นจะรู้สึกแน่นอนว่ามันแขก ทั้งๆ ที่จริงๆ ความแขกไม่ได้ถึงกับ Take Over ทั้่งหมด โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน แบบจำกัดจำนวนสเปรย์ ไม่เช่นนั้นคนฉีดตายก่อนไม่พอ คนรอบข้างตายตามอย่างอึดอัดด้วย งดใส่ออกกลางแดด อากาศร้อนจัด และออกกำลังกายเด็ดขาดฆ่าหมู่เลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืนกลิ่นนี้จัดกำลังดี เรียกร้องความสนใจแบบเย้ายวนได้ดีมาก แถมมีคนจะอยากคลุกวงในเอาได้นะนั่น

ความทน - เป็น EDP สีเข้มขนาดนี้ เรียกได้เลยว่า 12 ชม. กลิ่นยังอยู่สบายๆ ยิ่งถ้าเคมีเข้ากับน้ำหอมโทนนี้กลิ่นจะลากยาวนานมากเลย ซึ่ง 15 ชม. ก็เจอมาแล้ว ยกนิ้วให้ในเรื่องความทนของตัวนี้เลย

การกระจาย - Sillage Scent อย่างชัดเจนในทุกช่วง เป็นบาเรียล้อมรอบตัวเลยจ้า แถมกลิ่นที่ผิวกับกลิ่นที่กระจายออกมาแนวเดียวกันด้วยนะ ไม่ได้แตกต่าง ตั้งแต่ช่วงต้นยันท้ายเรียกว่าทำหน้าที่ในการกระจายได้ดีจริง มีปลายๆ ช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัว จึงเป็นที่มาของการที่ให้ใส่อย่างเหมาะสมและจำกัดจำนวนสเปรย์

ทิ้งท้าย - ตอนที่ผมเทสก่อนนอนแค่เพียงสเปรย์เดียวที่ข้อมือ กระจายแบบหนำใจมาก และทำปัญหาให้ผมไม่น้อย ยอมรับตรงนี้ว่ากลิ่นนี้ทำให้ตื่นกลางดึกมานั่งสงบสติอารมณ์เลย เพราะมันยั่วเหลือเกินทำให้ทุกประสาทสัมผัสตื่นตัวแบบหื่นๆหมด 555 ต้องนั่งตั้งสติทำสมาธิบอกให้ผ่อนคลาย นอนเถิดพรุ่งนี้ตื่นเช้านะ Plsss 555


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Hermes Terre d'Hermes Eau Tres Fraiche








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Hermes/Hermes-Terre-d-Hermes-Eau-Tres-Fraiche-24060.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/11/review-hermes-terre-dhermes-eau-tres.html


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Hermes - Terre d'Hermes (EDT) และ ตัว Parfum (หัวน้ำหอม)




















- ขวดนี้เป็นขวด Limited เป็นขวด Metal หรูหรา ไฮโซมากคะ ขนาดใหญ่ที่สุด 150ml ยังไม่ได้แกะใช้คะ ซื้อจาก PARAGON 7,800บาท ขอขาย 3,700 คะ

- ตัว EDT แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 180฿ และ 10ml 350 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ตัว Parfum (หัวน้ำหอม) แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 250฿ และ 10ml 470 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Hermes/Terre-d-Hermes-17.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-hermes-terre-dhermes.html

หนึ่งในน้ำหอมที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดตัวนึงในแบรนด์นี้สำหรับผู้ชายเลยทีเดียว นั่นคือ Terre d'Hermes

แน่นอนว่าถ้าใครชอบน้ำหอมโทนสุภาพ Safe Scent นี่คือหนึ่งในตัวที่จะสมควรได้มีโอกาสใช้และทดสอบกับผิวครับว่าเข้ากับตัวเองหรือไม่ เพราะ Top Notes จะให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ ไปเลยในกลิ่นโทนซิตรัสที่มีส้มนำมาเลยทีเดียว เป็นกลิ่นส้มที่ออกติดเขียวๆ หน่อย ซึ่งกลิ่นโทนเขียวนี่แหละครับคือลายเซ็นของ Hermes เลยที่จะมีในน้ำหอมแทบจะทุกตัว ซึ่งนอกจากจะทำให้สดชื่นแล้วมันยังทำให้แอบหรูมากๆ พอกลิ่นเปลี่ยนโทนมาที่ Middle Notes จะมาในรูปแบบที่สะอาดๆ ของพริกไทยซึ่งเด่นมากจริงๆ โดยมีพิมเสนเป็นฉากหลังบางๆให้อารมณ์นุ่มนวลเย็นๆ ได้ดีเลย ซึ่งพิมเสนนี่ยังตามมาต่อที่ช่วง Base Notes ที่คราวนี้จัดเต็มกันด้วยกับโทนกลิ่นที่ให้อารมณ์ดินอุ่นหอมๆ (ไม่ใช่โคลนเลนโดนแดดนะครับ เสียหมดถ้าเป็นกลิ่นแบบนั้น) ด้วยความเป็นหญ้าแฝก พิมเสน กลิ่นเชิงวู้ดดี้แมกไม้ ให้อารมณ์ติดดินแบบสะอาดสะอ้าน สุภาพ และมีคลาส โดยมีกำยานเป็นตัวตบให้เข้าที่เข้าทางให้กลิ่นออกทางหรูหราอีกด้วย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศทุกวัย กลิ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลิ่นที่สดชื่นและสุภาพมากเลยทีเดียว สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทำงาน ไปเรียน เดินเล่น ไปเที่ยวกับแฟน เที่ยวธรรมชาติ รวมถึงใส่ไปพบปะผู้คนทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ หรือทั่วๆ ไป ตลอดจนใส่ไปออกกำลังกายยังได้แบบสบายๆ เลย ที่สำคัญน้ำหอมกลิ่นนี้เป็น Safe Scent ที่ไม่กระจายมาก เน้นกลิ่นอ่อนๆ ในโทนที่อบอุ่นสร้างความไว้วางใจได้ดีมากจึงเหมาะกับแพทย์ และคนทำงานในสาขาสาธารณสุขที่ต้องบริการผู้ป่วย โดยที่กลิ่นต้องสุภาพ อบอุ่น และไม่ทำให้ผู้ป่วยตกใจ ที่สำคัญผู้หญิงใช้ได้สบายๆ กลิ่นแม้ไม่ออกทาง Unisex จ๋าๆ มาก แต่ก็สามารถใส่เพื่อสร้างความกระฉับกระเฉงและดูสุภาพไปด้วยได้ดีไม่น้อยครับ

ความทน - แม้จะเป็น Safe Scent กลิ่นสดชื่นก่อนค่อยมาเป็นกลิ่นอ่อนๆ แบบไอดินหอมๆ แต่ทนเกิน 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายในระดับดีที่ช่วง Top และจะลดระดับมาเรื่อยๆ แบบอบอุ่น สะอาด หรูหรา มีคลาส เป็นออกแนวติดผิวครับ แต่ถ้าขยับเนื้อขยับตัววอร์มร่างกายอะไรแบบนี้ก็จะมีกลิ่นหอมสะอาดสดชื่น ตีให้ได้กลิ่นอยู่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

tamamajung

29/11/2016 17:34:24
0
IP : 58.10.65.176
Burberry - Mr. Burberry








- ขวด 100ml ของใหม่ ซื้อมา 4,200  ขอขาย 2,000 ฿คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Burberry/Mr-Burberry-32565.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/06/review-burberry-mr-burberry.html

วีดีโอโฆษณาคะ เผื่อใครอยากมีสาวๆมารุมล้อมแบบนี้ ^^ https://www.youtube.com/watch?v=Jd5Yuq_qt28

หนึ่งในน้ำหอมชายออกใหม่ล่าสุดในปี 2016 และดูเหมือนว่า Burberry จะทำให้ตัวนี้เป็นหนึ่งในน้ำหอมชายที่เด่นที่สุดของแบรนด์ไปหลังจากนี้อีกเสียด้วย ซึ่งงานนี้กลิ่นจะออกมาในรูปแบบไหน สื่อสารถึงการเป็นชายหนุ่มในแบบ Burberry ได้อย่างไง มาพิสูจน์กันกับ Mr. Burberry ตัวนี้เลย

ต้องบอกก่อนทุกสิ่งในเรื่องกลิ่นเลย คือ ขวดสวยหรูหราและดูดีมาก ยิ่งมีเหมือนหูกระต่ายตรงคอขวดยิ่งทำให้ดูงามตั้งโชว์ได้สบายแฮจริงๆ และพอได้ลงมือฉีด Top Notes ที่ให้ความรู้สึกมาก่อนเลยคือ โทนซิตรัสจากเกรฟฟรุตที่มาแบบนุ่มๆ ไม่คมบาดจมูก โดยจะมีกลิ่นของเม็ดกระวานมาให้ความเป็นเครื่องเทศติดหวานแบบนวลๆ ไม่แปร่ง และยังกลิ่นอายเขียวออกหวานนวลแนวๆ สมุนไพรที่ติด Spice จางๆ เสริมเข้ามาด้วย เลยผสมผสานกันออกมาเป็นลักษณะของกลิ่นอายโทนสมุนไพรอมหวานที่ติดซิตรัสที่นวลจมูก ดูแบบสะอาดสะอ้าน จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes ความเป็นสมุนไพรนวลๆ เริ่มจะมีกลิ่นของไม้หอมเข้ามาผสมผสานซึ่งกลิ่นของไม้ซีดาร์จะมาให้ความขรึมน่าค้นหา โดยมีความสะอาดนวลๆ เป็นพื้นฐาน กลั้วไปด้วยกลิ่นออกทางเมทัลลิคติดเย็นๆ จางๆ และมีความหอมหวานติดเขียวของใบเบิร์ธที่จะแฝงความเซ็กซี่เย้ายวนแบบไม่โจ่งแจ้ง ซึ่งกลิ่นสมุนไพรนวลๆ ติดสดชื่นที่มาตั้งแต่ตอนต้นยังคงอยู่ให้รู้สึกได้ตีคู่ไปตลอดกับโทนไม้หอม ก่อนจะส่งต่อให้ Base Notes ที่ความเป็นสมุนไพรนวลๆ เริ่มเบาบางลงไป แต่จะยังมีความสดชื่นอ่อนๆ ให้รู้สึกได้อยู่ โดยที่กลิ่นไม้หอมจะเป็นตัวเด่นแทน โดยที่ซีดาร์ยังคงอยู่ และจะมีลูกคู่อย่างหญ้าแฝกที่มาให้ความ Smoky แบบเบาๆ และไม้จันทน์หอมที่มาแบบนุ่มๆ ให้ความนวลจมูก ทุกอย่างในช่วงนี้เลยจะกลายเป็นไม้หอมสะอาดนุ่มๆ หอมนวลๆ ออกทางสุภาพบุรุษแบบ Modern ออกขรึมๆ หน้านิ่งๆ แต่แฝงด้วยความน่าสนใจ บอกชัดเจนถึงลักษณะแบบหนุ่มอังกฤษได้เลยล่ะ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเลย เรียกว่าเป็นกลิ่นที่เข้าถึงง่าย คนไม่ยี้ และกลิ่นมีความนุ่มสะอาดแบบแฝงเซ็กซี่ขรึมๆ ได้กำลังดี สามารถใส่ได้ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันเลย ไม่ว่าจะทางการหรือชิลล์ๆ ส่วนออกกำลังกายก็ใส่ได้ ส่วนยามค่ำคืน เอาจริงๆ กลิ่นไม่ได้มาทางสายนี้นักแต่ใส่ได้ถ้าอิงกับอากาศบ้านเรา เพียงแต่ถ้าต้องไปแข่งกับสายเย้ายวนหวานๆ ใส่อยู่บ้านให้แฟนซุกจะดีกว่า

ความทน - อยู่ที่ราวๆ 6 ชม. บวกลบประมาณ 2 ชม. อิงกับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ มีเคมีบ้างเล็กน้อย ที่สำคัญกลิ่นติดเสื้อค่อนข้างดีแบบสะอาดๆ นวลๆ เสียด้วย

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายแบบออร่ารอบๆ ตัวแบบลากยาวไปตลอด จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย เรียกว่ามาในแนวไม่เน้นเรียกร้องความสนใจอะไรมาก แต่ถ้ามาใกล้ๆ จะรู้สึกได้ถึงความน่าค้นหานั่นเอง


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Valentino Uomo








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Valentino/Valentino-Uomo-19558.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/01/review-valentino-uomo.html

หลายๆ คนมักเทียบตัวนี้กับ Dior Homme ทั้งรุ่นปกติและ Intense ซึ่งบอกกันซึ่งๆ ว่า ผมเองอาจจะไม่ใช่ Big Fan ของโซน Dior Homme นักโดยเฉพาะตัว Intense (ยกเว้น Dior Homme Sport) แต่กลับกลายเป็นว่าผมดันมาหลงตัวนี้มากกว่าทั้งๆ ที่กลิ่นใกล้เคียงกันพอสมควรเลย เช่นนั้นมารู้จักกันกันซักหน่อยกับน้ำหอมแบรนด์ Valentino รุ่น UOMO ครับ

เพียงแค่ช่วง Top Notes ก็บอกได้ทันทีว่า น้ำหอมตัวนี้จะอบอวลมากและใช้ได้ดีกับอากาศเย็นๆ แน่ๆ เพราะกลิ่นโทนซิตรัสกลั้วสมุนไพรและดอกไอริสที่ออกทางแป้งจะโดดเด่นออกมาก็จริง แต่กลิ่นรองพื้นด้านหลังนี่แย่งซีนกันเห็นๆ กับกลิ่นออกทางชอคโกแลต ฮาเซลนัท และกาแฟ ทำให้กลิ่นในช่วงนี้กลายเป็นกลิ่นลิปสติกผสมกลิ่นในกระเป๋าเครื่องสำอางผู้หญิงในรูปแบบที่ออกทางขนมหวานมากกว่า ไม่ได้เป็นเครื่องสำอางเข้มๆ มากขนาดนั้น แต่ยังมีพื้นฐานของความแมนในเนื้อกลิ่นอยู่มาก และบอกถึงความเป็น Metrosexual กันอย่างชัดเจน จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes งานนี้มาเต็มเลยทีเดียวกับกลิ่นเชิงหอมอบอุ่นแบบเนยถั่วผสมชอคโกแลต กับกาแฟจะมาเต็มมาก กลิ่นช่วงนี้หอมอบอุ่นน่ากินและมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่ากลิ่นใกล้เคียงความเป็น Dior Homme แต่แตกต่างในความรู้สึกทันทีเพราะ UOMO จะให้ความหวานมากกว่า ไม่ได้ออกทางเข้มอบอุ่นแบบที่อีกแบรนด์ทำ และเมื่อ Base Notes สำแดงตัวออกมาปิดฉากความใกล้เคียงไปได้เลย เพราะกลิ่นจะมาในโทนหนังนุ่มๆ กลั้ววู้ดดี้ มีติดกลิ่นหวานๆ มาจากช่วงกลาง ทำให้ยังคงความเย้ายวน และเซ็กซี่ในรูปแบบเมโทรแต่ติดหวานชัดเจน มันเลยแตกต่างจากเมโทร นิ่งๆ แบบ Dior Homme ก็ด้วยประการละฉะนี้

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ เพราะมันมีความหวานที่แตะความเป็นวัยรุ่นได้อยู่จากโทนกลิ่นแบบเนยถั่วชอคโกแลตนี่แหละ สามารถใส่ไปเรียน ทำงาน เดินเที่ยวเล่น จู๋จี๋กับแฟน ได้ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม (แต่ต้องดูสภาพอากาศนิดนึงเนาะ ถ้าร้อนไม่ควรอัดสเปรย์เยอะเดี๋ยวฆ่าคนอื่นเอาได้) แต่ถ้าอากาศเย็นหรือกลางคืนเที่ยวโน่นนี่ จัดไป เหมาะมากครับ

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ เผลอๆ มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

การกระจาย – ดีมาก แต่จะหนักในช่วงต้นๆ ที่เหลือจะกระจายดีแบบมีชั้นเชิง คนที่ยืนใกล้ๆ จะได้กลิ่น และจะลดลงไปเป็นออร่ารอบๆ ตัวจนกว่าจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – ไม่ใช่ว่า Dior Homme ไม่หอมนะครับ แต่เป็นเพราะตัวผมเองชอบกลิ่นออกทาง Gourmand แบบนี้มากกว่า เลยสนใจตัวนี้มากกว่าเท่านั้นเอง


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Valentino UOMO Edition Noire








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 195฿ และ 10ml 370฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Valentino/Valentino-Uomo-2015-29601.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2016/01/review-valentino-uomo-edition-noire.html


หนึ่งในขวดที่เรียกว่าดึงสายตาไปตอนแรกว่านี่มันน้ำหอมผู้หญิงหรือเปล่า หรือบางคนจะบอกว่า ขวดเก๊ย์ เกย์ ตั้งแต่รุ่น UOMO ปกติแล้ว แล้วอยู่ดีๆ ขวดสีดำที่ออกมานี่คืออัลไล ซึ่งจะแตกต่างกับ UOMO ปกติหรือไม่ ได้โอกาสลองเลยแล้วกัน

ซึ่งรุ่นนี้ก็ คือ Valentino UOMO Edition Noire ที่พึ่งออกมาในปี 2015 นี่้เองกับขวดสีดำที่เพิ่มคำขึ้นมา แน่นอนหายเกย์แบบที่หลายๆ คนคิดไปได้เยอะ (หรือเปล่า) 5555 และแน่นอนว่า กลิ่นที่ได้มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากรุ่นต้นตระกูล เรียกว่าถอดกันมาเลย เพียงแต่จะมีบางอย่างมันเด่นขึ้นมามากขึ้นและเข้มข้นขึ้นบ้างในพื้นฐานกลิ่นที่เป็นแบบเดิม โดย Top Notes เปิดตัวกันกลิ่นอายหอมหวานติดกลิ่นแบบลิปสติกในแบบที่ตัวหัวไลน์ทำได้แต่จะมีกลิ่นอายเข้มขึ้นพอสมควร เพราะมันจะผสมกันดอกโทนดอกไม้แนวๆ ไอริสติดสมุนไพรกับซิตรัสบางๆ ที่จะโดนกลิ่นในช่วงกลางของกาแฟ ชอคโกแลต และถั่วฮาเซลนัท ดันขึ้นมาผสมกันตั้งแต่ช่วงนี้ ซึ่งถ้าอากาศเย็นๆ จะเป็นใจกับน้ำหอมตัวนี้มาที่จะส่งกลิ่นอายอบอวลหอมหวาน แต่ถ้าร้อนๆ งานนี้อาจจะจุกคอหอยกันหน่อยแบบเหมือนเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางค์ผู้หญิงแล้วกลิ่นพุ่งเข้ามาเต็มๆ พอเข้าช่วง Middle Notes กลิ่นช่วงแรกหายไปหมดเกลี้ยงไม่เหลือ ให้กลิ่นของชอคโกแลตและฮาเซลนัททำหน้าที่แบบขนมๆ โดยความเป็นเนยถั่วไม่เยอะเหมือนตัวต้นไลน์ เพราะกาแฟเป็นตัวนำเด่นมากขึ้น ซึ่งตรงนี้แหละที่ต่างให้พอรู้สึกได้ กลิ่นจะเป็นคล้ายๆ กาแฟคั่วบทผสมกับชอคโกแลตและไซรัปฮาเซลนัทติดหวาน เลยจะทำให้กลิ่นไม่ออกเมโทรแบบ Dior Homme ทั้งตัวปกติและ Intense นัก เรียกว่าเหมือนเพิ่มตัวใดตัวหนึ่งมาเด่นทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนในพื้นฐานกลิ่นเดียวกัน และคราวนี้ Base Notes ซึ่งกลิ่นหนังนุ่มๆ ที่เข้มขึ้นมา โดยยังมีหอมหวานของช่วงกลางมาผสมผสาน ที่จะออกทางนัวๆ เซ็กซี่ โดยมีโทนไม้ซีดาร์ที่มาให้โทนขรึมติดดาร์กจางๆ ที่กลิ่นช่วงนี้เทียบกับต้นไลน์แล้วกลิ่นเข้มขึ้นมาหน่อยให้รู้สึกว่ามันมีความหอมนัวติดดาร์กหน่อยๆ แต่ยังคงความหวานแบบเมโทรเท่ห์ๆ อยู่

ทั้งหมดทั้งมวลเลยออกมาเลยมีความใกล้เคียงตัวต้นฉบับแต่มีความเข้มขึ้น แน่นอนว่า มาลักษณะในแบบที่ Dior Homme ก้าวไปสู่ Dior Homme Intense แบบรู้สึกได้ เพียงแต่ไม่ได้โดดไปจากของเดิมมากเท่านั้นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็จัดตัวนี้ได้แล้ว เพียงแต่ต้องเลือกสถานการณ์ในการใส่นิดนึง เพราะกลิ่นมันออกเนี้ยบด้วย ส่วนวัยทำงานจัดได้สบาย ถ้าอยู่ในห้องแอร์ฉ่ำๆ ตลอดวันตัวนี้กลิ่นดีงามเลยทีเดียว และสามารถจัดได้ในยามชิลล์ๆ ก็ได้ เพียงแต่จำนวนสเปรย์เหมาะสม งดใส่ออกกำลังกายเถิด เดี๋ยวฆ่าหมู่ ส่วนยามค่ำคืนเรียกว่ากลิ่นหอมหวานเมโทรหวานแบบลงตัวเลยทีเดียว

ความทน - 8 ชม. และเกินไปกว่านั้นได้สบายๆ ถ้าจำนวนสเปรย์ลงตัว ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 15 ชม. กับ 6 สเปรย์

การกระจาย - ไม่ต่างจากต้นไลน์ที่ช่วงแรกจะกระจายแน่น และแน่นมาก แล้วจะลดลงมาเป็นกระจายดีในช่วงกลางไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้ายที่เป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ

ทิ้งท้าย - เอาตรงๆ ส่วนตัวผมรู้สึกทนกว่า UOMO ปกติ ในโทนกลิ่นที่ไม่ได้แตกต่างกันนัก เพียงมีความหวานนัวเซ็กซี่มากขึ้น ซึ่งขวดดำหมดแบบนี้สิ เท่ห์ขึ้นมาก ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Paco Rabanne – 1 Million








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Paco-Rabanne/1-Million-3747.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-paco-rabanne-1-million.html


ถือหนึ่งในน้ำหอมที่บอกถึงความเป็น Metrosexual สุดๆ เลย ที่ Paco Rabbane ได้ปล่อยของออกมา ที่สำคัญได้รับความนิยมมากเพราะมันบ่งบอกถึง Lifestyle ที่เป็นหนุ่มดูแลตัวเอง เข้าใจใช้เสน่ห์ในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง เช่นนั้น มาทำความรู้จักกันกับรุ่น 1 Million ครับ

เว่ากันซึ่งๆ ว่า Top Notes หอมมากกกกกกกก เพราะกลิ่นของมินท์กับส้มสีเลือดและเกรปฟรุต จะให้อารมณ์หอมสดชื่นและฟินไม่น้อยเลย แต่เพียงเวลาไม่นานกลิ่นของอบเชยจะปล่อยของออกมาทักทายเร็วมาก ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะออกแนวสดชื่นแป๊บๆ แล้วจะเริ่มมีโทนเครื่องเทศทำให้กลิ่นแน่นขึ้น จนเข้าสู่ Middle Notes ที่อบเชนจะกลายเป็นพระเอกหลักเลยที่ปล่อยของกลั้วกับกลิ่นเครื่องเทศ ทำให้กลิ่นจะออกทางหวานแน่นแต่ที่ไม่หนักจมูกมากเพราะมีกลิ่นของกุหลาบมาทำให้ละมุนละม่อมมากขึ้น บอกตรงๆ ผมฟินไม่น้อย เพราะช่วงนี้มันให้อารมณ์ผู้ชายเท่ห์ๆ บุคลิกดี แต่งตัวเนี้ยบๆ หน้านิ่งๆ มีความรู้สึกหวานจางๆ แบบว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจนะ ดึงดูดทั้งสายตาและกลิ่นที่น่าเข้าใกล้สุดๆ และเมื่อ Base Notes ปล่อยของออกมาทำหน้าที่กลิ่นของหนังและแอมเบอร์จะมาผสมกับกลิ่นเครื่องเทศในช่วงกลางๆ ทำให้กลิ่นออกทางอบอุ่นแบบจัดเต็ม กลั้วไปด้วยความเย้ายวนของพิมเสนที่ลอยละล่องมาก ขับเสน่ห์ขาดใจจริงๆ แบบว่าเพิ่มความดึงดูดเข้าไปอีกภายในบุคลิกที่นิ่งๆ เข้าทางกลิ่นหล่อเลือกได้ไม่น้อยเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปครับ เพราะกลิ่นมันให้ความรู้สึกทันสมัย เนี้ยบๆ นิ่งๆ แต่เย้ายวนดึงดูดมาก สามารถใส่ไปทำงาน เที่ยวโน่นนี่แบบสังคมเมืองออกงานกับชุดทางการก็ได้หมด แต่ขอยกเว้นเรื่องออกกำลังกาย เพราะกลิ่นแน่นไปเดี๋ยวทำให้คนอื่นเขม่นเอา ส่วนเที่ยวกลางคืน จัดโลดดดดดดด เพราะกลิ่นมันทำให้ดูน่าค้นหามากแบบหนุ่มหล่อเลือกได้ไม่น้อยเลย

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในทุกๆ ช่วง และตีขึ้นให้รับรู้ตลอด เพียงแต่ในช่วง Base จะลดลงมากระจายกลางๆ แบบอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่นแน่ๆ

ทิ้งท้าย – น้ำหอมกลิ่นนี้ค่อนข้างทำให้คุณผู้หญิงเขางงๆ กันครับ อันนี้ประสบการณ์กับตัวเองเลยเพราะมีคน Feedback ว่ากลิ่นหอมและเหมาะกับลุคมาก แต่กลิ่นมันทำให้คิดไปอีกทางได้นะว่า “เกย์หรือเปล่า” 5555555 แต่ก็เข้าใจได้นะ ว่ากลิ่นมันออกทางผู้ชายดูแลตัวเองให้ดูดี มันเลยสามารถคิดไปได้น่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Armani - Code








 ขวดซ้าย ลิมิเต็ท 125ml ซื้อมาห้าพันกว่า  เหลือประมาณ 75-80%(ประมาณ100ml) ขาย 2,500คะ


- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Giorgio-Armani/Armani-Code-412.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-giorgio-armani-code-for-men.html

ขึ้นชื่อว่า Armani น้ำหอมที่ทำออกมาส่วนใหญ่ ตอบโจทย์ความถูกใจมหาชนแน่ๆ อยู่แล้ว แทบไม่ต้องปฏิเสธเลยว่า Code คือตัวหนึ่ง ที่มหาชนชายไทยใช้แล้วยังไงก็ทำเอาคนได้กลินแทบจะทุกเพศระทวยเอาได้ เพราะสิ่งที่ Code มี คือ ความสดชื่นแบบคมๆ แรกเริ่มกับกลิ่นแนวๆ เลมอนและมะกรูดก็จริง แต่มันแกล้มความหวานแบบหวานอมเปรี้ยวได้ดีมาก พอพ้นช่วงต้นเท่านั้นแหละ ได้เวลาของการจัดเต็มเรื่องความหวาน เย้ายวน ชวนระทวยหัวใจคนได้กลิ่นสุดๆ เพราะกลิ่นของดอกโอลีฟ และโป๊ยกั๊ก กลั้วความเป็นวู้ดดี้เบาๆ นั้น ผสมผสานกันเป็นอย่างดี ทำให้ได้อารมณ์ประมาณผู้ชายสะอาดสะอ้านที่ให้กลิ่นเซ็กซี่น่าซบในรูปแบบสบู่ชั้นดี ได้กลิ่นเมื่อไหร่ต้องหันไปมองตามว่า อูยยยย หอมจัง ไม่พอถ้าเผลอตัว อาจจะเดินตามได้ และที่น่ายกนิ้วให้คือ ช่วงเบสที่จะกลายเป็นกลิ่นออกแนวสะอาดละมุนละไมแบบผู้ชายทาแป้งหอมๆ ดูเป็นคนดูแลตัวเอง กลิ่นทำให้ดูหล่อขึ้นได้เลย 50% ยิ่งทำให้คนได้กลิ่น ถ้าถูกใจทุกอย่าง อาจจะทำให้เกิดอาการชั้นจะเอา ชั้นจะเอาได้ ซึ่งถือว่าเป็นการทำน้ำหอมออกมาแล้วสร้างเสน่ห์ให้ผู้ใส่ได้เป็นอย่างดีในด้านความสดชื่น หวาน เย้ายวน เซ็กซี่ และสะอาด ละมุนละไม ครบเครื่องที่สุด จนทำให้ต้องมีรุ่น Flanker อื่นๆ ตามมาอีกเพียบ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง อีกตัวครับ

เหมาะสำหรับ - ชายหนุ่มตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ใส่ได้ทุกสถานการณ์ เหมาะกับอากาศบ้านเรา เป็นกลิ่นที่สร้างเสน่ห์ได้ในทุกๆ เสื้อผ้า (ขอยกเว้นใส่ผ้าขาวม้า เสื้อกล้าม เสื้อ+กางเกงเล่นบอลแล้วกัน)กลิ่นต้นๆ อาจจะหวานคมหน่อยๆ แต่ไม่ต้องห่วงที่เหลือจะทำให้คนใส่มีเสน่ห์มากขึ้นทุกๆ ช่วงเวลา และโอกาสจริงๆ

ความทน - 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ

การกระจาย - ดีมากในทุกๆ ช่วง เดินผ่านใครก็ทำให้อีกฝ่ายถ้าไม่หันหน้าตาม ก็จะรำพึงในใจว่าหอมจัง กลิ่นจะหอมรอบตัวตลอดเวลา เสน่ห์มันมาจากตรงนี้แหละ ขอบอกกกกก


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Armani - Code Profumo














- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวดใหม่ราคาเคาท์เตอร์ 4,200  ของใหม่ยังไม่ใช้ ขาย 2,350

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Giorgio-Armani/Armani-Code-Profumo-34761.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/search/label/Giorgio%20Armani

ผ่านความหอมกันมาตั้งแต่ต้นตระกูลอย่าง Code ปกติ มาเรื่อยๆ จนล่าสุดก็ได้เวลาของตัวใหม่ที่ Armani จะมาปล่อยของกันบ้าง ซึ่ง'านนี้จะต่อยอดความหอมเย้ายวนและเซ็กซี่ได้มากขนาดไหนต้องมาลองกันหน่อยกับรุ่นนี้เลย Code Profumo

เรียกว่าเริ่มฉีกตัวออกมาพอสมควร โดยที่ไม่ทิ้งความเป็นลักษณะแบบต้นตระกูลแต่อย่างใดที่ยังคงความเย้ายวนได้ตั้งแต่ต้นยันจบไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งสิ่งที่ฉีกออกมาจะเริ่มกันที่ Top Notes เป็นหลักกันก่อนกับกลิ่นแนวผลไม้สดชืิ่นกลั้วซิตรัสของแอปเปิ้ลเขียวกับส้ม ที่จะมีเม็ดกระวานมาให้ความหวานเย้า กลิ่นช่วงนี้จะได้อารมณ์แบบหมากฝรั่งผลไม้รสแอปเปิ้ลกันก่อนแบบติดซ่าๆ นิดๆ แล้วเพียงไม่นานก็ผันตัวไปสู่ Middle Notes ที่กลิ่นกระวานยังคงอยู่ให้โทนหวานเย้ายวนแบบเครื่องเทศ โดยจะมีกลิ่นโทนนุ่มจมูกของลาเวนเดอร์และดอกส้มมาเสริมให้เกิดความ Modern แบบเซ็กซี่ กลิ่นจะออกโทนละมุนติดนุ่มๆ มีความครีมมี่อบอุ่นให้รู้สึกได้ไปตลอด และจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วยจนนำไปสู่ Base Notes ที่กลิ่นหนังจะชัดขึ้นมา เคล้าความครีมมี่ของถั่วตองก้า ซึ่งมาในลักษณะเดียวกันกับความเป็น Code แบบต้นตระกูลเลย เพียงแต่จะมีกลิ่นอายของแอมเบอร์ติดไม้หอมที่จะเด่นขึ้นมาตีคู่จนได้ความนุ่มนวลจมูกแบบครีมมี่เคล้าความอบอุ่นและมีเสน่ห์เย้ายวนกันอย่างชัดเจน ภาพรวมอาจจะไม่ได้มาในลักษณะแบบต้นตระกูลที่จะเนียนด้วยยาสูบและหนังแบบติดซิตรัสและความหวามเครื่องเทศ แต่ออกแนวเป็นการต่อยอดจาก Code Ultimate ที่ตัดวานิลลาออกเอาถั่วตองก้าขึ้นมาเด่นให้มีความโรแมนติคและไม่ได้แน่นจัดเท่านั่นเอง

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้่นไปก็สามารถจัดตัวนี้ได้แล้ว เพราะกลิ่นถือว่าเป็น Code ที่อยู่ระหว่างความวันรุ่นก็ได้ความเป็นผู้ใหญ่ก็ดี กลิ่นเข้าถึงได้ไม่ยากตามแบบฉบับ Code ต้นตระกูล ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำนวนสเปรย์เหมาะสม ได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป ที่ออกแนวเสริมความหอมหวานติดโรแมนติค งดใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งและออกกำลังกายจะดีที่สุดไม่งั้นขาดออกซิเจนเอาได้ กลิ่นกลิ่นตีขึ้นหนักไม่น้อย ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ใส่ได้สบายๆ และฉีกจากความเป็น Code ในระดับหนึ่งที่ไม่เกร่อเกินไปเสียด้วย

ความทน - นี่คือข้อดีที่สุดของรุ่นนี้ที่ความทนเหนือกว่าทุกตัวในไลน์เลย เพราะ 12 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ เรียกว่าสูสีกับ Code Ultimate แต่มีความเสถียรมากกว่า ซึ่งถ้าสภาพผิวไม่เอื้ออำนวย อย่างน้อย 8 ชม. ก็ยังอยู่ได้สบายๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนปิดท้ายที่ปานกลางกึ่งออร่ารอบๆ ตัวตามเวลาที่ผ่านไป

ทิ้งท้าย - ส่วนตัวมองว่าตัวนี้ใช้ง่ายกว่า Code Ultimate ที่แน่นจัดจ้านมาก และมีความกรุ้มกริ่มกว่า Code ปกติ ถือว่าเป็นอีกตัวที่ทำออกมาแล้วไม่ผิดหวังครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Narciso Rodriguez - Bleu Noir








- ขวดใหญ่สุด 100ml ของใหม่ กล่องซีล  ขาย 2,100฿ คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Narciso-Rodriguez/Narciso-Rodriguez-for-Him-Bleu-Noir-31247.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/12/reviewnarciso-rodriguez-for-him-bleu.html

เป็นน้ำหอมที่เพิ่งเปิดตัวใหม่สุดๆในปี 2016นี้เอง กลิ่นเปิดแบบ Cartier Declaration เลยอ่ะ เพราะกลิ่นเปลือกส้มขมผสมผสานกับยี่หร่า เม็ดผักชี และเม็ดกระวานมาเต็มกับความเป็นเครื่องเทศเต็มๆ อาจจะมีมีกลิ่นอายแบบเมทัลลิคเล็กๆ ของเม็ดจันทน์เทศที่มาทำให้กลิ่นออกโทนเย็นๆ วาบๆ บ้าง แต่มันก็พุ่งเข้าประเด็นความเป็นกลิ่นเครื่องเทศนำเด่นแบบ Declaration อยู่ดี แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่หอมนะครับ หอมเลยล่ะ เพียงแต่นะ เหมือนเกินไปนิดนึงนะตะเองในช่วงนี้ พอเข้า Middle Notes งานนี้กลิ่นเครื่องเทศยังทำหน้าที่อยู่แต่จะนุ่มขึ้นมากเพราะ Signature Note ของแบรนด์นี้อย่าง Musk จะดันขึ้นมาทำให้กลิ่นอายเครื่องเทศตอนต้นนุ่มนวลมากขึ้น ซึ่งในช่วงนี้กลิ่นของพริกไทยกับเครื่องเทศติดโทนหวานหน่อยๆ จะมาเบาๆ คลอๆ รับช่วงเสริมเพิ่มเข้ามาด้วย แน่นอนยังเหมือนอยู่ แต่ก็นะมันก็ยังหอมมาก เพราะมีความเป็น Musk นี่แหละที่มาให้ความต่าง แล้วจะเริ่มมีโทนวู้ดดี้เสริมเข้ามาเรื่อยๆ จนเข้า Base Notes ที่กลิ่นเครื่องเทศจางไปหมด Musk ก็จางไปอยู่เบื้องหลังแบบเบาๆ ดันให้กลิ่นโทนไม้หอมอย่างซีดาร์กลายเป็นกลิ่นเหมือนกระดาษสาสะอาดๆ หอมนวลๆ มีความคล้ายกลิ่นอายแบบไม้ดินสอหน่อยๆ มีกลิ่นอาย Smoky จางๆ ติดโทนดาร์กมีระดับ ซึ่งกลิ่นช่วงนี้หอมนวลจมูกมากเลยทีเดียว แม้จะแอบติดๆ ความเป็นอีกตัวที่คล้ายมาบ้าง แต่ไม่ได้มากแล้วเพราะตัวนั้นกลิ่นชาจะเด่น แต่ตัวนี้ไม้หอมเด่น เริ่มแยกเป็นเอกเทศชัดเจน และน่าสนใจมากก็ช่วงนี้เลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นถือว่ามาในโทนภูมิฐาน ติดดาร์กนิดๆ เข้าถึงได้กำลังดี ไม่ยากไม่ง่าย สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน งานทางการก็ได้อยู่ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม หรืออยู่ในห้องแอร์ฉ่ำๆ กลิ่นนี้จะดีงามมากจริงๆ นอกนั้นโอกาสทั่วไปก็ได้หมดกับจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม งดใส่ออกกำลังกายไม่งั้นจุกคอหอยตายก่อน ส่วนยามค่ำคืนจัดไปจ้า กลิ่นเรียกแขกแบบมีระดับเลยล่ะ

ความทน – 8 ชั่วโมงสบายๆ ซึ่งอาจจะมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ อิงที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีและแอบแน่นในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปเรื่อยๆ ปิดท้ายด้วยออร่าไม้หอมรอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย – เหมือนไหม? คงไม่ต้องถามอะไรให้มาก ข้างบนอธิบายแล้ว 5555 เพียงแต่มันก็มีความต่างไม่ใช่ไม่มี ถ้า Declaration เน้นความเป็นเครื่องเทศกลั้วชาและวู้ดดี้แบบหรูๆ Bleu Noir ก็เป็นเครื่องเทศกลั้ว Musk และไม้หอมติดดาร์กมีระดับนั่นเอง


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Cartier – Declaration








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Cartier/Declaration-307.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-cartier-declaration.html

หนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับเพชรพลอยสารพัดที่ดังมากระดับโลกเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากธุรกิจเครื่องประดับแล้ว ก็มีการแตกแยกย่อยไลน์ธุรกิจต่างๆ ออกมาอีกหลายสาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ น้ำหอม ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากเลยทีเดียวในความหรูหราและโดดเด่นเฉกเช่นเดียวกับเครื่องประดับ เช่นนั้น เลยขอมาเล่าความหรูของตัวเด่นของแบรนด์อย่างรุ่น Declaration กันซักหน่อยครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าใครที่ชอบน้ำหอมกลิ่นชา ตัวนี้จะเป็นอีกตัวนึงที่โดดเด่นมากในแง่ของชาเครื่องเทศหอมๆ เลยครับ แต่ไม่ใช่แบบชามาเตที่ใส่นมใส่เครื่องเทศอะไรแบบนั้นนะครับ ซึ่งบอกกันตรงๆ ว่า Top Notes จะทำให้คนใช้ครั้งแรกๆ เหวอแดรกแน่นอนเพราะกลิ่นที่ออกมาหลังจากฉีดคือ “น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ” หิวเลยขอบอก เพราะไม่ว่าจะเป็นเม็ดผัดชี ยี่หร่า เครื่องเทศสมุนไพรเชิงเขียวติดหวาน เปลือกส้ม และมะกรูด ให้ความรู้สึกหวาน มัน เค็ม เปรี้ยวนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ จนแทบอยากจะหาหมูสะเต๊ะมาจิ้มตัวเองแล้วกินทันทียามที่ฉีด ที่สำคัญมันให้ความรู้สึกสดชื่นด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะให้แค่ความหิวท้องร้องเท่านั้น เมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นโทนเครื่องเทศหวานๆ แบบน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะจะอ่อนลงไปในระดับที่กำลังดี แต่จะมีโทนสดชื่นแบบ Spicy ขึ้นมาผสมผสานอย่างพริกไทยและขิง โดยมีกลิ่นหวานๆ ไม่หนักของลูกกระวานคุมโทนและเด่นมาก กลิ่นหอมแบบมีระดับและเป็นเอกลักษณ์สุดๆ ซึ่งเนื้อกลิ่นแม้จะออกทางใกล้เคียงของกินบ้าง แต่มันจับความรู้สึกหรูหราได้มากเลยทีเดียวเพราะโทนวู้ดดี้และชาที่รองพื้นอยู่ด้านหลังที่จะค่อยๆ เริ่มปล่อยของออกมาเป็นระยะจนจัดเต็มที่ช่วง Base Notes ที่จะกลายเป็นกลิ่นของชาเครื่องเทศหวานๆ อบอุ่นติดสดชื่นใสๆ หอมมากมาย กลิ่นหรูหรา มีคลาส และเป็นเอกลักษณ์มากผิดกับตอนแรกที่เปิดต้นด้วยกลิ่นน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ซึ่งยอมรับเลยว่ากลิ่นไล่เรียงกันมาอย่างมีระดับให้จับต้องได้ตั้งแต่ต้นยันจบจริงๆ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศตั้งแต่วัยทำงานขึ้นไป กลิ่นออกทางหวานเนี้ยบ ยิ่งตั้งแต่ช่วงกลางจนถึงเบสกลิ่นมีระดับชัดเจนจริงๆ ที่จะใส่ทำงาน ออกงาน หรือว่าไปเกี้ยวพาราสีผู้อื่น สามารถใส่ออกกิจกรรมกลางแจ้งหรืออกกำลังกายได้ แต่อยากให้รอช่วงเบสก่อนจะดีที่สุด ที่สำคัญใส่เที่ยวกลางคืนได้ด้วยครับ เพราะมันเย้ายวนกำลังดีไม่น้อยเลย

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ครับ ซึ่งบนผิวผม 12 ชม. ทุกครั้งที่ใช้ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และ Middle อาจจะต้องยอมเป็นน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะซักแป้บก่อนจะมาเป็นกลิ่นเชิงเครื่องเทศหวานๆ แต่แฝงความสดชื่นซักหน่อย ส่วนเบสจะกระจายกำลังดีให้คนที่เดินสวนหรือคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้กลิ่นชาเครื่องเทศหรูๆ และมีระดับจากผู้ใช้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทิ้งท้าย – เป็นตัวเอกของแบรนด์ Cartier ที่คนใช้อาจจะงงๆ ในตอนแรก (เพราะชวนหิวไปหน่อย) แต่เนื้อกลิ่นน่าสนใจ ให้ความหรูเป็นเอกลักษณ์สมแบรนด์เลยทีเดียวครับ น่าลองใช่ม้าาาาาา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

tamamajung

29/11/2016 17:36:34
0
IP : 58.10.65.176
Yves Saint Laurent - La Nuit de l’Homme














- ตัววินเทจ แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 230฿ และ 10ml 440฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ตัวปัจจุบัน แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Yves-Saint-Laurent/La-Nuit-de-l-Homme-5521.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/05/review-yves-saint-laurent-la-nuit-de.html


น้ำหอมของ YSL นี่ทุกตัวเรียกว่าจะมีโทนของความเย้ายวนในรูปแบบต่างๆ ให้รู้สึกได้กันมาตลอด และพอมาที่รุ่นที่เรียกว่าพร้อมแล้วที่จะยั่วยวนอย่าง La Nuit de l’Homme ก็มาเต็มสิครับงานนี้ เพราะ

เรียกได้ว่าเปิด Top Notes กันได้แบบหวานเย้ายวนกันตั้งแต่ต้น โดยไม่แคร์ใคร อ่ะ! ก็มีเสน่ห์อ่ะนะ ประมาณนี้เลย เพราะกลิ่นของกระวานจะมากลั้วกับกลิ่นของลาเวนเดอร์ โดยมีมะกรูดมาเสริม ประมาณว่าบอกกันตั้งแต่ช่วงต้นว่าคนใส่คือผู้ชายที่เซ็กซี่มีประสบการณ์ ปล่อยเสน่ห์พลางยักคิ้วหลิ่วตาเป็นพิธี คือกลิ่นเม็ดกระวานมาแบบหวานนุ่มเย้ามาก เพราะมาแบบมีชั้นเชิงและมีระดับพอในเรื่องของความเซ็กซี่ชวนซบไม่น้อย จนเมื่อเข้าช่วง Middle Notes กลิ่นหวานเย้ายังไม่หยุดเพราะจะมีโทนหวานเย้าอย่างยี่หร่ามาเสริมทัพเพิ่ม และมีโทนแมนๆ ขรึมๆ ของซีดาร์ เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้ตัดกันไปมาอย่างน่าดูชมจนกลายเป็นกลิ่นหวานเย้ายวนนุ่มจมูก คือ เรียกแขกกันเต็มๆ ช่วงนี้คือช่วงไฮไลท์ได้เลยทีเดียว แต่เรียกแบบมีชั้นเชิง ไม่ได้แบบว่า บอกใครไปทั่วว่า “มากินผม มากินผม” แต่จะบอกว่า “ผมมีประสบการณ์และชั้นเชิงมากเลยนะครับ” อารมณ์มันได้และใช่ จนปิดท้ายที่ Base Notes งานนุ่มต้องมา กลิ่นโทนหวานในช่วงกลางๆ จะกลมกล่อมมากขึ้นด้วยกลิ่นโทนครีมมี่นุ่มๆ โดยมีกลิ่นอาย Smoky ซึ่งน่าจะเป็นหญ้าแฝกเป็นตัวเสริมให้กลิ่นออกทางแมนและเซ็กซี่แบบมีของ ภาพรวมน่ะใช่เลย หนุ่มเมโทรเจ้าเสน่ห์ที่น่าค้นหา แบบว่ามาเต็มเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานเป็นต้นไป ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือไม่ทางการ ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม ออกงานทางการใช้สเปรย์ดีๆ กลิ่นเซ็กซี่ อบอุ่น หวานเท่ห์ได้เลย ยิ่งถ้าใส่ไปเที่ยวกลางคืน หรืออยู่กับแฟน งานคลุกวงในอาจจะมาถี่หน่อยก็เท่านั้นเองครับ

ความทน – 8 ชั่วโมงกลิ่นยังอยู่สบายๆ ซึ่งถ้าจำนวนสเปรย์ดีๆ ยาวไปถึง 12 ชั่วโมงก็สามารถครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากกันตั้งแต่ต้น แล้วจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปตลอด จนกลางๆ ช่วงท้ายจะเป็นออร่ารอบๆ ตัวดึงให้คลุกวงในได้ไม่ยาก ถ้าเข้ามาใกล้ๆ น่ะครับ

ทิ้งท้าย – ใครชอบน้ำหอมที่บอกความเซ็กซี่ในตัวคุณ ตัวนี้เข้าทางมากครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Yves Saint Laurent - L'Homme













ไม่ว่าจะเปิดดูรีวิวของกูรูน้ำหอมในYoutube คนไหน ต้องมีตัวนี้อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆแน่นอนคะ หลายๆคนให้เป็นอันดับ1น้ำหอมประจำ Summer หรืออากาศยามเช้าในทุกสภาพอากาศเลยคะ  เพราะมันหอมมากคะ เพราะกลิ่นมาแบบสบายๆ ใครๆก็ชอบ แถมกลิ่นไม่เหมือนใคร ไม่เหมือนกับน้ำหอมดีไซเนอร์ทั่วไป กลิ่นหอมแบบมีระดับ ฉีดแล้วรู้เลยว่าเป็นYSL กลิ่นสดชื่น ฟลอรัล สไปซี่ ติดผิวดี ที่สำคัญเหมาะกับอากาศเมืองไทยมากๆคะ **แม่ค้าชอบตัวนี้สุดๆ เชียร์สุดใจเลยคะ**

- ขวด100ml เหลือปริมาณตามรูป (ประมาณ45%) ซื้อมา 3,800 ขาย 1,300 คะ

- ขวด 100ml ของใหม่ มีกล่อง ซื้อมา 3,800 ขาย 2,400 คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Carolina Herrera - CH Men








- ตัววินเทจ แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 225฿ และ 10ml 430฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ตัวปัจจุบัน แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Carolina-Herrera/CH-Men-6759.html

**ตัวนี้หนูขอแนะนำอีกตัวเลยคะ ชอบเป็นการส่วนตัวมากๆ** น้ำหอมที่ติดอันดับท็อป 1ใน3 มาหลายปีของน้ำหอมที่เหมาะกับการเดท หรือใส่พบปะคนรู้ใจมากที่สุดจากหลายผลโหวตในตปท. "ไม่มีขายในไทยแล้วนะคะ" 

กลิ่นของCH Men เปิดด้วยโทนผลไม้ของเกรฟฟรุ๊ต กลิ่นแน่นพอสมควรไปกับ violet ที่ให้กลิ่น sensual และ sexyมากๆ รวมถึงความทันสมัย กลิ่นกลาง aromaticไปกับหญ้าฝรั่น ซึ่งให้โทนเขียวคู่กับหญ้าแฝก ในส่วนนี้เติมความสดชื่นให้กลิ่น และถูกล้อมด้วยกลิ่นมะลิอ่อน ๆ ในขณะที่จันทน์เทศนั้นให้ความแน่นที่เนื้อกลิ่น


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Sauvage








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 185฿ และ 10ml 360฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวด 100ml เหลือ80% ซื้อมา 4100 ขอขาย 2,300 คะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Dior-Homme-13015.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/11/review-christian-dior-dior-homme.html


Dior Sauvage ประกาศตัวว่าใช้สารสังเคราะห์ Ambroxan ที่ให้กลิ่นคล้าย ๆ ambregris นี่แหละครับ ที่ซึ่งจริง ๆ แล้วคืออาเจียน หรือหนองของปลาวาฬที่ล่องลอยบนผิวน้ำทะเล มีราคามีค่ามากมาย พูดถึงแล้วยังนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน ได้รัยสายจากชายผู้หนึ่งว่ามีของสด ๆ มาขาย 10 กิโล รับซื้อหรือเปล่า เผอิญไม่ได้ปรุงน้ำหอม หรือสกัดเป็น มิเช่นนั้นแล้วจะถามไถ่ราคา หากพอใจจะรีบซื้อมาเลย

สารหอม ambroxan นี้มีอยู่ในหลาย ๆ รุ่นดัง และเป็นสารที่คิดค้นโดย Firmenich ที่เป็น fragrance & flavor company หรือห้องแล็บคิดค้นสารหอมต่าง ๆ ให้วงการผลิตภัณฑ์เครื่องหอม และอาหารนั่นเอง

ครั้งแรกที่ได้ลอง Dior Sauvage ส่วนตัวหลงรักเลย น้ำหอมอะไรหอมจริง ๆ หอมแบบสะอาด ๆ sensual และให้ภาพของชาย metrosexual แบบสุดขั้ว ดูมีอิสระ มีความบ้าบิ่น อยากทำอะไรก็ทำ หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า live life to its fullest จะว่าไปก็ไม่แน่ใจว่าชื่อกลิ่นมันดึงให้เราคิดแบบนั้น หรือกลิ่นมันเป็นตัวแปรที่แท้จริงกันแน่ เรื่องนี้มันต้องพึ่งจิตวิทยาชั้นสูงในการวิเคราะห์กันเลยทีเดียว

ตั้งแต่ลองน้ำหอมมามากมาย Dior Sauvage มีความโดดเด่นของเนื้อกลิ่น นั่นเป็นเพราะหนึ่ง มันให้กลิ่นชัดเจน มี sillage ที่แรงพอตัว สองมีความ feminine ของ floral note ปนอยู่ซึ่งก็เป็นตัวที่ทำให้เห็นภาพชาย metrosexual สามมีความสะอาดแบบสกปรกปนกัน สกปรกในทีนี้หมายถึงความเซอร์ ให้ภาพของชายที่ไม่แคร์ว่าผมจะยุ่งเหยิง หน้าจะมันหรือไม่ พอมาพินิจเป็นจุด ๆ แล้ว จึงเกิด contract หรือความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ทำให้มีความรู้สึกพิเศษกับกลิ่น ๆ นี้ แม้ว่ารีวิวต่างประเทศจะถล่ม Dior Sauvage ในเรื่องของโทนกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสังเคราะห์มากไป แต่ถ้าถามว่าหอมไหม คือหอมมากในความเห็นผู้เขียน ซึ่งพอเอาจริง ๆ แล้ว น้ำหอมสมัยนี้ก็สังเคราะห์แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว พอกลิ่นไม่ถูกจริตถูกใจ ก็จะหาเรื่องติเตียนกันไป

กลับมาที่กลิ่น Dior Sauvage มี ambroxan เป็น fixative ให้ความนุ่มเนียน อบอุ่น เนื้อกลิ่นแน่นชัด และรายล้อมด้วยเครื่องเทศอย่างพริกไทย มีความสดชื่นจากมะนาวและ aromatic จากลาเวนเดอร์ ให้กลิ่นมีหลายมิติ ชวนให้ดมท้องแขนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเสียบุคลิค

Dior Sauvage นี้ถือเป็นน้ำหอมที่ทำให้เกิดความสับสนมากทีเดียว บางครั้งก็พยายามจินตนาการว่ากลิ่น ๆ นี้หากมาภายใต้แบรนด์อื่น ๆ ที่อยู่ในฐานระดับกลางของตลาด ไม่ใช่ hi-end ระดับ Dior ผมเองจะชอบหรือไม่ จะคิดว่าสังเคราะห์เกินไปไหม สุดท้ายหยุดคิดและเชื่อความรู้สึกตัวเอง เชื่อปฏิกิริยาที่มี และขอสรุปอีกทีว่าหอมโดนใจมากครับ ก่อนจบขอปิดท้ายในส่วนที่ว่าผู้หญิงชอบไหม และนี่แหละครับ คือประเด็นหลักในการทำน้ำหอมผู้ชาย ทำยังไงให้ผู้หญิงชอบ ส่วนตัวเชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบแน่นอน


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Homme








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Dior-Homme-13015.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/11/review-christian-dior-dior-homme.html

สำหรับคนเล่นน้ำหอมชาย คงไม่ต้องบอกสรรพคุณของตัวยอดฮิตตัวนี้แน่ๆ ครับ เพราะต่างรู้จักกันดีในแง่ของน้ำหอมโซนเมโทร ที่หอมเท่ห์นิ่งและมีระดับมาก ซึ่งบอกแค่นี้คงไม่พอ คงต้องมาจาระไนกันซะหน่อยกับ Dior Homme ครับ ว่าทำไมถึงฮิตเหลือเกิน

Dior Homme ที่จะเด่นที่โทนกลิ่นกระเป๋าเครื่องสำอางผู้หญิงกับลิปสติก เหมือนมีคนมาฝากรอยจูบเอาไว้ตรงแผ่นอกแล้วลิปสติกตีขึ้น ซึ่งเริ่มจาก Top Notes กันก่อนที่จะมากันแบบนุ่มจมูกกับกลิ่นของลาเวนเดอร์แบบติดโทนซ่าๆ นิดๆ สดชื่นหน่อยๆ ก็จริง แต่มาในโทนที่เรียกว่ารองพื้นด้านหลังด้วยกลิ่นโทนแป้งกันเต็มๆ จนเมื่อเข้า Middle Notes จนกลายเป็นกลิ่นอายแบบกระเป๋าเครื่องสำอางที่เมโทรสุดๆ เพราะกลิ่นโทนแป้งจะเริ่มดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนรู้ได้เลยว่านี่คือ ดอกไอริส มาเต็มมาก ที่สำคัญพาโกโก้มาด้วย เลยกลายเป็นกลิ่นแป้งหอมไอริสกลั้วโกโก้โดยมีกลิ่นอายอบอุ่นกำลังดีของแอมเบอร์ รวมตัวกันกับกลิ่นลาเวนเดอร์ซ่าๆ ในช่วงต้น เลยออกมาเป็นเหมือนเวลาเราเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางผู้หญิงกับกลิ่นลิปสติกจะลอยโชยขึ้นมา ซึ่งช่วงนี้แหละที่เป็นไฮไลท์มาก หอมมากจริงๆ เรียกว่าเป็นกลิ่นที่สามารถทำให้คนเหลียวตามได้ เพราะมันทั้งเท่ห์ เซ็กซี่ และ Metrosexsual ในเวลาเดียวกัน โดยกลิ่นจะปูทางไปที่ Base Notes โดยไม่ทิ้งกลิ่นอายไฮไลท์เลย เพราะจะมาผสานกับกลิ่นโทนหนังนุ่มๆ มีหญ้าแฝกแห้งๆ ให้รู้สึกมาดแมน จนกลายเป็นกลิ่นอายอบอุ่นแบบนุ่มนวลติดโทนแป้งเครื่องสำอางไปตลอดจนกว่าจะหายไปจากผิว จึงไม่แปลกใจเลยที่ไลน์นี้ถือเป็นไลน์ที่ดังมาก และได้รับความนิยมมาตลอดแบบแรงดีไม่มีตกเลยล่ะ กลิ่นมันบ่งบอกถึงผู้ชายที่รสนิยมดี มีระดับ เท่ห์ เซ็กซี่แบบกำลังดี และรู้จักดูแลตัวเองอย่างชัดเจน

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปก็ตัวนี้ได้แล้วล่ะครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายและหอมแบบที่คนได้กลิ่นมักชอบได้ไม่ยาก ยิ่งผู้หญิงจะคุ้นชินกับกลิ่นแบบนี้เลยล่ะ และจะชอบมากๆ กันเสียด้วย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะงานทางการหรือทั่วๆ ไป แบบที่ต้องการยกระดับตัวเองด้วยกลิ่นหอมเมโทร แต่ขอยกเว้นใส่เพื่อออกกำลังกายไม่ควร ออกกลางแจ้งพอไหวบ้าง แต่ก็ไม่ได้เข้าทางเท่าไหร่นัก ส่วนยามค่ำคืนจัดไป ใส่ได้สบายๆ อบอุ่นและเท่ห์อีกด้วย เพียงแต่ว่าถ้าจะเน้นเรียกแขกแบบเมโทรเท่ห์ๆ เรียกร้องความสนใจมากๆ ควรจะเลือกตัว Intense เพราะเข้มแน่นกว่า

ความทน – 8 ชม. โดยประมาณ แล้วจะค่อยๆ จางหายไปจากผิว ซึ่งก็อยู่ที่จำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าจำนวนสเปรย์ถึงก็จนได้มากกว่า 8 ชม.

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และคงความกระจายดีไปเรื่อยๆ จนถึงปลายๆ ช่วงกลาง ที่จะลดลงมากระจายกลางๆ ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัว พอพ้น 8 ชม. โดยประมาณจึงค่อยๆ จางลงไปตามลำดับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Homme Sport













- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Dior-Homme-Sport-2012-14719.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/05/review-christian-dior-dior-homme-sport.html


การเปลี่ยนสูตรเป็นรุ่นล่าสุดนี้ เริ่มปรับมาให้เป็นหนึ่งในลูกหลานของโซน Dior Homme มากขึ้น เพราะรุ่นตั้งต้นมันไม่มีเค้าลางของไลน์ปรากฎลงในเนื้กลิ่นเท่าไหร่ เช่นนั้น ช่วงต้นก็ยังคง Concept ความเป็น Sport เช่นเดิม เพราะจะมีส้มซ่า มะกรูดกับเลม่อนมาปล่อยของ แต่กลิ่นจะไม่ได้คมจัดชัดเด่นขนาดนั้น เพราะขิงจะดันขึ้นมาตัดให้ติดหวานจางๆ ท่ามกลางความสดชื่น เลยจะได้ความนุ่มจมูกกำลังดี ไม่ได้หนีคำว่า Sport ไปไหน และกลิ่นซิตรัสในช่วงนี้ก็ยังตามจนถึงช่วงท้ายๆ อยู่เช่นเดิม โดยในช่วงกลางงานนี้กลิ่นในแบบกระเป๋าเครื่องสำอางค์หรือลิปสติกสาวๆ ในแบบ Dior Homme จะมาแล้ว โดยดึงความเป็นเอกลักษณ์ของไลน์ที่นำเด่นด้วยความเป็นดอกไอริสที่มาให้โทนแป้งแบบหรูหรา มีติดเขียวจางๆ ในเนื้อกลิ่นให้มีความรู้สึกสำอางแบบ Sport กันอย่างชัดเจน และปิดด้วยช่วงท้ายกับกลิ่นของโทนไม้หอมซึ่งซีดาร์ยังคงอยู่ สร้างความแมนเท่ห์สะอาดแบบกำลังดีไม่หนักหน่วง กลั้วกับกลิ่นโทนเขียวสมุนไพรหน่อยๆ ที่ไม่ได้มาหนักมากนัก เลยทำให้กลายเป็นกลิ่น Sport แบบไม่เหมือนใคร ไม่ได้เน้นสดชื่นเข้าไป แต่เน้นความเป็นเมโทรหรูหรามาแทรกด้วยตลอด เรียกว่าปรับสูตรได้น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ

ความทน – พอกันทั้งคู่ครับ คือ 8 ชั่วโมงขึ้นไปสบายๆ เลย

การกระจาย – กระจายดีทั้งคู่ในช่วงต้น ลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

เหมาะสำหรับ – แต่รุ่น 2012 จะเหมาะกับเด็กมหาลัยขึ้นไป เพราะโทนกลิ่นโตกว่าและดูสำอางเมโทรกว่าตัวแรก ซึ่งสามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย กลิ่นให้ความเป็น Sport แบบหรูหราทั้งคู่ ส่วนยามกลางคืนทั้งเมาและจิบตามบาร์หรูๆ รวมถึงออกงาน รุ่นปี 2012 จะได้เปรียบกว่าและครอบจักรวาลมากกว่าครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Homme INTENSE














- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Dior-Homme-Intense-13016.html

ตัวขายดีและฮิตสุดของ Dior เลยคะ เนื่องด้วยความเต็มแน่น นวลเนียนของเนื้อกลิ่นที่สัมผัสได้ กลิ่นเปิดของรุ่น Intense ยังมีกลิ่น make up และลิปสติกของผู้หญิงอยู่นะครับ และยังจับกลิ่นมะนาวอ่อน ๆ ได้อีกด้วย แต่ที่เด่นที่สุด คือโทน gourmand ที่เด่นขึ้นมามากทีเดียวเมื่อเทียบกับรุ่นแรก กลิ่นลาเวนเดอร์ชัดในช่วงกลางท่ามกลาง creamy accord ที่ได้จากวานิลลาและแอมเบอร์ ส่วน iris มาในแบบหวาน เย็น และคมนิด ๆ ตัดกับความครีมมี่ได้ดี ให้กลิ่นที่ sexy และ sensual แบบน่าค้นหาอย่างมาก ซึ่งความ sensual น่าค้นหานี้ ได้จากโทน gourmand ของโกโก้ นอกจากโกโก้แล้ว ในช่วงเบสยังมีกลิ่นของอำพันทอง (ambergris) อีกด้วย แม้จะไม่มีใน list ด้านบนก็ตาม จะว่าไป โทน gourmand ในช่วงเบสอ่อนลง และได้ความเป็น oriental ขึ้นมาแบบชัดเจนกว่า แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนโทนกลิ่นแบบหาของเดิมไม่เจอนะครับ ส่วนความทนกับการกระจายดีมากๆครับ

ใส่ในวันอากาศเย็น ห้องแอร์ แล้วกลิ่นจะดีมากครับ ใส่ทำงานก็เบามือหน่อยนะครับ เพราะกลิ่นกระจายดีและทนมาก ใส่ออกเดทเหมาะที่สุดคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior Homme Cologne








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Dior-Homme-Cologne-2013-17256.html

ตัวนี้ออกมาปี 2013 เรียกว่าเป็นตัวที่หอมซีตรัส ฉีดแล้วรู้สึกเฟรช สดชื่น เปรี้ยว ชุ่มฉ่ำที่สุดของตระกูลDiorแล้วคะ เหมาะกับทุกสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศร้อนๆแบบบ้านเรา ไม่ผิดหวังแน่นอนคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Fahrenheit







- ขายขวด 100ml  ฉีดไป2ครั้ง(เหลือ95%+)  ขอขาย 2,100฿ คะ ( ในรูปเป็นขวด Limited 200mlหนูเอาไว้ใช้เองคะ ตัวที่จะขายอยู่อีกบ้านนึง เลยขอใช้รูปนี้แทนก่อนนะคะ )

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Fahrenheit-228.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-christian-dior-fahrenheit.html

ภาพรวมของน้ำหอมตัวนี้บอกได้เลยว่ามาดแมนเหลือทนจริงๆ คนที่ใส่แล้วเข้ากับมันกลิ่นจะทำให้คุณเป็นหนุ่มล่ำบึ้กมาดแมนที่แสนจะขาดใจ แถมอบอุ่นมากมายชวนให้ผู้หญิงหลายๆ คน (รวมถึงผู้ชายบางคน) วิ่งเข้าหาเพื่อขอซบกันได้ไม่ยาก ที่แมนได้มากขาดใจขนาดนี้เพราะ Top Notes เปิดขึ้นมาก็เล่นเอากระจายหมื่นลี้กันได้ เพราะการผสมกันของคาโมมายด์ลาเวนเดอร์ วู้ดดี้ จันทน์เทศ และโทนซิตรัส ที่มีกลิ่นหนังเข้มดันขึ้นมาด้วยทำให้กลิ่นที่ได้ออกไปทางน้ำมันเตายางมะตอย หรือบางคนอาจจะได้กลิ่นออกแนวปั้มน้ำมันที่กลิ่นเบนซินฟุ้งกระจายกันเลยทีเดียว เป็นไงล่ะ อย่างแมน แค่กลิ่นต้นก็บอกกันได้ถึงหนุ่มล่ำมาดแมนใส่เสื้อกล้ามขาวขนรักแร้แพลมๆ เฝ้าปั้มและเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ ตัวมอมแมมหน่อยแต่แมนสุดใจขาดดิ้น หรือไม่จริง นึกภาพแบบพี่ติ้กเจษ (หรือคนอื่นที่ชอบ) เป็นแบบที่บรรยาย แล้วอยากจะวิ่งเข้าไปซบไหมครับ? 55555 ซึ่งแน่นอนกลิ่นโทนน้ำมันแมนๆ แบบนี้จะตามมาเป็นฉากหลังให้ช่วง Middle Notes ที่จะเริ่มออกทางแป้งด้วยกลิ่นของดอกสายน้ำผึ้ง และโทนวู้ดดี้ต่างๆ ผสมออกมาเป็นแป้งอุ่นๆ ติดกลิ่นน้ำมันหน่อยๆ กลิ่นแมนเย้ายวนกันชัดเจนกระจายตัวได้ดีมากจริงๆ และพอถึงช่วง Base Notes โทนกลิ่นเริ่มเปลี่ยนไปในทางอบอุ่นกันเต็มเหนี่ยวประมาณไออุ่นจากกล้ามน่ะนะ มีโทนกลิ่นหนังเด่นกำลังดีไม่โดดนำออกมามากและยังออกทางแป้งอยู่แต่ดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น มีกลิ่นแบบอู่ซ่อมรถเท่ห์ๆ แบบไม่หนักอยู่ เหมือนหนุ่มล่ำซ่อมรถเสร็จอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่เสื้อยืดสีขาวนมพุ่งชี้หน้านั่งชิลล์ๆ หน้าอู่ยักคิ้วหลิ่วตาให้สาวๆ เลย คง Concept แบบ Fahrenheit เห็นแล้วร้อนเนื้อตัวใจลอยไปที่กล้ามด้วยความแมนกันอย่างชัดเจน ต้องเอามือพัดลดอุณหภูมิตัวเองกันสุดฤทธิ์และโจ่งแจ้งเลยทีเดียว

ความทน - โคตรรรรรรทน จะทนไปไหน 8 - 12 ชม. สบายๆ ครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Fahrenheit 32








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Fahrenheit-32-987.html

รีวิวพี่เกียรติคะ

ชื่อน้ำหอม Fahrenheit 32 นั้นต้องการสื่อถึงสภาพภูมิอากาศที่น้ำแข็งตัว เพราะ 32 ฟาเรนไฮต์นั้นเท่ากับ 0 องศาเซลเซียส

Fahrenheit 32 นั้นจริง ๆ แล้วน่าจะเปลี่ยนชื่อไปเลย เพราะไม่เห็นว่ามีความคล้ายกับ Fahrenheit ดั้งเดิมตรงไหน นอกจากเบสที่อบอุ่นเหมือนกัน

กลิ่นอยู่ในกลุ่ม floral oriental เปิดด้วยความสดชื่นของ aldehydes และไม่นานจะได้กลิ่น orange blossom ที่นุ่มและสไปซี่อ่อน ๆ กลิ่นนั้น powdery นิด ๆ ให้โทนสำอางดีมากครับ ใครใส่เสื้อสีขาวหรือดำจะเหมาะมาก

แม้ Fahrenheit 32 จะสื่อถึงจุดเยือกแข็ง ทว่า จริง ๆ แล้วนั้น กลิ่นนี้เป็นการผสานของกลิ่นโทนอุ่นและเย็นตลอดควบคู่กันไปจนเกิดความสมดุลอย่างน่าประหลาด ประมาณหยินหยางเลยก็ว่าได้

กลิ่นหญ้าแฝกของขวดนี้ไม่ออกทาง earthy นะครับ ไม่ได้มาแนว Guerlain Vetiver หรือ Encre Noir เขาปรับให้มันสดชื่นแบบเข้าถึงง่าย ในเบส เป็นการตัดกันของโน้ตที่อบอุ่น หวานอ่อน ๆ ของวานิลลา และโน้ตที่เย็นของ Solar note

กลิ่นนี้ผู้หญิงก็ใช้ได้ครับ กลิ่นไม่ได้แมน ออกสำอางมากกว่า ชวนนึกถึงคนทำงานออฟฟิศในตึกใหญ่ ๆ ทันสมัย ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีอ่อน ๆ เช่นสีครีม หรือเทาอ่อน เพราะเนื้อกลิ่นชวนนึกถึงสีขาวจริง ๆ ครับ

ใส่ออกเดทได้ ทำงานก็ไม่น่าเกลียด ออกงานก็พอไหว ถือเป็นกลิ่นที่ versatile มาก ๆ กลิ่นนึง และยังโดดเด่นอีกด้วย เรื่องความทน ให้ 5 ครับ เพราะผ่านไป 12 ช.ม. กลิ่นยังตีอยู่ ส่วน sillage ดี ไม่ถึงกับดีมากนะครับ


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Carolina Herrera – 212 VIP Men








- ขวดลิมิเต็ท ใหญ่สุด 200ml ซื้อมา5พันกว่า ฝาแม่เหล็ก ขวดใส ไม่มีขายในไทยแล้วคะ เหลือ50%  ขาย 1,900 ฿

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Carolina-Herrera/212-VIP-Men-12865.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/09/review-carolina-herrera-212-vip-men.html

ต้องบอกเลยว่า นี่คือหนึ่งในรุ่นที่รับช่วงต่อความเย้ายวนที่แตกต่างมาอีกรูปแบบหนึ่งของโซน 212 ของแบรนด์ Carolina Herrera เลยทีเดียว แถมมีคอนเซปท์ที่น่าสนใจคือ “งานปาร์ตี้ยามค่ำคืนที่คุณเป็นหนึ่งใน List ที่ได้รับเชิญ” เลยทำให้กลิ่นที่ได้มันต้องออกทางเจ้าชู้ประตูดินแน่ๆ ซึ่งกลิ่นที่ออกมาเป็นเช่นนี้เลยครับ

212 VIP จะเปิด Top Notes ด้วยกลิ่นโทนกรุ้มกริ่มและเจ้าสราญกันก่อนเลยกับกลิ่นของเหล้าจินโทนิคที่ผสมผสานกับกลิ่นของเสาวรสเปรี้ยวๆ แบบไม่มีกลิ่นติดเอียน กลิ่นจะสดชื่นติดหวานแบบเจ้าชู้กำลังดี โดยมีกลิ่นอายสะอาดๆ ของพริกไทยกับโทนเย็นติดเขียวของมิ้นท์แกล้มไปตลอด เรียกว่ากลิ่นเปิดนี่หนุ่มเมโทรปล่อยเสน่ห์กันเลยล่ะครับ เพียงไม่นานก็เข้าสู่ช่วง Middle Notes งานนี้กลิ่นจะเริ่มทวีความเป็นเจ้าสำราญมากขึ้น โทนสดชื่นแบบค็อกเทลที่เด่นด้วย Vodka จะมาเต็ม โดยจะมีมะนาวกับเสาวรสที่เสริมให้กลิ่นยังคงสดชื่นอยู่ แต่มันจะกรุ้มกริ่มติดหวานขึ้นมาด้วย เรียกว่ากลิ่นเจ้าสำราญก็จริง แต่ยังมีชั้นเชิงมากพอที่ออกทาง Nice Guy มากกว่าจะออกทางขี้หลี เหมือนหนุ่มเท่ห์ๆ ที่สาวๆ เห็นแล้วอยากเข้าไปชนแก้วด้วย ไรงี้ แล้วกลิ่นโทนนุ่มอบอุ่นจะเริ่มดันขึ้นมาจนเข้าสู่ช่วง Base Notes โดยกลิ่นหนังแบบนุ่มๆ ลงตัวจะผสานกับโทนวู้ดดี้เป็นดลิ่นอายที่ดึงดูดกลิ่นโทนเหล้าได้ลงตัวมาก มีกลิ่นอายอบอุ่นรุมๆ จาก Amber ที่ให้ความรู้สึกแบบแอลกอฮอล์เข้าเลือดแล้วร่างกายอบอุ่นติดเย้ายวนเรียกว่ากลิ่นช่วงนี้ถ้าคลุกวงใน มีฟินนนนแล้วคลุกต่อได้นะครับ กลิ่นเรียกว่ามาแนวเจ้าชู้ เจ้าสำราญแบบมีระดับ เฉกเช่นเดียวกันกับชอลิ้วเฮียงที่สาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายๆ คนเห็นแล้วแล้วอยากเป็นเมียเอกกันได้เลยล่ะนะ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป สามารถใส่ได้ในบางสถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งถ้าใส่ทำงานก็พอได้ แต่จำกัดจำนวนสเปรย์หน่อย ไม่งั้นอาจจะดูเมาอะไรแต่เช้ามานั่น หรือใส่แบบชิลล์ๆ ออกเดทแบบกรุ้มกริ่มก็เข้าที ที่สำคัญใส่เที่ยวกลางคืนได้เลย กลิ่นเย้ายวนกรุ้มกริ่มแบบหนุ่มเท่ห์เมโทรกันชัดๆ ตัดการใส่ออกงานทางการแบบที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือออกไปได้เลย กลิ่นไม่เหมาะนัก สุดท้ายเอาจริงๆ น้องๆ มหาลัยก็ใส่ได้ครับ แต่จะเหมาะกับงานปาร์ตี้กลางคืนเสียมากกว่า

ความทน – ยกนิ้วให้เลย กลิ่นทนมากเลยทีเดียวกับ 8 ชม. ขึ้นไป ซึ่งส่วนตัวเจอมาที่ 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นเต็มๆ อยู่เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น บอกเลยจะมาแบบค็อกเทลผลไม้กันเลย แล้วลดระดับลงมากระจายดีไปตลอดบ่งบอกความเป็นหนุ่มนักปาร์ตี้เท่ห์ๆ และปิดท้ายที่กระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ตรงๆ ผมเคยรู้จักพี่คนนึงที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เป็น Signature ซึ่งกลิ่นขับเสน่ห์มากมาย เรียกว่าพี่เขาหัวกระไดแทบไม่แห้งเลย แถมเข้ามาหมดทุกเพศเสียด้วยนะเออ เก๋ไหมล่ะครับ 55555


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Carolina Herrera - 212 Men








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Carolina-Herrera/212-Men-297.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-carolina-herrera-212-men.html
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

tamamajung

29/11/2016 17:38:04
0
IP : 58.10.65.176
Dolce & Gabbana - The One








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

น้ำหอมที่ฝรั่งทั้งผู้หญิง ผู้ชายและรีวิวแทบทุกรีวิวใน Youtube ชอบมากๆ เป็นกลิ่นน้ำหอมที่มีความอบอุ่นและดึงดูดทุกเพศมากคะ ตัวนี้หนูแนะนำเลยจริงๆ ถ้าไม่หอมยินดีคืนเงินเลยคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Dolce-Gabbana/The-One-for-Men-2056.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-dolce-gabbana-one-for-men.html

ต้องบอกว่า The One เป็นน้ำหอมที่ดึงดูดมากเลยทีเดียวนะครับ เพราะภาพรวมของความเป็นน้ำหอมแบบ Oriental Spicy ที่จะปล่อยกรุ่นกลิ่นของความหวานและความยวนใจได้มากอยู่แล้ว และมีพระเอกที่โดดเด่นชัดเจนที่ทำให้คนใส่จะมีกลิ่นที่ดูมาดแมน มีคลาส และโรแมนติคได้ไม่น้อย ซึ่งตัวนี้เปิด Top Notes กันด้วยความ Spicy ชัดเจน แต่เบรกความหวานด้วยความสดชื่นของเกรฟฟรุ๊ต (ส้มเช้งชนิดนึง) ทำให้กลิ่นจะเป็นโทนหอมหวานนุ่มนวลกำลังดี โดยยังมีความสดชื่นนัวไปด้วยตลอด ซึ่งเป็นกลิ่นเปิดที่เป็นเอกลักษณ์เลยตัวนึง พอผ่านไปได้ซักไม่เกิน 15 นาที Middle Notes ปล่อยของเต็มตัวกับโทนอบอุ่นและเย้ายวนของเม็ดกระวาน มีสร้างความสดชื่นติดหวานของขิง และเรียกแขกด้วยดอกส้ม มีกลิ่นของช่วงต้นมาผสมผสานให้กลิ่นออกหวานแมนดึงดูดมากพอสมควรเลยทีเดียว และก็ได้เวลาของพระเอกคือ Base Notes ที่ใบยาสูบจัดเต็มจริงๆ ให้อารมณ์หวาน เย้ายวน สะอาด และเซ็กซี่ในคราวเดียว เสริมทัพความแมนด้วยกลิ่นโทนวู้ดดี้ที่ยังให้ความอบอุ่นในเนื้อกลิ่นได้มาก แค่นี้ก็กินขาดแล้ว แถมเสริมบุคลิภาพผู้ใส่ได้ดีมากตัวนึงเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ชายหนุ่มทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปครับ กลิ่นเนี้ยบนิดนึง แต่ใส่ได้ทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะใส่ไปทำงาน ออกงาน พบลูกค้า ใส่ไปงานเลี้ยง งานแต่ง เพราะให้อารมณ์อบอุ่นน่าเชื่อถือได้กำลังดี เข้ากับสูททุกประเภทได้ดีมาก ที่สำคัญใส่ไปอี๋อ๋อกับแฟนนี่ก็เหมาะกับกลิ่นยั่วแบบแมนๆ ไม่ได้แสดงออกได้ดีมาก ใส่เที่ยวกลางคืนก็ได้ครับ แต่กลิ่นอาจจะไม่ได้กระจายมากนัก เพราะเน้นคลุกวงในมากกว่า ส่วนผู้หญิงไม่ค่อยแนะนำครับ กลิ่นใบยาสูบมันจะออกแมนเกินไปนิดนึง ยกเว้นปลอมตัวเป็นทัดดาว บุษยา "เจ้าฮ่ะ ผมอยากฟัดเจ้าอะฮ่ะ" นั่นก็อีกเรื่องครับ

ความทน - อยู่ที่ 6 - 8 ชม. ครับ อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นอยู่ที่เคมีและการฉีดด้วยส่วนหนึ่ง เพราะส่วนตัวบางครั้งผมเองไม่ได้ทนถึง 8 ชม. แต่บางครั้งล่อไป 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว และฉีดใส่เสื้อผ้าด้วยก็ได้นะครับ กลิ่นก็ติดเสื้อผ้าได้ดีในระดับหนึ่งเลย

การกระจาย - The One จะกระจายดีที่สุดคือ Top แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นกลิ่นแนวๆ คลุกวงในมากกว่าครับ อย่างน้อยก็ยังดี เพราะมันไม่ได้กระจายเพื่อยั่วชาวบ้านไปทั่วเกินไปนัก


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dolce & Gabbana – The One for Men Eau de Parfum








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 185฿ และ 10ml 360฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Dolce-Gabbana/The-One-for-Men-Eau-de-Parfum-31909.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/08/review-dolce-gabbana-one-for-men-eau-de.html

 เพราะต้นตำรับของ The One for Men มันมีความดีงามอยู่มากในแง่ของน้ำหอมยาสูบโทนเซ็กซี่ที่ใครได้กลิ่นก็ฟิน แต่เพราะการเป็น EDT อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนที่ต้องการอะไรที่เข้มข้นเท่าไหร่ เช่นนั้น Dolce & Gabbana จึงได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวรุ่น EDP ขึ้นมาซะเลย ซึ่งจะเป็นยังไงต่างจากเดิมหรือไม่ พิสูจน์ให้ชัดแจ้งเลยดีกว่า

โดยภาพรวมต้องบอกว่ากลิ่นไม่ได้แตกต่างจาก EDT เท่าไหร่นัก ทุกอย่างยังให้ความรู้สึกแบบเดิมอยู่ไม่หนีไปไหน แต่สิ่งที่มีความแตกต่างบ้างให้รู้สึกได้นั่นคือ กลิ่นที่เข้มขึ้นมาในลักษณะของ EDP และ Notes บางตัวที่ไม่ได้เด่นมากในตัว EDT จะชัดเจนขึ้นมาให้รู้สึกได้มากขึ้น ซึ่ง Top Notes กลิ่นอายของเกรฟฟรุตจะชัดขึ้นมา เคล้ากับความเป็นโหระพาที่ให้ความเป็นสมุนไพรเขียวติดอุ่นๆ โดยมีเม็ดผักชีที่มาในโทนเผ็ดๆ ปร่าก็จริง แต่โดนเกลาจนนุ่มดันให้ช่วงนี้เป็นซิตรัสติดเครื่องเทศที่อยู่ตรงกลางระหว่างความสดชื่นเบาๆ กับความเย้ายวนกำลังดี ที่สำคัญจะจับความรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นมันจะมีความอุ่นแบบหวานโปร่งๆ จากแอมเบอร์และยาสูบรองพื้นแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ ผ่านไปไม่นานกลิ่นอายของพระเอกหลักอย่างยาสูบจะดันขึ้นมาเรื่อยๆ นำเข้าสู่ Middle Notes ซึ่งช่วงนี้จะมีลักษณะของความเป็นเครื่องเทศโทนหวานยั่วเย้าอย่างเม็ดกระวานกลั้วซิตรัสบางๆ ของเกรฟฟรุตแล้วล้อมด้วยกลิ่นหวานโปร่งของขิงและความนวลของดอกส้มได้ลงตัว กลิ่นมีความเข้มมากขึ้น เม็ดกระวานจะหวานเย้าโดยมีตัวสนับสนุนอย่างดอกส้มที่มาให้ความเซ็กซี่ดึงดูดแบบเต็มๆ ล้อมไปด้วยกลิ่นขิงที่มาแบบหวานแต่ไม่ได้มาโทนฉ่ำ มีความเป็นเครื่องเทศที่ให้ความสดชื่นจางๆ และเสริมมิติที่จับต้องได้เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยยังรู้สึกได้ว่าพื้นฐานของกลิ่นมันมีความอุ่นๆ และหวานโปร่งจากแอมเบอร์และยาสูบอยู่ไม่หายไปไหน แถมจะเริ่มชัดมากขึ้นเสียด้วย เรียกว่าช่วงนี้คือไฮไลท์เลยที่เป็นตัวเรียกแขกชั้นดีเพราะมันมาดเย้ายวนมาเต็มแบบว่า “อ้าว ผมไม่รู้ตัวเลยนะว่าเซ็กซี่” แต่จริงๆ แกจงใจทำเนียน จนเมื่อเข้าสู่ Base Notes กับกลิ่นอายอุ่นติดหวานเย้าที่ของแอมเบอร์และยาสูบจะชัดเจนเด่นขึ้นมาแบบนวลๆ เป็นกลิ่นที่รุมๆ ชวนนัวๆ ได้ลงตัว และมีกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่ EDT เดิมกลิ่นแทยจะโดนกลืนไปเลยนั้นจะชัดเจนมากขึ้น ให้ความนิ่งเนี้ยบติดเท่ห์เสริมเข้ามา กับความเป็นยาสูบอบอุ่นได้อย่างดีเลย ทั้งหมดทั้งมวลจึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนอกจากกลิ่นชัดขึ้น เข้มขึ้น ในพื้นฐานความเซ็กซี่ที่ยังมีอยู่ไม่หนีไปไหนนั่นเอง

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปเพราะกลิ่นยังคงความเนี้ยบอยู่ไม่หนีไปไหน แถมยังมีความอบอุ่นติดเซ็กซี่ที่ชัดเจนขึ้นเสียด้วย โดยสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ทั้งงานทางการและทั่วๆ ไป เพียงแต่ถ้าทางการจัดๆ กลิ่นนี้จะเซ็กซี่ไป ให้ลงไปที่ EDT จะดีกว่า เพราะมันเซ็กซี่ก็จริงแต่เบากว่าในแง่ของการกระจายให้รับรู้กลิ่น ส่วนยามค่ำคืนจัดไป เพราะกลิ่นเริ่มชัดขึ้นและเย้าเซ็กซี่มากขึ้น อาจจะไม่ได้เน้นการกวาดกระจายแต่ใครเดินสวนได้กลิ่นจนอาจจะหันมองได้ไม่ยาก

ความทน – กลิ่นทนราว 8 ชม. เป็นสำคัญ อาจจะมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์ และเคมีบางส่วน ซึ่งดีขึ้นกว่า EDT ตรงที่ไม่ได้มีความแกว่งของความทนที่เดี๋ยวหายต๋อมไปในเวลาไม่นานบ้างหรือทนจัดจนแอบงง ซึ่งอิงเคมีคนใส่กันเต็มๆ กว่ารุ่นนี้

การะกระจาย – กลิ่นกระจายดีในตอนต้น ก่อนจะลดลงมากระจายปานกลางไปเรื่อยๆ แล้วเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย ซึ่งเรื่องการกระจายจะแพ้ EDT แค่ในช่วงต้น ที่เหลือคงตัวดีกว่าตรงที่มันชัดกว่า ไม่ได้เน้นคลุกวงในเท่า EDT

ทิ้งท้าย – เอาเข้าจริงๆ แล้วกลิ่นไม่ต่างกัน แต่ความรู้สึกต่างกันตรงที่ความเข้มข้นนั่นเอง ซึ่งถ้าใครไม่ได้อยากเซ็กซี่แบบชัดเจนมากและใส่ได้ในทุกสถานการณ์ที่ไม่รบกวนใครมาก EDT เป็นตัวเลือกที่ดีจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าใครอยากมาเต็มแบบหนุ่มเมโทรและต้องการความชัดเจนมากขึ้นในเนื้อกลิ่นที่ปล่อยของกันมากขึ้น EDP เลยจะเข้าทางกว่าเยอะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dolce & Gabbana - The One for Men Limited 2014  "ขายแล้วคะ"








------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dolce & Gabbana -  Light Blue pour Homme








รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Dolce-Gabbana/Light-Blue-pour-Homme-1068.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/01/review-dolce-gabbana-light-blue-pour.html

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 130฿ และ 10ml 230฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dolce & Gabbana - pour Homme








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Dolce-Gabbana/Dolce-Gabbana-Pour-Homme-15336.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-dolce-gabbana-pour-homme.html


หนึ่งในน้ำหอมผู้ชายที่เลือกคนใส่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เคมีไม่เข้ากัน ไม่ต้องคุยต่อ แถมขึ้นชื่อในเรื่องความเป็น Power House ที่เข้ม เต็มแน่น และกระจายดีของ Dolce & Gabbana เลย

เปิดมาช่วง Top แม้จะได้โทนกลิ่นแบบซิตรัสสดชื่นแต่มันค่อนข้างออกแนวกลั้ว Floral แนวๆ ดอกไม้พอสมควร ถ้าคนชอบจะรู้สึกว่ากลิ่นมันสดชืิ่นเซ็กซี่ดี แต่ถ้าคนไม่ชอบจะออกแนวกลิ่นพลาสติคแบบมึนๆ แปลกๆ เอาได้ พอผ่านไปซัก 15 นาที Middle ปล่อยของออกมาซึ่งกลิ่นโดยรวมแม้จะได้กลิ่นลาเวนเดอร์ แต่พอดอกส้มมาผสมกลิ่นมะลิพุ่งมาเลย กลั้วไปกับกลิ่นแนวๆ สมุนไพรออกเขียวๆ กับพริกไทย โทนกลิ่นไม่เหมือนใคร คนไม่ชอบบอกเลยว่า กลิ่นโคตรสาว คนชอบจะบอกว่ากลิ่นมันเซ็กซี่ขาดใจมาก ยิ่งพอมาช่วง Base ที่ใบยาสูบปล่อยกลิ่นแบบหวาน เท่ห์ Dirty กลั้วกับกลิ่นสะอาดๆ ของ Musk มีโทนวู้ดดี้พอให้จับได้ แต่กลิ่นมะลิก็มาผสมผสาน ซึ่งกลิ่นจะออกเชิง Dirty และ Sexy ชัดๆ กลิ่นโทนยั่วยวนชัดเจนเลยทีเดียว คนไม่ชอบจะบอกว่ากลิ่นอย่างมึน แปลกจนเวียนหัว คนชอบจะบอกว่ากลิ่นน่าฟัดทั้งวันทั้งคืน เอากับเจ้าน้ำหอมตัวนี้สิครับ ที่สามารถทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้ 5555

สรุปผลการใช้ - ส่วนตัวกลิ่นออกมาโทนกลางๆ โดน Comment ทั้ง 2 แบบ ทั้งแบบคนไม่ชอบและคนชอบครับ และคนรู้จักหลายๆ คนที่ลองแบ่งไปให้ใช้บางคนกลิ่นเข้ากับตัวดีมาก กลายเป็นอีกกลิ่นที่เซ็กซี่ชวนนัวขาดใจไปเลย กลิ่นบอกถึงคำว่า "มี Sex กันเถอะ" ชัดเจนมาก ส่วนบางคนเช่นน้องชายของผม ที่เคมีไม่เข้ากับน้ำหอมบอกว่า "กลิ่นแมร่งสาวเกินไป มะลิหนักกว่าสปริงซองอีก"

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายที่เคมีเข้ากับน้ำหอมตัวนี้ครับ บอกไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นแบบไหน แต่น้ำหอมตัวนี้ ใส่ทำงานได้อยู่ เพียงแต่อย่างมากเกินไป เพราะกลิ่นกระจายดีมาก และไม่ควรใส่ออกกำลังกายจะฆ่าคนอื่นเอาได้ ซึ่งถ้าผิวเข้ากับน้ำหอมตัวนี้ ใส่ไปออกเดท เดินเที่ยว ร่อนยามราตรี หาเหยื่อ รับรองฟินจนหยดสุดท้ายกันได้ครับ เพราะกลิ่นท้ายๆ ที่ออก Dirty มันยั่ว Sex มากเลย

ความทน - จะทนไปไหนก็ไม่รู้ 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว

การกระจาย - ดีมากในทุกๆ ช่วง ยิ่งเข้ากับผิว ไม่ต้องคุยเลย กลิ่นจะพัฒนาเป็นกลิ่นเฉพาะตัวคนๆ นั้นได้เป็นอย่างดี


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Jean Paul Gaultier  - Ultra Male








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Jean-Paul-Gaultier/Ultra-Male-30947.html


กลิ่นใหม่ล่าสุดของ Jean Paul Gaultier  ที่เพิ่งเปิดตัวในปี2016 แต่คว้าคะแนนโหวตจากทุกสำหนักถล่มทลายด้วยความหอม ที่ทั้งทนและฟุ้งสุดๆ ดีงามมากๆคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


CoSTUME NATIONAL - Scent Intense








**ตัวนี้แนะนำเลยคะ เป็นน้ำหอมตัวเดียวที่ได้รับเกียรตินำไปตั้งโชว์ในพิพิธพันฑ์sex**

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 210฿ และ 10ml 400฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/CoSTUME-NATIONAL/Scent-Intense-2305.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/10/review-costume-national-scent-intense.html

เปิดตัวมาแบบมีความเป็น Spicy แบบเข้มๆ แฝงอยู่ด้วยตลอด และยังมีกลิ่นโทนอบอุ่นติด Smoky รองพื้นหลบอยู่ด้านหลังทำหน้าที่ดันกลิ่นชาให้เด่นขึ้นมาเต็มๆ ลักษณะออกแนวคล้ายๆ Chai Tea ที่เป็นชาผสมเครื่องเทศแบบอุ่นๆ กลิ่นจะมาเต็มแน่นกันเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ได้มีความสดชื่นเข้ามาแจมอะไรมาก ซึ่งกลิ่นตอนนี้ถ้าคนที่ชอบน้ำหอมโทนสดชืิ่นเป็นหลักอาจจะผงะไปได้ 3 ตลบเลย เพราะมันแน่นจริงอะไรจริง จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายของชาติดเครื่องเทศจะเริ่มจางลง มาเป็นโทนชาเบาๆ กลั้วกับดอกชบาและมะลิ กลิ่นชบาที่เด่นสุดๆ มาแบบโปร่งๆ ใน Scent รุ่นปกติ จะเปลี่ยนโทนเป็นชบาแบบเข้มๆ ติดออกทางดาร์ก กลิ่นมีความซับซ้อนและลึกลับจนรู้สึกได้ โดยมีกลิ่นของมะลิแบบจางๆ และโทนอบอุ่นรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นยังคงโทนอุ่นแบบมีระดับอยู่เช่นเดิม และปิดท้ายกันด้วยกับกลิ่นอบอุ่นที่หลบอยู่เบื้องหลังมานาน ก็โผล่มาเบื้องหน้าเสียทีกับ แอมเบอร์ ที่แบรนด์นี้เขาเก่งไม่น้อยกับ Note ตัวนี้ เพราะกลิ่นจะไม่ได้มาแบบ Smoky จัดๆ หรือออกสาปไม้แน่นๆ แต่ประการใด เพราะจะมาแบบกึ่งดาร์กกึ่งโปร่งหอมอบอุ่นนวลๆ มีความนุ่มเย้าของพิมเสน และมีความเป็นไม้หอมสะอาดสะอ้านอยู่ แต่ภาพรวมคุมโทนความดาร์กเข้มของกลิ่นได้ลงตัวมาก เรียกว่าเป็นน้ำหอมโทนอบอุ่นติดดอกไม้ที่เซ็กซี่ และเย้ายวนแบบมีระดับได้เลยทีเดียว ไม่แปลกใจนักที่รุ่นนี้จะติดหนึ่งในน้ำหอมที่ยั่วให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายน้ำเดินแบบไม่รู้ตัวได้ไม่ยาก ฮิ้ววววววว

เปรียบเทียบ - รุ่นปกติกลิ่นแน่นแต่ก็มีความใสในเนื้อกลิ่น มีความเป็นผู้ดีหรูหรามีระดับมาก แถมมีความแอบยั่วยวนอยู่โดยไม่โจ่งแจ้ง เน้นมาเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ้ะ แต่ Intense จะเข้มข้น ดาร์ก น่าค้นหาแบบชัดเจน ยั่วยวนกันแบบมีชั้นเชิง บอกถึงความมีของภายในว่า "ชั้นมีดีที่คุณจะหลง" แบบนี้เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - น้ำหอมรุ่นนี้ตราเอาไว้ว่าของผู้หญิง แต่จริงๆ กลิ่น Unisex มากครับ ผู้ชายก็ใช้ได้สบายๆ เลย โดยสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ กลิ่นจะให้ความดีงามมากเลยทีเดียว โดยใช้ได้ทั้งงานทางการและไม่ทางการ ยิ่งเวลาโรแมนติคมันจะปลุกเร้าเอาได้ง่ายๆ เลยนะ แต่ถ้าอัดมากไป จะฆ่าตายหมู่เสียก่อน งดใส่ออกกำลังกาย และกลางแจ้งร้อนๆ ทุกกรณีกลิ่นกระจายดีมากจนอาจจะแน่นไปได้ ส่วนยามค่ำคืนเน้นไปเที่ยว จัดได้ กลิ่นมีระดับ ไม่โหล และดึงดูดแบบจัดเต็มเลยล่ะครับ

ความทน - เรียกขุ่นแม่กันเลยดีกว่า เพราะ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้่นอยู่เลย เช่นนั้นเชื่อใจได้ว่าเกิน 8 ชม. แน่ๆ ครับ

การกระจาย - จะกระจายดีมากในช่วงต้นเพราะกลิ่นเปิดมันแน่นและติด Spice แบบที่คนไม่ชอบอาจจะอึดอัดเอาได้ และจะลดลงมากระจายดีสม่ำเสมอไปจนถึงช่วงกลางของตอนท้ายๆ ก่อนที่จะกระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ ครับ

ทิ้งท้าย - เรียกว่ากลิ่นดีงามเลยทีเดียว เพราะมีความซับซ้อน มีระดับ หรูหรา ดึงดูด และเย้ายวนแบบที่ไม่ได้เกร่อโหลเลย มาแบบมีชั้นเชิงมาก และถ้าใครชอบน้ำหอมโทนแอมเบอร์เด่นๆ ตัวนี้จะได้แอมเบอร์ติดโทนดอกไม้ที่นวลจมูกแบบลึกลับเลยล่ะครับ แถมบางทีอาจจะได้ทั้งคำชมและได้คนที่น่าสนใจกลับบ้านด้วยนะครับ ฮิ้ววววววววววว


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Guerlain - L'Instant de Guerlain pour Homme (EDT)

 Guerlain - L'Instant de Guerlain pour Homme Extreme (EDP)















- Guerlain L'Instant de Guerlain pour Homme (EDT) แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


- Guerlain L'Instant de Guerlain pour Homme Extreme (EDP) แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 250฿ และ 10ml 480฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศตัว EDT  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/L-Instant-de-Guerlain-pour-Homme-52.html

รีวิวต่างประเทศตัว EDP  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/L-Instant-de-Guerlain-pour-Homme-Eau-Extreme-11570.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/06/review-guerlain-linstant-de-guerlain.html

เป็นหนึ่งในตัวยอดนิยมฝั่งน้ำหอมชายเลยทีเดียวสำหรับรุ่น L'Instant de Guerlain pour Homme ยิ่งเมื่อเจอคำโปรยว่ากลิ่นนี้ที่จะสื่อถึง "Passion & Peace, Recognition of Feelings & Power of Reason" งานนี้เลยอยากรู้แล้วว่ากลิ่นจะสื่อออกมาอย่างไงตามคำโปรยนี้เลยทีเดียว

Top Notes เปิดขึ้นมากกับกลิ่นโทนซิตรัสกลั้วเครื่องเทศ กลิ่นเด่นอย่างเลม่อนและมะกรูดทำให้เกิดความสดชื่นสบายๆ โดยจะมีกลิ่นของเครื่องเทศติดโทนหวานอย่างเม็ดเทียนสัตตบุษย์ มาตัดทำให้โทนซิตรัสไม่คมเกินไป มีกลิ่นโทนดอกไม้อ่อนๆ นุ่มๆ มาแกล้ม กลิ่นนุ่มจมูกสบายๆ เรียกว่าเข้าทางคำว่า Peace เลย ก่อนจะส่งต่อให้ Middle Notes ที่จะค่อยๆ เปลี่ยนจากโทนสดชื่นนุ่มๆ มาเป็นกลิ่นโทนอบอุ่นด้วยโกโก้ โดยกลิ่นจะไม่ได้หนักเกินไปเพราะมีลาเวนเดอร์มาตัด มีกลิ่นชาเข้มๆ กับพิมเสนให้เกิดความรู้สึกเย้ายวนกำลังดี จนถึงกลางๆ ช่วงนี้จะมีกลิ่นไม้หอมค่อยๆ ดันขึ้นมาผสานนั่นอย่างจันทน์หอมและซีดาร์ ทำให้เป็นกลิ่นที่ภูมิฐานเลยทีเดียวในช่วงนี้ และมีทั้งความเย้ายวนและอบอุ่นน่าเชื่อถือในเวลาเดียวกัน มากับความ Passion และ Power of Reason มากขึ้น และเมื่อเข้าสู่ Base Notes กลิ่นไม้หอมยังคงอยู่ โดยมาผสานกับ Musk และเมล็ดชบา (ที่กลิ่นใกล้เคียง Musk แต่จะติดเขียวมาหน่อยๆ) กลิ่นในช่วงนี้จะหอมสะอาดติดอบอุ่นนิ่งๆ มีความนุ่มนวล ออกแนว Recognition of Feelings ได้อยู่ เพราะกลิ่นในช่วงนี้จะหอมเข้าถึงง่ายไม่ค่อยรบกวนใคร ต้องมาดมใกล้ๆ แล้วจะอยากซุก ไรงี้

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป จริงๆ น้องๆ มหาลัยก็ใช้ได้เวลาออกงานทางการหรือดินเนอร์กับแฟน ซึ่งกลิ่นจะเข้าทางกับความเป็นทางการมากเลย เพราะเสริมความภูมิฐานในให้ผู้ใส่มีออร่าอบอุ่นน่าเชื่อถือได้ไม่ยาก ซึ่งในส่วนของสถานการณ์ที่ไม่ทางการ ก็ใส่ได้ครับเพราะกลิ่นคาบเกี่ยวความสบายๆ ได้อย่างลงตัวอยู่ เพียงแต่ไม่เหมาะกับการออกกำลังกาย ส่วนยามกลางคืนจัดไปครับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้เน้นยั่วก็เท่านั้นเอง

ความทน - 8 ชั่วโมงขึ้นไปโดยประมาณ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และจะลดมากระจายกลางๆ ไปตลอดจนเป็น Skin Scent ในช่วงท้ายๆ

ทิ้งท้าย - ถือว่า Guerlain ทำน้ำหอมรุ่นนี้ออกมาได้ดีงามเลยนะครับ ซึ่งส่วนตัวคิดว่ากลิ่นนี้อบอุ่นมีระดับแบบไม่หนักหน่วงและใช้ง่ายเลยล่ะ ซึ่งตอนนี้ก็ตาวาวที่จะไปหารุ่น Extreme ของตัวนี้มาลองต่อแล้วล่ะครับ ^^"


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Guerlain - Vetiver








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/Vetiver-69.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/search/label/Guerlain

นี่คือหนึ่งในน้ำหอมที่บ่งบอกความเป็นสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านมีคลาสมีระดับมากเลยทีเดียว ซึ่งยังไม่พอได้รับความนิยมมากและเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นหญ้าแฝกนำเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยล่ะครับ ซึ่งนี่คือ Guerlain Vetiver ครับ

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมเองไม่เคยได้ลองรุ่นนี้ในแบบ Vintage มาก่อน การรีวิวนี้จึงจะอิงจากรุ่น Re-launched ในปี 2000 นะครับ

เปิดต้นกลิ่นยามแรกฉีดกับกลิ่นโทนซิตรัสติด Old School หน่อยๆ แบบคมๆ เลยเพราะเลมอนกับมะกรูดจัดเต็มมาก โดยมีกลิ่นโทนซ่าๆ ติด Spice ของเม็ดผักชีรองพื้นด้านหลัง และยังมีกลิ่นโทนแบบสบู่ด้วย เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้จะออกทางสดชื่นแบบฉ่ำๆ มาเต็มและแน่นเลยทีเดียว จนเข้าสู่ช่วง Middle Notes ที่งานนี้พระเอกของเรามาแล้วววว นั่นคือ หญ้าแฝก ซึ่งจะให้ความรู้สึกฉ่ำๆ ซ่าๆ แบบอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นโดยรองพื้นที่กลิ่นโทนไม้หอมที่ออกทางกลิ่นอายสะอาด โดยมีความเท่ห์แบบสุภาพบุรุษชัดเจน และจะเริ่มมีกลิ่นของใบยาสูบหวานๆ กำลังดีดันขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้า Base Notes ที่กลายเป็นกลิ่นอายสบู่ครีมมี่นุ่มนวลกลั้วกลิ่นอายยาสูบและหญ้าแฝกไปตลอด กลิ่นไม่ได้ออกทางเขียวๆ ก็แมนได้ แถมได้อารมณ์แบบมีระดับไปตลอดเสียด้วย ซึ่งเหมือนได้เห็นและได้กลิ่นผู้ชายแต่งตัวสะอาดสะอ้าน หวีผมเรียบแปล้แบบสมัยนิยม มีความเป็นธรรมชาติในตัวเอง รวมถึงอบอุ่นมีระดับกำลังงามยังไงยังงั้นเลยครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป ยิ่งถ้าใครสูบบุหรี่กลิ่นนี้จะเข้าทางมาก เพราะมีตัวเอื้อให้กลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวเป็นกลิ่นที่มีความหอมเอกลักษณ์ ไม่ได้เหม็นกลิ่นบุหรี่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งหญ้าแฝกและยาสูบ สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ซึ่งได้หมดทั้งงานทางการและไม่ทางการ แต่จะยืนพื้นที่ความเป็นสุภาพบุรุษที่เข้าทางกับงานทางการมากเลยทีเดียว ส่วนยามค่ำคืนแบบโรแมนติคหรือทั่วๆ ไปจัดได้สบายๆ ใส่ไปเมาเหล้ายังได้เลย เพียงแต่ไม่ได้เน้นยั่วยวนมากเท่าไหร่ ออกทางสุภาพบุรุษมากกว่าเท่านั้นเอง

ความทน – อยู่ที่ 8 ชั่วโมงโดยประมาณ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ ไปตลอด จนเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ไม่แปลกใจว่าทำไมคนรักน้ำหอมตัวนี้มาก เพราะหญ้าแฝกในตัวนี้กลิ่นงามแบบมีระดับมากเลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Paco Rabanne – Black XS








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 130฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวด 100ml ของใหม่ ขอขาย 2,000฿ คะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Paco-Rabanne/Black-XS-514.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/02/review-paco-rabanne-black-xs-for-men.html

นี่คือหนึ่งในน้ำหอมที่บอกถึงความเจ้าสำราญที่ดึงดูดอย่างสุดๆ แถมเป็นตัวที่ผสมกันได้อย่างลงตัวระหว่างความสดชื่นและความเซ็กซี่แบบพร้อมออกศึกมากเลยทีเดียว ที่สำคัญเรียกแขกได้ทุกเพศเลยนะครับ ไม่เสียชื่อแบรนด์ Paco Rabanne เลยแม้แต่นิดเดียวกับรุ่นนี้เลย Black XS

เพียงแค่เปิดต้นกลิ่นแบบว่าฟินนนนนนมากกกกกก เพราะกลิ่นสตรอเบอร์รี่กลั้วกับส้มจี๊ดและเลม่อนมันหอมสดใสสดชื่นมาก แต่ไม่ได้เบาโหวงมากเพราะมีโทนเขียวๆ สะอาดมาเสริม ทำให้เกิดความรู้สึกหอมชื่นใจสดชื่นสุดๆ แฝงไปด้วยความดึงดูดในรูปแบบที่เป็น Unisex ได้อย่างดีมากเลยทีเดียว จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นของสตรอเบอร์รี่กลั้วเลม่อนยังคงตามมาเด่นนำอยู่ แต่จะมาผสมผสานกับกลิ่นของพราลีน (ชอคโกแลตสอดไส้) กับกลิ่นโทนหวานเย้ายวนและเซ็กซี่ของอบเชยและเม็ดกระวาน ให้ความรู้สึกดาร์กแบบอบอุ่นเร้าใจมากมาย บอกเลย! ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกแขกที่สุดแล้ว เพราะกลิ่นมันบอกถึงความมั่นใจ เจ้าสำราญ เซ็กซี่ เปิดกว้าง และพร้อมให้กินถ้าสนใจแบบชัดเจนเลยทีเดียว ที่สำคัญความรู้สึกแบบ Metrosexual จะมาเต็มมาก (จริงๆ มันมีความรู้สึกแบบ Bisexual ผสมด้วยแหละนะ 555555) เลยไม่แปลกใจว่าจะยั่วทุกเพศขนาดนี้ และจะเริ่มเปลี่ยนถ่ายเข้ามาสู่ช่วงท้ายๆ กับโทนเย้ายวนนุ่มนวลจมูกอย่างพิมเสนกลั้วกับโทนวู้ดดี้ที่ให้ความรู้สึกสะอาดๆ เซ็กซี่และอบอุ่นแบบน่าค้นหา ตอกย้ำความเป็น Metro เข้าไปอีกแบบไม่เกรงใจใครและมั่นใจเต็มร้อยมาก นี่แหละครับ Paco Rabanne

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป เพราะกลิ่นสดชื่นเย้ายวนและเซ็กซี่แบบเข้าถึงได้ง่าย เหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ยกเว้นงานทางการเพราะกลิ่นมันเจ้าสำราญมากเกินไป ใส่ทำงานก็ยังได้อยู่แบบไม่ต้องจัดหนักมาก ส่วนยามกลางคืนที่เน้นเที่ยว และหาเหยื่อจัดไปครับ รับรองจะมีคนเข้าหามาหมดทุกเพศ งานนี้สับหน้าหลังกันตามสะดวกนะครับ 55555

ความทน – 8 ชั่วโมงได้สบายๆ อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย – เรียกแขกกันตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะลดระดับมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้ายๆ

ทิ้งท้าย – แม้ว้ากลิ่นนี้อาจจะไม่ได้มาเต็มแน่นแบบน้ำหอมโทนเครื่องเทศหนักๆ ที่เน้นชวนกันโต้งๆ มากขนาดนั้น แต่สู้พวกนั้นได้แน่นอน เพราะความแตกต่างอย่างมั่นใจที่น้ำหอมตัวนี้สื่อออกมาผ่านกลิ่นนี่แหละครับ ที่สำคัญผมใช้ตัวนี้ใส่ไปทำงานหรือไปเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืน จะได้รับคำชมทุกครั้งไปตามแต่สถานการณ์ด้วย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Givenchy - Play Intense








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Givenchy/Givenchy-Play-Intense-3907.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-givenchy-play-intense.html

ได้เวลาของการเป็นหนุ่มเมโทรกันก็คราวนี้ เพราะแค่โฆษณาก็บอกชัดเจนแล้วว่า น้ำหอมตัวนี้มากับความเท่ห์ในแบบที่ทำให้คุณดูดีได้แบบ Presenter ^^

จริงๆ ขวดทรง MP3 Player นั้นเรียกได้ว่าเข้าทางกับ Presenter อย่างบักหยอยมากกว่า เพราะเนื้อกลิ่นจริงๆ ไม่ได้สื่อถึงดนตรีแต่ประการใดเลย เพราะกลิ่นต้นแม้จะออกแนวสดชื่นแบบ Citrus แต่อยู่ไม่ถึง 2 นาที กลิ่นที่ทะลุพุ่งพรวดขึ้นมาดันเป็นกาแฟที่เด่นมากมาย ให้อารมณ์กาแฟดำแบบอเมริกาโน่ แม้จะมีกลิ่นอายความหวาน Spicy หน่อยๆ ของพริกไทยสีชมพูก็เถอะ แต่กาแฟนั้นอบอวลจริงจัง หอมแบบเข้มเท่ห์มากมาย และกลิ่นกาแฟนี่แหละที่ยาวนานไปจนช่วงเบสที่จะผสานไปด้วยกลิ่นของหญ้าแฝก พิมเสน ตองก้าบีน ที่ให้อารมณ์เข้มได้อยู่ แต่ชิลล์ๆ เย็นบางๆ นุ่มๆ น่าค้นหา น่าเข้าฟัด หอมกระจายมากมาย สร้างความแมนได้ชัดเจน และความเป็นหนุ่เมโทรแต่งตัวดี มาดดี กลิ่นเร้าใจชวนให้เพ้อ ถือว่าเป็นการยกระดับตัวดั้งเดิมอย่าง Play ปกติที่เน้นกาแฟ Citrus มาเป็นกาแฟเข้มและเร้าใจ แถมมีระดับอย่างมากเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - หนุ่มๆ ตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปยันแก่เฒ่า ใส่ได้ทุกสถานการณ์ แม้ว่าจริงๆ ตัวนี้จะเหมาะกับการไปอี๋อ๋อกับคนรักหรือเที่ยวกลางคืนมากหน่อยก็ตาม เพราะโทนกาแฟกลิ่นมันทำให้เกิดความสดชื่นและตื่นตัวได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าใส่มากไปในยามกลางวันที่อากาศร้อนๆ เป็นพอ เพราะคุณอาจจะเป็นอเมริกาโน่เดินได้มากกว่าจะหอมชวนให้หลงใหลนะคร้าบ

ความทน - เกิน 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ กลิ่นติดทนมากจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายได้ดีมากในทุกๆ ช่วงเลยทีเดียว เป็นอีกตัวของ Givenchy ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีในกับสภาพอากาศบ้านเรามากมาย

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

tamamajung

29/11/2016 17:42:34
0
IP : 58.10.65.176
Sean John - Unforgivable







- ขวดใหญ่สุด 125ml ของใหม่  ขาย 1,900฿ คะ

- ขวด 125 ml เหลือ 60% ขาย 1,100฿

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 150฿ และ 10ml 290 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/search/label/Sean%20John

เป็นหนึ่งในตัวยอดนิยมที่ชายไทยหลายคนชอบและเป็น Signature ประจำตัว (รวมถึงตัวผมเองอยู่ช่วงนึง) จนเมื่อถึงเวลาที่ตัวนี้เลิกผลิตต่างก็เสียดายกันสุดๆ จะไปหาตัวที่ใช้แทนได้ที่เป็นต้นฉบับอย่าง Creed - Millesime Imperial ก็แพงมากหรือ Ed Hardy Love & Luck ก็หาไม่ได้ง่ายๆ จนปัจจุบันนี้ประกาศออกมาผลิตอีกรอบแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดีมากเลยทีเดียว เช่นนั้นฉลองการกลับมาอีกครั้งกับตัวนี้เลยครับ Unforgivable

แม้ว่ารุ่นนี้จะโดนค่อนขอดมานักต่อนักในกรณีที่กลิ่นใกล้เคียง Creed - Millesime Imperial แบบว่าก็อบมาชัดๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีความดีงามในตัวเองและอารมณ์ในอีกรูปแบบนึงที่รุ่นต้นฉบับไม่ได้สื่อถึงตรงนี้ คือ ความเจ้าชู้ลั่นล้าอย่างโจ่งแจ้งนี่แหละ เพราะ Top Notes ทำออกมาได้ดีมากกับกลิ่นโทนผลไม้กลั้วซิตรัสที่หอมสดชื่น แต่จะมีกลิ่นของโหระพาและเปลือกเบิร์ชมาตัดทำให้กลิ่นออกทางหอมนุ่ม ได้อารมณ์กรุ้มกริ่มมากมาย จนเมื่อเข้าสู่ Middle Notes กลิ่นของลาเวนเดอร์จะเริ่มค่อยๆ ดันขึ้นมาเด่นมากขึ้น โดยมีกลิ่นของดอกไอริสมาทำให้เกิดความรู้สึกเซ็กซี่เย้ายวน ที่สำคัญแอบจับได้ถึงกลิ่นของเหล้ารัมกับกลิ่นโทนผลไม้ตอนต้นที่เป็นฉากหลังอยู่ เลยทำให้กลิ่นบอกอารมณ์แบบน่านัวน่ากอดกันได้เลย และ Base Notes ก็ดันขึ้นมาทำให้กลิ่นเหล้ารัมที่เป็นฉากหลังในช่วงกลางกลายเป็นตัวละครนำขึ้นมาแบบชัดเจน โดยจะมีโทนวู้ดดี้ครีมมี่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นตัวรองอยู่ด้านหลัง กลิ่นจะคง Concept ในการเป็นผู้ชายลั่นล้าตั้งแต่ต้นยันจบ สมกับชื่อว่า Unforgivable ที่สื่อตรงตัวว่า ผู้ชายแบบนื้ให้อภัยไม่ได้ เพราะเล่นเอาชั้นยอมไปแล้ว มันต้องเป็นของชั้นคนเดียว ฮึ่ม! แบบนี้เลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไป เพราะกลิ่นเย้ายวนเข้าถึงง่าย บ่งบอกถึงความลั่นล้าและ Playboy ในตัวคุณเลยทีเดียว สามารถใส่ทำงาน เรียน หรือออกกำลังกายได้ในจำนวนสเปรย์ที่เหมาะผม นอกเหนือจากนั้นจัดไปครับ กลิ่นเรียกแขก ดึงดูด และน่ากอดเลยทีเดียว

ความทน - ความทนอยู่ระหว่าง 6 - 8 ชม. ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้นและจะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น Skin Scent ที่คนฉีดยังได้กลิ่นอยู่ และเน้นคนที่มายืนใกล้ๆ มาสีเกินความจำเป็นไปประมาณนี้เลย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Narciso Rodriguez For Him Eau de Parfum








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 180฿ และ 10ml 360฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Narciso-Rodriguez/Narciso-Rodriguez-For-Him-Eau-de-Parfum-Intense-14741.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/04/review-narciso-rodriguez-for-him-edp.html

เปิดตัวกันต้นกลิ่นก็มี Musk ขึ้นมากันเลย กลิ่นนุ่มเย้ายวนชัดเจนมาแบบแน่นๆ มา แต่จะมาในรูปแบบที่ผสมผสานกับกลิ่นโทนเบอร์รี่ ติดออกทางแป้งหอมคลุ้งกระจายแบบมีชั้นเชิง ซึ่งช่วงนี้อาจจะออกทางผู้หญิงนิดหน่อย แต่เป็นกลิ่นที่อย่างน้อยผ่านน้ำหอมอะไรมาพอสมควรหรืออาจจะผ่านรุ่น EDT ปกติมาก่อน เพราะไม่งั้นจะถือว่าหนักและทำให้แน่นกับกลิ่นเอามากจริงๆ จนมึนไปเลย เพราะความเข้มข้นมันสูงมาก จนเมื่อเข้ามาสู่ช่วงกลางๆ คราวจะมาในโทนของดอกไม้แน่นๆ แบบแมนๆ ความเป็นหญิงในช่วงต้นหายไปหมด ที่สำคัญ Musk ที่รองพื้นในช่วงต้น มาในช่วงนี้จะเริ่มเด่นแน่นเข้มขึ้น ซึ่งมันเซ็กซี่มากกกกกกกกก เพราะมันให้หมดเลยทั้งความเย้ายวนแบบมีคลาส หรูหรา แอบลึกลับ และมีความเป็นผู้ดีในเนื้อกลิ่นสุดๆ ช่างเด็ดดวงเหลือทนจริงๆ จนปิดท้ายด้วยความเป็น Musk กลั้วกลิ่นหนัง มีโทนเย้ายวนแบบมีระดับกลั้วไปกับความนุ่มสะอาด ที่สำคัญความเซ็กซี่นั้นไม่มีคำว่าจางหายไปไหน มากขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีกเสียด้วยซ้ำไป แบบว่านี่แหละเขาเรียกว่า “เช็กซี่จัดๆ แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้า”

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป และบอกได้เลยว่ากลิ่นหนักแน่นมาก ซึ่งจะเหมาะกับใส่ยามกลางวันในสภาพอากาศเย็นๆ หรือทำงานห้องแอร์มันจะลดความหนักของกลิ่นลงไปได้มากโขอยู่ แต่ถ้าเจออากาศร้อนๆ หรือออกกำลังกายจะอึดอัดได้ง่ายๆ เลยต้องลดจำนวนสเปรย์ให้เหมาะสมเพราะกลิ่นหนักจริงอะไรจริง ส่วนใส่เที่ยวกลางคืนนี่สบายๆ เลยครับ แต่วางมาดนิดนึงนะครับ ไม่ใช่เมาหยำเปลุคทางด้านกลิ่นมันจะเสียหายหลายแสนเลยนา

ความทน – คือ ดีงามมมมมมมมมมม ผมใส่ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยาวไปถึงเที่ยงคืน กลิ่นยังตีขึ้น ยิ่งตอนอาบน้ำแล้วผิวโดยน้ำกลิ่นจะฟุ้งกระจายเหมือนระเหยออกมาจากผิวเลยทีเดียว ฟินนนนนนน สรุปง่ายๆ คือ เกิน 12 ชม. สบายๆ ครับ

การกระจาย – กลิ่นมันแน่นหนักอยู่แล้วการกระจายเลยไม่ลดราวาศอกเลยแม้แต่น้อย แน่ๆ เลยคือคนใส่จะได้กลิ่นตีขึ้นตลอด แต่คนรอบข้างอาจจะได้กลิ่นเย้ายวน เซ็กซี่ หรูหราและสะอาดมีคลาสหนักบ้างเบาบ้าง หรืออาจจะทิ้งกลิ่นไว้ตรงที่คนใส่เดินผ่านก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะอิงกับยามร่างกายทำความร้อนด้วยในการกระจายของกลิ่น

ทิ้งท้าย – นี่คือหนึ่งในตัวเทพด้าน Musk เลยล่ะครับ อาจจะไม่ได้เป็น Musk ที่เต็มเหนี่ยว มีผสมผสานบ้าง แต่ยังไงมันก็ยังเทพอยู่ดีแหละ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Gucci pour Homme II








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Gucci/Gucci-Pour-Homme-II-1119.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/04/review-gucci-pour-homme-ii.html

หนึ่งในน้ำหอมที่สามารถทำให้คนที่ดมผ่านๆ สามารถทำให้ตัดสินใจซื้อได้ในทันทีเลยทีเดียวของแบรด์ Gucci กับความเข้าถึงได้ง่าย มีระดับและชั้นเชิงในเนื้อกลิ่นที่ทำให้มหาชนชอบได้ไม่ยาก นี่คือ Gucci pour Homme II ครับ

เปิดตัวกันเต็มๆ กับ Top Notes ที่จะมาแบบสดชืิ่นติดเขียวนุ่ม โดยจะมีโทนหวานโปร่งๆ จางๆ มาให้รู้สึกได้จากใบไวโอเล็ต ซึ่งแน่นอนต้องมีโทนซิตรัสเข้ามาเสริมกลิ่นในช่วงนี้จะดึงดูดกันเลย เพราะใบไวโอเล็ตจะมีกลิ่นออกออกทางเย้ายวนเซ็กซี่อยู่ในตัวอยู่แล้ว และเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes กลิ่นชาดำจะค่อยๆ ปล่อยของออกมาจนเต็มที่ โดยมีอบเชยผสานทำให้ติดเครื่องเทศในเนื้อกลิ่นแบบคมๆ เลยทำให้หวานกำลังดี ติด Spicy ที่ออกทางสดชืิ่นพอสมควร ซึ่งกลิ่นชาจะยังอยู่ยาวนานไปถึงช่วงท้ายๆ ซึ่งใน Base Notes จะไปผสมผสานกับใบยาสูบที่จะให้ความหวานเย้ายวนแบบแมนๆ และมี Musk ให้ความนุ่มเย้าสะอาด ซึ่งจะมีโทนวู้ดดี้บางๆ ติดเขียว และมีโทน Smoky หน่อยๆ ให้รู้สึกได้ แบบว่ากลิ่นผสมผสานกันออกมาได้อย่างหมดจดจริงๆ ทุกอย่างสื่ออกมาถึงผู้ชายดูแลตัวเอง เท่ห์ๆ จะชิลล์ก็ได้ จะเมโทรก็ดี จะนิ่งๆ มีภูมิก็เหมาะ มาครบกันเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายแบบแฝงไปด้วยความเย้ายวนกำลังดี กลิ่นมีภูมิพอสมควร ทำให้คนใส่มีเสน่ห์ที่คาบเกี่ยวไปได้ทั้งความเนี้ยบและทั่วๆ ไปสบายๆ ซึ่งตัวนี้ครอบจักรวาลได้เลยในการใช้งานทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ ยิ่งใส่ทำงานหรือออกงานยิ่งเหมาะมาก ใส่เที่ยวกลางคืนแบบอากาศบ้านเราก็สามารถครับ

ความทน - 8 ชั่วโมงสบายๆ อาจจะบวกลบไม่มาก ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย - เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่กระจายกลางๆ ไม่ได้เน้นกระจายแบบเอาเป็นเอาตาย ซึ่งในช่วงท้ายๆ จะเป็นออร่ารอบๆ ตัวคนที่เข้ามาอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่น

ทิ้งท้าย - ได้ข่าวว่าตัวนี้จะเลิกผลิต ซึ่ง Gucci นี่ก็แปลก ตัวดีๆ นี่หยุดผลิตกันอยู่เรื่อย ทั้งๆ ที่ของมันดีงามมากเลยทีเดียว อ้อ ที่สำคัญกลิ่นนี้คนที่สูบบุหรี่ใช้แล้วจะช่วยทำให้กลิ่นบุหรี่ที่ติดตามตัว มีความหอมเฉพาะบุคคลด้วยนะครับ จากอิทธิพลของใบยาสูบในน้ำหอมตัวนี้เน้นๆ เลย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ralph Lauren - Polo Red








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 130฿ และ 10ml 250฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Ralph-Lauren/Polo-Red-18598.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/03/review-ralph-lauren-polo-red.html


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ralph Lauren - Polo Double Black








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 160฿ และ 10ml 320฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Ralph-Lauren/Polo-Double-Black-1199.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/02/review-ralph-lauren-polo-double-black.html

จริงๆ ก่อนจะมาเป็นรุ่นนี้จะมี Polo Black มาก่อนซึ่งไว้จะมาบอกเล่ากันในอนาคตครับเพราะไม่เคยได้ใช้เลย แต่ขอมาจับที่รุ่นคูณ 2 เข้มขึ้นอย่าง Double Black แทนก่อน ซึ่งเมื่อแรกฉีด Top Notes ที่มาเลยกับกลิ่นมะม่วงดิบแบบมะม่วงมันโรยด้วยพริกไทยผง ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะออกแนวสดชื่นก็จริง แต่ติดไปทางหอมเข้มกำลังดี เพราะมีกลิ่นโทนกาแฟคั่วบดจางๆ มาเสริม และเมื่อเข้าสู่ช่วง Middle Notes งานนี้ได้เวลาของลูกจันทน์เทศที่จะมาให้ความเย็นซ่าๆ โดยที่กาแฟยังไม่ไปไหนรองพื้นให้ความเข้มของกลิ่นยังคงอยู่ ทำหน้าที่แบบเกือบจะปิดทองหลังพระได้เป็นอย่างดีจนถึงเวลาปิดท้ายของกลิ่นอย่าง Base Notes ที่เม็ดกระวานกับโทนวู้ดดี้จะมาเต็มเลยทีเดียว ให้ความเย้ายวนแบบหวานกำลังดี เข้มเท่ห์กำลังงาม มีความเป็นไอเย็นในเนื้อกลิ่นหน่อยๆ เสียด้วย เลยทำให้ภาพรวมของ Polo Double Black จะเป็นน้ำหอมที่ให้อารมณ์สีดำแต่มีความสดชื่นอยู่ในเนื้อกลิ่น แบบผู้ชายเข้มเท่ห์ก็จริง แต่ดูสดชื่นไม่ได้ดาร์กจัดๆ เกินเหตุนั่นเอง

เหมาะสำหรับ -  เนื้อกลิ่นมีความภูมิฐานคาบเกี่ยวกับความสดชื่นจางๆ เบสอบอุ่นเต็มแน่น น่าค้นหา และชวนงานเข้าด้วย cardamom สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ทั้งยามกลางวัน ใส่ไปทำงานก็ได้ครับ ใส่ไปเที่ยวกลางคืนก็เหมาะดีเลยครับ

ทิ้งท้าย - หลายๆ คนบอกว่าตัวนี้ทำหน้าที่แทน Armani Attitude ได้อยู่ แต่เอาเข้าจริงต่างโทนกันอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ ซึ่ีงทดแทนกันได้บ้างก็เรื่องเดียวคือกลิ่นกาแฟติดไอเย็นสดชื่นจางๆ นี่แหละครับ นอกนั้นตัวนี้เป็นเอกเทศชัดเจนของตัวเองเลยทีเดียว


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ralph Lauren – Polo Black








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 130฿ และ 10ml 260฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Ralph-Lauren/Polo-Black-1197.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/02/review-ralph-lauren-polo-black.html

เข้าใจว่าหลาย ๆ ท่านรอน้ำหอมกลิ่นนี้อยู่นะครับ ซึ่งเด่นด้วยมะม่วงสุกในช่วงเปิด และมาในแบบเย็น ๆ หน่อย สร้างความสดชื่น และเซ็กซ์ซี่ตั้งแต่ฉีดออกมาเลย ถือเป็นกลิ่นที่เจาะตลาด mass market อย่างตรงไปตรงมา กลิ่นเข้าถึงง่ายตามสไตล์ของโปโล
จริงๆ ชื่อ Black ดูไม่ค่อยเหมาะนะครับ เพราะในความเข้าใจผม กลิ่นที่ออก Black น่าจะสร้างความลึกลับ น่าค้นหาแบบถึงที่สุด และออกทาง sophisticated หากแต่ Polo Black มาในแบบ citrus อ่อน ๆ และโอนเอนไปทาง aromatic ที่ไม่ได้มาในรูปแบบสมุนไพร
จริงๆ แล้วอยากให้ชื่อ Polo Red มากกว่าครับ เพราะกลิ่น sexy มากกว่าลึกลับ

นอกจากมะม่วงแล้ว กลิ่นที่เด่นในขั้นต่อมาคือ Patchouli และ Tonka bean ให้ความอบอุ่นจนกลิ่นจางหายไปในเวลาประมาณ 7 ช.ม. กลิ่นติดผิวแนบแน่น กระจายพอควร เหมาะกับบรรยากาศโรแมนติคครับ ผู้หญิงใช้ได้สบาย ๆ ครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ralph Lauren – Polo Blue








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 260฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Ralph-Lauren/Polo-Blue-1198.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-ralph-lauren-polo-blue.html

เป็นอีกหนึ่งในรุ่นยอดฮิตและขายดีที่สุดของโซน Polo ซึ่งถ้าเอามาวางเรียงๆ กันแล้วให้เลือกว่านอกจาก Polo Sport แล้วอยากใช้ตัวไหน Polo Blue นี่จะโดนเป็นลำดับแรกไม่ยากเลยล่ะครับ เพราะว่า

มันเป็นตัวที่ให้ความสดชื่นเข้าถึงง่ายสุดๆ เผลอๆ เข้าถึงง่ายกว่า Polo Sport ด้วยซ้ำไป กับ Top Notes ที่หอมสดชื่นมากกับกลิ่นแตงกวากลั้วกับเมล่อน มีโทนซิตรัสจากส้มแฝงมาทำให้เกิดความกระปรี้กระเปร่ายามฉีดหรือได้กลิ่นได้ดีมากจริง ซึ่งบอกเลยว่าเพียงแค่กลิ่นในช่วงนี้ ถ้าชอบเสียตังค์ได้เลยแบบไม่ต้องรอช่วงอื่น เพราะมันให้อารมณ์ได้ครบถ้วนกับความเป็นน้ำหอมที่เข้าถึงง่ายของผู้ชายจริงๆ และถึงแม้จะเข้าช่วงอื่นๆ ของน้ำหอมก็ยังเสียตังค์ซื้อได้ง่ายๆ อยู่ดี เพราะไม่ว่าจะเป็น Middle Notes ที่จะมีกลิ่นของโหระพากลั้วกลิ่นโซนสะอาดๆ แบบอากาศสดชื่ดได้ดีมากเข้าถึงง่ายตามเคย และ Base Notes ที่จะให้อารมณ์กลิ่นทางวู้ดดี้เบาๆ กลั้วกับ Musk สะอาดๆ และกลิ่นหนังนุ่มๆ บางๆ ที่ให้อารมณ์แมนๆ สะอาดๆ สบายๆ แบบผู้ชายได้ดีมาก เช่นนั้นไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นที่นิยมและเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่คนรักน้ำหอมโซน Polo มักจะเลือกใช้

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศทุกวัยเลยครับ ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยว อยู่บ้าน แก้ผ้าเดินรอบบ้าน หรือออกกำลังกาย ออกงานหรูก็พอไหวในระดับหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับยามกลางคืนนักครับเพราะกลิ่นเบาไป แต่ถ้าจะใส่เพื่อเน้นความสะอาดสดชื่นทำได้อยู่ ที่สำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายสามารถใช้น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ ครับ เพราะจะได้ความรู้สึกสปอร์ตกำลังดี โดยไม่ได้ออกทางแมนจัดๆ แต่ประการใด

ความทน – 6 ถึง 8 ชม. ขึ้นไป อยู่ที่เคมีด้วยส่วนหนึ่งครับ ซึ่งถ้าฉีดเสื้อด้วยกลิ่นจะทนมากขึ้น เพราะเสื้อที่ผมฉีดแล้วเวลาจะเอาไปซัก กลิ่นยังลอยหอมอ่อนๆ ขึ้นมาอยู่เลย

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากช่วง Top และต้นๆ ของ Middle นอกนั้นจะลดระดับลงมาเรื่อยๆ และเป็น Skin Scent ยาม Base ครับ

ทิ้งท้าย - ถือว่าเป็นหนึ่งใน #ของดีเทคนิคไม่ต้อง ได้สบายๆ เลยล่ะครับ ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Versace Man Eau Fraiche













- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 120฿ และ 10ml 230฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขายขวด 100ml ของใหม่ ยังไม่ใช้ (ไม่มีฝา) ขาย 1,500 บาท


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Versace/Versace-Man-Eau-Fraiche-644.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/05/review-versace-man-eau-fraiche.html

รุ่นนี้ของ Versace เด่นแซงหน้ารุ่นต้นตำรับไปหลายสโตรกเลย แถมได้รับความนิยมมาอย่างนานยาว เพราะมีความเข้าใจถึงและใช้ง่าย กลิ่นถูกใจมหาชนกันสุดๆ นั่นคือ Versace Man Eau Fraiche ครับ

Top Notes เปิดมาได้แบบสดชื่นวันฟ้าใสไม่น้อยเลยทีเดียวกับกลิ่นโทนซิตรัสผสมผลไม้ แบบที่เลมอนนำก็จริง แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากคือกลิ่นของมะเฟืองที่เด่นขึ้นมาทำให้กลิ่นซิตรัสช่วงนี้ไม่คมเกินไปสดใสกำลังดีให้ความรู้สึกฉ่ำๆ กันเลยทีเดียว โดยที่จะมีกลิ่นโทนวู้ดดี้ติดกุหลาบจางๆ รองพื้นอยู่ให้กลิ่นไม่เบาโหวงเกินไป เพียงไม่นาน Middle Notes โผล่มาทักทายกับกลิ่นของไม้ซีดาร์ที่จะทำให้กลิ่นออกทางนิ่งๆ เสริมด้วยพริกไทยจางๆ และกลิ่นโทนสมุนไพรติดหวานโดยที่ยังมีกลิ่นช่วงต้นตามมาอยู่เลยทำให้กลิ่นยังความสดชื่นแบบออกทางฉ่ำน้ำอยู่สมชื่อ Eau Fraiche กันเต็มๆ จนถึง Base Notes ที่โทนวู้ดดี้จะเริ่มชัดมากขึ้น โดยมี Musk มาทำให้เกิดความนุ่มเย้าไปเรื่อยๆ ซึ่งมีกลิ่นออกทางเมทัลลิคนิดๆ กับโทนหวานบางๆ มาเสริม เลยทำให้ยังมีความสดชื่นตามมาตลอด ซึ่งใช่เลยครับ กลิ่นใช้ง่ายมาก เข้าถึงได้ง่าย แถมมีระดับในเนื้อกลิ่นที่ทำให้คนใส่ดูดีไม่ใช่น้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮิตจนถึงปัจจุบันนี้ และคงไปต่ออีกยาวนาน

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ต้น ขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้สบายๆ ครับ กลิ่นเข้าถึงง่ายจริงอะไรจริง ดึงดูดให้เสียตังค์ตั้งแต่เพียงแค่ช่วงต้น แถมที่เหลือที่ดีงามใช้ง่ายไปจนถึงช่วงท้าย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลยทีเดียวไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ จนถึงนอนแก้ผ้าแผ่หราตากพักลมที่บ้านเฉยๆ ก็สามารถ ส่วนยามกลางคืนกลิ่นอาจจะได้ในลักษณะทั่วๆ ไป แต่ถ้าใส่กินเหล้าจบกันครับ กลิ่นโดยกลบหมด ส่วนคุณผู้หญิงก็ใช้ตัวนี้ได้อยู่นะครับ ให้ความสดชื่นทะมัดทะแมงไม่น้อยเลย

ความทน - กลิ่นทนประมาณ 8 ชั่วโมง บวกลบ 1 - 2 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Lalique - Encre Noire Sport








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ของใหม่ กล่องซีล ขนาด 100ml แค่แกะมาถ่ายรูปอย่างเดียวคะ ขอขาย 1,900 ฿

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Lalique/Encre-Noire-Sport-21369.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2016/03/review-lalique-encre-noire-sport.html

เรียกว่าขึ้นหิ้งที่สุดไปแล้วกับรุ่น Encre Noire ของ Lalique ที่บ่งบอกถึงความสุขุม ภูมิฐาน ลึกลับน่าค้นหาราวกับหมึกดำที่ดาร์กและขลัง ซึ่งแน่นอนรุ่นนี้มีการต่อยอดเพราะได้รับความนิยมมาก แต่เป็นเพราะบางคนอาจจะไม่ชอบความดาร์กที่มันมากเกินไป มันเลยมีรุ่นนี้มาตอบสนองความต้องการซึ่งนั่นก็คือ Encre Noire Sport

สิ่งแรกที่ประทับใจเลยคือ Top Notes ไม่ได้มาแบบดาร์กตั้งแต่ต้นเลย มันมีความสดชื่นของโทนซิตรัสมานำทาง มีกลิ่นลูกจันทน์เทศจางๆ ให้รู้สึกได้ แต่แน่นอนเพราะกลิ่นนี้สิ่งที่ต้องเป็นพระเอกตลอดงานคือ หญ้าแฝก ก็ต้องมาสิ ไม่มีพลาด แต่มาเป็นรองพื้นด้านหลังให้รู้สึกได้ก่อนแบบไม่ได้เด่นอะไรมากนัก เพราะเน้นความสดชื่นมาเต็มให้แตะคำว่า Sport ได้ระดับกำลังดีก่อน เพียงไม่นานกลิ่นอายของไม้หอมก็ได้เริ่มแทรกเข้ามาจนเข้าช่วง Middle Notes โดยจะมีกลิ่นโทนน้ำสะอาดแบบสดชื่นกลั้วไปมาผสมผสานกับซิตรัสจางๆ โดยที่สนไซเปรสจะมาให้ความสดชื่นติดนุ่มเขียว และแน่นอนหญ้าแฝกจะเริ่มเด่นมาด้วยในช่วงนี้ แต่มาแบบแห้งๆ ตัดกับโทนน้ำสะอาด ราวกับจะดูดน้ำกลับไปเรื่อยๆ จนพาเข้าสู่ช่วง Base Notes งานนี้ได้มาสู่ความเป็น Encre Noire ที่มีความดาร์กแบบต้นฉบับแล้ว ที่คงความดีงามคือ กลิ่นอาย Smoky แบบเท่ห์ๆ ของหญ้าแฝกที่เด่นนำลอยขึ้นมาแบบชัดเจนมาก โดยมีกลิ่นอาย กลิ่นแบบหมึกดำผสมผสานกับกลิ่นโทนไม้หอมกลั้ว Musk ที่รองพื้นด้านหลังที่ให้อารมณ์กลิ่นอายกระดาษหอม ซึ่งกลิ่นจะได้อารมณ์แบบกระดาษที่มีการเขียนด้วยน้ำหมึกสวยงามติดแนบแน่น มีความขรึม ขลัง น่าค้นหา นิ่ง เนี้ยบแบบต้นฉบับชัดเจนทุกประการไม่หนีไปไหน เพียงแต่ความอบอุ่นปรับโทนเบาลงมาเป็นอ่อนๆ ไม่ได้เด่นมากก็เท่านั้นเอง

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็สามารถใช้ตัวนี้ได้สบายๆ กลิ่นคาบเกี่ยวความเป็น Sport อยู่ในระดับกำลังดี แถมแตะความนิ่งขรึมมีระดับสมาร์ทกลั้วน่าค้นหาก็สามารถ จึงครอบคลุมการใส่ในทุกๆ สถานการณ์ยามกลางวันได้หมด ส่วนยามค่ำคืนอาจจะไม่ได้เด่นเท่าต้นตระกูล แต่ก็ถือว่าใส่ได้แบบทั่วๆ ไปได้สบายๆ ที่สำคัญใครที่คิดว่าตัวต้นตระกูลนั้นเข้มหนักไป ตัวนี้ช่วยได้เพราะเอาซิตรัสมาตัดให้สดชื่นขึ้นไม่ดาร์กจัดๆ กันตั้งแต่เริ่ม เพราะมีเวลาเตรียมใจและรับความงามของกลิ่นอายเท่ห์ๆ ตอนท้ายนั่นเอง

ความทน – ประมาณ 8 ชม. เลย ซึ่งอาจจะน้อยกว่าต้นตระกูลบ้าง แต่ยังดีงามอยู่ ซึ่งถ้าจำนวนสเปรย์พอเหมาะและจุดที่ฉีดที่เอื้อมากพอ กลิ่นจะลากยาวไปที่ 12 ชม. ได้เลยทีเดียว

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แล้วจะลดลงมากระจายดีในช่วงกลาง ลดเพดานลงมาเรื่อยๆ จนในช่วงท้ายเป็นการกระจายกลางๆ กึ่งออร่ารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย – ผมใช้ตัวนี้มีคนแปลกหน้าชมถึง 3 คนว่าน้ำหอมหอมเท่ห์ดูดีมากจนต้องถามยี่ห้อและรุ่นไปเผื่อซื้อใช้ตาม เป็นผู้ชาย 2 หญิง 1 เรียกว่าภูมิใจที่เราเลือกตัวหญ้าแฝกงามๆ มาใช้แล้วมีคนชม แบบว่าฟินน่ะครับ ฟินมากกกกก


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Lacoste – Eau de Lacoste L.12.12 White "ขายแล้วคะ"





ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

tamamajung

29/11/2016 17:43:24
0
IP : 58.10.65.176
Baldessarini - Secret Mission




















ตัวนี้คือโคลนนิ่ง Armani Attitude (ซึ่งเลิกผลิตแล้วและหายากมากคะ เป็นน้ำหอมในตำนานที่คนใน Pantip โดยเฉพาะสาวๆกล่าวถึงเลยคะ สาวๆแบบหนูชอบมากกก) เว็บ fragrantica ต่างยกให้ตัวนี้กลิ่นใกล้เคียงที่สุดคะ

- ขวดใหญ่สุด 90 ml ซื้อจากSephora 3,500฿ เหลือปริมาณตามยางรัด(ประมาณ85%) ขาย 1,700 คะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135 ฿ และ 10ml 260 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

เนื่องจากกลิ่นก็อปกันมาเลย จึงขอใช้รีวิวแทนกันนะคะเพื่อให้พอเห็นภาพ

http://kemkudson.blogspot.com/2015/02/review-giorgio-armani-attitude.html

เพราะว่า Armani เลิกผลิตน้ำหอมรุ่นนี้เท่านั้นแหละ ฮิตขึ้นมาทันตาเห็น เลยทำให้บุคคลที่รักน้ำหอมโทนกลิ่นแบบนี้ต่างก็ต้องเอาเข้ามาเก็บไว้ให้จงได้ ซึ่งตอนนี้จากที่ราคาไม่เท่าไหร่ กลายเป็นราคาสูงขึ้นแบบจัดเต็มเลยทีเดียว ในเมื่อกำลังฮิตกว้านหากันเช่นนั้น ก็เลยมาขอตอกย้ำว่ามันมีความดีงามมากมายเลยทีเดียวนะนั่นกับ Armani Attitude ครับ

ส่วนตัวจะมองน้ำหอมตัวนี้เหมือนนิยาย/ละครเรื่อง #อย่าลืมฉัน เพราะในแต่ละช่วงอย่างกับบอกเล่าอารมณ์และความรู้สึกทางจิตใจระหว่างสุริยาวดีและเขมชาติ กลิ่นจะเปิดตัวด้วยกาแฟกับเลม่อนซึ่งจะได้อารมณ์แบบกาแฟดำใส่มะนาวฝานแบบที่คู่นี้เขาโปรดปรานและเป็นหนึ่งในตัวเชื่อมความรู้สึกระหว่างกันตั้งแต่แรกเริ่มรู้จัก กลิ่นจะให้ความสดชื่นความเป็นหนูเล็กกลั้วความเข้มของเขมชาติได้เป็นอย่างดี

เมื่อผันตัวเข้าสู่ช่วงกลางกับความนุ่มนวลของลาเวนเดอร์ที่แทรกขึ้นมาผสานกับเม็ดกระวานกลายเป็นกลิ่นนุ่มหวานกลั้วความขมสดชื่นที่ตามมาตั้งแต่ช่วงต้น เหมือนความรู้สึกที่สะท้อนในความทรงจำของทั้งคู่ยามที่หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง ซึ่งมีทั้งความขม ความหวาน ความดึงดูดซึ่งกันและกันแบบไม่โจ่งแจ้ง ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว จนเกิดเรื่องราวที่หอมหวานจางๆ นุ่มนวลละเมียดละไมปนความขมที่กระจายให้คนอ่านหรือดูรู้สึกได้

และการปิดท้ายด้วยกลิ่นโทนอบอุ่นนิ่งขรึมหนักแน่นด้วยแอมเบอร์และยางไม้โทนหวานอุ่น ล้อมรอบไปด้วยกลิ่นของพิมเสนอ้อยอิ่งที่นุ่มจมูกหอมอย่างมีระดับ บอกเล่าถึงอารมณ์ของความอบอุ่นของทั้ง 2 คน ที่ผ่านการให้อภัยซึ่งกันและกัน ความรักที่ยังคงอยู่ เข้าใจซึ่งกันและกันแบบผู้ใหญ่ที่ปิดฉากละครเรื่องนี้แบบซาบซึ้งนั่นเอง


เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป กลิ่นค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่ง สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทำงาน ออกงานทางการ พบปะผู้คน หรืออยู่ใกล้คนรัก ส่วนออกกำลังกายก็พอได้อยู่แต่ควรรอท้ายๆ จะดีที่สุด ใส่เที่ยวกลางคืนก็พอไหวครับ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ไม่ได้ไปในทางเย้ายวนโจ่งแจ้งมากขนาดนั้น

ความทน - 8 ชั่วโมงโดยประมาณ อาจจะมีบวกลบไปบ้าง อยู่ที่เคมี จุดที่ฉีดและจำนวนสเปรย์ด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - ถือว่ากลิ่นนี้เป็นหนึ่งใน Sillage Scent ได้เลยเพราะช่วงต้นและกลางกระจายดีมาก ดมที่ผิวอาจจะไม่ค่อยรู้ว่ามันมีกลิ่นติดอยู่ แต่มันกระจายตีขึ้นตลอดให้คนใส่และคนรอบข้างได้กลิ่นหมด มีช่วงท้ายๆ ที่ลดเป็นออร่ารอบๆ ตัวที่ยังคงความรู้สึกอบอุ่นให้รับรู้ได้ไปตลอด


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Armani - Attitude Extreme  "ขายแล้วคะ"








------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Midnight in Paris - Van Cleef & Arpels


















http://www.fragrantica.com/perfume/Van-Cleef-Arpels/Midnight-in-Paris-9685.html


- รุ่น EDT ขวดใหญ่สุด 125ml ของใหม่คะ ขาย 1,950 คะ

- รุ่น EDP ขวดใหญ่สุด 75 ml ของใหม่คะ ขาย 2,500 คะ (รุ่นEDP ไม่มีขายในไทยนะคะ และก็เลิกผลิตแล้วเหมือนกันคะ)

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 140฿ และ 10ml 270 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

**ตัว EDP กลิ่นจะทนและเข้มกว่า EDT นะคะ


รีวิวจากคุณแชมป์คะ **กลิ่นนี้เลิกผลิตแล้วนะครับ ถ้าได้ลองแล้วติดใจ ก็รีบหาซื้อตุนได้เลยครับ ก่อนราคาจะสูงขึ้น**

เสปรย์แรกมา แล้วรู้สึกเลยครับว่าหอมมาก ให้อารมณ์เซกซี่ เขื่อมโยงใกล่เคียงในเรื่องแนวกลิ่น ก็คงเป็นarmani code men นะครับ แต่ในตัวนี้ ไม่หวาน ไม่แป้งจัดๆเท่ากับarmani code

ใครชอบกลิ่นที่เด่นด้วยหนังเป็นหลัก และอยากได้ความเซ็กซี่จากหนังที่ไม่ออกanimallic มากเกินไปแบบน้ำหอมniche. ผมก็แนะนำเลยครับ กลิ่นน่าสนใจมากๆ

เปิดมาก็ได้โทนหนัง แป้งเบาๆ กรุ่นๆควัน ติดหวานนิดๆ

แต่พอกลิ่นเริ่มเซ็ทตัว ความหวานจากถั่วทองก้าก็เริ่มหายไป กลิ่นเครื่องหนังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นและกลิ่นกำยานก็เข้ามามีบทบาท เหมือนกับได้กลิ่นกำยานที่ถูกจุด ให้ความรู้สึกอบอุ่นนน่ากอด

จุดเด่นของกลิ่นนี้ ผมว่าเป็นกลิ่นแนวหวานๆที่ไม่หวานมากจนเวียนหัวสามารถใส่ตอนแดดออกแรงๆได้สบาย และกลิ่นนั้นไม่กระจายรุนแรงจนน่าปวดหัว หากแต่กลิ่นที่กระจายออกมานั้นเป็นในรูปแบบควันๆ ลอยๆ และความทนก็อยู่ในระดับที่น่าเชื่อถือได้



รีวิวจากพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/reviewvan-cleef-arpels-midnight-in-paris.html

ท้องฟ้าอันประดับประดาไปด้วยหมู่ดาวยามย่ำค่ำไล่เรียงสีสันไปจนถึงยามดึกของยามฤดูหนาว ณ ใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่แสนจะสวยงามได้มาประดับประดาลงบนขวดทรงกลมที่ถือว่าเป็นขวดน้ำหอมที่สวยขาดใจจริงๆ และเป็นส่วนหนึ่งบอกเล่าเรื่องราวของความโรแมนติคสมกับชื่อ Midnight in Paris ได้เป็นเรื่องราวมากมายเลยทีเดียว

องก์ 1 - หญิงสาวได้พบชายหนุ่มที่หน้า Le Cinq Restaurant ณ Four Seasons Hotel, Paris ในยามเย็นตามที่ได้นัดหมายไว้ โดยกรุ่นกลิ่นกายชายหนุ่มยามเมื่อพบเจอ ที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง น่าค้นหา สดชื่นและอบอุ่น ของกลิ่นแนวๆ เลมอน มะกรูด และโรสแมรี่ กลั้วกลิ่นหนังนุ่มๆ ที่โดดเด่น ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างพึงใจและยื่นมือให้ชายหนุ่มพาเข้าไปเพื่อลิ้มรสอาหารอันเลิศรสกับช่วงเวลาของความสุขที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

องก์ 2 - อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นมาแบบเป็นใจ เมื่อชายหนุ่มพาหญิงสาวขึ้นไปชมเมืองปารีสบนหอไอเฟล ท่ามกลางหมู่ดาวนับไม่ถ้วนแต่งแต้มท้องฟ้าอันสวยงาม เมื่อยามที่หญิงสาวยืนใกล้ชายหนุ่มกรุ่นกลิ่นกายที่น่าค้นหา อบอุ่น และวาบหวามซาบซ่า ด้วยกลิ่นหนังนุ่มๆ กลั้วกลิ่นชาเขียวมัทฉะ และมีกลิ่นอายหอมเย็นของดอก Lily of the Valley ทำให้เธอรู้สึกวางใจและมีความสุขที่ยืนใกล้ผู้ชายคนนี้ ยิ่งบทสนทนาเรื่องราวต่างๆ มากมายสร้างรอยยิ้มเหมือนชิมรสชาอุ่นๆ ชั้นดีท่ามกลางอากาศเย็นที่แสนจะเป็นใจให้ได้ใกล้ชิดกัน

องก์ 3 - ท้องฟ้ายิ่งมืดสนิทเท่าใด ดาวนับล้านดวงยิ่งสุกใสสวยงามมากขึ้นเท่านั้น เธอยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อชายหนุ่มพาเดินในสวนด้านล่างหอไอเฟลที่เป็นฉากหลังที่แสนจะโรแมนติค ยิ่งอากาศใกล้เที่ยงคืนเริ่มหนาวเย็นเท่าไหร่ชายหนุ่มยิ่งกระชับหญิงสาวแนบแน่นเพื่อมอบไออุ่นให้มากขึ้นพลางจุมพิตที่หน้าผาก หญิงสาวได้กรุ่นกลิ่นกายที่แสนเย้ายวน ดึงดูด และช่างอบอุ่นทั้งกายและใจจนทำให้ไม่อยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้สิ้นสุดลงไปเลยแม้แต่วินาทีเดียวหลังจากนี้

Comment - เห็นไหมครับ น้ำหอมตัวนี้สามารถมากๆ แค่ได้กลิ่น 3 ระดับที่บอกเล่าเรื่องราวได้เป็นฉากๆ เลย เก๋สุดๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายตั้งแต่วัยทำงานเป็นต้นไปที่ต้องการให้ลุคตัวเองโรแมนติคครับ เพราะน้ำหอมตัวนี้โทนกลิ่นหนังนุ่มๆ ชัดมาก มีอารมณ์เย็นๆ แบบ Lily of the Valley กลั้วโทนละมุนของชาเขียว และโทนเย้ายวนที่อบอุ่นสุดๆ ของกำยานและแอมเบอร์ แอบมีโทนครีมมี่น่ากินของถั่วตองก้าและอัลมอนด์ด้วย คือ ใส่ไปโรแมนติคกับแฟนน่ะทั้งได้และโดนที่สุดแล้ว ขอบอก! แต่จริงๆ ตัวนี้สามารถใส่ออกงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนครับ ทำงานก็ได้ (แบบพอดีๆ) เพราะโทนออกแนวทางการได้อยู่ครับ

ความทน - มากกกกก เกิน 8 ชม. แน่นอน เย้ายวนกันนานๆ ให้ฟินไปข้างเลย

การกระจาย - ดีมากเลยในทั้ง 3 ช่วงในอารมณ์ต่อเนื่องจากสดใส มาดแมน น่าค้นหา อบอุ่น และโรแมนติคได้เก๋มากมาย

ป.ล. เป็นอีกหนึ่งในตัวที่ผมไม่พลาดเด็ดขาดที่จะมีไว้ครอบครองครับ ตกหลุมรักกลิ่นนี้มาก ใส่แล้วดูโรแมนติคขึ้นไปอีก150%


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Bvlgari - Aqva pour Homme








http://www.fragrantica.com/perfume/Bvlgari/Aqva-Pour-Homme-153.html

เป็นน้ำหอมกลิ่นสดชื่นแนว Aquatic ที่โดดเด่นและเป็น 1 ในไม่กี่กลิ่นที่กลุ่มคนเล่นน้ำหอม niche จะมองหาในยามต้องการความสดชื่น โดยดูความนิยมได้จาก basenotes เป็นต้น จุดเด่นของน้ำหอมตัวนี้อยู่ที่โทน salty ของกลิ่น และโน็ตสาหร่าย ที่ผสมผสานกันจนเป็นเอกลักษณ์  ชวนให้นึกถึงสีน้ำทะเลยามเย็นจิงๆค่า


- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 120฿ และ 10ml 230 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-bvlgari-aqva-pour-homme.html

ฮิตมาก ฮิตจริงๆ เพราะว่า กลิ่นมันหอมเข้าถึงง่ายและโดนใจอันนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ครับกับ Bvlgari Aqva pour Homme เพราะว่า

Top Notes เปิดต้นด้วยความหอมนุ่มสดชื่นกันด้วยกลิ่นส้มแบบทันสมัยกลั้วความเขียวของใบส้มเข้าไป เพียงแค่นี้ไม่ต้องรอตรงอื่นก็เสียตังค์ได้ เพราะกลิ่นมันเข้าถึงง่าย หอมดึงดูดให้อยากใช้ไม่ยากจริงๆ และเพียงไม่นานกลิ่นลาเวนเดอร์จะยิ่งมาทำให้กลิ่นออกทางนุ่มนวล แล้วตามมาด้วยกลิ่นสาหร่ายแบบทะเลมาเลย มีความสดชื่นกำลังดีจากกลิ่นในช่วงต้นที่เป็นพื้นหลังกำลังดี แถมมีกลิ่นออกทางสะอาดๆ นุ่มๆ เข้ามาทำให้หอมนวลได้ใจในรูปแบบ Aquatic มากจริงๆ ซึ่งถ้าใครไม่ชอบกลิ่นสาหร่ายในช่วงนี้ อาจจะเวียนหัว มึนๆ ได้และอาจจะบายทันที แม้ว่ากลิ่นสาหร่ายจะไม่ได้ออกทางคาวทะเลมากนักก็ตาม แต่ถ้าดมภาพรวมของกลิ่นที่กระจายออกมาจะให้อารมณ์ออกมาทะเลนิ่งๆ น้ำลึก แบบดำน้ำชมปะการังชิลล์ๆ เพลินๆ มีความรู้สึกเย็นๆ ให้สัมผัสได้ตลอด ซึ่งถ้าคนชอบจะปลื้มมากมายก่ายกองเข้าไปอีก พร้อมเสียตังค์แน่ๆ เพราะมันหอมจริง และเมื่อ Base Notes เข้ามาทักทายจะมีความเย็นวาบๆ นุ่มนวลจากพิมเสนกลั้วไปกับโทนวู้ดดี้แบบเบาสบายไม่ออกทางอบอุ่นจัดๆ โดยที่ยังมีโทนออกทางน้ำทะเลลึกมาให้รู้สึกสดชื่นตามมาอยู่ โดยกลิ่นในช่วงนี้หอมนวลเย้ายวนกำลังดี ให้ความรู้สึกนุ่มเย็นสบายๆ เลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - หนุ่มทุกเพศวันเรียน ม. ต้น ขึ้นไป เลยครับ กลิ่นเข้าถึงง่าย ให้อารมณ์ทะเลแบบดำน้ำลึก สะอาด นุ่มๆ เย็นๆ กลิ่นโดนใจมหาชนเลย สามารถใส่ไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยวเล่นทั้งทะเล ป่าเขาลำเนาไพร จนถึงเดินห้าง เดิน JJ ได้หมด ออกกำลังกายก็ได้ แต่ใส่เที่ยวกลางคืนอาจจะเบาไปนะครับ ถ้าเจอกับเหล้า เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียวครับ

ความทน - ประมาณ 8 ชม. ครับ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้แล้วแต่จำนวนสเปรย์ การฉีด และเคมีด้วยส่วนหนึ่ง

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากจริงๆ ในช่วง Top และ Middle ที่พร้อมจะทำให้มหาชนรอบตัวชอบได้ไม่ยาก ส่วน Base จะออกแนวหอมนุ่มเย็นๆ ขรึมๆ กำลังดีแบบเข้ามาใกล้ๆ จะได้กลิ่น

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

tamamajung

29/11/2016 17:54:07
0
IP : 58.10.65.176
"ของใหม่มาเพิ่ม วันที่20/11/2559 คะ"


Armani Code Ice








ขวด 75ml เหลือ 50ml ขาย 1,500 ฿ คะ (ราคาห้าง 3,900 ฿)

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Giorgio-Armani/Armani-Code-Ice-24601.html

รีวิวพี่เข็มคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/03/review-giorgio-armani-code-ice.html

บอกกันซึ่งๆ เลยว่า Code Ice เป็น Flanker ที่เอาความเป็น Code ปกติและ Code Sport มาผสมผสานกัน ตัดบางกลิ่นออกจนได้เป็นลูกครึ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 รุ่นข้างต้นชัดเจน เพราะ Top Notes จะมาแนวๆ เดียวกันกับ Code Sport คือเป็น ซิตรัสสดชื่นติดหวานจางๆ ด้วยความเป็นเลม่อน แทรกด้วยขิง มีมิ้นท์มาตัดให้เกิดความเย็นวาบๆ ในเนื้อกลิ่น แตะความเป็น Ice แบบแห้งๆ และส่งต่อให้ Middle Notes จะเป็นโทนดอกไม้สะอาดแบบแน่นๆ ติดหวาน ด้วยลาเวนเดอร์ที่เด่นขึ้นมา แล้วรองพื้นกลิ่นโทนหวานในรูปแบบ Code ปกติ คือ กลิ่นโทนสบู่หอมหวานรัญจวนด้วยกลิ่นโทนเครื่องเทศผสานความครีมมี่นุ่มๆ ซึ่งกลิ่นช่วงนี้บอกเลยว่าแน่นเลยทีเดียวเชียว และปล่อยของหนำใจที่ให้ความรู้สึกทั้งเย้ายวนและเซ็กซี่แบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้า จนเมื่อเข้าช่วง Base Notes กลิ่นโทนสบู่แบบ Code ยังคงอยู่ แต่เพิ่มความเป็นวู้ดดี้เน้นๆ เข้าไปเสริมเลยทำให้จะกลายเป็นกลิ่นสบู่หอมเนื้อไม้ ที่กลิ่นมาในโทนอบอุ่นแกล้มหวานจางๆ มีความสะอาดแบบแน่นๆ ปล่อยเสน่ห์กันได้ชัดเจนเลยทีเดียวครับ

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป กลิ่นยังคงความใช้ง่ายแบบ Code และ Code Sport ครับ แต่กับอากาศร้อนๆ ต้องเพลาๆ เพราะกลิ่นแน่นไม่ใช่น้อย สามารถใส่ได้หลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือไม่ทางการ ออกกำลังกายรอช่วงปลายๆ Base จะดีที่สุด ส่วนเที่ยวกลางคืนจัดไป ตัวนี้เรียกร้องความสนใจได้ดีพอๆ กับตัวต้นตระกูลเลยครับ

ความทน – Code และ Code Sport ปกตินี่ว่าทนมากแล้ว ตัวนี้กินขาดไปเลยกับการใช้จริง คือ 15 ชั่วโมงกลิ่นยังตีขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์ 6 สเปรย์ มันเก๋ก็ที่สุดอ่ะ ตะเองงงงงงงง โดยภาพรวมยังไงก็เกิน 8 ชั่วโมงแน่ๆ ถ้าเคมีเข้ากับผิว และจำนวนสเปรย์เหมาะสม

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากตั้งแต่ Top ยัน Middle ยิ่งกับอากาศร้อนๆ สามารถแผ่รังสีได้เต็มแน่นมาก และลดมากระจายกำลังดีไปตลอดเลยในช่วง Base

ทิ้งท้าย – ประทับใจในความทนและกระจายมากมาย ถึงขั้นว่าแค่ 6 สเปรย์ก็ปล่อยรังสีรอบตัวจนโดนคนอื่นเขม่นมาแล้ว ซึ่งบอกเลยครับ ไม่เสียชื่อความเป็น Armani Code แน่ๆ เพียงแต่ขอนิดนึงว่าได้ความ Ice ตามชื่อรุ่นน่ะ มันมาน้อยไปนิดนึงเนาะ ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Polo Ralph Lauren - Supreme Leather "ขายแล้วคะ"








ตีวใหม่ล่าสุดของ Polo Ralph Lauren กลิ่นหนัง เคล้าน้ำผึ้งหวานๆ อบอุ่นๆคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Valentino Uomo








ขวด 100 ml เหลือ 50ml ขาย 1,400฿ คะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Valentino/Valentino-Uomo-19558.html

รีวิวของคุณเกียรติคะ

Valentino Uomo มาในขวดสุดหรู และสีน้ำตาลใสซึ่งถือเป็นการเกริ่นไว้แล้วว่ากลิ่นจะออกมาแนวไหน โดยValentino Uomo เป็นเงาของ Dior Homme โดยไม่มี iris และโทนกลิ่นลิปสติกที่สัมผัสได้ในต้นกลิ่น แต่ถูกเพิ่มดีกรีความเป็น gourmand ให้หนักขึ้นไปกับโกโก้ กาแฟ และเฮลเซลนัท

เปิดด้วยกลิ่นสดชื่นของมะกรูดและเมอเทิลที่ให้ความสดชื่นคล้ายยูคาลิปตัส โดยรองพื้นหลังด้วยโทน gourmand ไว้อยู่แล้ว ดังนั้น กลิ่นเปิดที่ว่านี้ไม่ได้มาแบบใส ๆ คม ๆ แต่เป็นความสดชื่นบนความหวานเสียมากกว่า

กลิ่นกาแฟและโกโก้ เบลนด์เข้ากันได้ดีอยู่แล้ว และเสริมด้วยความ nutty ของ hazelnut ช่วงนี้ sexy แบบเหลือร้าย ใครชอบ Dior Homme และคิดว่า sexy อยู่แล้ว Valentio Uomo พร้อมยืดอกบอกว่าเขาเหนือกว่าในมุมนี้

กลิ่นท้ายเริ่มติดผิวเป็น skin scent มีกลิ่นหนังให้ความแมน และไม้ซีดาร์ผนึกกำลังเข้าอีกที แต่ก็ยังแอบมีความหวาน gourmand จากกลางกลิ่นร่วมอยู่ด้วย

ใครชอบน้ำหอมอย่าง YSL La Nuit de l'Homme หรือ F pour Homme Black ก็น่าจะชอบกลิ่นนี้ หรือเข้าขั้นรักได้ไม่ยาก ผลงานของสุคนธกร Olivier Polge จะมาแนวนี้อยู่แล้วครับ

ใส่ทำงาน ออกงาน ออกเดท หรือในวันพักผ่อนก็ได้ครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Thierry Mugler - A*Men








ขวด 100ml เหลือ 40-45ml ขาย 1,350 คะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Thierry-Mugler/A-Men-705.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-thierry-mugler-amen.html


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dolce & Gabbana - The One









ขวด 100 ml เหลือไม่น้อยกว่า 90ml ขาย 2,000 คะ (ราคาห้าง 3,900)

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Dolce-Gabbana/The-One-for-Men-2056.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-dolce-gabbana-one-for-men.html


ต้องบอกว่า The One เป็นน้ำหอมที่ดึงดูดมากเลยทีเดียวนะครับ เพราะภาพรวมของความเป็นน้ำหอมแบบ Oriental Spicy ที่จะปล่อยกรุ่นกลิ่นของความหวานและความยวนใจได้มากอยู่แล้ว และมีพระเอกที่โดดเด่นชัดเจนที่ทำให้คนใส่จะมีกลิ่นที่ดูมาดแมน มีคลาส และโรแมนติคได้ไม่น้อย ซึ่งตัวนี้เปิด Top Notes กันด้วยความ Spicy ชัดเจน แต่เบรกความหวานด้วยความสดชื่นของเกรฟฟรุ๊ต (ส้มเช้งชนิดนึง) ทำให้กลิ่นจะเป็นโทนหอมหวานนุ่มนวลกำลังดี โดยยังมีความสดชื่นนัวไปด้วยตลอด ซึ่งเป็นกลิ่นเปิดที่เป็นเอกลักษณ์เลยตัวนึง พอผ่านไปได้ซักไม่เกิน 15 นาที Middle Notes ปล่อยของเต็มตัวกับโทนอบอุ่นและเย้ายวนของเม็ดกระวาน มีสร้างความสดชื่นติดหวานของขิง และเรียกแขกด้วยดอกส้ม มีกลิ่นของช่วงต้นมาผสมผสานให้กลิ่นออกหวานแมนดึงดูดมากพอสมควรเลยทีเดียว และก็ได้เวลาของพระเอกคือ Base Notes ที่ใบยาสูบจัดเต็มจริงๆ ให้อารมณ์หวาน เย้ายวน สะอาด และเซ็กซี่ในคราวเดียว เสริมทัพความแมนด้วยกลิ่นโทนวู้ดดี้ที่ยังให้ความอบอุ่นในเนื้อกลิ่นได้มาก แค่นี้ก็กินขาดแล้ว แถมเสริมบุคลิภาพผู้ใส่ได้ดีมากตัวนึงเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ - ชายหนุ่มทุกเพศวัยทำงานขึ้นไปครับ กลิ่นเนี้ยบนิดนึง แต่ใส่ได้ทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะใส่ไปทำงาน ออกงาน พบลูกค้า ใส่ไปงานเลี้ยง งานแต่ง เพราะให้อารมณ์อบอุ่นน่าเชื่อถือได้กำลังดี เข้ากับสูททุกประเภทได้ดีมาก ที่สำคัญใส่ไปอี๋อ๋อกับแฟนนี่ก็เหมาะกับกลิ่นยั่วแบบแมนๆ ไม่ได้แสดงออกได้ดีมาก ใส่เที่ยวกลางคืนก็ได้ครับ แต่กลิ่นอาจจะไม่ได้กระจายมากนัก เพราะเน้นคลุกวงในมากกว่า ส่วนผู้หญิงไม่ค่อยแนะนำครับ กลิ่นใบยาสูบมันจะออกแมนเกินไปนิดนึง ยกเว้นปลอมตัวเป็นทัดดาว บุษยา "เจ้าฮ่ะ ผมอยากฟัดเจ้าอะฮ่ะ" นั่นก็อีกเรื่องครับ

ความทน - อยู่ที่ 6 - 8 ชม. ครับ อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นอยู่ที่เคมีและการฉีดด้วยส่วนหนึ่ง เพราะส่วนตัวบางครั้งผมเองไม่ได้ทนถึง 8 ชม. แต่บางครั้งล่อไป 12 ชม. ก็เจอมาแล้ว และฉีดใส่เสื้อผ้าด้วยก็ได้นะครับ กลิ่นก็ติดเสื้อผ้าได้ดีในระดับหนึ่งเลย

การกระจาย - The One จะกระจายดีที่สุดคือ Top แล้วจะค่อยๆ ลดลงมาเป็นกลิ่นแนวๆ คลุกวงในมากกว่าครับ อย่างน้อยก็ยังดี เพราะมันไม่ได้กระจายเพื่อยั่วชาวบ้านไปทั่วเกินไปนัก



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Bvlgari - au the Rogue








รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Bvlgari/Eau-Parfumee-au-The-Rouge-146.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-bvlgari-au-rogue.html



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Cartier Declaration d'Un Soir






น้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่หอมอันดับต้นๆของน้ำหอมที่มีกุหลาบเป็นส่วนผสม และตัวนี้ขึ้นชื่อว่ากลิ่นโรแมนติกสุดๆด้วยคะ เป็นน้ำหอม unisex ใช้ได้กับใส่ออกงาน ออกเดท ได้ทั้ง sexy และหรูหราเลยคะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 220฿ และ 10ml 410฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Regina Floris: with Rose Oil of Bulgaria








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/09/review-regina-floris-with-rose-oil-of.html


ถือเป็นน้ำหอมแบบ Local Brand ของ Balgaria เลยนะครับ ที่ผมมีโอกาสได้มาครอบครอง ซึ่งแน่นอนว่าพอเจอ Rose Oil of Bulgaria ตางี้โตเลย เพราะกลิ่นกุหลาบบัลแกเรีย เป็นอีกหนึ่งกุหลาบที่หอมมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว แถมมีความโรแมนติคติดกลิ่นอายสดชื่นเสียด้วย เลยจัดไป ผลออกมาก็คือ

นี่มันนนนนนนน! Armani Code แบบที่ใส่ความเป็นกุหลาบเข้าไปนำเด่นนี่หว่าาาาา มันใช่เลยล่ะ สิ่งที่โดดเด่นมากคือ กลิ่นกุหลาบบัลแกเรียที่จะแทรกซึมไปทุกๆ ช่วงของน้ำหอมตัวนี้ตั้งแต่ต้นยันจบ ทำให้มีกลิ่นอายแบบโรแมนติคไปตลอดนี่แหละครับ เริ่มจาก Top Notes ที่จะมาในลักษณะของซิตรัสติดกลิ่นอายเครือ่งเทศโทนหวาน ซึ่งน่าจะมาจากโป๊ยกั๊ก โดยที่กุหลาบบัลแกเรียจะมาเสริมมให้กลิ่นโทนซิตรัสในช่วงนี้ออกทางนวลๆ หอมสดชื่นแบบแน่นกำลังดี มีความหวานเย้ากำลังงาม ส่งต่อให้ Middle Notes กลิ่นกุหลาบจะเริ่มนวลติดหวานกำลังดีตีคู่กับยาสูบที่มาให้ความหวานแบบแมนๆ และมีโทนครีมมี่หอมนุ่มกลั้วไปตลอด โดยที่กลิ่นเครื่องเทศโทนหวานก็ยังคงอยู่ กลิ่นหอมเย้าโรแมนติคเลยล่ะครับ จนปิดท้ายที่ Base Notes งานนี้ไม่ใช่เป็นแบบ Code แล้ว เพราะกลิ่นโทนไม้หอมจะตีคู่มากับกุหลาบที่จะให้โทนแป้งหอมนวลๆ สะอาดสะอ้าน เรียกว่าเป็นกลิ่นกุหลาบในรูปแบบที่แมน หวาน เย้า และโรแมนติค และน่าสนใจตรงที่เอาความเป็น Code มาผสานกับกุหลาบนี่แหละครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยก็สามารถใส่ได้แล้ว เพราะกลิ่นจะมาในรูปแบบที่เป็น Code กลั้วกุหลาบ และไม่หนักหน่วงเกินไปนัก สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ขอตัดในส่วนออกกำลังกายออก ยิ่งถ้าใส่ออกงานหรือเน้นโรแมนติคเข้าทีสุดๆ ส่วนยามค่ำคืนใส่เที่ยวก็ใส่ได้สบายๆ เลยล่ะครับ แต่อาจจะไปรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับคนที่ใส่ Code มาเที่ยว (ที่บอกเลยเกิน 70% ใส่ Code มาเที่ยวกลางคืนจนกลิ่นเหมือนกันไปหมด) หน่อยนะครับ

ความทน - เป็น EDP เช่นนั้นสิ่งที่เจอ 8 ชม. สบายๆ แต่ไม่เกิน 10 ชม. จากการใช้จริงครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น ลดลงมากระจายกลางๆ และปิดท้ายด้วยออร่าแบบแป้งหอมติดผิวรอบๆตัว


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Emanuel Ungaro - Ungaro pour L'Homme III









- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 125฿ และ 10ml 240฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Emanuel-Ungaro/Ungaro-pour-L-Homme-III-1118.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/03/review-emanuel-ungaro-ungaro-pour.html


ถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่บ่งบอกถึงกุหลาบกับผู้ชายได้ดีมากตัวนึงของโลกเลยทีเดียว ที่สำคัญเป็นรุ่นที่เปลี่ยนสูตรเป็นรอบที่ 3 ด้วย ซึ่งรุ่นแรกและรุ่นที่ 2 ผมเองยังไม่เคยได้ลองใช้เลยรู้แต่ว่าเป็นตัวที่เทพเรื่องกุหลาบไม่น้อย เช่นนั้นมาที่รุ่น 3 เลยแล้วกันว่าจะเป็นเช่นไรกับ Ungaro pour L'Homme III ของแบรนด์ Emanuel Ungaro

เปิดตัวด้วยกลิ่นของลาเวนเดอร์กลั้วกับกลิ่นของว้อดก้าเลย กลิ่นมีความเจือแอลกอฮอล์หน่อยๆ ในรูปแบบเหล้าก็จริง แต่เพราะความซ่าๆ ติด Spice เม็ดผักชีทำให้กลิ่นนี้ไม่แหลมเกินไป กับกลายเป็นโทนเหล้ากลั้วลาเวนเดอร์ซ่าๆ เท่ห์ๆ ติดโทนซิตรัสจางๆ เสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญเพียงไม่นานกลิ่นกุหลาบแดงเริ่มแทรกตัวออกมาเร็วพอสมควรจนเข้าสู่ช่วงกลางที่กุหลาบแดงจะเฉิดฉายออกมาแบบชัดขึ้น โดยกลิ่นของว้อดก้ายังคงมีอยู่ทำให้เป็นเหมือนว้อดก้ากลิ่นกุหลาบแดงที่กลิ่นมีเสน่ห์แบบผู้ชายเจ้าเสน่ห์และโรแมนซ์ในเวลาเดียวกัน แม้จะมีกลิ่นโทนดอกไม้อื่นๆ แทรกเข้ามาบางๆ บ้าง แต่ไม่สามารถข่มกุหลาบแดงลงได้ เพราะนี่คือตัวเอกเท่านั้นนะแจ๊ะ ซึ่งกลิ่นกุหลาบจะตามไปยังช่วงท้าย โดยโบกมือลาว้อดก้าที่กลิ่นจางลงไปแล้ว มาผสานกับกลิ่นโทนวู้ดดี้ที่เด่นด้วยไม้จันทน์หอมกลั้ว Musk และพิมเสน ทำให้เป็นกุหลาบวู้ดดี้หอมกำลังงามนุ่มจมูกเย้ายึกๆ อ้อยอิ่งเป็นระยะมากมาย มีโทนหอมแบบพื้นดินฉ่ำน้ำด้วยความเป็นหญ้าแฝกมาตัดทำให้กลิ่นกลายเป็นเหมือนสุภาพบุรุษหวีผมเรียบแปล้ในชุดทักซิโด้ถือดอกกุหลาบรอหญิงสาวท่ามกลางอากาศฉ่ำๆ ยังไงยังงั้น เท่ห์ไหมล่ะ ^^

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไปครับ กลิ่นคาบเกี่ยวเป็นอย่างดีระหว่างความโรแมนซ์และความแมน ใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะออกงาน ทำงาน เรียน เที่ยว ชิลล์ และจู๋จี๋จี้เอวกับแฟน แต่ออกกำลังกายอาจจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะกลิ่นมันโรแมนซ์ไป ยกเว้นจะไปหาเหยื่อในฟิตเนสนั่นอีกเรื่อง ส่วนยามกลางคืนได้เลยครับ จัดได้สบายๆ กลิ่นมีความโรแมนติคสูงมาก และเย้ายวนอย่างมีคลาส กับกลิ่นกุหลาบที่หอมรัญจวนชวนระทวยแบบแมนๆ ได้ดีจริงๆ ครับ

ความทน - 8 ชั่วโมงได้สบายๆ อยู่ที่จำนวนสเปรย์ และจุดที่ฉีด

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในช่วงต้น และลดลงมากระจายดีไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงท้าย และเมื่อเกิน 8 ชั่วโมงขึ้นไป จะเริ่มเข้าสู่ความเป็น Skin Scent จนหายไปจากผิวครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Hermes - Un Jardin Sur Le Nil








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Hermes/Un-Jardin-Sur-Le-Nil-18.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-hermes-un-jardin-sur-le-nil.html


Concept ของการทำน้ำหอมตัวนี้ตาม Official เขาบอกว่าเป็นสวนริมแม่น้ำไนล์ ณ เมือง Aswan ประเทศอียิปต์ ซึ่งผมไปหารูปดูแล้วสวยมากกกกกก และที่สำคัญน้ำหอมตัวนี้ขึ้นชื่อมาหอมมากมายเป็นลำดับต้นๆ ของโซน Un Jardin เลย เช่นนั้นมาพิสูจน์กันครับกับ Sur Le Nil

เปิดต้นกลิ่นกันมาก็ทำเอายิ้มเลยทีเดียว กับความหอมของผักและผลไม้ต่างๆ ที่ค่อยๆ ปล่อยของกันมาจนผสมผสานกันอย่างลงตัวในช่วง Top Notes ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นมะม่วงดิบที่เด่นมากกกกก ตามมาด้วยกลิ่นเลมอน ยังไม่พอเป็นครั้งแรกที่ผมได้กลิ่นแครอทและมะเขือเทศในน้ำหอม มันได้อารมณ์แบบว่าเรากำลังกินน้ำปั่นผักผลไม้กับปอกมะม่วงเขียวเสวยกินสุดๆ ซึ่งกลิ่นที่เด่นสุดช่วงตัวอย่างมะม่วงดิบกลั้วเลมอนจะอยู่ยาวนานไปจนถึงช่วงท้ายๆ ของ Middle Notes เลย ซึ่งจะมาผสมผสานกับกลิ่นส้ม และดอกไม้ต่างๆ โดยเฉพาะนางเอกของงานอย่างดอกบัว โดยจะให้อารมณ์หอมสดชื่นติดเขียวๆ กึ่งสมุนไพรลงลายเซ็นของ Hermes ชัดเจนก็คราวนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่ากลิ่นดอกบัวหอมสะอาดติดเขียวได้งามและธรรมชาติมากจริงๆ และจะได้เวลาของการส่งต่อไปที่ Base Notes ที่กลิ่นดอกบัวและโทนเขียวจะยังคงอยู่ แต่จะมาผสมผสานกับกลิ่นของธูปหอมอ่อนๆ Musk และดอกไอริส ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว โดยมีกลิ่นอบเชยที่ไม่หนักรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นแน่นขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งโดยรวมเนื่องจากไม่เคยมีประสบการณ์ไปที่ Aswan เพราะไม่มีตังค์ไป เลยอาจจะไม่คิดว่าจะเป็นสวนแถวนั้นซักเท่าไหร่ แต่เมื่อใช้กลิ่นนี้จะได้อารมณ์ เหมือนนั่งอยู่ในศาลาริมบึงบัวหลากสีหลากพันธุ์ แล้วปอกมะม่วงและปั่นน้ำผลไม้กินชิลล์ๆ แถวๆ นครปฐมมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป กลิ่นมันเป็นธรรมชาติมากจริงๆ สมแล้วที่คนเขาบอกว่าหอมเป็นลำดับต้นๆ ของรุ่น Un Jardin

เหมาะสำหรับ – ทุกเพศและทุกวัยครับ เพราะเป็นน้ำหอม Unisex สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ยามกลางวันทุกอย่างได้หมด ไม่ว่าจะเป็นไปทำงาน ไปเรียน ไปเที่ยวธรรมชาติ อยู่บ้านเฉยๆ เดินเล่นตามห้าง นั่งกินสมูธตี้หรืออะไรก็ตาม กลิ่นมันคุ้นชินกับจมูกคนไทยแน่นอน ออกกำลังกายก็ยังได้เลยให้ความสดชื่นเสียด้วยซ้ำไป แต่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับกลางคืนเท่าไหร่นักนะครับ โดยเฉพาะเที่ยวและซัดแอลกอฮอล์

ความทน – 8 ชม. สบายๆ บนผิวผม 10 ชั่วโมงกำลังดีครับ

การกระจาย – ยกให้เขาเลยว่ากระจายได้ดีมากจริงๆ ในช่วง Top และ Middle โดยจะปิดท้ายแบบหอมอ่อนๆ ให้พอตีขึ้นและคนมายืนใกล้ๆ ได้กลิ่นในช่วง Base จนกว่าจะหายไปจากผิวครับ

ทิ้งท้าย – เป็น 1 ใน 2 กลิ่นของ Un Jardin ที่ผมปลื้มมากเลยทีเดียว ของเขาดีจริงๆ ครับ ขอบอก!!


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Perry Ellis 360° Red for Men








ใครที่ชอบน้ำหอม Armani Acqua di Gio แต่อยากได้กลิ่นเข้มกว่า ทนกว่า และ Spicy กว่า ตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังคะ


- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 250฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Perry-Ellis/360-Red-for-Men-1906.html
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

tamamajung

29/11/2016 17:55:02
0
IP : 58.10.65.176
Guerlain - Homme L'Eau Boisee








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 190฿ และ 10ml 350฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/Guerlain-L-Homme-L-Eau-Bois-e-14180.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/04/review-guerlain-homme-leau-boisee.html

รุ่นต้นตระกูลนั้นสดชื่นอย่างมีระดับ รุ่นที่แยกออกมาจึงยังคงความดีงามของรุ่นเดิมแบบไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่มีแนวของตัวเองเข้ามาร่วมแจมแทน โดย L'Eau Boisee ในช่วงต้นจะมาคล้ายกับรุ่นปกติมาก เพราะจะมาในโทนของโมฮิโต้ เครื่องดื่มค็อกเทลแก้วโปรดสุดๆ ที่จะมีทั้งกลิ่นมะนาว มิ้น และรัมมาผสานกันทำให้ได้อารมณ์จิบค็ฮกเทลสดชื่นยามบ่ายแบบชิลล์ๆ ไม่เน้นเมาแต่เน้นรื่นรมย์ยังไงยังงั้น โดยแกล้มความเขียวๆ ในเนื้อกลิ่นแบบโปร่งๆ กำลังดี จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางงานนี้จะเป็นโทนวู้ดดี้โปร่งๆ แซมกับกลิ่นค็อกเทลช่วงต้นที่ยังคงความสดชื่นอยู่แฝงไปด้วยความนุ่มนวลกำลังดี กรุ้มกริ่มแบบไม่ได้เน้นหาเหยื่อ เน้นสบายๆ เสียมากกว่า จนมาปิดท้ายกันที่หญ้าแฝกที่จะเด่นขึ้นมาแบบฉ่ำๆ สดชื่น โดยรองพื้นที่ Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดเย้ายวนเบาๆ โดยที่กลิ่นโทนวู้ดดี้ยังคงอยู่แบบสบายๆ ไม่ได้มาเต็มจนอบอุ่นเกินไปนัก ซึ่งทั้งหมดบอกเล่าถึงผู้ชายใส่เสื้อผ้าสบายๆ ใส่แว่นดำ นั่งจิบค็อกเทลริมสระว่ายน้ำหรือริมทะเล ฟังเพลงสบายๆ ไปตลอดยังไงยังงั้นเลย

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยเรียน ม.ปลายเป็นต้นไป กลิ่นใช้ง่ายเข้าถึงได้ง่าย กลิ่นเบาๆ ก็จริง แต่มีความกรุ้มกริ่มเท่ห์ๆ แฝงอยู่ไปเรื่อยๆ ไม่แบบเปิดเผยออกนอกหน้า สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะชิลล์ๆหรือทางการ ส่วยนามกลางคืนถ้าเป็นปาร์ตี้ริมสระหรือออกแนวทั่วๆ ไปชิลล์ๆ ทั้งติดหรูไม่และหรูกับอากาศร้อนๆ ก็ใส่ได้สบายๆ ครับ

ความทน - 6 ถึง 8 ชั่วโมง ตามจำนวนสเปรย์ที่อัด จุดที่ฉีด และเคมีบางส่วนครับ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในช่วงต้น และลดลงมากระจายเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปจนเป็น Skin Scent

ทิ้งท้าย - รุ่นนี้แม้จะไม่ได้ออกทางเจ้าชู้กลั้วความแมนเท่ห์แบบต้นตระกูลมากขนาดนั้น เพราะจะมาแบบสบายๆ เสียมากกว่า และยังฝัง Signature ในโทนวู้ดดี้ที่เด่นกว่าตัวหลักได้กำลังดีเลย ซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับคนหาน้ำหอมสบายๆ ติดกรุ้มกริ่มเลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Guerlain Homme Intense








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  hhttp://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/Guerlain-Homme-Intense-6679.html

Guerlain Homme ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนต้องออก flanker ออกมาอีกประมาณ 3 รุ่นอย่างน้อย โดยรุ่น Intense EDP นี้ได้ปรับกลิ่นให้แน่นขึ้น และยังคง concept การผสานระหว่าง "human และ animalistic" โดยให้เสือเป็นตัวแทนของสัตว์ที่ให้ภายของความเป็นชายชาตรี

กลิ่นโดยรวมนั้นออกทาง seductive มี rhubarb leaf เด่นเหมือนรุ่นแรก แต่หวานขึ้นและนวลเนียนขึ้นอีกระดับ ความสดชื่นของกลิ่นได้จากมินท์ คล้าย ๆ กับมินท์ที่พบได้ใน Cartier Roadster ความ sexy ของกลิ่นอยู่ที่รัม ซึ่งผสานได้อย่างลงตัวกับใบพิมเสนและไม้ซีดาร์ ความทนและการกระจายดีมากตามสไตล์ EDP ของผู้ชายครับ

เหมาะกับใส่ออกเดทที่สุด หรือใส่ทำงานในห้องแอร์ ออกงานหรู หรือทางการก็ได้ครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Penhaligon`s - Opus 1870








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 305฿ และ 10ml 610฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Penhaligon-s/Opus-1870-7052.html


เป็น Perfume House ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของโลกครับ ก่อตั้งในปี 1860 โดย William Henry Penhaligon ที่เดิมทีเป็นช่างตัดผม จากนั้นได้เข้ารับใช้เป็นช่างตัดผมให้ Queen Victoria และยังผันตัวเองมาเป็น Perfumer นักปรุงน้ำหอมด้วย แต่ในปัจจุบัน แบรนด์นี้เป็นของบริษัท Cradle Holdings Inc ซึ่งยังเป็นเจ้าของแบรนด์ L'Artisan Parfumeur อีกด้วย (ข้อมูลจาก wikipedia)

น้ำหอม niche ยังไงก็ไม่เหมือนน้ำหอม designer ทั่วไปนะครับ ได้กลิ่นแล้วผมทายได้เลยว่า niche หรือไม่ คุณภาพมันจับต้องได้

Opus 1870 พิเศษตรงที่ผลิตออกมาเป็นกรณีพิเศษ โดยถือให้เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ครับ กลิ่นเปิดของ Opus 1870 นั้นเต็มไปด้วยพริกไทยดำแบบหวานนิด ๆ ซึ่งได้อิทธิพลจาก Yuzu ถือเป็นการผสานของกลิ่นคนละแนวได้อย่างลงตัว เอาผลไม้มาตัดเครื่องเทศ และที่ทำให้ผมหงุดหงิดคือกลิ่นมันคล้ายกับบางกลิ่นที่ผมเคยลองแล้วชอบมาก แต่จำไม่ได้ว่าตัวไหน ไม่แน่ใจว่าใช่น้ำหอมจาก Ormonde Jayne หรือไม่ หรืออาจจะเป็น Tam Dao by Diptyque ก็ไม่แน่ใจ กลิ่นมันบ่งบอกถึงระดับของ sandalwood ที่มีคุณภาพ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันอยู่ที่เบส แต่แทรกขึ้นมาในช่วงต้นกลิ่นด้วย ให้ความรู้สึกเต็มแน่น แต่สบายจมูก

กลิ่นกลางได้ incense มาให้ smoky quality กับกลิ่น แต่ไม่หนักนะครับ ยังห่างจากน้ำหอม smoky อย่าง Feuilles de Tabac ของ Miller Harris อยู่ ส่วนกลิ่นกุหลาบก็ชัด ถือเป็นการผสานกลิ่นที่แตกต่างกันได้ดีครับ ให้ความรู้สึกทันสมัยและ sophisticated ในเวลาเดียวกัน

เบสมี sandalwood เด่น รองมาคือ cedarwood

กลิ่นบ่งบอกถึงความเป็น niche อย่างชัดเจน หอมอบอวล วู๊ดดี้อ่อน ๆ เป็นกลิ่นที่ทำให้ผ่อนคลาย ชวนนึกถึงขนมิงค์ เตาผิง และอากาศเย็นสบายกำลังดี


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Rochas – Rochas Man








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 120฿ และ 10ml 230฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Rochas/Rochas-Man-1426.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/12/review-rochas-rochas-man.html


หนึ่งในน้ำหอมที่มีกลิ่นกาแฟเป็นตัวชูโรงที่หอมมากที่สุดตัวนึงที่คนรักน้ำหอมกลิ่นกาแฟไม่ควรพลาด กับความเป็นคาปูชิโน่ใส่ไซรัปราสเบอร์รี่ที่หอมนุ่มนวลชวนหลงมากมาย กับแบรนด์ดังของฝรั่งเศสอย่าง Rochas กับรุ่นนี้เลยครับ Rochas Man


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ermenegildo Zegna - UOMO








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 140฿ และ 10ml 280฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Ermenegildo-Zegna/Uomo-17125.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/10/review-ermenegildo-zegna-uomo.html

กลิ่นนี้มันน่าสนใจไม่น้อยเลยในการเป็นโทนเขียวกึ่งกลิ่นอายสดชื่นของทะเล เพราะเปิดต้นกลิ่นขึ้นมาเป็นโทนเขียวเข้มๆ ลอยขึ้นมาแล้ว กลิ่นกลิ่นของใบไวโอเล็ตนี่สิมาเต็มเลย กลิ่นอายเหมือนอยู่ในป่าเขียวๆ ที่ใบไม้ทับๆ กันเยอะๆ มีกลิ่นแบบฉ่ำๆ ออกโทนแตงกวาหน่อยๆ ให้รู้สึกได้ และจะมีโทนซิตรัสค่อยๆ ตามมาสมทบ จนเข้าสู่ช่วงกลางที่ผันจากกลิ่นเขียวๆ มาเป็นกลิ่นอายแบบสดชื่นของโทนซิตรัส ซึ่งแปลกมาก แทนที่จะมาตั้งแต่ต้นก่อนค่อยมาเขียว กลายเป็นเขียวก่อนค่อยมาสดชื่น ซึ่งกลิ่นในช่วงนี้จะได้อารมณ์แบบวันฟ้าใสริมทะเลมากเลย โดยแอบมีโทนแป้งหน่อยๆ ติดเขียวเบาๆ จากดอกไวโอเล็ต และเป็นโทนดอกไม้หอมอ่อนๆ เสริมอีกด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกชิลล์ ผ่อนคลายลงตัวมาก และโทนนี้จะยิงยาวถึงช่วงท้ายที่เป็นรวมตัวกับกลิ่นโทนแมนสะอาดของหญ้าแฝกและไม้ซีดาร์หอมๆ กลิ่นจะขรึมเท่ห์แบบสุภาพบุรุษที่ออกโทน Modern กันอย่างชัดเจน กลิ่นจะมีความ Smoky และอบอุ่นกำลังดี มีระดับแบบไม่ต้องพยายามอะไรมาก ให้ความรู้สึกแบบผู้ชายสบายๆ อบอุ่นก็ได้ สุภาพก็ดี ไม่แปลกใจที่เริ่มมีลูกมีหลานแยกตัวออกมาต่อยอดในไลน์ UOMO นี้

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็ใช้ได้แล้วครับ กลิ่นเปิดอาจจะทำให้อึ้งๆ นิดๆ เพราะอาจจะไม่คุ้นกับโทนเขียวเข้มขึ้นก่อน แต่พอเข้าช่วงกลางก็เริ่มฟินแล้วล่ะครับ เพราะกลิ่นเข้าถึงง่าย มหาชนมักชอบเลยล่ะจากโทนสบายๆ แบบนี้ สามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ได้หมดทั้งทางการและไม่ทางการ ซึงถ้าออกกำลังกาย รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนกลางคืนถ้าออกงานก็ไปได้อยู่

ความทน – ประมาณ 6 – 8 ชม. อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมาแบบเขียวฉ่ำเข้มในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายกลางๆ และปิดท้ายด้วยออร่ารอบๆ ตัวกึ่ง Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – เรียกว่าเป็นน้ำหอมโทนอากาศสดชื่นที่มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ ที่สำคัญสำหรับผมช่วงกลางและเบสหอมถูกใจมาก เพราะหอมสะอาดแบบเท่ห์ๆ เลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


CoSTUME NATIONAL – Scent









- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 185฿ และ 10ml 340฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/CoSTUME-NATIONAL/Scent-2303.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/03/review-costume-national-scent.html


เมื่อปล่อยของแรงกับการ Review ตัว 21 ที่ให้กลิ่นนมอุ่นกรุ่นแอมเบอร์เต็มแน่นขาดใจไปก่อนหน้านี้ ก็ขอลดลงมาที่ของดีประจำแบรนด์นี้ที่เข้าถึงง่ายอย่างมีคลาสและหรูหราผู้ดีสุดๆ อ่ะ กันบ้าง นั่นคือรุ่น Scent นั่นเองงงงงง

ใครที่อยากได้น้ำหอมกลิ่นดอกชบา ตัวนี้แหละครับที่จะบอกความหอมของมันได้ดีมากจริงๆ โดยกลิ่นเปิดจะมากันด้วยกลิ่นชามะลิหอมๆ นุ่มๆ ติดกลิ่นแอมเบอร์รองพื้นอยู่ด้านหลัง ซึ่งกลิ่นจะมาแบบสว่างไสวเหมือนอากาศสดใส สดชื่นแต่ก็อบอุ่นไปด้วย เก๋ตรงนี้ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเหล่าชามะลิจะผันตัวเป็นรองพื้นด้านหลังเป็นเพื่อนกับแอมเบอร์ในช่วงกลาง ดันให้กลิ่นดอกชบาเด่นเด้งมาเลย แบบว่า เออ มันเหมือนได้กลิ่นดอกชบากันชัดๆ ก็คราวนี้ เพราะตัวดอกมันจริงๆ กลิ่นจะอ่อนมาก เพราะการเอาโทนเครื่องเทศบางๆ มาผสานด้วยในช่วงนี้ทำให้กลิ่นจะหอมชัดมาก หอมชบามากกกกกอ่ะ บอกเลย แถมกลิ่นในช่วงนี้จะดูหรูหรา ผู้ดี สะอาดสะอ้าน และเพียบพร้อมมากเลย แบบว่าทำให้ฟินและหลงกันได้ง่ายๆ เลยทีเดียว และเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายๆ ได้เวลาของแอมเบอร์กันเต็มๆ ที่จะเปิดตัวออกมานำเด่น แถมมีโทนธูปไม้หอมอ่อนๆ มาแทรกอยู่เป็นระยะ มีกลิ่น Musk ที่ให้ความนุ่มสะอาดเป็นคนเบื้องหลังอยู่ในช่วงนี้ ซึ่งจะให้โทนอบอุ่นอย่างมีชั้นเชิงมาก แถมคงความ Elegance กันได้แบบยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ

เหมาะสำหรับ – ตรงๆ ว่าน้ำหอมรุ่นนี้เป็นของผู้หญิงครับ แต่กลิ่นมัน Unisex มากมาย สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะออกงานทางการ งานทั่วไป ชิลล์ๆ หรืออยู่บ้าน กลิ่นมีความหรูหราเข้าถึงง่ายแบบมีระดับมาก แต่ถ้าออกกำลังกายให้รอปลายๆ ช่วงท้ายจะดีที่สุด ส่วนยามเย็นได้อยู่ครับ แต่ตัดออกจาก List ไปได้เลยถ้าจะใส่ตัวนี้ไปเที่ยวกลางคืน ไม่เข้าทางเท่าไหร่ครับ

ความทน – EDP จ้า แม้จะให้กลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เกิน 8 ชม. ได้สบายๆ ซึ่งส่วนตัวเจอมาแล้ว 12 ชั่วโมง ฟินมากกกกก

การกระจาย – กลิ่นกระจายกำลังงามมากกว่าที่จะกระจายหนักหน่วง เพราะเป็นน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ อย่างมีระดับ เลยต้องมีการไว้ตัวในเนื้อกลิ่นกันหน่อยสิจ้ะ แต่จะคงความกระจายกำลังงามอย่างนี้ไปตลอดจนถึงช่วงท้ายๆ เลย

ทิ้งท้าย – ถ้าใครชอบน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่หรูหราอย่างมีระดับ เรียกได้เลยว่าต้องลองซักครั้งนะนั่น อาจจะฟินจนเป็นหนึ่งใน Signature กันได้เลยล่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Carolina Herrera - CH Men








- ปี2014 รุ่นเก่า แพคเกจเก่า (กลิ่นดีงามกว่าตัวปัจจุบัน และตัวนี้ไม่มีขายในไทยนะคะ) ขวด100ml เหลือ 95ml ขาย 2,400฿


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Carolina-Herrera/CH-Men-6759.html


**ตัวนี้หนูขอแนะนำอีกตัวเลยคะ ชอบเป็นการส่วนตัวมากๆ** น้ำหอมที่ติดอันดับท็อป 1ใน3 มาหลายปีของน้ำหอมที่เหมาะกับการเดท หรือใส่พบปะคนรู้ใจมากที่สุดจากหลายผลโหวตในตปท.

กลิ่นของCH Men เปิดด้วยโทนผลไม้ของเกรฟฟรุ๊ต กลิ่นแน่นพอสมควรไปกับ violet ที่ให้กลิ่น sensual และ sexyมากๆ รวมถึงความทันสมัย กลิ่นกลาง aromaticไปกับหญ้าฝรั่น ซึ่งให้โทนเขียวคู่กับหญ้าแฝก ในส่วนนี้เติมความสดชื่นให้กลิ่น และถูกล้อมด้วยกลิ่นมะลิอ่อน ๆ ในขณะที่จันทน์เทศนั้นให้ความแน่นที่เนื้อกลิ่น


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Jean Paul Gaultier  - Le Male Pirate Edition "ขายแล้วคะ"








------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Paco Rabanne – 1 Million








- ขวด 100 ml เหลือ 70ml ขาย 1,500 บาท


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Paco-Rabanne/1-Million-3747.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-paco-rabanne-1-million.html


ถือหนึ่งในน้ำหอมที่บอกถึงความเป็น Metrosexual สุดๆ เลย ที่ Paco Rabbane ได้ปล่อยของออกมา ที่สำคัญได้รับความนิยมมากเพราะมันบ่งบอกถึง Lifestyle ที่เป็นหนุ่มดูแลตัวเอง เข้าใจใช้เสน่ห์ในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง เช่นนั้น มาทำความรู้จักกันกับรุ่น 1 Million ครับ

เว่ากันซึ่งๆ ว่า Top Notes หอมมากกกกกกกก เพราะกลิ่นของมินท์กับส้มสีเลือดและเกรปฟรุต จะให้อารมณ์หอมสดชื่นและฟินไม่น้อยเลย แต่เพียงเวลาไม่นานกลิ่นของอบเชยจะปล่อยของออกมาทักทายเร็วมาก ทำให้กลิ่นในช่วงนี้จะออกแนวสดชื่นแป๊บๆ แล้วจะเริ่มมีโทนเครื่องเทศทำให้กลิ่นแน่นขึ้น จนเข้าสู่ Middle Notes ที่อบเชนจะกลายเป็นพระเอกหลักเลยที่ปล่อยของกลั้วกับกลิ่นเครื่องเทศ ทำให้กลิ่นจะออกทางหวานแน่นแต่ที่ไม่หนักจมูกมากเพราะมีกลิ่นของกุหลาบมาทำให้ละมุนละม่อมมากขึ้น บอกตรงๆ ผมฟินไม่น้อย เพราะช่วงนี้มันให้อารมณ์ผู้ชายเท่ห์ๆ บุคลิกดี แต่งตัวเนี้ยบๆ หน้านิ่งๆ มีความรู้สึกหวานจางๆ แบบว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจนะ ดึงดูดทั้งสายตาและกลิ่นที่น่าเข้าใกล้สุดๆ และเมื่อ Base Notes ปล่อยของออกมาทำหน้าที่กลิ่นของหนังและแอมเบอร์จะมาผสมกับกลิ่นเครื่องเทศในช่วงกลางๆ ทำให้กลิ่นออกทางอบอุ่นแบบจัดเต็ม กลั้วไปด้วยความเย้ายวนของพิมเสนที่ลอยละล่องมาก ขับเสน่ห์ขาดใจจริงๆ แบบว่าเพิ่มความดึงดูดเข้าไปอีกภายในบุคลิกที่นิ่งๆ เข้าทางกลิ่นหล่อเลือกได้ไม่น้อยเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปครับ เพราะกลิ่นมันให้ความรู้สึกทันสมัย เนี้ยบๆ นิ่งๆ แต่เย้ายวนดึงดูดมาก สามารถใส่ไปทำงาน เที่ยวโน่นนี่แบบสังคมเมืองออกงานกับชุดทางการก็ได้หมด แต่ขอยกเว้นเรื่องออกกำลังกาย เพราะกลิ่นแน่นไปเดี๋ยวทำให้คนอื่นเขม่นเอา ส่วนเที่ยวกลางคืน จัดโลดดดดดดด เพราะกลิ่นมันทำให้ดูน่าค้นหามากแบบหนุ่มหล่อเลือกได้ไม่น้อยเลย

ความทน – 8 ชม. ขึ้นไปเป็นเรื่องปกติ และมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในทุกๆ ช่วง และตีขึ้นให้รับรู้ตลอด เพียงแต่ในช่วง Base จะลดลงมากระจายกลางๆ แบบอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่นแน่ๆ

ทิ้งท้าย – น้ำหอมกลิ่นนี้ค่อนข้างทำให้คุณผู้หญิงเขางงๆ กันครับ อันนี้ประสบการณ์กับตัวเองเลยเพราะมีคน Feedback ว่ากลิ่นหอมและเหมาะกับลุคมาก แต่กลิ่นมันทำให้คิดไปอีกทางได้นะว่า “เกย์หรือเปล่า” 5555555 แต่ก็เข้าใจได้นะ ว่ากลิ่นมันออกทางผู้ชายดูแลตัวเองให้ดูดี มันเลยสามารถคิดไปได้น่ะครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Hermes – Un Jardin En Mediterranee









- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Hermes/Un-Jardin-En-Mediterranee-19.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-hermes-un-jardin-en-mediterranee.html


ด้เวลาของน้ำหอมต่างๆ ที่จะมาเป็น Series แล้วววววว ซึ่งครั้งนี้ขอมาแบบน้ำหอมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกสวนต่างๆ ในแต่ละมุมโลกของ Hermes (ไม่มีประเภทกลิ่นสวนทวารแน่นอน) ซึ่งสำหรับคนที่ชอบน้ำหอมกลิ่นโซนธรรมชาติที่บ่งบอกถึงความเป็นสวนในรูปแบบต่างๆ พวกนี้จะตอบโจทย์มากมายแถมเป็น Unisex เสียด้วย เลยขอเริ่มกันที่สวนแรกกันเลยกับ Un Jardin En Mediterranee

ที่มาของน้ำหอมกลิ่นนี้มาจากสวนแบบตูนิเซียริมชายหาดทะเลเมอดิเตอเรเนียนครับ อารมณ์ที่ได้จะให้ทั้งความรู้สึกแบบสดชื่น สดใส สบายจมูก และอบอุ่นแบบริมทะเลมากมาย เปิดตัวกันด้วย Top Notes ที่เป็นกลิ่นส้ม เปลือกส้ม ใบส้ม เลมอน และมะกรูด ซึ่งกลิ่นจะสร้างความคุ้นชินอย่างมาก เพราะกลิ่นคล้ายๆ Cartier Declaration ที่ไม่ใช่แบบน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะที่เน้นเครื่องเทศ แต่จะออกลูกอมแนวฮอลล์น้ำผึ้งมะนาวลอยหรือจมอยู่ในน้ำส้มมีสมุนไพรผสมอยู่ในนั้น โดยกลิ่นจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Hermes แบบว่าลงลายเซ็นชัดเจนกับความเป็นส้มผสมสมุนไพรติดออกเขียวสดชื่นแบบนี้ ซึ่งกลิ่นนี้จะได้อารมณ์สดชื่นสดใสแบบอยู่ริมทะเลรับลมอุ่นๆ และคงอยู่ไปอย่างยาวนานมากจนกว่าจะหายไปจากผิวเลย เพียงแต่จะลดระดับลงไปผสมผสานกับช่วงอื่นๆ ในรูปแบบที่ให้ความรู้สึกนุ่มลึกมากขึ้น อย่าง Middle Notes ที่จะมีโทนของดอกส้มที่มาเสริมกับกลิ่นต้นและมีความหวานกำลังดีจากดอกยี่โถแซมเข้ามาทำให้รู้สึกรื่นรมย์ปนสดชื่นได้ชัดเจนมาก และ Base Notes ที่จะรับเอากลิ่นทั้งในช่วงต้นและกลางที่สดชื่นรื่นรมย์มาเป็นตัวตั้งและผสานอารมณ์นิ่งๆ สงบๆ แบบมีสไตล์ในความเป็นสวนริมทะเล ด้วยกลิ่นที่ออกเชิงวู้ดดี้และมีกลิ่นติดเขียวๆ ของใบหว้าและสนไซเปรส โดยมีกลิ่นของ Musk รองพื้นให้มีความรู้สึกสะอาดๆ นุ่มๆ และกลิ่นของถั่วพิสตาชิโอที่ทำให้ออกหวานบางๆ ให้รู้สึกอ่อนโยนและสบายๆ มากมาย เหมือนเรานั่งเล่นในสวนส้มแซมไปด้วยสมุนไพรติดชายหาดอันอบอุ่น พร้อมกับอ่านหนังสือสบายๆ มีความสุขเลยทีเดียว

เหมาะสำหรับ – เป็นน้ำหอม Unisex ที่ใช้ได้ทั้งหญิงทั้งชาย เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและกลิ่นครอบจักรวาลพอสมควร สามารถใส่ไปทำงาน ไปเรียน ไปเที่ยวเล่นชิลล์ๆ ทั้งไปห้างและธรรมชาติต่างๆ ยิ่งทะเลยิ่งเหมาะมาก ไปหาแฟน รวมถึงออกกำลังกายก็ได้ ที่สำคัญใส่ยามเย็นได้สบายๆ ครับ แต่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการเที่ยวกลางคืนนักครับ

ความทน – ประมาณ 8 ชม. สบายๆ ครับ และเผลอๆ มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำไปครับ เพราะบนผิวผม 10 ชม. กลิ่นยังดีขึ้นอยู่เลย สมกับเป็น Hermes

การกระจาย – กลิ่นกระจายได้ดีมากในช่วง Top และ Middle และจะมาเป็นออร่ารอบตัวในช่วง Base แต่ขอยอมรับอย่างนึงเลยครับว่ากลิ่นตีขึ้นคนใส่ตลอดวันจริงๆ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

tamamajung

29/11/2016 17:55:40
0
IP : 58.10.65.176
1) MANCERA - Cedrat Boise














- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 330฿ และ 10ml 630฿ ตัวนี้ไม่มีขายในไทย เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวด 120 ml กล่องซีล พร้อมถุงผ้าอย่างดีของแบรนด์ เหลือ 99%  4,700฿

รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/M...ise-15211.html


Mancera เป็นหนึ่งในแบรนด์ Niche ของฝรั่งเศส(อยู่ในเครือเดียวกับ Montale) ที่ทำน้ำหอมออกมาได้เจ๋งและหอมมากๆ แถมลักษณะน้ำหอมมาแบบ Power House คือกลิ่นแน่นๆ กระจายดีจัดๆ แถมทนมากๆๆๆ

MANCERA - Cedrat Boise น้ำหอม niche ตัวเทพ ทั้งคุณภาพและวัตถุดิบที่นำมาใช้เลือกสรรค์มาอย่างดีเฉกเช่นเดียวกับ Creed แถมมีกลิ่นที่เหมือน Creed - Aventus ในเวอร์ชั่นที่ซีตรัสจ๋ากว่า ส่วนช่วงกลางกับท้ายเหมือนมากๆ หอมมากๆคะ แถมทนกว่าซะอีก (ตัวนี้ไม่ใช่ตัวโคลนAventus นะคะ แต่เป็นน้ำหอมที่ตั้งใจทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่กลิ่นมีความคล้ายAventus ในอีกรูปแบบนึงคะ )  ซึ่งคนที่ชอบ Aventus ต้องห้ามพลาดเลยคะ ความหอม ความทน และความกระจาย ไม่แพ้Aventus เลยคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


2) Mancera - Roses Vanille








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 320฿ และ 10ml 600฿ ตัวนี้ไม่มีขายในไทย เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ








- ขวด 120  ml เหลือปริมาณตามรูป ขาย 2,900฿ คะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Mancera/Roses-Vanille-15210.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/12/review-mancera-roses-vanille.html


    Mancera เป็นหนึ่งในแบรนด์ Niche ของฝรั่งเศส(อยู่ในเครือเดียวกับ Montale) ที่ทำน้ำหอมออกมาได้เจ๋งและหอมมากๆ  แถมลักษณะน้ำหอมมาแบบ Power House คือกลิ่นแน่นๆ กระจายดีจัดๆ  แถมทนมากๆๆๆ รุ่นนี้เขียนว่าของผู้หญิง แต่กูรูทุกสำนักคอนเฟิร์มว่าผู็ชายใช้ได้สบายๆเลยคะ (แถมผู้ชายใช้เยอะพอๆกับผู้หญิงเลยด้วย) ตัวนี้การันตรีโดยตปท.ว่าเป็นอันดับ1น้ำหอมที่ขายดีที่สุดของฝ่ายหญิงในหลายๆประเทศด้วย ใครชอบวนิลากลั้วกุหลาบหรือ Tomford - Tobacco Vanilla ห้ามพลาดเด็ดขาดคะ

เปิดต้นกลิ่นมาต้องบอกเลยว่า มันแน่นมากกกกกก 55555 คือกลิ่นของโทนซิตรัสกลั้วผลไม้กับกลิ่นออกฉ่ำๆ น้ำหน่อยๆ มันโดดออกมาเพียงแว้บเดียวแล้วโดนแทนที่ด้วยกลิ่นอายของกุหลาบที่มีวานิลลาเป็นตัวรองพื้นด้านหลัง แต่ไม่ได้โดนกลบหมดเพราะยังมีความเป็นโทนผลไม้อยู่เลยทำให้กลิ่นอายจะออกทางกุหลาบกลั้วผลไม้แน่นๆ ที่กลายเป็นช่วงกลางอย่างชัดเจน โดยที่จะมีกลิ่นโทนหวานแบบน้ำเชื่อมดันเข้ามาพร้อมกับวานิลลาที่มาเต็มไม่ต่างกัน กลิ่นจะแน่นเต็มเหนี่ยวหอมหวานมาก ออกทางขนมหวานที่มีกลิ่นอายผลไม้และกุหลาบอย่างชัดเจน มีกลื่นอายติด Smoky จางๆ เรียกว่าช่วงนี้เป็นการผสมผสานกลิ่นอายของช่วงต้นให้มาอยู่กับกุหลาบ และให้กลิ่นน้ำเชื่อมหวานมาอยู่กับวานิลลาที่จะโยงไปสู่ช่วงท้ายได้หอมหวานอบอุ่นกระจายมากแน่นไม่ลดราวาศอก และก็ได้เวลาของช่วงท้ายที่กลิ่นไม้ซีดาร์กับ Musk จะมาตัดทอนให้กลิ่นอายหอมอุบอุ่นและหวานมีความซอฟท์ลงมากขึ้นกลายเป็นกลิ่นวานิลลาที่มีความเป็นแป้งขึ้นมาหน่อย กลิ่นกุหลาบมีความครีมมี่พอสมควร และกลิ่นน้ำเชื่อมหอมหวานกลายเป็นกลิ่นแบบเบียร์ที่ออกทางหวานๆ แต่ไม่ซ่าเรียกว่าเป็นช่วงที่ลดทอนความหวานแน่นในตอนต้นลงมาได้พอสมควรจนเป็นโทนหวานนุ่มที่มีเสน่ห์น่าสนใจมากแบบไม่ทิ้งลายเซ็นความเป็นกุหลาบวานิลลาแต่ประการใด

เหมาะสำหรับ – ผู้หญิงทุกเพศวัยทำงานขึ้นไป เรียกว่าต้องผ่านน้ำหอมโทนที่หวานมาพอสมควรด้วยก็น่าจะดี เพราะกลิ่นตัวนี้เรียกว่า Strong! ไม่พอ ยัง Powerful! ขั้นสุดอีกด้วย ในแง่ความหอมหวานอบอุ่น เช่นนั้น สามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันแบบจำกัดจำนวนสเปรย์ ทั้งงานทางการและไม่ทางการจะเป็นประโยชน์มาก ไม่งั้นฆ่าชาวบ้านตายหมู่เพราะควานหวาน งดใส่ออกกำลังกาย หรือออกกำลางแจ้งอากาศร้อนๆ เด็ดขาด ฆ่าตายหมู่ซ้ำซ้อนอีกทีเอา ส่วนยามค่ำคืนท่องราตรีจัดได้เลยจ้า แต่ขอให้จำกัดจำนวนสเปรย์แบบเหมาะสมด้วย ไม่งั้นไม่ได้เมาเหล้านะ เมาน้ำหอมทั้งผับก่อนเพราะมาหนักจริงอะไรจริง ส่วนผู้ชายสามารถใช้ตัวนี้ได้บ้างครับ เพราะช่วงท้ายๆ พอไหวได้อยู่ แต่จำกัดจำนวนสเปรย์เช่นกัน

ความทน – ตัวแม่เลยจ้ะ เพราะ 15 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นอยู่เรียกว่า มาเต็ม มาหนัก และ “พี่ไม่ได้มาเล่นๆ” แน่นอน

การกระจาย – เพราะเป็น Power House ที่มีความ Strong! และ Powerful! สูงมากกกกกก เช่นนั้นกระจายแบบดีสุดๆ ในช่วงต้น เรียกว่าถ้าไม่ชอบหรือไม่ชินกับโทนหวานจุกคอหอยตายไปเลยได้นะ มาแบบ #ของจริงไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ เป็นไงล่ะ Sillage มาเต็ม และคงความกระจายดีงามกับตีขึ้นหนำเสมอต้นเสมอปลายไปจนถึงช่วงท้ายที่จะเริ่มลดระดับมาเป็นกระจายกลางๆ และเป็นออร่ารอบๆ ตัวตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไปเกิน 12 ชม.

ทิ้งท้าย – กลิ่นดี กลิ่นงามมากจริงๆ ยอมรับในความหอมของตัวนี้เลยที่อาจจะดูเหมือนหวานมันเข้าไป แต่มีความซับซ้อนในเนื้อกลิ่นหวานๆ ที่มีเสน่ห์และเต็มแน่นมากจริงๆ เพียงแต่ไม่ควรสเปรย์เยอะ อย่างดี 2 สเปรย์กับอากาศบ้านเราก็อยู่หมัดแล้วจ้า



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


3) MANCERA - Black to Black








รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Mancera/Black-to-Black-36533.html

- ขวด 120 ml กล่องซีล ของใหม่ยังไม่ใช้ พร้อมถุงผ้าอย่างดีของแบรนด์  4,700 ฿

- ขวด 120  ml กล่องซีล พร้อมถุงผ้าอย่างดีของแบรนด์ ใช้แล้วเหลือ 60% (ประมาณ 75ml) 2,900฿
 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


4. Parfums de Marly - Herod














รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Parfums-de-Marly/Herod-16939.html

- ขวด 125 ml กล่องซีล ของใหม่ยังไม่ใช้  6,000 ฿ (ราคาเต็มเกือบหมื่นนะคะ บางประเทศเช่นCanada ราคา300$)

- ขวด 125  ml กล่องซีล ใช้แล้วเหลือ 60% (ประมาณ 75ml) 3,800฿

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 400฿ และ 10ml 750฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

เป็นน้ำหอมกลิ่นยาสูบ วนิลาที่ดีที่สุดตัวนึงของโลกคะ เทียบเท่า TOMFORD - Tobacco Vanille ใครชอบกลิ่นนี้ต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยคะ **แถมเป็นน้ำหอมอันดับ1ใน5 Best of Fall 2016 ของ Jeremy Fragrance ด้วยคะ**


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


5. Parfums de Marly - Pegasus 








รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Parfums-de-Marly/Pegasus-16938.html


- ขวด 125 ml กล่องซีล ของใหม่ยังไม่ใช้  6,000 ฿ (ราคาเต็มเกือบหมื่นนะคะ บางประเทศเช่นCanada ราคา300$)

- ขวด 125  ml กล่องซีล ใช้แล้วเหลือ 60% (ประมาณ 75ml) 3,800฿

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 400฿ และ 10ml 750฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

น้ำหอมกลิ่นวนิลา Almond  คล้าย Amouage Reflection ตัวนี้กลิ่นใช้ง่าย ใช้ได้หลายโอกาศ แถมกลิ่นทนมากๆ และกระจายดีมากๆคะ กลิ่นแพงสมราคา **เป็นน้ำหอมอันดับ1 Best of Fall 2016 ของ Jeremy Fragrance ด้วยคะ**


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


6) Parfums de Marly - Godolphin








รีวิวต่างประเทศคะ http://www.fragrantica.com/perfume/Parfums-de-Marly/Godolphin-11771.html


- ขวด 125 ml กล่องซีล ของใหม่ยังไม่ใช้  6,800 ฿ (ราคาเต็มเกือบหมื่นนะคะ บางประเทศเช่นCanada ราคา300$)

- ขวด 125  ml กล่องซีล ใช้แล้วเหลือประมาณ90 ml 4,900฿

น้ำหอมกลิ่นหนังและวู๊ดดี้ ตัวนี้กลิ่นเหมือน TOM FORD - TUSCAN LEATHER เด๊ะๆเลยคะ เพียงแต่เพิ่มกลิ่นฟรุ๊ตตี้มานิดนึง ทำให้ใช้ง่ายกว่า TOMFORD นิดๆคะ **เป็นน้ำหอมอันดับ1ใน10 Best of Niche perdume 2016 ของ Jeremy Fragrance ด้วยคะ**


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



7. GUERLAIN AMBRE ETERNEL















รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/Ambre-Eternel-34935.html


ไลน์ LES ABSOLUS D`ORIENT ซึ่งเป็น Exclusive Edition ของทางเกอแลงเลยคะ ออกมาทั้งหมดแค่ 3 กลิ่นเท่านั้น

- ขวด 125 ml กล่องซีล ของใหม่ยังไม่ใช้  5,200 ฿

- ขวด 125  ml กล่องซีล ใช้แล้วเหลือ 60% (ประมาณ 75ml) 3,300฿


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


8. Guerlain - Santal Royal














รีวิวต่างประเทศคะ  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/Santal-Royal-28246.html


ไลน์ LES ABSOLUS D`ORIENT ซึ่งเป็น Exclusive Edition ของทางเกอแลงเลยคะ ออกมาทั้งหมดแค่ 3 กลิ่นเท่านั้น

- ขวด 125 ml กล่องซีล ของใหม่ยังไม่ใช้  5,200 ฿

- ขวด 125  ml กล่องซีล ใช้แล้วเหลือ 60% (ประมาณ 75ml) 3,300฿


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



Guerlain - L’Homme Ideal














- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 190฿ และ 10ml 350฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- มีขวดใหม่ 100ml เหลือเกือบเต็ม เพื่อนฝากขาย 2,500 คะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Guerlain/L-Homme-Ideal-25780.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/03/review-guerlain-lhomme-ideal.html

อันดับ1 BEST MEN'S NICHE PERFUMES Produced in 2014 และได้อันดับ3 BEST MEN'S PERFUMES Produced in 2014 จากรางวัลก็การันตรีความหอมของเจ้าตัวนี้ได้แล้ว ฝรั่งยกให้กลิ่นตัวนี้เป็นน้ำหอมระดับ Niche(น้ำหอมหรูหรา ใช้วัตุดิบที่หายากและมีราคาสูง) เลยคะ ตัวนี้ทางแบรนด์เกอแลงโฆษณาว่าถ้าใช้แล้วจะมีเจ้าสาววิ่งมาแย่งขอสุภาพบุรุษแต่งงานกันพัลวัน เลิศ!!!

ภาพรวมของกลิ่นมีความชัดเจนมากในเรื่องของการเป็นน้ำหอมกลิ่นอบอุ่น มีความครีมมี่นุ่มจมูกในตัวสูงมาก เลยจะทำให้ได้ลุคแบบผู้ชายอบอุ่นน่าเข้าหาและเย้ายวนจนน่าซุกในเวลาเดียวกันมาก โดยเปิด Top Notes ที่ความเป็นซิตรัสแบบสดชื่นกลั้วสมุนไพรติดเขียวซ่าหน่อยๆ ก็จริง มีดอกส้มหอมสดชื่นกลางๆ แต่กลิ่นที่รองพื้นแบบครีมมี่อมหวานมันเหมือนมารอจ่อคอหอยพร้อมกันเลย ซึ่งกลิ่นที่เชื่อมโยงให้เกิดการเปลี่ยนโทนจากซิตรัสสู่ครีมมี่นั่นคือส้มขม ที่จะโยงกลิ่นอายซิตรัสติดสมุนไพรเบาๆ ในตอนต้นไปเป็นส่วนหนึ่งของ Middle Notes ที่จะเป็นกลิ่นอัลมอนด์หอมหวานกลั้วกับถัวตองก้า กลิ่นเลยจะอบอุ่นครีมมี่แบบหอมเย้ายวนน่าซุกมากมาย โดยมีความหวานประปรายแบบกำลังดี เย้ากำลังงามแทน โดยมีความเป็นซิตรัสกับดอกส้มในตอนต้นรองพื้นด้านหลังให้กลิ่นไม่ขนมจนเกินไป และก็เปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ Base Notes กลิ่นกลิ่นของไม้หอมติดขรึมๆ บอกความอบอุ่นแบบแมนๆ มีความ Smoky แบบแห้งๆ ของหญ้าแฝกให้รับรู้ได้ก็จริง แต่กลิ่นโทนอัลมอนด์ครีมมี่มีผู้สนับสนุนเข้าไปสมทบอีก 1 ราย นั่นคือ กลิ่นหนังเลยทำให้กลิ่นอายติดหวานมันครีมกลั้วกับความนุ่มนวลติดแมนๆ มีระดับแบบผู้ชายที่วางตัวดีลงตัวเป๊ะเลย จึงไม่แปลกใจว่าน้ำหอมตัวนี้คนนิยมชมชอบกันมากกับการใส่สร้างเสน่ห์ทางด้านอบอุ่น แถมยังมีความเป็นน้ำหอมโนกลิ่นออกทาง Modern มากกว่าจะออกทางร่วมสมัยได้ดีเสียด้วย นี่แหละ Guerlain L’Homme Ideal

ความทน – เรียกว่างาม เพราะ 8 ชม. สบายๆ อิงตามจำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีงามมากในช่วงต้น ก่อนจะลดลงมากระจายดีอบอุ่นครีมมี่นุ่มจมูกๆ เย้าๆ ไปตลอด จึงค่อยๆ ลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – ต้องยอมรับเลยว่าผู้ปรุงกลิ่นนี้ ทำให้กลิ่นอัลมอนด์นั้นทั้งหวามและอบอุ่น มีความครีมมี่น่าเอาหน้าซุกไปมาไม่เลิกได้อย่างดีมากมาย



------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 Viktor&Rolf - Spicebomb








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 190฿ และ 10ml 360฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Viktor-Rolf/Spicebomb-13857.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/01/review-viktor-spicebomb.html


Spicebomb ได้ Olivier Polge สุคนธกรที่เก่งด้านกลิ่นโทน oriental, spicy woody มาปรุงให้ ทาง Viktor & Rolf ต้องการน้ำหอมที่เก๋ ๆ แรง ๆ ดูน่าค้นหาโดยสื่อผ่านภาพโฆษณาที่ให้นายแบบถือขวดเล่นและทำให้ผู้เห็นคิดตามว่าเขาจะทำอะไรกับขวด

Spicebomb มีดีที่การกระจายและความทนระดับดีมาก เป็นเหมือนระเบิดกลิ่นที่ปล่อย sillage ไปรอบกายจนทำให้ผู้ใช้เป็นที่จับตามอง

เนื้อกลิ่นนั้นแน่นและ spicy ด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ กลิ่นเปิดด้วยความสดชื่นของมะกรูดและเกรฟฟรุ๊ตที่รองพื้นด้วยกลิ่นพริกไทยที่ดูเด่นกว่า ก่อนที่กลิ่นจะเคลื่อนเข้าหัวใจที่เด่นด้วยกลิ่นซินนาม่อนในแบบที่ไม่หวานนัก ตามด้วยกลิ่น saffron หนังและใบยาสูบ รองพื้นด้วยพริกไทยที่ยังมีอยู่ตลอด แม้ว่าคอนเซปท์อาจจะดูขี้เล่น sexy หากแต่เนื้อกลิ่นนั้นมีคุณภาพในระดับ hi end designer โดยเฉพาะโทนใบยาสูบที่ออกไปทาง niche ไม่มากก็น้อย

หากให้เทียบความโดดเด่นของกลิ่นแล้ว กลิ่นที่เด้งขึ้นมาคือ Le Male ที่ประสบความสำเร็จสูงมาก หากพูดถึง Le Male คนมักนึกถึงกลิ่นใส่เที่ยวกลางคืน ซึ่งจะว่าไป Spicebomb ก็เหมาะกับโอกาสแบบนั้น

หลาย ๆ ท่านเอาไปเปรียบกับ Tobacco Vanille ของ Tom Ford กันเลย ดูได้ที่ fragrantica ครับ

เหมาะกับใส่ออกเดท เที่ยวกลางคืน วันหยุดทั่ว ๆ ไป ใส่ทำงานพอได้แต่เบามือหน่อยครับ

ความทน – 8 ชม. คือปกติ และมากกว่านั้นจนถึง 12 ชม. ก็เป็นเรื่องปกติได้อยู่

การกระจาย – ดีมากกกกกกก คือ ช่วงเปิดนี่กระจายสุดๆ ไม่มีลดราวาศอก และจะกระจายดีไปตลอด จนช่วงท้ายๆ ที่จะออกทางลดลงมาหน่อย แต่ยังปล่อยของให้คนใส่รับรู้ หรือคนมายืนใกล้ๆ ห่างประมาณ 1 ช่วงแขนก็ยังได้กลิ่นสบายๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

tamamajung

29/11/2016 17:56:49
0
IP : 58.10.65.176
Lalique - White








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Lalique/Lalique-White-3785.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/10/review-lalique-white.html

ถือว่าเป็นอีก 1 รุ่น ที่มาเงียบๆ แต่หอมหรูสมความเป็น Lalique ไม่น้อยเลยนะครับ ที่สำคัญเป็นโทนสว่างที่มาตัดกับรุ่น Encre Noire ได้อย่างเป๊ะเช๊ะมากๆ เช่นนั้นเลยขอเข้าสู่โทนสว่างด้านกลิ่นกับรุ่นนี้ซะหน่อยนั่นคือ Lalique White ครับ

Top Notes นี่มาเต็มกันเลยกับโทนซิตรัสติดเขียว เพราะกลิ่นของใบมะนาวจะมากลั้วกับมะกรูดให้ความสดชื่นกันน่าดูชม แต่สิ่งที่ปลื้มก็คือ กลิ่นมะขามเปียกครับพี่น้องงงงครับบบบ มีกลิ่นเผื่อนๆ แบบเปลือกมะขามหวานมาด้วยเลยจ้า ได้กลิ่นกันเต็มๆ ผสมผสานกันแล้วเลยได้กลิ่นโทนซิตรัสติดเขียวที่ลงตัวมาก ไม่เปรี้ยวจัดเกินไปเสียด้วย ซึ่งจะแอบมีกลิ่นติดโทน Spice ติดวู้ดดี้หน่อยๆ แซมจากเปลือกมะขามนั่นเอง จนเมื่อเข้า Middle Notes งานนี้ได้เวลาของความสดชื่นแบบพริกไทยแล้ว กลิ่นนี้จะเด่นเชียว และมีความเป็นโทนแป้งติดหวานกำลังดี กลั้วไปกับโทนเมทัลลิคหน่อยๆ ที่มาจากลูกจันทน์เทศ กลิ่นในช่วงนี้เลยคาบเกี่ยวความสดชื่นแบบเครื่องเทศผสานความหวานหน่อยๆ จนปิดท้ายที่ Base Notes ซึ่งเรียกว่าความดีงามมันอยู่กันตรงนี้ เพราะโทนกลิ่นสดชื่นตั้งแต่ต้นจะมาผสานกับโทนกลิ่นยอดนิยมมหาระรวย อย่าง Musk ที่จะให้ความนุ่มสะอาดเย้าๆ ไม้ซีดาร์และแอมเบอร์ ที่จะมีกลิ่นโทนอบอุ่นนุ่มๆขรึมๆ เรียกว่าผสานจนเป็นกลิ่นสะอาดออกโทนสีขาวชัดเจนและหอมแบบสบู่ๆ นุ่มๆ อุ่นๆ หรูๆ กลั้วไปกับกลิ่นไม้ที่ทำดินสอ กลิ่นหอมแบบมีระดับมากมาย เรียกว่าภาพรวมได้ความรู้สึกแบบสีขาวสว่างตา สดชื่น และนุ่มนวลแบบสุภาพบุรุษใส่เสื้อเชิ้ตขาวแต่งกายหรูเนี้ยบนั่งสบายๆ ในห้องสีขาวยังไงยังงั้นเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาลัยขึ้นไป ก็ใส่ได้แล้ว กลิ่นเข้าถึงง่าย และให้ความรู้สึกสว่างสดชื่นสะอาดไปตลอดเสียด้วย สามารถใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวัน ไม่ว่าจะทางการหรืออื่นๆ จัดได้หมด ส่วนออกกำลังกายก็พอได้ ส่วนยามค่ำคืนถ้าทั่วๆ ไปก็จัดได้อยู่ แต่ถ้าไปเที่ยวกลางคืนไม่ค่อยเข้าทางนัก ที่สำคัญผมว่ากลิ่นนี้ Unisex ในระดับหนี่งที่ผู้หญิงสามารถใช้งานได้ด้วยเช่นกันครับ

ความทน – ประมาณ 8 ชม. อยู่ที่จำนวนสเปรย์และจุดที่ฉีดเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายกำลังดีในช่วงต้น และคงตัวกำลังดียาวนานไปจนถึงต้นช่วงท้ายก่อนจะผันเป็นออร่ารอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ จนจบด้วย Skin Scent ก่อนจะหายไปจากผิว

ทิ้งท้าย – เรียกว่าใครชอบน้ำหอมโทนสว่างสีขาว กลิ่นหรูหราและมีระดับเลยทีเดียว ซึ่งอาจจะไม่ได้หวือหวานักแต่เอาอยู่เรื่องความหอมแน่ๆ ครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Adolfo Dominguez – Vetiver Hombre








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Adolfo-Dominguez/Vetiver-Hombre-13236.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/01/review-adolfo-dominguez-vetiver-hombre.html


หนึ่งในลูกรักและเป็นหนึ่งใน Top 20 ที่ให้ความรู้สึกสุขุม ภูมิฐานและเป็นสุภาพบุรุษทุกครั้งยามที่ฉีดมาเสมอ กับแบรนด์ที่โปรดปรานสุดๆ อย่าง Adolfo Dominguez ที่หายากชะมัด เช่นนั้นเลยมาตรงๆ ว่าจะอวยน้ำหอมตัวนี้ครับว่ามีดีแค่ไหนกับรุ่น Vetiver Hombre

ต้องบอกเลยว่าน้ำหอมตัวนี้จะให้อารมณ์ที่ Back2Basic มากเลยทีเดียว และถือว่าเป็นอีกหนึ่งในน้ำหอมที่มีความโดดเด่นของหญ้าแฝกที่เป็นธรรมชาติเข้มๆ แต่ไม่หนักและดีที่สุดตัวนึงเลยทีเดียว เพราะเปิด Top Notes ด้วยกลิ่นสดชื่นที่นุ่มจมูกเพราะผสมผสานความเป็นลาเวนเดอร์ ดอกส้ม และโทนซิตรัสออกมาได้ดีมาก และที่เด่นที่สุดคือกลิ่นผักเปรี้ยวๆ อย่าง Rhubarb ที่ทำให้กลิ่นช่วงนี้เป็นโทนใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด โดยไม่ได้แหลมไป คมไป หรืออ่อนไปแต่ประการใด ที่สำคัญมีกลิ่นหญ้าแฝกรองพื้นอยู่ให้รู้สึกได้ตั้งแต่ช่วงนี้เลยทีเดียว และเมื่อได้เวลาของ Middle Notes คราวนี้กลิ่นโทนหญ้าแฝกเริ่มจะชัดขึ้นแต่ยังทำตัวปิดทองหลังพระ ด้วยการดันให้กลิ่นของกานพลูปล่อยความแมนสดชื่นเบาๆ โดยไม่ออกมาหนักหน่วงเกินเหตุ เสริมด้วยกลิ่นมะลิและลิลลี่เลยทำให้กลิ่นช่วงนี้ดูนุ่มนวลด้วย เลยปล่อยความเป็นสุภาพบุรุษสะอาดสะอ้านได้ชัดเจน มีความภูมิฐานปนความสดชื่นในเนื้อกลิ่นได้ครบอ่ะ ขอบอกกันตรงนี้! และเมื่อเข้าสู่ Base Notes บอกเลยหญ้าแฝกเด่นสุด แม้จะมีความเข้มในเนื้อกลิ่นแต่ไม่หนักได้ความปลอดโปร่งโล่งจมูกที่สุด และที่ทำให้กลิ่นใกล้เคียงกลิ่นหอมตามธรรมชาติเข้าไปอีกก็คือกลิ่นดินร่วน (ไม่ใช่ดินเหนียวที่กลิ่นเหม็นๆ เน้อ) เลยทำให้กลิ่นหญ้าแฝกปล่อยของแบบฉ่ำๆ สดชื่น และสะอาดได้หอมสุดๆ ไปเลย โดยมีกลิ่นของหนังนุ่มๆ โทนวู้ดดี้ และพิมเสนมาร้องพื้นด้านหลังทำให้กลิ่นมีเสน่ห์แบบสุภาพบุรุษภูมิฐานมากมายจริงๆ ครับ รักมากกกกกกกก บอกเลย

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายทุกเพศวัยเรียนมหาวิทยาลัยขึ้นไป แม้กลิ่นจะให้ความภูมิฐานในเนื้อกลิ่นก็จริง แต่ก็ใส่เรียนได้สบายๆ เพราะมันมีความเป็นธรรมชาติและกลิ่นออกทางสดชื่นสะอาดแบบสุภาพเรียบร้อยได้ดี ยิ่งถ้าเป็นคนวัยทำงานกลิ่นนี้ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ยามกลางวันกับอากาศแบบบ้านเราได้สบายๆ ส่วนใส่กลางคืนจะเหมาะกับงานทางการเสียมากกว่าครับ ไม่เหมาะกับใส่เที่ยวเมาเหล้านัก

ความทน – 8 ถึง 12 ชม. สบายๆ อยู่ที่จำนวนสเปรย์ จุดที่ฉีดด้วยที่จะทำให้กลิ่นนี้ทนมากขึ้นไปกว่าเดิม

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และจะลดมากระจายกำลังดีไปเรื่อยๆ จนจนกว่าจะหายไปจากผิว มีความเป็นหญ้าแฝกที่ฉ่ำและเป็นธรรมชาติให้รู้สึกได้ตลอดเลย

ทิ้งท้าย – นี่คือ #ของดีเทคนิคไม่ต้อง เพราะน้ำหอมหอมอย่างเป็นธรรมชาติในตัวอยู่แล้ว ที่สำคัญเวลาผมใส่ตัวนี้ไม่ว่าใครที่ได้กลิ่นชมเปาะทุกคนว่าน้ำหอมกลิ่นหอมชื่นใจ สะอาด สุขุมและกลิ่นสุภาพบุรุษมาก อีกครั้ง รักมากกกกกก บอกเลย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ermenegildo Zegna - Acqua di Bergamotto








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 190฿ และ 10ml 350฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

- ขวด 100 ml เหลือ 95ml ขาย 2,200฿ คะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Ermenegildo-Zegna/Acqua-di-Bergamotto-31262.html

น้ำหอมของแบรนด์สัญชาติอิตาลีอย่าง Ermenegildo Zegna ต้องยอมรับในเรื่องของน้ำหอมที่ทำออกมาได้ดีจริงๆคะ ตัวนี้เพิ่งออกมาใหม่ในปี 2015 ที่ผ่านมานี้เอง โดยกลิ่นตัวนี้แทบจะเหมือนกับตัว Italian Bergamot ซึ่งไลน์ Essence ที่เน้นความเป็น Exclusive ของแบะรนด์นี้ที่ราคาแรงมากกกกก เกือบหมื่นเลยคะ

กลิ่นตัวนี้จะเป็นธรรมชาติมากๆคะ ของผลไม้ซีตรัสจากประเทศอิตาลี ที่มี่กลิ่นมะกรูดเด่น ธรรมชาติและสดชื่นมากๆคะ โดยมีดอกไม้และสมุนไพรของอิตาลีมาเพิ่มความสดชื่นเข้าไปอีก กลิ่นเค็มของน้ำทะเลและอากาศทะเลซึ่งบ่งบอกลักษณะของชายฝั่งอิตาลีใต้ได้อย่างดี ทำให้องค์ประกอบเหมาะกับฤดูร้อนอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากๆคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Bentley for Men Intense








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 190฿ และ 10ml 350฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Bentley/Bentley-for-Men-Intense-17666.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2015/11/review-bentley-for-men-intense.html

เพราะเป็น Supercar ชื่อดังที่มาทั้งความสวยของรถและความแรงซะด้วย แน่นอนว่าแค่เห็นราคาก็เป็นลมจนฟื้นแล้วเป็นลมต่อไปแล้ว 10 รอบ เช่นนั้นผมเลยมาดูที่น้ำหอมของแบรนด์รถนี้แทนดีกว่า เพราะว่าอย่างน้อยก็แตะกลิ่นแนวๆ Bentley ได้นะเออ เช่นนั้นจึงได้มาตัวแรกกับรุ่นนี้เลยครับ Bentley for Men Intense ครับ

กลิ่นเปิดมาตอนแรก ไอวาบความเป็นเครื่องเทศกับความอบอุ่นมาก่อนเลย เพราะกลิ่นพริกไทยดำจะมาเด่นมาก โดยมีกลิ่นธูปไม้หอมให้โทนอบอุ่นอยู่เบืิ้องหลังแบบ Rich Tone มีระดับกันตั้งแต่ช่วงนี้ ซึ่งจะมีกลิ่นอายสดชื่นจางๆ ให้รู้สึกได้เพิ่มมิติของกลิ่นได้น่าสนใจมาก คนที่ชอบน้ำหอมโทนสดชื่นซิตรัสเด่นๆ จะแอบอึ้งจนไม่ไปต่อกับน้ำหอมตัวนี้ก็เป็นได้ แต่เอาเข้าจริงความดีงามจะเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางที่กลิ่นอายของหนังนุ่มๆ ชั้นดีจะดันขึ้นมาให้ความรู้สึกเท่ห์ๆ นุ่มนวล โดยมีกลิ่นเหล้ารัมมาผสานตีคู่กับอบเชย กลิ่นจะหอมเย้ายวนแบบมีชั้นเชิงมากขึ้น โดนกลิ่นโทนธูปในตอนต้นก็ยังตามมาอยู่ในช่วงนี้ให้ความรู้สึกมีภูมิกลั้วความอบอุ่นอยู่ ซึ่งเรียกว่าในช่วงนี้คือความหอมของโทนหนังสีน้ำตาลที่มีระดับมากเลยตัวนึง กลิ่นจะหรูหราอย่างชัดเจน เหมือนสวมสูท Casual สีออกโทนน้ำตาลอ่อนเท่ห์ๆ ขับ Bentley มันบอกความรู้สึกได้แบบนี้เลย และเมื่อเข้าช่วงท้ายโทนไม้หอมแบบนุ่มๆ อบอุ่นดันขึ้นมาหลังจากหลบๆ ซ่อนๆ ในช่วงกลาง กลิ่นของไม้เนื้อหอมจะมาแบบนิ่งๆ แมน เท่ห์ เคล้าความนุ่มของกลิ่นหนังและกลิ่นออกเชิงสุขุมของธูปกับพิมเสนที่มารองพื้นอยู่เบื้องหลัง ไอเครื่องเทศเย้าๆ จะจางลงไปเหลือแต่เพียงเบาบาง ภาพรวมของกลืิ่นจะยังคงความหรูหรา มีระดับ และสุุมมาดแมน และอบอุ่นอย่างชัดเจน กลิ่นจะหอมแบบผู้ชายอบอุ่น มีคลาส และน่าเข้าหามากเลยล่ะครับ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศ วัยทำงานขึ้นไป หรือน้องๆ วัยมหาลัยก็ใช้ได้ครับ เพียงแต่กลิ่นมันจะออกทางสุขุมอบอุ่นนิดนึง ซึ่งสามารถใส่ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการยิ่งเข้าทางมากๆ เพราะกลิ่นสุขุม มีเอกลัษณ์และมีระดับให้น่าเชื่อถือจริงจัง ส่วนใส่ชิลล์ๆ ก็ใส่ได้ครับ เพราะกลิ่นอบอุ่นน่าซุกหรูหราเลยล่ะ ตัดใส่เพื่อออกกำลังกายออก เพราะไม่เหมาะเลย ส่วนเที่ยวกลางคืนจัดไป เพราะใส่ได้สบายๆ แถมเพิ่อมความหรูหราให้คนใส่อย่างชัดเจน

ความทน - เป็น EDP ที่ทนมากเลยทีเดียว กับ 8 ชม. ขึ้นไป เพราะสิ่งที่ผมเจอคือ 15 ชม. กลิ่นยังคงอยู่ เก๋ไหมล่ะ ^^

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากเลยทีเดียวในช่วงต้น ก่อนจะลดระดับมาเป็นกระจายดี อบอุ่น สุขุม น่าเชื่อถือ และปิดท้ายด้วยออร่าอบอุ่นหรูหรารอบๆ ตัว

ทิ้งท้าย - จริงๆ ผมซื้อมาแบบไม่เคยลองก่อน Blind Buy กันชัดเจน แต่พอใช้แล้ว ถึงกับกี๊ซซซซซซสาวจะแตก เพราะมันหอมมากกกกก กลิ่นมีระดับหรูหราแบบที่ใช้แล้วนึกว่าบ้านรวยมากกันเลยครับ 55555


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Molyneux  - Quartz pour Homme "ขายแล้วคะ"








------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Ajmal - Wisal EDP








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2015/05/review-ajmal-wisal.html

ผมขอเรียกเลยว่า นี่คือหนึ่งใน Masterpiece มากมายก่ายของของ AJMal ที่เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ดีที่สุดในระดับต้นๆ ของโลกได้อย่างสบายๆ เลย และเป็นน้ำหอมที่บ่งบอกถึงความเป็นกุหลาบที่ฉ่ำ สว่างสไว และเป็นกลิ่นที่ผู้ชายสามารถใช้ได้โดยไม่เคอะเขินจนถูกมองด้วยหางตาว่า “เอ็งจะเปิดตัวใช่ม้ายยยย” ซึ่งนี่คือ Wisal ครับ

เพียงแค่กลิ่นเปิดคนที่รักน้ำหอมกลิ่นกุหลาบจะฟินกันไปเลยข้างนึง เพราะแม้ว่ากุหลาบจะยังไม่ได้ฉายแสงมากเท่าไหร่ เพราะโดยล้อมด้วยกลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ที่ออกทางสดชื่น แต่เพราะนางเอกของงานแม้ไม่ได้ออกตัวแรงตั้งแต่ต้น แต่นางก็ปล่อยออร่าเปล่งประกายกันชัดเจนตั้งแต่ช่วงนี้ ซึ่งจะได้อารมณ์หอมละมุนดอกไม้สว่างสไวอย่างน่าดูชมและดมกลิ่นกันเลย จนเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกุหลาบแบบฉ่ำๆ จะมาเต็ม กลิ่นจะหอมละมุนอย่างมีระดับมากมายก่ายกอง ยิ่งมีกลิ่นของเครื่องเทศเข้มๆ เข้ามาเสริมก็จริง แต่ไม่ได้กลบกลิ่นกุหลาบเลยด้วยซ้ำ กลายเป็นดันให้กลิ่นกุหลาบกลายเป็นกลิ่นที่หอมหรูดูสง่าและฟุ้งกระจายอย่างมีระดับ มีโทนสะอาดจางๆ ให้รู้สึกได้เสียด้วยซ้ำ จนโทนสะอาดนี้จะปรากฏมาอีกทีในช่วงท้ายทำให้รู้ได้ง่ายๆ ว่า ชั้นคือ Musk แต่จะเป็นตัวรองพื้นเสียมากกว่า เพราะกลิ่นที่เด่นตีคู่กับกุหลาบ เสมือนเป็นพระเอกของงานเลยคือ Oud หรือกฤษณาครับ ที่จะมีลูกคู่ไชโยโห่ฮิ้วอย่างไม้จันทน์หอมมาช่วยผสมผสานกันจนเป็นกลิ่นที่ออกโทนไลท์เวอร์ชั่น หรือเรียกง่ายๆ ว่า White Oud เลย ทำให้กลิ่นนี้กลายเป็น Rich Tone ที่หอมหรูดูมีราคาและมีระดับทุกสโตรก เพราะกุหลาบก็หรูหรา Oud ก็สว่างไสว ตรงๆ ว่า ผมเองไม่ได้เป็นแฟนน้ำหอมกุหลาบมากเท่าไหร่ ยังขอยกดาวให้ทั้งฟ้ากับตัวนี้เลยทีเดียวล่ะครับ เพราะของเขาดีจริงๆ

เหมาะสำหรับ – ทุกเพศวัยเรียนมหาลัยเป็นต้นไปครับ เพราะกลิ่นนี้จริงๆ มัน Unisex มาก ไม่ได้ตราเฉพาะว่าน้ำหอมกุหลาบจะต้องเหมาะกับสาวๆ เสียหน่อย กลิ่นอาจจะไม่ได้เนื้อเดียวพิมพ์นิยมแบบที่มหาชนเขาใช้กันนัก แต่บอกเลยว่ากลิ่นนี้มีพลังพอที่จะตรึงให้คนที่ได้กลิ่นรอบข้างหันมาสนใจได้ไม่ยาก (กับจำนวนสเปรย์ที่เหมาะสม) ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการยิ่งเหมาะมากมาย หรือเที่ยวกลางคืนก็ได้สบายๆ เพียงแต่กลิ่นจะไม่ได้ออกทางยั่วยวนชวนหาคนไปได้เสียกัน ออกแนวสร้างออร่าหรูหราสง่าให้คนใส่เสียมากกว่า

ความทน – เป็นอะไรที่สุดๆ ขอยกให้เลยที่ 12 ชั่วโมง กลิ่นก็ยังคงอยู่ และส่วนตัวเจอมาแล้วครับ 15 ชั่วโมง ของเขาดีจริงๆ ยอมรับเลย

การกระจาย – ช่วงต้นกลิ่นจะกระจายดีมากไปตลอดจนถึงปลายๆ ของช่วงกลางเลย คือ กลิ่นหอมอย่างมีระดับและหรูหราอย่างมีชั้นเชิงที่เด่นด้วยกุหลาบ จนเมื่อเข้าช่วงท้ายจึงกระจายปานกลางไปเรื่อยๆ เป็นกลิ่นงามงดไม่น้อยเลยล่ะครับ

ทิ้งท้าย – ผมปลื้มตัวนี้มาก บอกเลย เพราะใช้กี่ครั้งคำชมจากคนรอบข้างมาตรึมไม่พอ คนไม่รู้จักในที่สาธารณะยังชม และถามชื่อน้ำหอมเป็นประจำ ซึ่งขออวยกันตรงนี้ และเตรียมนำตัวนี้เข้าสู่ Top 20 ส่วนตัวแน่นอนครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Balenciaga Paris








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Balenciaga/Balenciaga-Paris-7247.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/search/label/Balenciaga

 สิ่งที่น่าแปลกใจคือน้ำหอมตัวนี้มาในโทนดอกไม้ที่แปลกแต่หอมมากกว่าที่คิด เปิดต้นกลิ่นมาได้แบบบางเบาโทนหอมติดเขียวของใบ Violet กับดอกคาร์เนชั่นแต่มาในโทนออกทางอากาศหอมโปร่งๆ ติดโทนน้ำใสๆ สะอาดมีซิตรัสนุ่มๆ จางๆ ซึ่งจะมีกลิ่นอายของโลหะเสริมเข้ามาเบาๆ กลิ่นออกทางโมเดิร์นและเป็นตัวของตัวเองชัดเจนกันตั้งแต่ตอนนี้ และเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นอายของโลหะยังคงอยู่ ความเขียวโปร่งเริ่มจะมีกลิ่นโทนแป้งหอมเขียวอมหวานโปร่งของดอกไวโอเล็ตเข้ามาเสริม โดยกลิ่นในช่วงต้นยังตามมาผสมผสานให้กลิ่นหายหอมนวลนุ่ม โดยมีโทนเครื่องเทศหน่อยๆ มาเสริมให้กลิ่นมีความหวานบางๆ และมีความสดชื่นจากพริกไทยมาทำให้กลิ่นมีลูกเล่นระหว่างดอกไม้ แป้ง และเครื่องเทศเบาๆ ได้ลงตัว แล้วกลิ่นอายของไม้หอมจะเริ่มกันขึ้นมาดึงเข้าสู่ช่วงท้ายที่กลิ่นอายของ Musk จะเป็นตัวรองพื้นให้ความครีมมี่แบบติดแป้งโปร่งจางๆ ที่ตามมาจากช่วงกลาง กลั้วไปมากับไม้หอมอย่างซีดาร์ โดยจะมีหญ้าแฝกจางๆ ที่มาติดออกหอมจืดๆ แบบไม่มีกลิ่นแนว Smoky เข้มๆ และพิมเสนที่อ้อยอิ่งหอมนวลสร้างเสน่ห์ติดเย้ายวนกำลังดีไปเรื่อยๆ เรียกว่าไม่ได้มาในขนบของน้ำหอมดอกไม้ที่ต้องหวานสดใสน่ารักเลย ออกทางมั่นใจและมีความทันสมัยอย่างชัดเจนแบบสาวยุคใหม่ที่มีดีอย่างที่ตัวเองเป็น

เหมาะสำหรับ – ผู้ชายเอาจริงๆ ใส่ตัวนี้ได้เพราะกลิ่นดอกไม้ไม่ได้มาจ๋าๆ เกินไปนัก แต่มันก็ติดโทนสาวๆ หน่อยๆ ถ้าไม่คิดอะไร จัดไป ยังไงก็หอมเช่นกัน ส่วนสาวๆตั้งแต่วัยเรียนมหาลัยขึ้นไปก็ใช้ตัวนี้ได้สบาย กลิ่นออกแนว Modern และไม่มาแนวดอกไม้จ๋าๆ แม้จะมาไม่ใช่ขนบนิยมแต่ไม่ได้ Unique และใช้ยากแต่ประการใด เพราะกลิ่นเข้าถึงง่ายมากแบบที่ใครได้กลิ่นก็ไม่ยี้ โดยสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ยามกลางวันเลย กวาดได้หมดทั้งทางการและทั่วๆ ไป มีเพียงการใส่เพื่อออกกำลังกายที่รอช่วงท้ายๆ จะดีกว่า ส่วนยามค่ำคืน ถ้าใส่แบบสบายๆ อากาศโปร่งๆ ไม่ได้เน้นใส่ไปท่องราตรี จัดได้เลยไม่มีปัญหาอะไร ยังไงก็หอม

ความทน – ราวๆ 6 – 8 ชม. อ้างอิงตามจำนวนสเปรย์และจุกที่ฉีด รวมถึงเคมีบางส่วนเป็นสำคัญ

การกระจาย – กลิ่นกระจายปานกลางในตอนต้น เรียกว่ามาแนวคุณหลอกดาวกันก่อน ว่าตัวนี้จะเป็นน้ำหอมกลิ่นเบา แต่พอเข้าช่วงกลางกลิ่นจะกระจายดีไปเรื่อยๆ แบบไม่ได้แหลมคมมาแนวหอมนวลๆ มีระดับ แล้วจะลดลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัวและลงมาเรื่อยๆ จนเป็น Skin Scent ในช่วงท้าย

ทิ้งท้าย – กลิ่นหอมมากกว่าที่คิดจริงๆ ไม่ได้มาแนวดอกไม้จ๋าๆ หรือแป้งแน่นๆ เลย กลิ่นมีระดับมากพอเสียด้วย เช่นนั้นบอกกันอย่างตรงไปตรงมาว่าสำหรับตัวนี้ ขอยกตำแหน่ง #ของดีเทคนิคไม่ต้อง แบบที่มีเสน่ห์ไม่ต้องเหมือนใครให้เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

tamamajung

29/11/2016 17:58:39
0
IP : 58.10.65.176
"ของใหม่มาเพิ่ม วันที่29/11/2559 คะ"


CREED - Royal Oud








- ขวด 75ml เหลือ 23ml ขอขาย 1,900฿ คะ (ของใหม่เกือบ8000นะคะ)


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Royal-Oud-12317.html

รีวิวพี่เข็มขัดสั้นคะ http://kemkudson.blogspot.com/2016/10/review-creed-royal-oud.html


ในช่วงปี 2010 เป็นต้นมาเรียกว่าเป็นศักราชของส่วนผสมอย่าง Oud หรือไม้กฤษณาเป็นอย่างมาก เพราะว่าแทบทุกแบรนด์ในโลกใบนี้ต่างก็ทยอยขนกลิ่น Oud ในลักษณะของตัวเองออกมาอย่างไม่มีลดราวาศอกแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนแฟนคลับของ Creed ต่างก็รีบส่งไปบอกแบรนด์ว่าอย่าน้อยหน้าใครเชียวนะ เพราะเขาออกมากันให้รึ่ม เช่นนั้น Creed เลยตอบสนองซะเลย สร้างสรรค์กลิ่น Oud ในแนวทางของตัวเองออกมาจนได้เป็นขวดนี้เลย Royal Oud

ถ้าคาดหวังว่าจะได้กลิ่น Oud ในลักษณะที่อวลแน่นแบบ Oud ฉบับแท้ๆ ตะวันออกกลางมาเต็ม ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้เจออะไรแบบนั้น เพราะ Creed มาปรับโทนใหม่ให้มีความเป็น Modern Oud โดยผสมผสานความเป็นกลิ่นอายตะวันออกกลางกับกลิ่นอายของความเป็น Creed ที่เรียบหรู มากกว่าจะมาเน้นสายแข็งเอาให้กระจายรอบทิศแบบว่าทุกคนต้องรู้ว่าคนใส่มาถึงแล้วอะไรขนาดนั้น โดยเริ่มจาก Top Notes ที่จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นแบบเผ็ดๆ กลั้วความแห้งๆ ของโทนไม้หอมกันก่อนเลย กลิ่นเผ็ดๆ ของพริกไทยสีชมพูจะมีกลิ่นอายของซิตรัสมาผสมผสาน ให้ความสดชื่นก็จริง แต่ไม่ได้มาแบบฉ่ำโบ๊ะแต่ประการใด เลยได้ความสดชื่นแบบแห้งๆ ประมาณนั้น เพียงไม่นานกลิ่นไม้หอมแห้งๆ ที่รู้สึกได้จะเปิดตัวออกมานั่นคือ ไม้ซีดาร์ ก็นำเข้าสู่ช่วง Middle Notes กันเต็มๆ โดยจะมีกลิ่นอายติดโทนแป้งจางๆ ออกแนวสมุนไพรหน่อยๆ ผสมผสานกับกลิ่นของพริกไทยสีชมพูที่ยังตามมาเด่นตีคู่ไม้หอมอยู่ในช่วงนี้ เลยจะได้ความเป็นไม้หอมแบบติดเผ็ดปร่าซ่าๆ กลมกล่อมกำลังดี ซึ่งจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นของ Oud หรือไม้กฤษณาที่จะมาในลักษณะของกลิ่นเนื้อไม้หอมแทนที่จะเป็น Oud แบบอวลๆ มาเปิดทางเข้าสู่ Base Notes ในเวลาต่อมาที่กลิ่นอายของ Oud จะมาแบบเบาๆ รวมเข้ากับไม้ซีดาร์ ให้ความนิ่งขรึมเรียบหรูและมีเสน่ห์แบบลงตัว กลิ่นอายจะไม่อวลเลย ออกทางไม้หอมโปร่งๆ เบาสบาย โดยจะรู้สึกได้ความอบอุ่นกำลังดี ที่ไม่ได้มาแบบแน่นหนักจากกลิ่นไม้จันทน์หอมอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไปจากผิว

เหมาะสำหรับ – Unisex เลย ได้หมดทุกเพศกวาดกันเห็นๆ เพราะกลิ่นมีความเป็นกลางๆ กับการใช้งานมาก ซึ่งสามารถใช้ได้ในหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวัน ยิ่งงานทางการกลิ่นจะเข้าทางและเสริมภูมิเรียบหรูแบบมีชั้นเชิงได้อย่างดีเลยทีเดียว ส่วนงานทั่วๆ ไปไปว่าจะทำงาน หรือพักผ่อนก็ตามใส่ได้หมด ยกเว้นใส่เพื่อออกกำลังกาย ที่กลิ่นอาจจะไม่ได้เข้าทางอะไรนัก แม้จะใส่ได้ (มันแพงจะใส่ออกกำลังกายจะดีหรือ?) ส่วนยามค่ำคืนจัดได้แบบยามทางการออกงานได้เลย ส่วนไปหาเหยื่อเน้นออกแนวนั่งผับบาร์หรูๆ ดีกว่า เพราะกลิ่นไม่ได้มาสายปล่อยพลังคลื่นเต่า เน้นมาสายเรื่อยๆ แต่มีเสน่ห์แบบคุณชายมานั่งจิบเสียมากกว่า


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Creed - Original Santal








- ขวด 75ml เหลือ 15ml ขอขาย 1,400฿ คะ (ของใหม่เกือบ8000นะคะ)


รีวิวต่างประเทศ http://www.fragrantica.com/perfume/Creed/Original-Santal-473.html

 กลิ่นเปิดนั้นจับลาเวนเดอร์ได้ที่โดดขึ้นมาในวูบแรกและรองด้วยหัวใจกลิ่นอย่างอบเชย และ sandalwood ที่บางแหล่งอ้างว่าเป็น Mysore sandalwood ที่หายาก แพงและต่อไปแทบจะไม่มีให้ใช้ในรูปแบบธรรมชาติแล้ว ในช่วงเปิดนี้ หากเทียบกับอีก 2 กลิ่น ทาง Creed สีแดงนี้จะอ่อนนุ่มนวลจมูกที่สุด แม้ว่าโทน spicy จะชัดพอตัว แม้ว่าชื่อกลิ่นจะเน้นเจาะไปที่ Santal = sandalwood ทว่ากลิ่นที่โดดเด่นที่สุดกลับเป็นอบเชย ช่วงเบสกลิ่นสไปซี่ซ่า ๆ อ่อน ๆ ยังมีให้จับได้ ในขณะที่กลิ่นวานิลลา อบเชย ลาเวนเดอร์ และไม้จันทร์หอมนั้นเคล้าเข้ากันได้ดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น น่าค้นหา และสดชื่นในขณะเดียวกัน

เหมาะกับใส่ทำงาน ออกงานกลางวัน กลางคืน ใส่เข้าประชุม พบปะทางธุรกิจ หรือยามใกล้ชิดคนรักก็ดีทั้งนั้น เป็นกลิ่นที่ใช้ไม่ยากคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Hermes - Terre d'hermes "Pure Perfume" ขวดลิมิเต็ดที่ขายในปี2012คะ









- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 250฿ และ 10ml 470 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Hermes/Terre-d-Hermes-17.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-hermes-terre-dhermes.html


กลิ่นพื้นดินร้อนๆ ที่ถูกแดดเผา พร้อมกับกลิ่น citrus อ่อนๆจากส้มและเกรฟฟรุ๊ต ให้ภาพที่หรูหราและทันสมัยอย่างถึงที่สุด เนื้อกลิ่นเนียนกว่าตัว EDTเยอะคะ กลิ่นทนมากคะ ยิ่งขยับตัวหรือยิ่งร่างกายมีความร้อนกลิ่นยิ่งตีขึ้นมาตลอดเวลา โดยเฉพาะกลิ่นที่ติดเสื้อนี่ทนข้ามวันเลยคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Eau Sauvage Parfum 








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 205฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Eau-Sauvage-Parfum-14811.html


กลิ่นนี้แมนมากกกคะ หอมเข้มๆ จากยางไม้ Myrrh แต่จะออกหวานๆ ช่วงกลางๆ ทนและฟุ้งสุดๆไปเลยคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Dior - Eau Sauvage









- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Christian-Dior/Eau-Sauvage-231.html

กลิ่นมาแนวคุณชายเลยคะ หอมซีตรัสเฟรชๆจาก Lemon, basil, bergamot และสไปซี่ ตามมาด้วยกลิ่นอบอุ่นด้วยไม้หอม หญ้าแฝกและไม้จันทน์คะ กลิ่นClassic มากคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 260 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Bvlgari/Eau-Parfumee-au-The-Blanc-145.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/10/review-bvlgari-au-blanc.html


มาถึงตัวที่ 2 ของ Series "#ชา" ของ Bvlgari ซึ่งแน่นอนจากชาแดงมาสู่ "ชาขาว" ซึ่งถือว่าเป็นน้ำหอม Unisex ที่ทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว เพราะ

น้ำหอมตัวนี้จะบอกอารมณ์ของความเบาบาง สดใสกำลังดี เรียบร้อย ผู้ดี เซ็กซี่เบาๆ และตรงตาม Concept คือ สีขาว เป็นน้ำหอมที่เข้าถึงได้ง่ายมากในด้านของกลิ่นที่สดชื่นและนุ่มจมูกไปในคราวเดียวกัน เปิดกันซึ่งๆ ด้วยกลิ่นแนวๆ ชาขาวกลั้ว Citrus กลิ่นจะกระจายดีมาก บอกความรู้สึกที่สดชื่นกำลังดี และจะตามมาด้วยกลิ่นแนวๆ ชาขาว Spicy อ่อนๆ สุภาพมาก กลิ่นเรียบร้อยก็จริงแต่แฝงไปด้วยความสดชื่นแบบอากาศสะอาดๆ ที่มีกลิ่นชาขาวเบาบางรอบๆ ตัวลอยมาให้ได้กลิ่นเป็นระยะ และจะปิดท้ายติดตัวยาวนานไปตลอดวัยด้วยกลิ่นชาขาวบางๆ กลั้วกับ Musk สะอาดๆ มีกลิ่นอายอบอุ่นที่หรูหรา เย้ายวนแบาๆ มากเลยทีเดียว ถ้า au the Rogue สื่อถึงความเป็นสีแดงเต็มแน่นและหรูหรา au the Blanc จะสื่อถึง "สีขาวสะอาดและนุ่มนวลชวนฝัน" นั่นเองครับ

เหมาะสำหรับ - ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่ชอบน้ำหอมแนว Safe Scent สุภาพ กลิ่นไม่ทำร้ายคนอื่นและตัวเอง ใส่ได้ทุกสถานการณ์ยามกลางวันและกลางคืน ยกเว้นไปเที่ยวผับ กินเหล้าเพราะกลิ่นมันสุภาพเกินไป เดี๋ยวเสียลุคหมด 5555 และที่สำคัญน้ำหอมกลิ่นนี้ถ้าใส่ไปพบปะผู้คนหรือสัมภาษณ์งานกลิ่นจะนุ่มนวลชวนวางใจได้ดีเลยทีเดียวครับ (ลองมากับตัวแล้ววววว)

ความทน - 6 ชม. กำลังดีครับ อาจจะได้มากกว่าแต่ไม่เกิน 8 ชม. เพราะน้ำหอมกลิ่นค่อนข้างเบา

การกระจาย - กระจายดีช่วง Top ที่เหลือจะลดระดับมากระจายแบบเบาๆ ช่วง Middle จนกระจายแบบบางๆ ในช่วงเบส และหายจากผิวไปในที่สุด

ทิ้งท้าย - เป็นน้ำหอมที่สุภาพมากจริงๆ ครับ แอบติดหรู ดูผู้ดี และไม่รบกวนคนที่เกลียดน้ำหอมแต่ประการใดจริงๆ ^^


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Cartier - Declaration Essence








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 390฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Cartier/Declaration-Essence-1121.html

ระดับ Cartier ไม่มีคำว่าผิดหวังครับ ตัวนี้เป็น flanker ของ Declaration รุ่นดั้งเดิม แต่ตัวนี้ smooth กว่า  โดยโทน animalic หรือ dirty ที่พบในรุ่นดั้งเดิมนั้นได้ถูกตัดทอนไปเยอะ และปรับให้ใช้ง่ายขึ้นอีกหน่อยเหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ในการใช้น้ำหอมน้อย เมื่อแกร่งแล้วค่อยขยับไปลองรุ่นดั้งเดิมครับ ส่วนตัวเริ่มใช้รุ่นดั้งเดิมครั้งแรกก็ไม่ได้รู้สึกว่าใช้ยากเพราะตอนนั้นลองน้ำหอมมามากกว่า 300 กลิ่นแล้ว

เมื่อนึกถึงน้ำหอมไลน์นี้ ให้นึกถึง Terre d'Hermes ด้วยนะครับ เพราะมีพื้นฐานคล้ายกัน ปรุงโดยคนเดียวกัน

กลิ่นนี้เหมาะกับใส่ออกงาน ออกเดท ได้ทั้ง sexy และหรูหราครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Rebelle Rihanna








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 170฿ และ 10ml 330฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ


รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Rihanna/Rebelle-13442.html

ตัวนี้เป็นน้ำหอมกลิ่น Cocoa และกาแฟ ที่ทำกลิ่น Cocoa ได้เด่นและดีงามน่ากินที่สุดกลิ่นนึงของโลกน้ำหอมเลยนะคะ นึกถึงกลิ่นจิบโกโก้กับกาแฟและมีเค้กราดแยมสตอเบอรี่ทานตามเลยคะ กลิ่นนี้ Unisex นะคะถึงแม้จะตราชื่อว่า for woman ก็ตาม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

tamamajung

01/12/2016 14:36:57
0
IP : 58.10.64.253

CREED - Royal Oud แก้ราคาเป็น 1800฿ นะคะ

Creed - Original Santal แก้ราคาเป็น 1200฿ นะคะ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

tamamajung

02/12/2016 21:54:56
0
IP : 182.232.0.209
ปุกาศ ปุกาศ  ตอนนี้แชทเก่าๆแม่ค้าหายนะคะ ลูกค้าคนไหนทีรีทออเดอร์มาบ้างเอ่ย รบกวนสั่งเข้ามาใหม่อีกรอบเน้อ ขออภัยด้วยน๊าค่ะ
ปล. ช่วงนี้แม่ค้าอาจจะตอบช้าไปบ้างพอดีงานยุ่งๆนิดหน่อยน๊า แต่สั่งของมาได้เรื่อยๆจ้า จะตอบให้เร็วที่สุด
........อ่า แร้วมีน้ำหอมมาลงใหม่ด้วยนะยังไงก็สอบถามมาได้เยย ออเดอร์มารั่วๆทุกวันค่า ส่งของแน่นอน น้ำหอมแท้ทุกตัวล้านเปอร์เซ็นต์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

tamamajung

06/12/2016 11:42:07
0
IP : 58.10.64.235
วันนี้นู๋กำลังไปส่งของให้ลูกค้าทุกท่านหลังจากหยุดยาวแล้วน๊าคะ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

tamamajung

07/12/2016 11:41:59
0
IP : 58.10.64.117
ขอบคุณลูกค้าทุกท่านมากๆเลยน๊าค่ะ วันนี้มีส่งของลูกค้าอีกรอบคะ  ส่วนลูกค้าที่นัดรับเจอกันเย็นนี้คร๊าาฟ :))
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

tamamajung

09/12/2016 18:23:16
0
IP : 49.231.184.29
ก่อนวันหยุดปณ.จะหยุดยาวอีกครั้ง สำหรับใครที่สั่งออเดอร์มาแร้ว วันนี้แม่ค้ากำลังจะไปส่งของให้ล่ะจ้า ... หลังจากนี้ถึงแม้ปณ.จะปิดไปอีกหลายวัน แต่แม่ค้ายังรับออเดอร์ยุ่น๊า สั่งมาได้เรื่อยๆเรยคะ  ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

tamamajung

12/12/2016 15:11:02
0
IP : 49.231.184.29
พรุ่งนี้ ปณ. เปิดทำการปกติล๊าวววว ส่งของได้ล่ะน๊า ^^ สนใจน้ำหอม@Lineมาสอบถามได้จ้า แม่ค้าพร้อมตอบมากกกก :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

tamamajung

16/12/2016 11:17:33
0
IP : 49.231.184.29



แจ้งวันหยุดส่งของไปรษณีนะคะ ลูกค้าคนไหนสนใจอยากสั่งน้ำหอม รีบสั่งกันเข้ามาเรยจ้า ^^ น้ำหอมเป็นตัวเลือกอีกทางนึงในการห่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนที่พิเศษหรือคนที่รักก็ได้นะคะ :) 
รับออเดอร์ทุกวัน ส่งของ จันทร์ พุธ ศุกร์ จ้า!! 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

tamamajung

16/12/2016 11:40:58
0
IP : 49.231.184.29



ก่อนเทศกาลหยุดยาวจะมาถึงอีกครั้ง ..!! ลูกค้าคนไหนสนใจอยากสั่งน้ำหอม รีบสั่งกันเข้ามาเรยจ้า ^^ น้ำหอมเป็นตัวเลือกอีกทางนึงในการห่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนที่พิเศษหรือคนที่รักก็ได้นะคะ :) 
รับออเดอร์ทุกวัน ส่งของ จันทร์ พุธ ศุกร์ จ้า!!  :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

tamamajung

21/12/2016 14:54:49
0
IP : 58.10.65.93
"ของใหม่มาเพิ่ม วันที่ 21/12/2559 คะ"


 L`Artisan Parfumeur - Tea for Two








น้ำหอม Niche กลิ่นชาที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดและหอมที่สุดในโลกเลยคะ ซึ่งรุ่นนี้ปัจจุบันเลิกผลิตแล้วนะคะ หายากเลยคะ

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 310฿ และ 10ml 620 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/L-Artisan-Parfumeur/Tea-for-Two-5242.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-lartisan-parfumeur-tea-for-two.html


ลับมาสู่น้ำหอมแบรนด์ Niche อย่าง L’Artisan Parfumeur อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพกลิ่นต้องจัดเต็มและเป็นที่น่าประทับใจแน่นอน ซึ่งรุ่นนี้ปัจจุบันเลิกผลิตแล้วนะครับ หายากเลยทีเดียว แถมเป็นน้ำหอมกลิ่นชาที่ดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ นั่นคือรุ่น Tea for Two ครับ

น้ำหอมตัวนี้จะบ่งบอกอารมณ์ของจิบชายามบ่ายที่ชัดเจนมากครับ แบบว่าเป็นช่วงว Tea Break แบบหรูหรากันเลยทีเดียว เพราะ Top Notes จะให้อารมณ์ของชาที่มีกลิ่นออกทางหวานชัดเจนกับกลิ่นของโป๊ยกั๊กที่เสริมเข้ามา โดยมีความสดชื่นบางๆ ของมะกรูด กลิ่นจะให้อารมณ์ชิลล์ๆ กำลังดี และนุ่มนวลในแบบชาเข้มๆ ติดหวาน ก่อนที่ช่วง Middle Notes จะเสริมขึ้นมาทำให้กลิ่นชาในช่วงต้นกลายเป็นกลิ่นเดียวกับชาที่เรียกว่า Chai Tea ที่เป็นชาเข้มๆ ใส่ผงอบเชยเยอะๆ มีกลิ่นโทนเครื่องเทศเสริมเข้าไป และจะมีกลิ่นขิงและขนมปังขิงมาผสมผสานกันกลายเป็นชายามบ่ายกลั้วของว่างละเมียดแบบผู้ดี๊ ผู้ดีจริงๆ นะ กลิ่นจะออกโทนอบอุ่นชัดเจน มีความแน่นแต่ไม่หนัก ให้อารมณ์แบบผู้ใหญ่ใจดีอบอุ่นน่าเข้าใกล้ในรูปแบบที่มีคลาสในเนื้อกลิ่นมากมาย เมื่อเข้าสู่ช่วง Base Note กลิ่นชาจะเปลี่ยนมาเป็นกลิ่นชาอ่อนๆ ใส่น้ำผึ้งหอมๆ มีกลิ่นวานิลลานุ่มๆ จางๆ ให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นในยามบ่ายในเมืองหนาว (อย่าเป็นยามบ่ายในบ้านเมืองเราเด็ดขาดไม่สามารถอบอุ่นได้จริงๆ มีแต่โคตรร้อน) และมีใบยาสูบมาทำให้กลิ่นนุ่มนวลหรูหรามีคลาสกำลังดีมากจริงๆ คือฉีดแล้วได้อารมณ์แบบนั่งอยู่ในสวนจิบชาแบบผู้ดีอังกฤษหอมละมุน นั่งคุยกันแบบผู้ใหญ่ที่มีความสุขในชีวิตยังไงยังงั้นเลย

เหมาะสำหรับ – น้ำหอมตัวนี้เป็น Unisex ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศครับ กลิ่นไปได้หมดทั้งความเป็นทางการและความไม่เป็นทางการในรูปแบบที่หรูๆ นิ่งๆ หน่อย ไม่ใช่ใส่ตัวนี้ไปเต้นรากแตก มันก็คงไม่ใช่นัก และให้อารมณ์ที่เป็นผู้ใหญ่ในเนื้อกลิ่นอย่างมาก จึงสามารถใส่ไปทำงาน ใส่ไปพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ที่ออกไปในเชิงหรูๆ หน่อย ยิ่งถ้าใส่ออกงานทางการต่างๆ ยิ่งเข้าทีเพราะกลิ่นสร้างความภูมิฐานมากครับ อ้อ เที่ยวกลางคืน กรุณาเถิด กลิ่นไม่เข้ากันเล๊ยยยย

ความทน – ประมาณ 8 ชม. ขึ้นไปสบายๆ ครับ

การกระจาย – กลิ่นกระจายดีมากในช่วง Top และจะลดระดับมาเป็นรอบๆ ตัวในช่วง Middle และ Base โดยคนใส่สามารถรับรู้กลิ่นได้ตลอดเวลา แต่คนอื่นจะได้กลิ่นอบอุ่น อ่อนโยนกำลังดีครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Penhaligon`s - Blenheim Bouquet








กลิ่นน้ำหอมประจำพระกายของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แห่งเวลส์ และ เจ้าชายวิลเลียมแห่งเคมบริดจ์ เป็นกลิ่นซีตรีสที่ใช้วัตถุดิบและเบรนกลิ่นด้วยคุณภาพมากๆคะ ให้ความสดชื่น สดใส แบบผู้ดี มีระดับจริงๆ กลิ่นนี้เป็น Unisex นะคะ สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลย

- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 390฿ และ 10ml 200 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Penhaligon-s/Blenheim-Bouquet-3940.html


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Paco Rabbane - Ultraviolet








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Paco-Rabanne/Ultraviolet-521.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2014/11/review-paco-rabanne-ultraviolet-man.html

ถืิอเป็นลูกรักของผมอีกตัวเลยทีเดียวกับน้ำหอมของแบรนด์นี้ ที่เข้ากับบุคลิกของผมอย่างสุดๆ อย่างกับเกิดมาเพื่อสิ่งนี้กันเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นลูกรักขนาดที่สุดเพราะความเป็นน้ำหอมโทนกลางคืนไปหน่อยนึงก็ตาม เพราะว่า

กลิ่นของน้ำหอมตัวนี้จะบอกอารมณ์ของผู้ชายขี้เล่น สนุกสนาน เฮฮา เจ้าชู้ กรุ้มกริ่ม มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง กวนๆ มีหลายมุมให้ค้นหา ให้ความรู้สึกสดชื่นและอบอุ่นยามอยู่ใกล้ได้หมด เปิด Top Notes ออกมาได้หอมอบอุ่นแอบหวานกลั้วความสดชื่นของการผสมกันระหว่างแอมเบอร์สีเทากับมิ้นท์ที่ให้ความสดชื่นแบบไม่เสียดจมูก เป็นความสดชื่นแบบอุ่นๆ นุ่มๆ แบบที่เย้ายวนกันตั้งแต่ต้นกลิ่นติดความขี้เล่นสดใสได้ดีจริงๆ แบบว่าไม่หล่อแต่คารมดีและเอนเตอร์เทรนเนอร์นะขอบอก! แล้วกลิ่นจะเริ่มผันตัวเองไปในโทนเซ็กซี่เบาๆ หวานกำลังดีในช่วง Middle Notes ที่กลิ่นโทนเครื่องเทศและพริกไทยกลั้วกันได้ดีมาก ให้ความรู้สึกเจ้าชู้ กรุ้มกริ่ม มุ้งมิ้ง อย่างบอกไม่ถูก โดยมีกลิ่นหญ้าแฝกที่เด่นขึ้นมาแซมให้โทนออกเขียวๆ สะอาดๆ ติดดิน ให้ความรู้สึกเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองก็ได้ ดูเข้าถึงง่ายก็ดี เคล้าความกวนส้นก็เหมาะ แต่กลิ่นยังแฝงความขี้เล่นอบอุ่นของช่วงต้นเสมอ ช่วงนี้แหละที่ปล่อยเสน่ห์จัดจ้านที่สุดเลยทีเดียว ยังไม่พอได้เวลาของ Base Notes ที่ยังรับอิทธิพลความขี้เล่นในเนื้อกลิ่นมาเต็มๆ แต่จะเพิ่มความแมนและความนุ่มอบอุ่นมากขึ้นจากโอ๊คมอสและวานิลลา ทำให้กลิ่นช่วงนี้แหละบอกกันโต้งๆ ถึงความเจ้าชู้กลายๆ ได้ดีมาก เพียงแต่มีโทนขี้เล่นและกวนๆ จากช่วง Middle มาแซมเรื่อยๆ ซึ่งทำให้อารมณ์ในช่วงนี้จะแยกเป็น 2 แบบเลย คือ ถ้าคนใส่กลิ่นนี้เป็นคนเนี้ยบๆ กลิ่นนี้จะออกทางเมโทรมาก แต่ถ้าคนใส่ดูสดใส เฮฮา กวนๆ กลิ่นนี้จะทำให้ดูกรุ้มกริ่มขึ้นมาจริงๆ

เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศ วัยทำงานเป็นต้นไปครับ เนื้อกลิ่นออกแนวไม่ทางการมาก แต่สามารถใส่ยามกลางวันได้สบายๆ ไม่ว่าจะใส่ทำงาน Office ใส่เที่ยว และจะเหมาะมากคือใส่ไปอ่อยแฟนหรือเหยื่อ กลิ่นมันจะยั่วแบบขี้เล่นให้น่าฟัดได้ไม่ใช่น้อย ที่สำคัญเนื่องจากน้ำหอมตัวนี้เหมาะกับกลางคืน ถ้าใส่เที่ยวเคล้าแอลกอฮอล์ล่ะก็ อย่างน้อยต้องมีคนมาสีเกินความจำเป็นบ้างล่ะ กลิ่นยั่วแบบเฮฮาเข้าถึงง่ายจะตาย ส่วนผู้หญิงใส่น้ำหอมตัวนี้ได้สบายๆ ครับ ใกล้เคียงความเป็น Unisex พอสมควรเลย เพราะจะทำให้คุณดูกรุ้มกริ่ม ลั่นล้า เซ็กซี่ขี้เล่นได้ดีเลยครับ

ความทน - มากกกกกกกกก 8 - 10 ชม. อัพ ยิ่งเข้ากับผิว ยิ่งทนมากจริงๆ

การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากทุกช่วงเลย ถ้าในยามค่ำคืนเรียกแขกได้ดีจริงๆ ถ้าในยามกลางวันดูเป็นผู้ชายลั่นล้ากำลังดีครับ

ทิ้งท้าย - ตรงๆ ครับ ถ้าใส่ไปเที่ยวกลางคืนน้ำหอมตัวนี้เรียกแขกได้ทุกเพศ อาจจะต้องระวังนิดนึง เพราะโทนกลิ่นมันก้ำกึ่งพอสมควรให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายด้วยกันเองกัดริมฝีปากเบาๆยิ่งถ้าลุคดูเฮฮา ขี้เล่นด้วย เสน่ห์จัดเต็มกันเลยทีเดียว แต่ยังไงก็ตามไม่ได้หมายความว่ากลิ่นนี้จะยั่ว Sex นะครับ ออกแนวขี้เล่นให้ทำความรู้จักกันไปมากกว่า แบบว่าขี้เล่น ไม่หล่อ คารมดี แต่ก็เลือกได้นะ "เพียงแต่ไม่มีให้เลือกเท่านั้นเอง" ขอใส่อารมณ์ส่วนตัวนิดนึง 55555


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Tom Ford - Noir Eau de Toilette









- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 280฿ และ 10ml 540 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Tom-Ford/Noir-Eau-de-Toilette-21553.html

รีวิวของพี่เข็มขัดสั้นคะ  http://kemkudson.blogspot.com/2016/06/review-tom-ford-noir-eau-de-toilette.html

ถ้าใครคิดว่ารุ่น Noir ปกติของ Tom Ford นั้นดูจัดเต็มไป อยากจะโชว์ความเซ็กซี่ในรูปแบบที่เบาขึ้นแต่ยังคงความนัวร์สมชื่ออยู่ แน่นอนว่าแบรนด์นี้เขาเหมือนวางเกมมาดีปล่อยกลิ่นที่รองรับความต้องการด้านนี้มาให้อีกด้วยเช่นนั้นก็มาเจอกับรุ่นนี้เลย Noir Eau de Toilette

ทิ้งท้าย – จากที่มองข้ามมาตลอดและไม่คิดว่าจะสนใจตัวนี้ พอได้เทสและใช้เต็มเข้าไป จบเลย กลายเป็น Wish List ทันทีไม่มีข้อแม้ ลัดคิวตัวอื่นๆ ที่อยู่ใน List ได้หมดและจะเอาให้ได้ด้วยทันที เรียกว่าจนนะ แต่ไม่เจียม ตัวหอมก่อนค่อยคิดเรื่องอื่น 55555

 กลิ่นลดความเป็นแป้งนัวๆ จากรุ่นปกติลงมาเป็นเปิดทางให้กลิ่นอายสดชื่นมาทักทายก่อนเลย กับการเป็นซิตรัวกลั้วมิ้นท์แบบนุ่มๆ เพราะแน่นอนมีความนัวร์อยู่ จะแหลมคมแบบจัดเต็มคงเป็นไปไม่ได้ เลยจะได้ความเป็นซิตรัสนวลๆ สบายๆ และมีความเขียวหอมโปร่งๆ แบบไวโอเล็ตมาเสริมจางๆ ให้คงความเซ็กซี่ได้อยู่ จนนำเข้าสู่ช่วงกลางที่งานนี้โทนซิตรัสกลั้วสมุนไพรเขียวๆ จะกลายเป็นหนึ่งในทีมที่เป็นตัวสนับสนุนตัดทอนไม่ให้กลิ่นแนวเครื่องเทศเด่นจัดเกินไป โดยกลิ่นโทนวานิลลากลั้วอบเชยจะมาแบบโทนแป้งหอมอบอุ่นแบบกำลังดี มีความหวานจากเครื่องเทศเสริมเข้ามาอย่างลงตัว ช่วงนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่กลิ่นหอมอบอุ่นติดโทนหวานอมแป้งที่ไม่แน่น มีความนัวร์แบบนวลๆ กลิ่นจะนุ่มจมูกให้ความรู้สึกเย้ายวนแบบชัดเจนแต่มีเสน่ห์แบบไม่ดาร์กจนเกินไป จนเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายกลิ่นแป้งอบอุ่นของวานิลลาผสมกับเครื่องเทศที่หอมกลมกล่อมแจะยังตามมา โดยมีกลิ่นอายของไม้หอมเสริมทัพให้ดูแมนขรึมน่าค้นหา และมีตัวเด่นอย่าง Musk ที่มาให้ความนุ่มนวลรับช่วงโทนแป้งให้กลิ่นรื่นจมูกเข้าไปอีก กลิ่นเริ่มมาเป็นโทนติดดาร์กเคล้าความอบอุ่นที่ไม่หนักเข้มแบบตัวต้นตระกูล ยังคงความเป็นกลิ่นหอมนวลๆ นัวร์ๆ น่ากอดน่าซุกและมีเสน่ห์แบบชัดเจนไม่หนีไปไหนเลย

ความทน – เพราะคิดว่าเป็น EDT แล้ว มันคงด้อยลงไปกว่ารุ่นปกติ แต่ไม่ใช่เลย กลายเป็น 12 ชม. กลิ่นยังตีขึ้นให้รับรู้ได้อยู่ แม้เหงื่อจะออกซึมๆ กับอากาศอบอ้าวกลิ่นก็ยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่ ให้มันได้อย่างนี้สินั่น


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Prada - Amber Pour Homme Intense








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 200฿ และ 10ml 400 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Prada/Prada-Amber-Pour-Homme-Intense-11240.html

Prada ทำได้ดีมากๆ กลิ่นหรูหราและยังให้ภาพลักษณ์ของหนุ่ม metrosexual เพราะกลิ่นสำอางค์ เซ็กซี่ ดาร์ก และยั่วยวนสุดๆ ตัวนี้เลิกผลิตไปแล้วด้วยนะคะ หายากคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 Prada  - Infusion d'Iris L'Eau d'Iris








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 135฿ และ 10ml 270฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Prada/Infusion-d-Iris-L-Eau-d-Iris-17591.html

กลิ่นสะอาดตามที่เขาต้องการเสนอจริง ๆ ชวนนึกถึงกลิ่นตอนที่เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังเช็ดตัว ผิวหมาด ๆ แล้วกลิ่นสบู่แบบสดชื่นลอยขึ้นมา แต่นี่เป็นน้ำหอม ดังนั้น ไม่ได้ให้แค่กลิ่นสบู่หรอกครับ กลิ่นเปิดออกโทน floral นะครับ และยังสดชื่นไปกับกลิ่นส้มที่ไม่เด่นนักเมื่อรวมตัวกับ Neroli และ clean note ที่เป็นกลิ่นสังเคราะห์

จากนั้นกลิ่นจะวู๊ดดี้ขึ้น แต่มันออกทางลม ๆ โปร่ง ๆ สบายจมูกมากครับ และกลิ่นยังกระจายตัวดี ตีขึ้นตลอดเวลา กลิ่นเด่นคือ iris และ cedar นะครับสำหรับช่วงกลาง

ช่วงเบสให้ความรู้สึกสะอาดมาก ๆ แถมยังได้กลิ่นโทน incense ปนเข้ามา ช่วยให้กลิ่นมีระดับ แต่ทว่าไม่ออกทางอบอุ่น แม้จะได้กลิ่นเชิง powdery ด้วยก็ตาม ถือเป็นการเบลนด์น้ำหอมชั้นครูเลยทีเดียว

กลิ่นทนเกิน 10 ช.ม. และก่อนอาบน้ำ ลองเอาน้ำพรมบริเวณที่ฉีดน้ำหอมดูนะครับ กลิ่นโทนสดชื่นจะถูกปลุกขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Rasasi - Al Wisam Day "โคลน CREED - Silver Mountain Water"








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 160 ฿ และ 10ml 300 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Rasasi/Al-Wisam-Day-19650.html

แบรนด์หรูจากUAE แบรนด์นึงที่ทำน้ำหอมได้ดีมากๆ บางตัวดังๆของแบรนด์นี้อย่าง la yuqawam ทำกลิ่นได้ดีแทบไม่แตกต่างจาก Tomford - Tuscan Leather เลย แถมบางคนชอบของRasasi มากกกว่าซะอีก มาดูตัวนี้ Al Wisam รีวิวต่างประเทศหลายคนบอกว่าเป็นตัวที่ทำกลิ่นได้คล้าย CREED - Silver Mountain Water มากที่สุดและดีที่สุดตัวนึงเลยทีเดียวคะ ใครชอบ Creed - SMW ต้องไม่พลาดที่จะลองตัวนี้ดูนะคะ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


CHANEL - Allure Homme "ตัววินเทจ"








- แบ่งใส่ขวดสเปรย์ขนาด 5ml 500฿ และ 10ml 260 ฿ เผื่อใครอยากลองกลิ่นคะ

รีวิวต่างประเทศ  http://www.fragrantica.com/perfume/Chanel/Allure-Pour-Homme-523.html


Chanel Allure Homme เป็นน้ำหอมชายกลิ่นหวานกลิ่นแรกของ Chanel ปรุงโดย Mr. Polge นักปรุงน้ำหอมชื่อดังของค่าย Chanel  โดย Allure Homme ให้กลิ่นหลายมิติ ทั้งสดชื่น อบอุ่นและ sexy ในขณะเดียวกัน หอมถึงขนาดมีหลายค่ายพยายามเลียนแบบ เบสของ Allure Homme มีจุดยืนอยู่ที่กลิ่นโทนวานิลลา ซึ่งได้จาก tonka bean เป็นหลัก กลิ่นนั้น sensual สุด ๆ ใส่แล้วน่าจะไม่พลาดคำชมนะครับ เพราะส่วนตัวได้รับทุกครั้งที่ใช้ ใส่ออกเดทเหมาะที่สุด นอกนั้นก็ได้ทุกโอกาส ตั้งแต่วันสบาย ๆ จนถึงออกงานหรูครับ

ที่สำคัญตัวที่นู๋ขายเป็นตัววินเทจ ซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว เนื้อกลิ่น ความทน ความฟุ้งดีกว่าตัวรุ่นใหม่ที่ขายอยู่ทั่วไปเยอะคะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

tamamajung

23/12/2016 14:49:11
0
IP : 58.10.64.229
ฮาโหล โหล .. เผลอแปปๆก็จะหมดไปอีกปีล๊าวว เทศกาลปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาทุกที มีของขวัญให้คนพิเศษกันรึยางเอ่ย ให้น้ำหอมเป็นอีกทางเลือกนึงก็ได้นาจา..แบบแบ่ง แบบขวด ก็มีน๊า สอบถาม/สั่งซื้อ@Line มาเรยจ้า ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

tamamajung

26/12/2016 19:14:52
0
IP : 58.10.64.17
ปีใหม่นี้ก็ยังสั่งเข้ามากันได้เรื่อยๆเลยนะคะ นู๋ส่งของทุกวัน จ พ ศ ตร๊าาา :D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

tamamajung

28/12/2016 12:33:12
0
IP : 49.231.184.30
มีของขวัญพิเศษให้คนที่รักแร้วรึยางงงงง..ให้น้ำหอมทางร้านเราเป็นอีกทางเลือกก็ได้น๊า เวลานี้ส่งเร็วต้องEmsเท่านั้นะ อิอิ
มีส่งของวันนี้นะคะ
รอบต่อไปส่งอีกทีศุกร์สิ้นเดือนจ้า ;)
สั่งมาโลดดดดดดด 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

tamamajung

02/01/2017 18:35:22
0
IP : 49.231.184.30
สวัสดีปีใหม่ สวัสดีปีไก่ 2017...ปฏิทินเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง วันนี้วันทีสองล๊าววว วันหยุดหมดไปในพริบตา:(
 ปีนี้ขอให้ลูกค้าทุกคนมีแต่ความสุขกับปี60นะคะ รวยๆเฮงๆกันตลอดปีจ้า ... 
ปล.ไปรษณีเปิดแร้ว ส่งของได้ตามปกติคะ สั่งซื้อน้ำหอมแอดไลน์มาเบย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

tamamajung

04/01/2017 14:09:26
0
IP : 49.229.188.76
อัฟ อัฟ อัฟ ......!!!!!!!!
ตอนนี้มี creed หลุดจองมาสองตัวนะค่า 
Swm ขวด120ml เหลือ 70-80% ราคา 4,600฿
Mi ขวด 120ml เหลือ 80% ราคา 3,800฿

**เป็น tester นะคะ ไม่มีฝา
มีมาแค่สองตัวนี้นะคะ นอกเหนือจากนี้ไม่ทีจ้า ลูกค้าคนไหนสนใจ แอดไลน์มาเรยจ้า หมดแร้วหมดเรยนะคะ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

tamamajung

09/01/2017 15:53:58
0
IP : 182.232.151.204
สวัสดีวันจันทร์ช่วงเย็นๆนะค่า มีน้ำหอมมาอัพเดทจ้า ถามหากันเหลือเกินนนนนนน ในที่สุดก็ได้มาสักที 
creed 2 ตัวนี้เข้ามาล่ะคะ 
Sublime vanilla 
Avantus 
มีแต่ขนาดทดลองน๊า ลูกค้าคนไหนสั่งจองไว้รบกวนสั่งมาอีกรอบนะคะ ล๊อตนี้มาน้อยของหมดไวแน่นอน ใครรออยู่รีบๆมาสอยไปเรยจ้า ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

tamamajung

18/01/2017 14:38:08
0
IP : 49.229.188.25
ยังขายน้ำหอมกันอยู่น๊า :)
รอบของวันนี้แม่ค้าไปส่งของให้แย้วววว เด่วเลขเทรคจิส่งให้ตอนเย็นๆเน้อ ขอทำงานก่อนจ้า ^^
.... ส่งของรอบต่อไปวันศุกร์นี้น๊า
สอบถาม/สั่งซื้อ @Line มาเรยเน้อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

tamamajung

21/01/2017 13:01:24
0
IP : 49.229.188.102
Up up น้ำหอมของแท้ราคาย่อมเยามีอยู่จิง ทางนี้เรยค่า.. รับออเดอร์ตลอดน๊า
สนใจ@Lineมาเยยยย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

tamamajung

25/01/2017 13:01:06
0
IP : 49.231.184.30
น้ำหอมของแท้ราคาถูก มีทั้งขวดเต็ม ขวดมือสอง แบบแบ่ง ร้านนี้เรยจ้า^^  ส่งของจิง รีวิวจิงนะค่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

tamamajung

09/02/2017 14:50:42
0
IP : 49.231.184.30
ช่วงนี้แม่ค้าอาจจะตอบช้าหน่อยนะค่า เพราะทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย อาทิตย์นี้มีสอบอีก ม่ายค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่เยย :( อาจจะล่าช้าไปบ้าง ก็ขออภัยน๊า
 แต่ก็สามารถสั่งออเดอร์มาเรื่อยๆได้จ้า อยากขาย อิอิ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

tamamajung

14/02/2017 16:26:16
0
IP : 49.231.184.30
สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะลูกค้าทุกๆคน แม่ค้าขออวยพรขอให้ลูกค้าทุกท่านมีแต่ความรักให้กันในทุกๆบ้านนะคะ 

ปล.น้ำหอมยังขายยุ่น๊า ออเดอร์น้ำหอมมาได้น๊า แม่ค้ารับออเดอร์ยุ่จ้า ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

tamamajung

16/02/2017 13:15:26
0
IP : 49.231.184.30
วาเลนไทน์ไม่มีผลเท่ากับวันเน้หรอก เชื่อสิ55+
หวยก็ลุ้นยิ่งกว่ามีแฟนไปอีก ถูกไม่ถูกรู้กันเย็นนี้ล่ะข่า

สอบถามสั่งซื้อน้ำหอม @Line มาเยย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

tamamajung

21/02/2017 14:01:41
0
IP : 49.231.184.30
ท้อไม่ได้ เหนื่อยไม่ได้ ไม่ไหวก็ต้องไหว....ทำงานวนปายยย ฮึบๆไว้นะค่าทุกคน 
พรุ่งนี้ส่งน้ำหอม !! สั่งมาเรยค่า เลิกงานแร้วจะทะยอยตอบหมือนเดิม :))
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"ขายน้ำหอมใช้เองคะ (มีของใหม่มาเพิ่มเยอะเลยคะ)"