สวัสดีเพื่อนๆที่ครอบครอง AK380 + AMP ทุกคนครับ
ที่มา.....
ผมเชื่อว่าทุกคนมีปัญหาหนักใจเรื่องไม่มีเคสมาห่อหุ้มเครื่องสุดรักจากรอยต่างๆ
ซึ่งผมตั้งแต่ได้เครื่อง AK380 + amp มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผมก็หาเคสในเนททันที
ก็พบว่ายังไม่มีใครทำเคสออกมาเลย จะมีก็แต่ Dignis ที่กำลังพัฒนาเคสอยู่
ผมก็ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไร dignis จะประกาศออกเคสสักที จนหลายเดือนผ่านไป
Dignis ก็ประกาศราคาเคสออกมา 210$ ประมาณ 8000 ไม่รวมส่ง ไม่รวมภาษี
ซึ่งเบ็ดเสร็จมาถึงไทยก็น่าจะหมื่นขึ้นแน่ๆ ผมเข้าไปดูแล้วดูอีก สวยจริงๆๆๆ
แต่..................ทำใจสั่งไม่ลงกับราคานี้จริงๆ
ผมจึงคิดแผนใหม่........สั่งในไทยตัดเคสเองดีกว่า..........
หลังจากคิดได้แบบนี้ ผมคุ้ย facbook คุ้ย google เพื่อหาร้านที่รับตัดเครื่องหนัง
ซึ่งผมเจอหลายร้านมาก ผมจึงเริ่มไล่ส่งรูปเครื่อง และไล่ถามแต่ละร้านว่าสามารถเคสใส่เจ้าลูกรักได้หรือไม่
โดยเงื่อนไขสุดโหดของผมคือ.............ผมไม่ทิ้งเครื่องไว้ที่ร้าน ผมหิ้วเครื่องไปให้วัดขนาดได้ แต่ไม่ทิ้งเครื่องเด็ดขาด !!!!!!
ผมถามและเอาเครื่องไปให้ดู 4 ร้าน คำตอบที่ได้คือ ต้องทิ้งเครื่องไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ กับทำไม่ได้
ผมจึงถอดใจ ขี้เกียจหาล่ะ เลยใช้มันแบบเปลือยๆต่อไป
จนเมื่อ 2 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา ผมเห็นน้องคนนึงใน facebook (ขอโทษด้วยที่จำชื่อไม่ได้ครับ) โพสว่าเคส AK320 เค้าหาย
แล้วเค้าไปจ้างคนชื่อกอล์ฟ เจ้าของร้าน Jirawat leather goods ตัดเคสให้โดยที่ไม่ต้องทิ้งเครื่องไว้
ใช่เลย............ ร้านนี้แหละที่เราหาอยู่ (ผมคิดในใจ)
ผมค้นเบอร์และโทรหาคนชื่อกอล์ฟทั้งที ผมย้ำในโทรศัพท์ว่า ไม่ต้องทิ้งเครื่องนะ
น้องกอล์ฟยืนยันกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ทำกับผม ไม่ต้องทิ้งเครื่องครับ”
รุ่งขึ้นผมจึงนัดเข้าไปที่สตูดิโอของน้องเค้าทันที น้องเค้าก็วัด วัด วัด และก็วัด อยู่ร่วมชั่วโมง
สุดท้ายน้องกอล์ฟก็บอกผมว่า ผมคิดว่าผมทำได้แน่ๆครับพี่ แต่ผมอาจต้องเรียกพี่เอาเครื่องมา fit เคสสัก 2 ทีนะครับ
แล้วน้องกอล์ฟก็แจ้งผมว่าน่าจะสัก 2 อาทิตย์ น่าจะได้ fit เครื่อง เค้าขอทำ pattern เคสก่อน ผมยิ้ม และก็โอเค
และผมก็เลือกหนัง ตกลงราคาคร่าวๆว่าจะประมาณ 4200 บาท ซึ่งผมก็รับได้กับราคานี้
2 อาทิตย์ ผ่านไป น้องกอล์ฟเงียบหายไป.........
อาทิตย์ที่ 3 ผมชักร้อนใจว่าน้องเค้าจะทำไม่ได้หรือเปล่า จึง line ไปถามเบาว่า “เป็นไงบ้างครับ”
น้องกอล์ฟก็ตอบเบาๆว่า แกะ pattern อยู่ครับ ขอเวลาอีกนิดครับ งานละเอียดมาก ผมก็โอเค
5 อาทิตย์ผ่านไป.....6 อาทิตย์ผ่านไป...... น้องกอล์ฟก็ยังแกะ pattern ไม่เสร็จ
จนประมาณ 2 เดือน น้องกอล์ฟก็ติดต่อมาจนได้ ว่าเค้าแกะ pattern และทำต้นแบบเสร็จแล้วจะขอ fit เครื่อง
ผมก็ไปตามนัด ซึ่งตัวต้นแบบผมไม่ค่อยถูกใจในหลายๆจุด เลยออกไอเดียและให้น้องเค้าไปปรับในหลายๆจุด
ซึ่งกว่าจะได้เคสตัวสุดท้าย ผมต้องเอาเครื่องไป fit ถึง 5 ครั้ง ซึ่งทำให้ผมเห็นความพยายามและความตั้งใจของน้องเค้ามากๆ
ผมจึงบอกน้องเค้าว่าถ้าเคสเสร็จ ผมจะนำเรื่องนี้มาเขียนเล่าและรีวิวเคสเค้าให้เพื่อนๆในมั่นคงฟัง
จึงเป็นที่มาของที่ผมต้องมาเขียนเล่าตามกระทู้นี้ครับ เพราะไม่อยากให้ความตั้งใจของน้องเค้าจบลงแค่การทำของผมเพียงชิ้นเดียว
มันน่าเสียดายครับ
อ่านตั้งนานยังไม่ได้เข้าเรื่องเลย 55555 มาดูเคสตัว final กันดีกว่าครับ
หนังที่ผมสั่งทำคือหนัง italy vegetable tanned สี burgandy (จริงๆมีสี navy blue , black ,สีน้ำตาลธรรมชาติครับ)
ผมสั่งให้เจาะรูที่ปุ่มกดเปลี่ยนเพลง จะได้กดง่ายๆครับ
ตัว volume ก็เช่นกัน
สอดเครื่องเข้าด้านบน
ด้านล่างเปิดแต่เครื่องไม่ยื่นออกนอกเคสนะครับ
ด้านหลังเจาะรูเพื่อระบายความร้อน
ด้านในเคสบุหนังแบบหนังธรรมชาติ
หลังเคสมีปั้มโลโก้ร้านน้องเค้า
สรุป
จากการใช้งานมาประมาณ 2 วัน ผมพบว่าเคสพอดีเครื่องมาก จับถนัดมือ ใช้ได้ทุกฟังก์ชันของเครื่อง สะดวกสบายมากๆ
หนังของเคสอยู่ในเกณท์ดีมาก งานตัดเย็บด้วยมือเรียบร้อยดี แต่อาจจะเนียบสู้ของ Dignis ที่เป็นอุตสาหกรรมไม่ได้
แต่ด้วยราคาที่ต่างกันเกือบ 3 เท่า ผมว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าครับ
สิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือเรื่องความร้อนครับ ผมเทสโดยการวางเครื่องบนเตียงนอนในห้องแอร์ ผมว่าสอบผ่านครับ
เครื่องระบายความร้อนได้ดีมากครับ อยู่ในระดับที่ผมพอใจครับ
สุดท้าย....ถ้าเพื่อนๆสนใจเคสตัวนี้ติดต่อน้องเค้าเอาเองนะครับ ไม่ต้องติดต่อผมนะครับ ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรกับเค้าครับ
Search…… Jirawatleathergoods ในช่องค้นหาใน Facebook ได้เลยครับ (ถ้าเฮียเห็นว่าไม่เหมาะสม เฮียลบได้เลยนะครับ)
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ
ตั้ม