bangkokbiznews.com/news/detail/665743

ผ่านมามีเหตุเกิดขึ้นแล้ว 3 ราย

นายทรรศชล พุทธรัตนา พลังงานจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีบริษัทผู้ค้าน้ำมันออกมาประกาศเตือนประชาชน ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างเติมน้ำมัน เนื่องจากโทรศัพท์มือถือที่สว่างขึ้นเมื่อมีสายเข้า จะปล่อยพลังงานที่สูงกว่าปกติหลายเท่า อาจทำให้เกิดไฟลุกขึ้นมาได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น พลังงานจังหวัดเพชรบุรี จึงขอประกาศเตือนประชาชนผู้ใช้รถทุกคน งดการใช้โทรศัพท์มือถือ ระหว่างเติมน้ำมันเพราะคลื่นจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เป็นลักษณะคลื่นไมโครเวฟ สามารถทำปฏิกิริยากับไอน้ำมันและเกิดประกายไฟได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทุกครั้งขณะที่เข้าไปอยู่ในปั้มน้ำมัน ห้ามโทรหรือรับสายโดยเด็ดขาด

“ที่ผ่านมาได้มีผู้ประสบเหตุถึง 3 ราย คือ วางโทรศัพท์ไว้บนฝากระโปรงหลังของรถยนต์ระหว่างเติมน้ำมันก็มีผู้โทรเข้ามา ทำให้เครื่องโทรศัพท์ดังขึ้นและเกิดไฟลุกไหม้ตามมา รายที่ 2 ขณะที่เติมน้ำมันรถ เจ้าของรถรับสายโทรศัพท์ที่เข้ามา ทำให้ไอน้ำมันติดไฟลุกพรึ๊บขึ้นมา เผาไหม้ใบหน้าของตนเองบาดเจ็บสาหัส รายที่ 3 มีคนถูกไฟไหม้ที่ต้นขาและขาหนีบ เนื่องจากขณะที่เขาเติมน้ำมันรถของเขาโทรศัพท์ ซึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงเกิดดังขึ้น และทำให้ไอน้ำมันติดไฟลุกขึ้นมานอกจาก 3 กรณีดังกล่าวแล้ว บางคนยังใช้ไฟแสงสว่างจากโทรศัพท์ส่องดูเชื้อเพลิงในถังน้ำมัน หากมีผู้ที่โทรเข้ามาในเวลานั้น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ได้ “ พลังงานจังหวัดเพชรบุรี กล่าว

งั้นแสดงว่าถ้าคลื่นสัญญาณบลูทูธเป็นชนิดเดียวกะบคลื่นสัญญาณโทรศัพท์นี่เกิดประกายไฟลุกไหม้แน่นอน

ตามมาตรฐานแล้ว Wifi กับ Bluetooth ความแรงสัญญาณจะถูกจำกัดไว้ที่ 100 มิลลิวัตต์
หรือเท่ากับ 0.1 วัตต์ ส่วนสัญญาณโทรศัพท์อยู่ที่ 2 วัตต์ ซึ่งแรงก่า 2 ชนิดก่อนหน้า 20 เท่า
ผมว่า Wifi กับ Bluetooth ไม่ค่อยหน้าห่วงเท่าไหร่ แต่สัญญาณโทรศัพท์เนี้ย ^^"

ผมว่าไม่น่าจะเกิดนะครับ ตามการทดลองนี้
https://www.youtube.com/watch?v=VjrkwxMhc4s
หลักๆมาจากไฟฟ้าสถิตมากกว่า

บลูทูธปลอดภัยแน่ๆครับ แต่ถ้าดวงซวยเพราะดันมีคนโทรเข้ามาพอดีก็ตัวใครตัวมันครับ