อยากทราบเช่นกัน ขอแย่งอ่านด้วยคนนะครับ

ผมคิดมั่วๆๆ เอาเอง ผมว่าแบบคงที่มันน่าจะดีกว่า คือในช่วงที่สัญญาณมันสวิงหรือไม่สวิงมันก็ใช้บิทเรทเท่าเดิมๆๆๆ ซึ่งเสียงน่าจะดีกว่าแบบไม่คงที่ล่ะครับ 555

จริงๆแล้วเท่าที่ผมทราบและทดลองมาเองไฟล์ที่เป็น mp3 ถ้าเป็น VBR V0 จะคุณภาพเสียงดีที่สุดครับและขนาดไฟล์ก็ยังเล็กกว่าแบบ CBR ด้วยครับ ซึ่งสามารถเรียงลำดับคุณภาพเสียงได้ดังนี้ครับ VBR>ABR>CBR ซึ่ง VBR ก็จะแบ่งระดับตั้งแต่ VBR V0-V9 โดย V0 จะดีที่สุดค่าเฉลี่ยของ Bit Rate จะอยู่ที่ประมาณ 256-320 kbps ซึ่งอีก Code ที่คนนิยม Rip กันก็คือ VBR V2 ค่าเฉลี่ยของ Bit Rate จะอยู่ที่ประมาณ 192-256 kbps
ซึ่งจากการที่ผมลองทดลองดูโดยนำแผ่น Stamp : Million way to write part 1 (ซึ่งผมชอบมากๆ) มา Rip เป็น CBR 320 kbps กับ VBR V0 แล้วฟังเทียบกันพบว่าแบบ VBR เสียงจะดีกว่าเล็กน้อยครับ
หมายเหตุ : ทั้ง 2 แบบที่ผม Rip ผมใช้โปรแกรม EAC โดยใช้ Codec เป็น mp3 lame 3.98 ครับ

ผมก็ว่า CBR เสียงน่าจะดีกว่านะ ความคิดผม VBR มันแค่พยายามทำให้ใกล้เคียง CBR โดยที่ลดขนาดไฟล์ให้เล็กลงจากการไม่เน้นส่วนที่ไม่มีรายละเอียด

ลองศึกษาจากบทความนี้ดูนะครับ น่าจะมีเค้าโครงของคำตอบอยู่ แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจริงมากน้อยแค่ไหน

http://eka-x-playground.blogspot.com/2008/04/mp3.html

ขอบคุณคุณ Valentine มากๆ ครับ ^^

เอ่อ คนเขียนบทความ เขาก็บอกว่า MP3 ที่ดีสุดก็คือ CBR320 นะครับ ขอก็อปมา

\"เช่นระดับสูงสุดของ mp3 คือ CBR 320 kbps ซึ่งถ้าต้องการนำไปใช้ในงานแบบนี้ แนะนำให้ใช้เป็นไฟล์ lossless ไปเลยดีกว่าครับ\"

แล้วก็VBR จะทำบิทเรตสูงสุดได้ที่240เท่านั้นครับ ในความหมายเรื่องคุณภาพ น่าจะหมายถึง คุณภาพต่อขนาดไฟล์มากกว่า ถ้าไฟล์ขนาดเท่าๆกัน VBR กินCBR ขาดแน่นอนครับ

VBR กับ CBR ผมพยายามฟังแล้วผมแยกไม่ออกครับ ก็เลยใช้ VBR เพราะไฟล์ขนาดเล็กกว่าครับ (ถ้าริปเองนะ หุหุ ซึ่งส่วนใหญ่มันไม่ใช่อ่ะครับ)

คงต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็นครับ คือเรื่อง ขนาด กับเรื่อง คุณภาพ ซึ่งก็มีเนื้อหาส่วนนึงที่บอกถึงเรื่องนี้เป็นกราฟครับ ขออนุญาติคัดลอกมานะครับ

\"จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ VBR V3 ขึ้นไป ระดับคุณภาพ (Quality) เพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ \"ขนาด\" ไฟล์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงระดับสูงสุดคือ CBR 320 kbps คุณภาพก็ไม่แตกต่างจาก VBR V3 มากนัก\"

นั่นคงหมายถึงว่าถ้าเป็น \"ขนาด\" ของไฟล์พวก MP3 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ CBR 320 แต่ \"คุณภาพ\" ก็คือจะเท่าๆกับ VBR V3 เท่านั้น แต่ถ้าเรา Rip ออกมาเป็น VBR V0 จะได้คุณภาพที่สูงกว่า V3 \"แต่\" เล็กน้อยมาก ทางผู้เขียนจึงแนะนำว่าหากจะเลือกเก็บไฟล์เป็น CBR 320 ก็ควรให้เลือกเก็บไปเป็นไฟล์ตระกูล Lossless ไปเลยดีกว่า

ไม่เคยฟังเทียบเหมือนกัน

แต่ผมเลือก CBR เพือความสบายใจ
-------------------------------------------------
ถ้าเป็น VBR V0 จะคุณภาพเสียงดีที่สุดครับและขนาดไฟล์ก็ยังเล็กกว่าแบบ CBR
-------------------------------------------------

อันนี้หมายถึงดีที่สุดเมือเทียบกับ VBR ด้วยกันใช่ไหมครับ? เพราะถ้าบอกว่าดี CBR 320kbps นี่ผมไม่เห็นด้วยแน่ๆ

ว่าแต่ใช่คุณ Bee_B หรือเปล่าหว่า?

ใช่ครับ ผมยังว่าอยู่ว่าจะใช่คุณ neab8 หรือเปล่าเพราะ Avartar คุ้นๆ @^_^@

ไฟล์ที่ผมเก็บส่วนใหญ่เป็น VBR V0 เพราะคุณภาพ+ขนาดของไฟล์ทำให้สะดวกในการเก็บ เพราะเก็บไฟล์ Flac คงไม่ไหวแน่ๆเลยครับ T_T เอาไว้ Rip เฉพาะอัลบั้มที่ชอบมากๆดีกว่า

ตกลงเอางัยดี อิอิอิ

เคยอ่านมาน่ะครับ VBR เสียงจะขึ่นๆลงใช่มะ คือเมื่อเวลาที่เพลงไม่มีเนื้อร้องหรือสัญญาณ บิตเรท ช่วงนั้น จะเป็นต่ำสุดที่ 0 ครับ ซึ่งต่างจาก 320 CBR ตรงที่ จะคงที่ตลอดเพลง ทำให้ พื้นที่ในการ เก็บไฟล์ นั้นจะเยอะกว่า VBR แต่เสียงที่ได้ คงไม่ต่างกันเท่าไหร่มั้งครับ

VBR V0 เสียงดีที่สุดในสกุล mp3 ครับผมใช้ประจำ (แปลงด้วย dBpoweramp)
(ไม่ได้อยากให้เชื่อแต่อยากให้ลอง)

CBR ย่อมาจาก Constant Bit Rate
VBR ย่อมาจาก Variable Bit Rate

เป็นรูปแบบการเข้ารหัสที่แตกต่างกัน โดยที่ CBR เป็นการเข้ารหัสแบบที่ค่า bitrate คงที่ตลอดเวลา
ซึ่งมีข้อดีคือ เราจะได้คุณภาพสูงสุดตลอดทั้ง File ข้อเสียคือ ขนาดของ File ที่ได้ จะใหญ่กว่า การ Encoding แบบ VBR

VBR ( Variable Bit Rate ) จะปรับเปลี่ยน bitrate ตามความซับซ้อนของข้อมูล นั่นหมายความว่า หากใน Frame นั้นๆ
มีแต่ข้อมูลที่ไม่ซับซ้อน เช่นมีแต่ภาพที่เป็นสีดำ หรือความเงียบ โปรแกรมที่เข้ารหัส จะทำการลด Bitrate ลงเนื่องจากมีข้อมูลให้บีบอัดน้อย
แต่หากช่วงใดๆมีข้อมูลที่ซับซ้อน โปรแกรมเข้ารหัสก็จะทำการเพิ่ม Bitrate ขึ้นเพื่อที่จะเก็บรายละเอียดของภาพและเสียงได้ตรบถ้วน
ผลที่ได้จากตรงนี้คือ File ที่ได้จากการบีบอัดแบบนี้ จะมีขนาดที่เล็กกว่าการบีบอับแบบ CBR

ซึ่งในการทำงานที่ไม่สนใจขนาดของข้อมูล หรือข้อมูลที่เราบีบอัดไม่ได้มีความยาวมากจนเกินแผ่น (Media) ที่จัดเก็บ
การเข้ารหัสแบบ CBR เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำรับผู้ที่ต้องการคุณภาพสูงสุด

หากคุณต้องการขนาดของข้อมูลที่เล็ก หากเพราะเนื้องานมีความยาวมากจนการบีบอับแบบ CBR นั้นใหญ่โตเกินการจัดเก็บ
การเข้ารหัสแบบ VBR ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้ โดยจะได้คุณภาพ/ขนาดไฟล์ สูง

การเข้ารหัส VBR-2 Pass จะต่างกับ VBR-1 Pass คือ VBR-2 Pass จะทำการแสกนหาความหนาแน่นของข้อมูลก่อนทำการเข้ารหัส
จากนั้นจึงเอาข้อมูลที่ได้มาทำการเข้ารหัสด้วยบิตเรตที่เหมาะสม เพื่อไม่ไห้มีการคำนวนผิดพลาดในการบีบอัด การทำแบบนี้จะใช้เวลาในการเข้ารหัสที่ช้า
แต่จะได้ file ที่มีขนาดและมีการบีบอัดที่ถูกต้องมีคุณภาพที่ดีตรงตามข้อมูล ซึ่งการ encode แบบ VBR-1 Pass จะให้ประสิทธิภาพและคุณภาพด้อยกว่า แต่แลกด้วยความเร็วในการ encoding เนื่องจาก VBR-1 Pass จะไม่ทราบล่วงหน้าว่าข้อมูลในเฟรมต่อไปจะเป็นอย่างไร จึงต้องคาดคะเนหรือเดาจากข้อมูลปัจจุบัน ซึ่งอาจไม่ถูกต้องนัก

credit:http://www.real-type.com/support/viewtopic.php?f=2&t=4550

แล้วแบบ VBR มันกินไฟมากกว่าแบบ CBR เปล่าครับ
ส่วนเรื่องคุณภาพ ผมว่า CBR น่าจะดีกว่านะครับ(ตามหลักทฤษฎี)