และย้อนหลังไปสามปีที่แล้วทาง  Astell&Kern  และทาง JH Audio นั้นได้จับมือกันและได้เปิดตัวสุดยอดหูฟังอย่าง Roxanne และ Layla ออกมาซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด  จึงได้ออกหลายๆรุ่นตามมา  เช่นเดียวกันกับ Michelle ซึ่งเป็นน้องใหม่ล่าสุดลำดับที่ 5 ที่มาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมสมกับอยู่ใน Sirens Series และมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นมากครับ

โดยชื่อรุ่นนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง ' My Michelle' ของวงระดับโลกอย่าง Gun N'Roses.  เพลง 'My Michelle' นั้นอยู่ในอัลบั้ม 'Appetite for Destruction' ซึ่งเป็นอัลบั้มเปิดตัวอย่างเป็นทางการของวง Guns N' Roses  ทั้งยังเป็นเพลงที่อุทิศให้แก่เพื่อนซี้ของ Slash (มือกีต้าร์ของวง) ผู้มีนามว่า 'Michelle Young' ด้วย ตัว Michelle เองนั้นก็มีความต้องการมาตลอดที่อยากจะให้มีใครสักคนเขียนเพลงโดยอิงจากชีวิตที่ผ่านมาของเธอ เพลง 'My Michelle' นั้นเรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอทั้งช่วงชีวิตของหญิงสาว ตั้งแต่ช่วงสมัยที่เธอติดยาไปจนถึงช่วงที่แม่ของเธอต้องถูกความตายพรากไป แม้แต่ช่วงเวลาของพ่อที่ทำงานอยู่ในแวดวงสื่อบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ก็ปรากฎอยู่ในเพลงเช่นเดียวกัน

ในอัตชีวประวัติของ Slash นั้น เขาได้เล่าถึง Michelle ที่ได้ละทิ้งชีวิตเก่า ๆ และประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างเยี่ยมยอดหลังจากที่เพลงนี้ได้ถูกปล่อยออกมา 

Michelle นั้นมาพร้อมกับสเป็คและเทคโนโลยีที่น่าสนใจหลายๆอย่างดังนี้ครับ

Freqphase™ Time | Phase Waveguide  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในหูฟังระดับสูงของ JH audio ทุกรุ่น และเป็นเทคโนโลยีที่ทาง JH Audio นั้นพัฒนาขึ้นมาใช้เอง  โดยจะทำให้สัญญาณเสียงที่ส่งออกไปสู่ปลายท่อหูฟังระหว่างย่านเสียงต่างๆนั้นมีความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น

THE SIREN SERIES  ทาง JH Audio ได้พัฒนาตัว Driver รุ่นใหม่สำหรับนำมาใช้งานในซีรีส์นี้ ซึ่งจะให้คุณภาพสูง เสียงสูงปราศจาก Distortion เสียงกลางนั้น Flat  และตอบสนองเสียงย่านต่ำได้อย่างดีเยี่ยมและปราศจาก Distortion เช่นกันครับ

Michelle นั้นมาพร้อมกับสเป็ค  3 Balance Amature driver ต่อข้าง (3way 3Drivers High, Mid, Low) 

และการ Seal เสียงนั้นมีผลโดยตรงกับคุณภาพเสียงของหูฟัง  Michelle จึงถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายและสวมใส่ได้อย่างสะดวกในทุกๆอิริยาบถ ด้วยเทคโนโลยี 3D printing  ที่ออกแบบรูปทรงให้สอดคล้องพอดีกับช่องหูด้านนอก รวมไปถึงท่อหูฟังที่ถูกออกแบบให้เอียงเล็กน้อย 10 องศาเพื่อทำมุมให้พอดีกับการสวมใส่ที่สุดครับ

Michelle l นั้นมาพร้อมกับขั้วหูฟังแบบ 2 pin มาตรฐาน ที่สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ง่ายและสะดวก  และยังมาพร้อมกับสายหูฟังแบบใหม่ Silver Tinsel Cable  ซึ่งจะใช้ตัวนำเป็น Silver plate Copper หรือทองแดงเคลือบด้วยเงินนั่นเองครับ โดยตัวนำนั้นจะพันอยู่รอบแกน Kevlar ที่ให้คุณสมบัติเรื่องน้ำหนักที่เบา แต่ให้ความทนทานที่สุดยอดมากๆครับ

โดยในแพ็คเกจนั้นก็จะประกอบไปด้วย

- ซองซิปเก็บหูฟัง  โดยใช้วัสดุเป็นหนังสีดำ ที่ออกแบบมาได้สวยงาม โดดเนด้วยโลโก้ Astell&Kern และชื่อรุ่น  JH Audio อยู่หน้ากล่อง

- สายหูฟังให้มาถึงสองเส้นโดยแบ่งเป็นแจ็ค 3.5 mm. และ 2.5mm. ให้เลือกใช้และสับเปลี่ยนตาม Source ต้นทาง

- จุกซิลิโคน ก็จะมีให้เลือก 3 ไซส์ตามมาตรฐานได้แก่  S , M , L

- Wax tool เป็นไม้เล็กๆเอาไว้สำหรับทำความสะอาดปลายท่อหูฟังครับ

มาถึงเรื่องเสียงกันบ้างครับ

Michelle นั้นเป็นหูฟังที่ให้กลิ่นอายแบบ JH Audio แบบ Original  ซึ่งจะมีบุคลิกเสียงที่แตกต่างจาก Siren Series ในรุ่นอื่นอยู่พอสมควร จะมีที่ใกล้เคียงสุดก็คงจะเป็น Roxanne ซึ่งจะให้เสียงแบบ Reference แท้ๆ  แต่ในส่วนของ Michelle นั้นจะให้อารมณ์ในการฟังที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า  และฟังแล้วไม่รู้สึกว่าจริงจังจนเกินไป แต่ยังคงให้รายละเอียดที่ดีเยี่ยมตามแบบฉบับของ JH Audio เลยครับ

น้ำเสียงของ Michelle นั้นมีความกระจ่างและสะอาด  ให้เสียงย่านกลางที่แฟลต อย่างที่บอกไว้ในสเป็คเลยครับ  ออกแนวกลางๆให้บาลานซ์ที่ดี  และไฮไลท์นั้นอยู่ที่เสียงย่านสูงเลยครับ มีความสดและให้ดีเทลรายละเอียดที่สุดยอดมากๆเลยครับ ซึ่งเป็นโทนเสียงที่เข้ากันได้ดีกับเพลงร็อคที่เน้นซาวด์ของกีตาร์ที่มาแบบชัดเละเคลียร์ทุกเม็ดทุกโซโล่เลยครับ ฟังไล่ตั้งแต่ Rock เก่าๆอย่าง เพลง Cocaine ของ Eric Clapton ที่แค่ขึ้นต้นก็ยิ้มแล้วครับเพราะซาวด์กีตาร์ที่ให้มานั้นถูกใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับ สมกับเป็น JH Audio ที่เกิดมาจากเพลงร็อคเลยครับ    และร็อคแบบยุคใหม่อย่างเช่น Avenged Sevenfold ที่เน้นไปที่ความดุดัน และความมันส์ ที่ Michelle นั้นให้ได้แบบถูกอกถูกใจขาร็อคอีกเช่นกันครับ

อีกทั้งซาวด์กลองที่แน่นและกระชับ หนังกลองตึง ฟังเพลงจังหวะเร็วๆมันส์ถึงใจเลยครับ  และที่สำคัญที่สุดเบสนั้นไม่เคยผิดหวังเลยครับจูนออกมาได้ถูกใจชาวร็อคเป็นอย่างยิ่ง  ทั้งปริมาณ และ Power ที่เรียกได้ว่า “ดุดัน” เลยล่ะครับ มาแบบลูกโต ทุ้ม หนักแน่น กระแทกเข้าสู่รูหูแบบตรงๆไม่มีอ้อมค้อม  เป็นเบสที่ลูกโตแต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพไม่ได้เยอะเพียงแค่ปริมาณเพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ  และให้มาแบบครบๆทั้งย่าน  upper , mid และ deep Bass ที่มาตามนัดและลงได้ลึกสุดตามที่ต้นฉบับเพลงนั้นบันทึกมาเลยครับ

 และนอกจากนี้เวทีเสียงนั้นยังทำได้ดีทีเดียวครับ ไม่ถึงกับกว้างขวางโอ่อ่า แต่ในระดับของ inear แล้วถือว่าฟังได้แบบสบายหูไม่รู้สึกอึดอัดหรือให้อารมณ์แบบเวทีเสียงถูกบีบเลยแม้แต่น้อยครับ  ซึ่งนอกจากจะฟังเพลง Rock ได้ทุกแขนงแล้ว  ยังไปได้ดีกับเพลงที่เน้นจังหวะ หรือ beat ของดนตรีที่สนุกๆอย่างเช่น EDM , Poprock  , Kopop , Jrock เป็นต้นครับ

Michelle นั้นจัดว่าเป็นหูฟัง inear อีกหนึ่งรุ่นที่มี Signature เสียงมีเอกลักษณ์และมีแนวทางที่ชัดเจนมากๆครับ และมีการสวมใส่ที่สบาย ตัวสายหูฟังนั้นมีคุณภาพสูงมาให้อยู่แล้ว แทบจะซื้อที่เดียวแล้วใช้ต่อตรงกับ Source ได้ทุกอย่างแล้วครับ  เพราะขับง่าย  และมีสาย stock มาให้เลือกใช้ทั้งแบบ Balance 2.5 mm. และแบบ 3.5mm. มาตรฐาน

แฟนๆ JH Audio ทั้งยุคดั้งเดิม และนักฟังรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบในเพลง Rock ไม่ควรพลาด Michelle ด้วยประการทั้งปวงครับ สนนราคาอยู่ที่  19,900 บาท  สามารถทดลองฟังและซื้อได้ที่ร้าน Munkonggadget ได้ทุกสาขาเลยครับ

สเป็คเพิ่มเติมของ  Michelle ครับ

Type Universal fit IEM
Driver Unit 3way 3Drivers (High, Mid, Low) [3BA per side
Impedance 18 ohm
Noise Isolation -26dB
Sound Technology Freqphase™ Time | Phase Waveguide

เข้าไปเอาของที่ไปส่งเคลม
เลยขอลอง Michelle เลยจัดมาแบบงงงๆ
ฟังสนุกดีครับ