สวัสดีครับ หลังจากห่างหายจากการเขียนอะไรมานาน ช่วงนี้มีหลายๆ สิ่งน่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย ทั้ง DAP (Digital Audio Player) ออกมาให้ติดตามเพียบ นี่ยังไม่รวมถึง DAC (Digital to Analog Converter) หรือแอมป์พกพา (Headphone Amp) อีกหลากหลาย ชวนให้มึนงงสับสน ทำให้เลือกยากกันเข้าไปอีก คำถามประเภทตัวนั้นตัวนี้ดีไหมมีออกมาทุกวี่วัน นอกจากนั้นยังไม่พอยังมีอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ไม่ได้ทำมาเพื่อฟังเพลงโดยเฉพาะเริ่มเข้ามามีบทบาท และแย่งซีนเบียดพื้นที่เครื่องฟังเพลงมากขึ้น นั่นคือมือถือนั่นเอง

หากย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วในอดีตตอนที่มือถือยังทำได้แค่โทรออกโทรเข้า หน้าจอขาวดำ มีแต่เพลงริงโทนอย่างเดียว เครื่องเล่นเพลงตอนนั้นก็จะมีเครื่องเล่นเทป (Walkman) เครื่องเล่น CD พกพา เครื่องเล่น MD เครื่องเล่น MP3 ตัวเล็กๆ รวมไปถึง IPOD และเครื่องเล่นจากบริษัทต่างๆ เรียกว่าตอนนั้นแบ่งกันชัดเจนเครื่องฟังเพลงก็คือเครื่องฟังเพลง มือถือก็คือมือถือ

แต่พอมือถือพัฒนาขึ้น เริ่มมีการยัดเอากล้อง เอาเมมใส่ เอาช่องหูฟังใส่ทำให้มือถือเป็นอะไรที่มากกว่าที่เคยเป็น การรวมร่างระหว่างเครื่องฟังเพลงกับมือถือก็เกิดขึ้น มือถือรุ่นแรกที่โชว์เรื่องการฟังเพลงก็คือ Siemens SL45 ที่หลายท่านรู้จักกันดี ความจุ ณ ตอนนั้น 32M ก็อย่างหรูแล้ว 555 เล่นได้แต่ mp3 เท่านั้น ราคาค่าตัวก็ราวๆ 18k หลังจากนั้นมือถือทุกยี่ห้อก็ทำมือถือที่สามารถฟังเพลงได้

ในช่วงแรกที่การนำเอามือถือมาฟังเพลงยังไม่เป็นที่นิยม เกิดจากหลายเหตุผล ตั้งแต่ความจุน้อย (ใส่เพลงได้ไม่มาก) เล่นเพลงเฉพาะ mp3 ไม่ค่อยรองรับ Format อื่นๆ แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กแค่โทรอย่างเดียวก็แทบไม่พ้นวัน ยิ่งเอาไปฟังเพลงลำบากแน่นอน (ตอนนั้นยังไม่มี Powerbank เนอะ 555) จะเห็นได้ว่าช่วงนั้นยังนิยมฟังเพลงจากเครื่องฟังเพลง การฟังเพลงบนมือถือเป็นอะไรที่ใช้แก้ขัดมากกว่า

แต่พอนานวันการพัฒนาทางเทคโนโลยีมือถืออย่างก้าวกระโดดผลักดันให้มือถือมาไกลมากเมื่อเทียบกับอดีต หลายๆ ท่านอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่า Apple เคยมี IPOD หรือเครื่องเล่นเพลงนั่นเอง IPOD ถูกผลิตมาตั้งแต่ปี 2001 - 2007 มีหลาย Gen หลายรุ่น รุ่นสุดท้ายก็คือ Ipod touch gen2 ซึ่งมีลักษณะเหมือนมือถือ Iphone นั่นเอง ต่างกันแค่ใส่ Sim ไม่ได้เท่านั้น มี Wifi เข้า App Store ได้ และใช้ iOS เหมือนมือถือทุกประการ หลังจากนั้น Apple ก็ไม่ผลิต Ipod อีกเลย (Samsung เองก็เคยมีเครื่องเล่น mp3 แต่ในสุดท้ายก็เลิกผลิต)

เหตุผลหนึ่งที่ Apple เลิกผลิต Ipod เพราะยอดขาย Ipod ลดลงอย่างมาก สวนทางการยอดขาย Iphone ทั่วโลกที่โตเอาๆ แนวโน้มคนที่ซื้อเครื่องเล่นเพลงอย่างเดียวเริ่มน้อยลง และลดลงเรื่อยๆ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคอย่างนี้บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Apple ไม่รอช้าอยู่แล้ว เหมือนช่วงหนึ่งที่ iPad มาแรงมาก แต่พอช่วงหลังๆ มือถือหน้าจอใหญ่ขึ้นทำงานได้เร็วพอๆ กันความนิยมใน Ipad ก็ลดลง

ด้วยการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดมือถือทำให้มือถือต้องเป็นอะไรที่มากกว่าโทรศัพท์ กล้องเป็นสิ่งแรกๆ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่าแต่ก่อนการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือเป็นอะไรที่ถ่ายไปงั้นๆ คุณภาพสู้ถ่ายจากกล้องคอมแพ็คตัวเล็กๆ ราคาไม่กี่พันไม่ได้ แต่พอมาระยะหลังกล้องคอมแพ็คขายไม่ได้แล้วครับเพราะกล้องมือถือดีกว่ามาก วงการกล้องจึงเน้นไปที่ Mirrorless หรือ DSLR กันเป็นแถวๆ

พอการแข่งเรื่องกล้องเริ่มอิ่มตัวก็มีการมองหาจุดเด่นใหม่ๆ ในการขายผลิตภัณฑ์ การแข่งกันเรื่องเสียงจึงเริ่มดุเดือดขึ้น สมัยก่อนเราจะไม่เห็นมือถือที่ชูจุดเด่นเรื่องเสียงเท่าไหร่ แต่ปัจจุบันมีหลายค่ายเลยที่หยิบเรื่องนี้มาโชว์ มือถือปัจจุบันหลายๆ ค่ายใช้ชิปเสียงตัวเดียวกับที่ใช้ใน DAP แพงๆ แล้วนะครับ หลายๆ ท่านอาจจะบอกว่ามันสู้ DAP แท้ๆ ไม่ได้หรอก มันมีสัญญาณกวน มันไม่เสถียร หรืออะไรอีกบลาๆๆๆ แต่หารู้ไม่ว่า DAP สมัยนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้แอนดรอยนะครับ มี Wifi เข้า Play store ได้ ใช้ชิบประมวลผลหลักแบบเดียวกับมือถือนั่นแหละ (แค่ใส่ Sim ไม่ได้แค่นั้น)

สำหรับผมมองว่าทั้งมือถือและเครื่องเล่นกำลังวิ่งเข้าหากัน เพราะการฟังเพลง Streming กำลังเป็นที่นิยม การโหลดมาแล้วเอาไปบันทึกลงเมมเพื่อฟังกำลังกลายเป็นสิ่งล้าสมัยไปแล้ว การต่อ Wifi ได้ ลงโปรแกรมเล่นเพลงที่มีเพลงมากมายให้เลือกได้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในยุคนี้ ฉะนั้นความคิดที่ว่ามือถือฟังเพลงสู้เครื่องเล่นไม่ได้จะค่อยๆ เปลี่ยนไป ผมว่าเราต้องเปิดใจให้กว้าง โลกกำลังเปลี่ยนและเปลี่ยนเร็วมากซะด้วย ต่อไปมือถือไม่ได้แค่จะมีคุณภาพเท่าเครื่องเล่นเพลงแต่ในอนาคตอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่บริษัทผลิตเครื่องฟังเพลงทั้งหลายต้องแก้ให้ได้ ศึกนี้เดิมพันใหญ่หลวงนักใครพลาดม้วนเสื่อกลับบ้านได้เลย 555

ผมได้ลองฟังมือถือหลายๆ ตัวที่ชูเรื่องเสียงในการฟังเพลงเป็นหลัก เสียงที่ได้ค่อนข้างดีทีเดียว เรียกว่ายากจะหาเครื่องเล่นตัวเล็กๆ มาชน จะชนะขาดก็ต้องมองเครื่องเล่นกลุ่มบนๆ ของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น และนอกจากนั้นพวกมือถือกลุ่มบนของบริษัทต่างๆ (ที่ไม่ได้เน้นเรื่องเสียงเป็นหลัก) ก็ให้เสียงในระดับที่โอเคเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ต่อไปมือถืออาจจะมีแอมป์หรือ DAC แยกเป็นของตัวเองออกมาขายเพื่อยกระดับเสียงขึ้นไปอีก ตอนนั้นคำถามเกี่ยวกับมือถือและเครื่องเล่นเพลงคงจะซับซ้อนและตอบยากขึ้นไปอีกเยอะเลย

ณ ตอนนี้ถ้าท่านมีมือถือสักตัว ราคาระดับกลางๆ จนถึงระดับบน ท่านแทบจะไม่ต้องไปสนใจเครื่องเล่นเพลงตัวล่างๆ เลยครับ มือถือพวกนี้ดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าท่านรู้สึกว่าท่านอยากจะจริงจังกับการฟังเพลง ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด เครื่องเล่นระดับท๊อปทุกยี่ห้อรอท่านอยู่เชิญเลือกเสียเงินตามอัธยาศัย 555 (สมัยก่อนต้องบอกว่าเส้นทางสายมาม่ารอท่านอยู่ แต่ไม่รู้สมัยนี้เข้าจะเข้าใจมุกไหมหว่า)

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ

sumat_kee
20/08/2016