Astell & Kern AK300 นี้ ทางเฮียมั่นคงก็ได้รีวิวสุดยอด ๆ ให้อ่านกันแล้ว
อย่างโดนกันไปหลาย ๆ ท่าน
ซึ่งผมก็ขอมาเล่าให้อ่านอีกครั้ง เพื่อความบันเทิงในแบบฉบับของผมบ้าง
มันก็แปลกนะครับว่า ผมแทบจะพูดถึง รุ่นเล็กสุดของซีรียส์ที่ออกมาตลอดเลยครับ
เช่น AK100, AK100ii และมาถึงครั้งนี้กับ AK300 นี้
อันนี้ AK100
http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=95174
อันนี้ AK100II
http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=165490
ต้องพูดถึงเลยว่าทำไมผมถึงได้มากับ AK300:
- เกิดจากการบ่นแบบแอบน้อยใจของผมครับ ไปบ่น ๆ กับ ผบ. ของผมว่า
เขามีมีทติ้ง AK กัน ไอ้เราก็คนเล่าให้อ่าน ทั้ง AK และ iRiver มาหลายรุ่น
(หาอ่านได้ในบอร์ดนะครับ) แต่ดันไม่มี AK ไปร่วมงานกับเขา
(คือ ขายกินหมดครับ จะไปว่าใครได้ละนะ) บ่น ๆ ไปแค่นี้ละครับ หงอย ๆ
- และในที่สุด วันที่ 9 ก.ค.59 ผบ.ผมก็จัดมาให้ครับแบบ เซอร์ไพรส์!!!!
- นึกว่าจะได้ AK380 มานะ (-_-" เอาน่า AK300 ก็โอเค คงสืบราคาแล้วละว่า แต่ละตัวราคาก้าวกระโดดเหลือเกิน 300 ไป 320
ไป 380 กล่าวได้ว่า ผมได้ AK300 มาก็บุญแล้วละครับ
- และช่วงนี้การเงินผมไม่ลงตัวนัก (มีเรื่องเศร้า) ดังนั้น เลยยั้ง ๆ
การจัดเครื่องเล่นต่าง ๆ น่ะครับ แต่ได้มาแบบนี้ก็ดีใจนะครับ เย้ๆ ๆ
---------------------------
เอาละเข้าเรื่อง
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Astell & Kern นั้น ออกรุ่นเทพ ๆ คือ AK380 copper
ซึ่งมีราคาสูงมาก ถัดลงมาก็ AK380 original ก็ราคาสูงอยู่ ถัดลงมาอีกก็ AK320
เป็นรุ่นรอง spec จาก AK380 ลงมา ซึ่ง AK320 กลายเป็นซีรียส์ AK3xx ที่ราคาถูกกว่า AK380
อยู่หลายเดือน ซึ่งใครจะเล่นซีรียส์ AK3xx นั้น ก็ลังเล ๆ จะซื้อดีหรือไม่ซื้อดีหนอ
ก็เพราะเรื่องราคาที่ไม่กล้าที่จะเอื้อมไปซื้อนั่นเอง (ผมเข้าใจนะอารมณ์แบบนั้น)
จนมาไม่นานนี้ น่าจะเดือนที่แล้วมั้ง ทาง Astell & Kern ก็เซอร์ไพรส์ตูม
ออก AK300 เป็นรุ่นรองลด spec ของ AK320 ออกมา และทำราคาแบบให้คนได้คิดว่า เอ้อ น่าซื้อเหมือนกันเฮ้ย
ซึ่งทำราคาเฉียด ๆ AK100ii แบบว่าชอบแบบไหนไปเลือกเอาเองนะจ๊ะลูกค้า
และพอนำ AK300 มาเปรียบเทียบกับ AK320 ก็จะเห็นได้ว่า
Spec ใช้อุปกรณ์ชนิดเดียวกัน แต่ spec รองจาก AK320 ครึ่งนึงนั่นเอง
คือใช้ Chip DAC AK4490 ตัวเดียว
และมี Memory ในเครื่องมาที่ 64GB
ในความเห็นส่วนตัว ผมชอบเสียงจาก Chip DAC AK4490 นะครับ
คือผมเคยมี AK100ii นั้นใช้ชิพ CS4398 ซึ่งผมว่ามันดีนะครับ
แต่พอมาฟังเสียงจากชิพ AK4490 มันจะไม่เหมือนกันนะ อีกแนวนึง
คือ CS4398 มันฟังเพลงได้แบบ Overall ไปเรื่อย ๆ ชิว ๆ ได้ดี ไม่เบื่อ
ส่วน AK4490 ผมว่ามันมี soundstage ที่ดี มีไดนามิคที่ดี มันอีกฟิลนึงเลย
คือผมกลับรู้สึกติดใจเสียงลักษณะนี้มากกว่านั่นเอง (เขียนยากเนอะเรื่องบรรยายเสียงเนี่ย)
เอาละมาแกะกล่องดีกว่า
กล่องก็หน้าตาเหมือนๆ กับ AK ในรุ่นอื่น ๆ ครับ สีดำเข้ม ดำด้าน ๆ
หลังกล่องก็จะมีบอก spec ไว้ด้วยครับ
วางจำหน่ายปี 2016 Made in Korea และ Designed by iRiver
ผมชอบ และใช้ยี่ห้อ iRiver มานานมาก ๆ เลย
เอาละแกะเลยดีกว่า
แท่นแท้น
ที่หน้าจอก็จะแปะพลาสติกมานะครับ ดำ ๆ นั่นละ ลอกออกก็เจอจอเลย
ซึ่งผมแนะนำว่า ลอกออกปุ๊บควรแปะกันรอยในทันทีครับ
เพราะเขาไม่ได้แปะมาให้นะจ๊ะ
ก็จะมีอุปกรณ์แถมมาดังนี้
แผ่นกันรอยด้านหน้า 2 แผ่น ด้านหลัง 2 แผ่น (แปะกันเอง)
คู่มือการใช้งาน 2 เล่มบาง ๆ
สาย USB to Micro USD หนึ่งเส้น
และที่ชอบมาก ๆ คือ เคสหนังครับ สวยดีนะ
เอาละหยิบมาดูก่อนใส่เคสดีกว่า (ผมแปะกันรอยเลยล่ะ)
ตัวเครื่องทำจากวัสดุ อลูมิเนียม พ่นดำ สวยงามดูแพง และมีน้ำหนัก
ด้านหลังก็จะเป็นลาย ๆ ด้วยนะ ถ้าส่องกับแสงไฟ
ต้องแปะกันรอยด้านหลังด้วยนะครับ
ส่วนมุมบนขวามือตุ่ม ๆ หมุน ๆ นั่น ก็เอาไว้ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์เสริมเช่น AMP
และทางด้านขวามือ (เวลาใช้) แต่ซ้ายมือในภาพ ก็คือปุ่มปรับ Volume นั่นเอง
ครับ งานมันเนี้ยบดูสวยงามเช่นเคย แต่ AK380 สวยกว่านะ นั่นยังหลอนไม่เลิก
มาดูทางสันเครื่องทั้งสองฝั่งกันบ้าง
ซ้ายมือก็จะมีช่องใส่ mem หนึ่งช่อง ก็เชิญจัดเต็มได้เลย
ขวามือก็จะมีปุ่มให้เรากด Play FF RW ประมาณเนี้ย ใช้งานง่ายครับ
มาดูสันเครื่อง บน ล่าง กันบ้าง
ด้านบนก็มีช่องใส่หูฟัง 3.5" ปกติ และช่องหูฟังแบบ บาล๊านซ์ 2.5"
และก็ปุ่ม Power เปิดปิดเครื่องครับ การวางปุ่ม ก็จะเหมือนกับ AK ทุกรุ่นครับ
และขอเตือนว่า อย่าไปลองฟังช่อง 2.5 นะครับ ถ้าเงินยังไม่พร้อมซื้อสาย ฮ่าๆๆ
คือตอนผมลองที่ร้าน ผมคิดว่า 2.5" นั้น มันจะแสดงศักยภาพได้เหรอ
แบบว่าใช้ชิพแค่ Single DAC มันจะไหวเหรอ ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ นะ
แต่ก็ลองหน่อยละกัน ผมเอาหูโอลิเวติไปฟัง ก็ลองด้วยสายบาล๊านซ์ของโอลิเวตินั่นละ
ที่ออกมาใหม่เลยฟังปุ๊บ เออ มันต่างจริง ๆ แฮะ ปลายเสียงดีขึ้นเยอะเลย มันฟังสบายขึ้น
หมายถึงเสียงที่ออกมามันมีมิติขึ้นนะครับ ก็เลยรีบถอดแล้วไม่ลองละ (-_-"
แบบว่ารอไปก่อนนะ สาย 2.5" ไว้จะมาจัดแน่ ๆ
ต่อ ๆๆ
ด้านล่างก็มีช่องเสียบสาย Micro USB เอาไว้ชาร์จ
และจะมี แถบ จุด ๆๆ นั่น ก็เอาไว้ใช้ในการต่ออุปกรณ์เสริมเช่น Amp นั่นเอง
เอาละ มาดูซองหนัง เคสหนัง (แล้วแต่จะเรียก) กันบ้างครับ
สีของเคสหนังนี้ ไม่ใช่สีดำนะครับ มันจะออก น้ำเงินเข้มมากๆ จนบางมุมคิดว่าดำ
จับใส่ซองหนังเลย ก็เนี๊ยบครับ เหมาะเจาะ Perfect