งานนี้มาดูเรื่องของเสียงบ้าง
เสียงมาตราฐาน blu-ray อยู่ที่
Sampling fq = 192kHz
bit Sampling = 24bit
8 chanel
ถ้าคำนวนแล้วก็จะได้ 192000*24*8 = 36864000 หรือประมาณ 36.86Mbit/sec
ในกรณี LPCM ซึ่งถ้าเป็น DTS HD master หรือ Dolby True HD จะมีการกิน Bandwidth น้อยกว่านี้
ซึ่งสาย HDMI ทุก Version ลองรับ Bandwith ที่ 36.86Mbit/sec พอดี
เพราะฉนั้นถ้าจะเล่นให้เต็มที่ของ Blu-ray คุณต้องมีสาย HDMI Version 1.3 up
ซึ่งต้องมี Banwidth ขั้นต่ำ 9Gbit/sec ซึ่งปัจจุบันมีถึง 12Gbit/sec
จบเรื่องของสาย ไว้จะมาต่อ TV แต่เรื่องของ TV มันเรื่องขี้หมา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7
thattep
14/10/2009 10:14:49
เรื่องขี้หมา ทีวีมันเหม็นเหรอครับ......?
เรื่องขี้หมา ทีวีมันเหม็นเหรอครับ......?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8
Tanan
15/10/2009 08:06:39
0
โดนคุณหมอเล่นงานซะแล้ว
ก็มาถึงส่วนของ TV
โดยทั่วไปแล้ว TV LCD มักจะไม่เร็วพอที่จะรับพวก 24fps ดังนั้นเวลาเล่น blu-ray
คุณอาจจะเห็นภาพกระตุกหรือเสียงอาจจะไม่ตรงกับภาพ (เสียงนำไปก่อนภาพแต่ไม่มาก)
ดังนั้นเวลาเลือกดู LCD สำหรับ Blu-ray แล้วนั้นอาจจะต้องดูถึงพวก Function พิเศษด้วย
เช่น Motion Flow ของ Sony เป็นต้น (ไม่ได้แนะนำน๊ะแต่ไม่รู้ว่ายี่ห้ออื่นเค้าเรียกว่าอะไรกัน) แต่หลังๆก็เห็น LCD ที่รับ 24fps ได้ก็หลายรุ่นแล้วแต่ทางที่ดีต้องลองดูก่อนว่ามันทันจริงป่าว
ต่อมาคือ แล้ว LED หละ ต้องขอบอกก่อนว่า LED TV ณ ปัจจุบันคือการเปลี่ยน
ที่ให้แสงกับ LCD จากหลอด Fluorescent ไปเป็น LED แทน ซึ่งยังไงก็ตามภาพที่เราเห็น
ก็ยังเกิดจากการหักแหของแสงผ่าน LCD อยู่ดี แต่ด้วยความที่ Source ของแสงเป็น LED จะทำให้ Constrast สูงขึ้นและไวขึ้นด้วย
ต่อมาคือเรื่องของ Contrast Ratio
คือค่าความต่างของแสงและหว่าง สว่างสุดๆ กับ มืดสุดๆโดยระบุเป็นอัตราส่วน
แต่ตัวเลขที่เราเห็นๆกันนั้นคือตัวเลขที่เค้าเรียกกันว่า Dynamic Contrast Ratio
หรือประมานว่า จะทำยังไงก็ได้ให้ตัวเลขมันต่างกันที่สุด เรียกได้ว่าถ้าปรับดำสุดๆและ
กลับไปดู TV ปกติอาจจะแถบไม่เห็นอะไรเลย
แต่ค่าที่ใช้จริงคือ Panel หรือ Static Contrast Ratio ซึ่งเป็นประมาณว่า
ไม่ได้ปรับแบบสุดขั้ว ปรับในระดับคนทั่วไปใช้แล้วค่อยวัดเอา เลยจะเป็นค่าที่ได้จริง
จากการดู TV แต่ค่ามันจะต่ำมาก อย่าง Bravia Dynamic 30000:1 Static เหลือ 3000:1 หรือ อาจจะ 1500:1 กันเลยทีเดียว
ก็มาถึงส่วนของ TV
โดยทั่วไปแล้ว TV LCD มักจะไม่เร็วพอที่จะรับพวก 24fps ดังนั้นเวลาเล่น blu-ray
คุณอาจจะเห็นภาพกระตุกหรือเสียงอาจจะไม่ตรงกับภาพ (เสียงนำไปก่อนภาพแต่ไม่มาก)
ดังนั้นเวลาเลือกดู LCD สำหรับ Blu-ray แล้วนั้นอาจจะต้องดูถึงพวก Function พิเศษด้วย
เช่น Motion Flow ของ Sony เป็นต้น (ไม่ได้แนะนำน๊ะแต่ไม่รู้ว่ายี่ห้ออื่นเค้าเรียกว่าอะไรกัน) แต่หลังๆก็เห็น LCD ที่รับ 24fps ได้ก็หลายรุ่นแล้วแต่ทางที่ดีต้องลองดูก่อนว่ามันทันจริงป่าว
ต่อมาคือ แล้ว LED หละ ต้องขอบอกก่อนว่า LED TV ณ ปัจจุบันคือการเปลี่ยน
ที่ให้แสงกับ LCD จากหลอด Fluorescent ไปเป็น LED แทน ซึ่งยังไงก็ตามภาพที่เราเห็น
ก็ยังเกิดจากการหักแหของแสงผ่าน LCD อยู่ดี แต่ด้วยความที่ Source ของแสงเป็น LED จะทำให้ Constrast สูงขึ้นและไวขึ้นด้วย
ต่อมาคือเรื่องของ Contrast Ratio
คือค่าความต่างของแสงและหว่าง สว่างสุดๆ กับ มืดสุดๆโดยระบุเป็นอัตราส่วน
แต่ตัวเลขที่เราเห็นๆกันนั้นคือตัวเลขที่เค้าเรียกกันว่า Dynamic Contrast Ratio
หรือประมานว่า จะทำยังไงก็ได้ให้ตัวเลขมันต่างกันที่สุด เรียกได้ว่าถ้าปรับดำสุดๆและ
กลับไปดู TV ปกติอาจจะแถบไม่เห็นอะไรเลย
แต่ค่าที่ใช้จริงคือ Panel หรือ Static Contrast Ratio ซึ่งเป็นประมาณว่า
ไม่ได้ปรับแบบสุดขั้ว ปรับในระดับคนทั่วไปใช้แล้วค่อยวัดเอา เลยจะเป็นค่าที่ได้จริง
จากการดู TV แต่ค่ามันจะต่ำมาก อย่าง Bravia Dynamic 30000:1 Static เหลือ 3000:1 หรือ อาจจะ 1500:1 กันเลยทีเดียว
PS3 ส่งได้ 1080 24p แน่ๆครับ ดีไม่ดีเกินด้วยใน game บาง game
ส่วน TV ถ้าซื้อในรุ่นปี 2009 เป็นต้นมาผมว่าได้หมดหละ
(ย้ำรุ่นปี2009 น๊ะไม่ใช่ซื้อรุ่น2008 ในปี 2009)
แต่เท่าที่ผมดูอย่างของ LG ใน web เค้าก็เขียนไว้น๊ะ Sony ก็เขียน
แต่เท่าที่เห็นผมว่ามันได้หมดแล้วหละครับ คุณดอนผีบิน ไม่ต้องกังวล
PS3 ส่งได้ 1080 24p แน่ๆครับ ดีไม่ดีเกินด้วยใน game บาง game
ส่วน TV ถ้าซื้อในรุ่นปี 2009 เป็นต้นมาผมว่าได้หมดหละ
(ย้ำรุ่นปี2009 น๊ะไม่ใช่ซื้อรุ่น2008 ในปี 2009)
แต่เท่าที่ผมดูอย่างของ LG ใน web เค้าก็เขียนไว้น๊ะ Sony ก็เขียน
แต่เท่าที่เห็นผมว่ามันได้หมดแล้วหละครับ คุณดอนผีบิน ไม่ต้องกังวล