สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในบอร์ดเวปมั่นคงแห่งนี้ วันนี้เป็นวันหยุดชิวๆของผมที่ได้มีเวลานั่งฟังเพลงสบายๆ คิดจะเขียนบทความนี้มาเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันเล่นๆ พร้อมมีคำถามนิดหน่อยที่อยากจะขอถามพี่ๆเพื่อนในบอร์ดนี้ในตอนท้าย นี่เป็นบทความแรกในชีวิตที่คิดอยากจะเขียน ยังไงก็ชอฝากตัวด้วยนะครับถ้าศัพย์แสงอะไรอาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่
เมื่อวันที่ 15 เมษา ที่ผ่านมา ผมได้ตัดสินใจซื้อ turntable เครื่องแรกในชีวิตมาลองเล่นดู เพราะเห็นและสนใจมานานนับปีแล้ว ผมตัดสินใจซื้อ turntable ยี่ห้อ Pro-Ject รุ่น Debut Carbon Esprit SB DC เพราะเคยอ่านบทความว่าเครื่อง turntable ที่เสียงดีมากในงบสองหมื่นกว่าบาทก็คือเจ้า Debut Carbon นี่หละ อีกทั้งหน้าตาสีสันยังสวยงาม มีให้เลือกมากมายไม่เหมือนใคร ก้านทำด้วย carbon fiber น้ำหนักเบาลดการสั่นสะเทือนและเสียงสะท้อนในการนำเสียง และถาดวางแผ่นยังเป็น acrylic อีกซะด้วย บลาๆๆ หลังจากจับจ้องมานานก็ตกลงปลงใจกับเจ้าตัวนี้ซักทีครับ มี speed box ในตัวปรับความเร็วการหมุนแผ่นได้เพียงแค่กดปุ่ม อันที่จริงผมไม่รู้หรอกครับว่าทำไมแผ่นเสียงมันมีหลายความเร็ว ตอนแรกคิดว่าคงดูที่ขนาดความใหญ่เล็กของแผ่น แต่ซื้อมาแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดซะทีเดียว
ผมง่วนอยู่กับการประกอบเครื่องอยู่สองชั่วโมง คล้องสายพานยังไง ถ่วงน้ำหนักก้านยังไง ใส่ anti-skateยังไง โอ้ สนุกตื่นเต้นมาก เพราะชิ้นส่วนต่างๆมีชื่อเรียกว่าอะไร ทำอะไรยังไงต้องดูคู่มือและยูทูปประกอบไปด้วยเพราะกลัวทำผิดเดี๋ยวพัง...
ผมซื้อแผ่นไวนิ่ลมาประเดิมสองแผ่น คือ Ed Sheeran X และ Diana Krall แล้วก็มาถึงเวลาเริ่มฟังและทดสอบด้วยหูตัวเองกันละครับ ว่าฟังเพลงจากแผ่นไวนิ่ลมันต่างกับไฟล์ดิจิตอลยังไง? ผมโดยผมต่อ turntable เข้า Phono Box ของ Pro-Ject ที่จำเป็นต้องซื้อแยกต่างหากและพ่วงเข้ากับแอมป์ผ่านช่อง RCA ของ Woo WA7 ที่เป็นชุดตั้งโต๊ะของผมและฟังด้วยหูฟังตัวเก่ง LCD-XC ส่วนเพลงดิจิตอลก็ต่อคอมเข้า WA7 ผ่านช่อง USB และทำการเปรียบเทียบเสียงโดยการเล่นแผ่นพร้อมกับเปิดเพลงเดียวกันจากคอมพิวเตอร์ไปด้วยโดยใช้โปรแกรม jRiver และฟังสลับกันไปมาโดยการเลื่อนสวิช input หลังเครื่อง WA7 จาก USBเป็น RCA>USB>RCA... โดยไม่ต้องเอาหูฟังออกจากหัวเลย
เมื่อเทียบกันแล้ว เสียงที่สัมผัสได้จากแผ่นไวนิ่ล คือเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติมากเสมือนไปนั่งฟังนักดนตรีเล่นสดจากข้างหน้า เมื่อเทียบกับ FLAC ที่เคยฟังทุกวันผ่าน jRiver เสียงร้องของ Diana Krall ถูกแยกออกมาจากเสียงดนตรีอย่างชัดเจน หางเสียงลอยหายไปในอากาศ ต่างกับเสียงจาก DAC ของ WA7 ที่คล้ายกับว่าหางเสียงร้องและเสียงดนตรีมันโดนดูดด้วนหายไป เสียงเปียโนจากแผ่นไวนิ่ลมีความพริ้วและกังวาลเสมือนถูกเล่นออกมาจากแกรนเปียโนที่เปิดฝาเล่น เมื่อเทียบกับเสียงจาก DAC ที่เล่นเพลงท่อนเดียวกันเสียงเปียโนกลับเหมือนถูกปิดฝาไว้ เสียงดนตรีทุกชิ้นกลมกล่อมมากครับ ดีเทลต่างๆจะต่างกับไฟล์เพลง ตรงรายระเอียดของหางเสียงและความใสโดยรวมแล้วจะเสมือนฟังของจริงมากกว่า
เป็นครั้งแรกครับที่ผมมีความรู้สึกว่าเสียงเพลงมันหลุดลอยออกไปนอกหูฟังราวกลับว่าได้ไปนั่งฟังของจริงเลยทีเดียว โดยก่อนหน้าจะซื้อไวนิ่ลมาลองก็คิดว่าชุดตั้งโต๊ะของเราก็ไม่ขี้เหล่แล้ว เสียงจาก lossless ชัดเจนแจ่มแจ้งทุกอณู พื้นหลังเงียบสนิทตามสไตล์ WA7 แต่เมื่อได้ลองเทียบกันเองจะๆแบบนี้ เสียงจาก lossless กลับเหมือนว่ากลายเป็นกระจุกไปในทันที คือเหมือนกับว่าดนตรีทุกชิ้นมารวมอยู่ข้างหู ซื่งต่างอารมณ์กับไวนิ่ลชัดเจน
ผมคิดว่าอาจจะคิดไปเองก็ได้ด้วยความลำเอียง จึงได้ลองให้แฟนผมซื่งไม่ชอบหูฟังมาลองฟังดูบ้างโดยไม่ได้บอกอะไรเค้า แล้วผมเอื้อมมือไปสลับสวิช input ไปมาด้านหลังจาก RCA ไป USB เมื่อผมถามแฟนผมว่าฟังต่างกันมั้ย เค้าก็ตอบว่า "อันนี้เหมือนกับเราไปนั่งฟังในคลับ ส่วนอันนี้เหมือนฟังจากซีดี" ^^
สรุปว่าผมก็อยากมาเล่าถึงประสบการณ์การเริ่มฟังแผ่นเสียงว่ามันประทับใจและเพิ่งเข้าใจด้วยตัวเองคราวนี้ว่าไวนิ่ลมันเป็นยังไงครับ ถ้าใครอยากลองเล่นไวนิ่ลผมขอเชียร์เต็มที่ครับ ข้อเสียก็มีอยู่ตรงที่พื้นหลังมันจะไม่เงียบเหมือนไฟล์เพลง แต่เมื่อเพลงเริ่มเล่นแล้วผมพบว่ามันฟังดูเสมือนจริงกว่าไฟล์เพลงพอสมควรเลยครับ (นี่ขนาดเครื่องturntableระดับสองหมื่นกว่าบาทนะครับ ไม่อยากจะคิดเลยว่าพวกเครื่องละหลายแสนจะให้เสียงเป็นยังไง?)
สุดท้ายผมมีคำถามนิดหน่อยตามประสาคนเริ่มเล่นไวนิ่ลครับว่า ถ้าจะอัพเกรดหัวอ่าน ควรเลือกยังไงดีครับ แล้ว MC เสียงจะดีกว่า MM หรือปล่าว แล้วมันจะพอมีทางช่วยเรื่องเสียงแบรกกราวให้เงียบขึ้นได้อย่างไรบ้างครับ เท่านี้หละครับผม ^^