นั่นสิครับ อยากทราบเหมือนกันนะ ^^

ผมเดาว่ามีผล แต่มันคงน้อยมากๆ อ่ะครับ

ผมว่าถ้าเป็นสายแกนเดี่ยว อาจมีปัญหาขาดในได้ครับ ถ้างอไปงอมาบ่อยๆ แต่ถ้าเป็นตัวนำแบบแกนฝอยธรรมดา ไม่น่ามีผลนะครับ ยกเว้นเราจะพับให้มันชนกันพอดีเลย(คืออาจขาดได้) เรื่องเสียงไม่น่ามีผลครับ เพราะสายมันเส้นแค่นั้น สัญญาณมันวิ่งผ่านเร็วจนฟังไม่ออกอยู่แล้วครับ (คือเรื่องเสียงไม่น่ามีผล แต่เรื่องขาดในนี่ไม่แน่)

อืม..


งั้นสายถักนี่ ถือว่าสายงอมั้ยอ่ะครับ
งั้นสายตรงๆที่ไม่ถักก็น่าจะดีกว่ามั้ยละครับ

เขาถักเพื่อให้สัญญาณรบกวนมันหักล้างกันน่ะครับ คือสายสัญญาณ สัญญาณไหลผ่านมันจะอ่อน มีโอกาสที่เจอสัญญาณรบกวนมาก ทางแก้คือการชิลด์ให้ดีเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน (พวกสายเส้นใหญ่ๆ คือสายมีมีชิลด์น่ะครับ) กับการถักเพื่อให้สัญญาณรบกวนมันหักล้างกันเองน่ะครับ (พวกที่นิยมวงิธีนี้คือสายของคิมเบอร์น่ะครับ)

สายงอมีผลต่อเสียงมั๊ย ลองง่ายๆซื้อสายมาแล้วลองงอดู ผมงออยู่หลายรอบก็ฟังไม่ออก

สายตรงดีกว่าสายถักไหม ขอตอบว่าสายถักดีกว่า เพราะการที่สายขนานกันไปตรงๆตลอดทางจะทำให้เกิดการเหนี่ยวนำระหว่างสายได้มาก สัญญาณจะรบกวนกันข้ามสายได้มากกว่า การถักจะช่วยลดตรงนี้ได้ แต่ก็แล้วแต่ลักษณะการถัก ถักแต่ละแบบให้เสียงไม่เหมือนกัน ถึงจะใช้สายแบบเดียวกันก็ตามครับ ถ้าใช้สายแบบตรงๆไม่ถักส่วนใหญ่จะให้เบสที่ดี แต่แหลมจะหดเล็กน้อย(เมื่อเทียบกันระหว่างสายชนิดเดียวกันที่ถักนะ) และมิติแคบกว่าเล็กน้อยครับ(เพราะมันกวนกันข้าม channel เป็นโมโนมมากขึ้นนั่นเอง)

ขอบคุณคุณ nopphong ให้ความรู้เพียบเลยครับ ผมนึกว่าเอาถักสวย ๆ เหมือนสาว ๆ ถักเปียเสียอีกครับ

โห อย่างนี้การถักสายก็เป็นศิลป์อย่างนึงเลยนะนี่ มีผลต่อเสียงด้วย ถ้าแบบนั้นคนที่ออกแบบสายต้องคำนึงถึงการถักสายด้วย

อิเล็กตรอนอาจแหกโค้งได้ถ้าไม่ฝึกดริฟ

ผมว่ามันมีทฤษฎีตรงนี้แน่ๆๆ ล่ะ แต่ผมไม่รู้เรื่องกับเค้าหรอกเน้อ 555

จำได้ว่าสายไฟนั้น ถ้าวางมัดรวมๆๆ กัน ภาพและเสียงจะพร่าและเสียงจะรวนกัน แต่ถ้าคลี่และกางออกไม่ให้แตะถูกกัน จะทำให้เสียงและภาพดีขึ้น

อันนี้เรื่องจริงๆๆๆ ครับ 555

สายสัญญาณ 1 เส้น เวลามีกระแสไหลผ่าน จะเกิดสนามแม่เหล็กรอบๆตัวมันครับ

สายสัญญาณ 2 เส้น เวลามีกระแสไหลผ่าน ทั้งคู่ก็จะมีสนามแม่เหล็กรอบๆตัวมันเช่นกัน

พอไอ้สาย 2 เส้นนี้มาอยู่ใกล้ๆกัน สนามแม่เหล็กจากเส้นนึง ก็จะเหนี่ยวนำไปอีกเส้นนึง ทำให้เกิดสัญญาณแฝงครับ เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า crosstalk

ทิศทางของสนามแม่เหล็กที่วิ่งรอบๆตัวนำทั้งสอง จะมีทิศทางหมุนในตั้งฉากกับการไหลของกระแส ในที่นี้ก็คือ ความยาวของเส้นลวดนั่นเอง

เค้าเลยแก้ด้วยการ สลับฝั่งเส้นสัญญาณ 2 เส้น ซ้ายทีขวาที เพื่อให้เกิดการเหนี่ยวนำทั้งด้านบวกและด้านลบขึ้นในสายครับ

พอเกิดการเหนี่ยวนำสลับด้านไปมา สัญญาณที่ไปเกิดขึ้นในอีกสายก็จะหักล้างกันไปเองครับ ทำให้สุดท้ายที่แล้วปลายทางจะเหลือสัญญาณที่เหนี่ยวนำข้ามเส้นอ่อนๆ (ในที่นี้คือ อ่อนกว่าการเดินคู่ขนานแบบไม่ตีเกลียว)



เป็นการอธิบายที่มึนมาก 555

แล้วที่พันกัน 3 เล้น 8 เส้นนี่ สัญญาณคงวิ่งกันนัวเลย 555

ค.ห.9 +1

เฮียครับ อธิบายเหมือนคุณ วิจิตร บุญชู สมัย 10ปีก่อนเลยครับ
ยิ่งตอนเขา test แอมป์ต่างๆ เครื่องเล่นต่างๆ สายต่างๆ ฯลฯ
เขาจะคลี่สายออกจากกันให้มากที่สุด บางที่หากแกะสายออกมาสลับด้านกลับเฟสดูเสียงกลับดีขึ้นอีก!!!
และบางครั้งก็มีหนังสือมาทับสายหรือมาหนุนสายให้ไม่แตะพื้นห้องหนักเป็น 10 โลเพื่อให้สายสั่นสะเทือนน้อยที่สุดก็ยังมีครับ แต่ผลที่ได้ก็คงจะจริงไม่งั้นคุณ วิจิตร บุญชู คงไม่ยืนหยัดมาขนาดนี้

มาเก็บขอมูลหน่อย...อิอิ

งั้นสาย i basso มันไม่ถักเลยก็ไม่ดีน่ะสิครับ

งั้นแกะเอามาถักเองได้มั้ยเนี่ย

ถ้าเอามาต่อกะปรีหลอดสายถักฮัมแน่นอน..ต้องสายชิลด์เช่นสายฟิโอ หรือสายโซนี่เพราะลองมาแล้วจ้า

มาเก็บข้อมูล เก็บข้อมูล เก็บข้อมูล เก็บข้อมูล.....

ถ้าสายไฟสามเฟสร้อยท่อมาเฟสละท่อได้ไหมครับ