จริงครับ หูฟัง Planar มันไม่ใช่สุดยอดเทคโนโลยีนวัตกรรมจากโลกอนาคตที่ perfect ซึ่งจะมาแทนไดนามิกไดรเวอร์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ และที่น่ากลัวที่สุดคือ Audeze EL-8 ที่พยายามโปรโมทตัวเองว่าเป็นหูฟังพกพาขับง่าย ต่อตรงกับไอโฟนก็ได้ แต่ในความเป็นจริงถ้าไม่ได้แอมป์โหดๆก็เอาไม่อยู่เหมือนกันครับ ส่วน Hifiman Edition X ที่เฮียมั่นกับคุณเบียสยืนยันว่าขับง่ายสุดๆ นั้นผมยังไม่ได้ลอง

อาจจะง่ายกรณีที่ไม่กะให้ขับหมดกระมังครับ คุณนนท์
คือปกติถ้าภาคขยายไม่พร้อม มันน่าจะถึงขั้นแย่เลยทีเดียว แต่พอมีบางรุ่นที่แม้ชุด(เน้นตรงภาคขยาย)ไม่พร้อม หรือต่อตรง แต่ก็ให้เสียงได้ดีพอสมควร เรียกว่าฟังเพลงเพราะได้ ไม่ใช่ฟ้องความไม่พร้อมของระบบ
เคยลองนานหน่อยตัวเดียวที่ว่าขับไม่ยากคือ LCD Xครับ กับชุดสุดกระจอกของผมนั่นก็ให้เสียงได้น่าประทับใจมากแล้ว...ในแง่ที่ว่าขับไม่ยาก ก็จริง แต่ถ้าจะให้สุด แทนที่มันจะเป็นประตูสู่สวรรค์ กลายเป็นว่า อาจต้องผ่านด่านนรกมหาโหด เพราะเอาแค่สาย จะให้เหมาะก็ดูเหมือนจะร่วมสี่หมื่นเข้าไปแล้ว ชุดที่จะใช้(ให้สุด)ยังไม่นับ

หูฟัง Planar ที่ขับง่ายแบบเว่อๆก็มีนะครับ Oppo PM-3 ไงครับ

ใช้ EL8 อยู่แค่ dzero mkii ก็ได้เสียงที่พอใจละ ไม่ต้องถึงกับโหดอะไร แค่ได้แอมป์ดีๆมันก็ดีตามเท่านั้น แต่ต่อตรงไม่ไหวแน่ๆ

ที่พี่นนท์โพสแบบนี้คือต้องการจะทักท้วง รีวิว ใด รีวิว หนึ่งรึป่าวครับ ถ้าใช่ไม่ลองไปทักตรงๆละครับ ทำแบบนี้มันจะเป็นการหักหน้ากันรึป่าวครับ

หรือถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยด้วยครับ

Windows X เขาเป็น King of Drama อยู่แล้วครับ ชอบมาตั้งกระทู้แนวนี้อยู่บ่อยๆ

ผมก็ยังไม่เคยฟัง HE 6 กับแอมป์ที่ขับมันได้ดีเหมือนกันครับ

ปล. เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็สามารถรีวิวได้นะครับ แค่ว่าเลือกจะเชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น

เพราะโดยส่วนใหญ่การรีวิว องค์ประกอบมักอลังการ เพื่อลด effect ของอุปกรณ์นั้นๆ

หูฟังระดับนี้ แอมป์ dac สายไฟ สายสัญญาณ ต้องถึงครับ

ขนาดระบบผมใช้อยู่ แม้ไม่สูง แต่อย่างน้อย ก็ไม่ถูกกว่าหูฟังแน่ๆ

ถ้ามีตังค์ก็ยังอยากอัพเกรดเพิ่มเลย

จากประสบการณ์ตรง หูฟัง HifiMan รุ่นเก่าๆขับยากครับ
ส่วนหูของ Audeze ก็ง่ายกว่า แต่ไม่ใช่ว่าต่อตรงแบบ ATH Denon Grado ได้
แต่เหมือนคุณเหน่งบาพูดเกี่ยวกับ LCDX มันต่อตรงจาก HM901-balance card ได้ครับ ขับออกมาเป็นที่น่าพอใจเลย (ตอนลอง LCDX ก็ลองจาก HM901 balance นี่แหล่ะเข้ากันดีใส่ไรไปก็เพราะ) แต่แอมป์กำลังน้อยอย่างที่เคยมีอยู่แป๊บนึงคือ ฐาน+home ขับไม่ไหวครับ เบสไม่มา เปิดโวลุ่มดังๆเสียงพร่า และที่เคยฟัง อย่างแอมป์ที่ว่าขับ HD800 แล้ว match อย่าง Minute Interstage ก็ขับ LCDX ไม่ดีมาก บิด volumn เกือบสุด (ปกติผมฟังเสียงค่อนข้างดัง) เสียงไม่แตกอะไร แต่ฟังด้วยแอมป์ที่กำลังดีกว่า มันได้ impact ได้อะไรมากกว่า
ส่วนคนที่ว่ามันต่อตรงได้ อันนี้ถ้ามองเป็นกลางๆ เค้าอาจจะเป็นคนฟังแบบ low volumn ได้ ก็เลยบอกว่า มันขับออก
สรุป เอาเป็นว่า ถ้าจะใช้หูพวกนี้อย่างมีประสิทธิภาพหน่อยก็หาแอมป์ให้มันนิด ก็น่าจะดีกว่าต่อตรง

หูฟังของ Head-Direct ไม่ได้ลง spec เรื่องกำลังขับคงหาข้อมูล confirm ยาก ผมจะให้ดู specs ของหูต่างๆในตลาดดูนะครับ

LCD-2: https://www.audeze.com/products/lcd-collection/lcd2

Style Open circumaural
Transducer type Planar magnetic
Magnetic structure Proprietary push-pull design
Magnet type Neodymium
Transducer size 106 mm
Maximum power handling 15W (for 200ms)
Sound pressure level >130dB with 15W
Frequency response 5Hz – 20kHz extended out to 50kHz
Total harmonic distortion <1% through entire frequency range
Impedance 70 ohms
Efficiency 101dB / 1mW
Optimal power requirement 1 – 4W

หูตัวนี้จะให้ฟังดีต้องใช้ amp ที่จ่ายกำลังได้ 1-4W เลยทีเดียว amp หูฟังส่วนมากจ่ายได้ไม่ถึง 1W เลยขับยาก

LCD-3: https://www.audeze.com/products/lcd-collection/lcd-3
Style Open circumaural
Transducer type Planar magnetic
Magnetic structure Proprietary push-pull design
Magnet type Neodymium
Transducer size 106 mm
Maximum power handling 15W (for 200ms)
Sound pressure level >130dB with 15W
Frequency response 5Hz – 20kHz extended out to 50kHz
Total harmonic distortion <1% through entire frequency range
Impedance 110 ohms
Efficiency 102dB / 1mW
Optimal power requirement 1 – 4W

รุ่น 3 จะมี impedance เพิ่มขึ้นมาแต่ความไวก็เพิ่มขึ้นทำให้ดูไม่ต่างจากเดิมมากนัก

LCD-4: https://www.audeze.com/products/lcd-collection/lcd-4
Style Open circumaural
Transducer type Planar magnetic
Magnetic arrays Double Fluxor magnets
Magnet type Neodymium
Transducer size 106 mm
Maximum power handling 15W (for 200ms)
Sound pressure level >130dB with 15W
Frequency response 5Hz – 20kHz extended out to 50kHz
Total harmonic distortion <1% through entire frequency range
Impedance 200 ohms
Efficiency 97dB / 1mW
Optimal power requirement 1 – 4W

อันนี้ impedance เพิ่มขึ้นไปอีก แต่ความไวกลับลดลง น่าจะขับยากกว่า LCD-2 ถ้าใช้ ampทั่วไปที่ไม่ได้ให้กำลังขับมากตามที่แนะนำ

LCD-X: https://www.audeze.com/products/lcd-collection/lcd-x

Style Open circumaural
Transducer type Planar magnetic
Magnetic structure Proprietary push-pull design
Magnet type Neodymium
Transducer size 106 mm
Maximum power handling 15W (for 200ms)
Sound pressure level >130dB with 15W
Frequency response 5Hz – 20kHz extended out to 50kHz
Total harmonic distortion <1% through entire frequency range
Impedance 20 ohms
Efficiency 103dB / 1mW
Optimal power requirement 1 – 4W

เป็นรุ่น Ohm ต่ำที่สามารถเร่งให้เสียงดังฟังง่ายขึ้น แต่ก็ยังแนะนำให้ต่อกับ amp 1-4W เหมือนเดิม สำหรับ amp ที่ไม่ถึงก็สามารถฟังพอได้อรรถรสมากกว่ารุ่นก่อนๆที่ขับไม่ออกเลยครับ

LCD EL-8: https://www.audeze.com/products/el-8-collection/el-8-open-back
Style Open circumaural
Transducer type Planar magnetic
Magnetic structure Fluxor magnets
Magnet type Neodymium
Driver Size 100 mm
Maximum power handling 15W (for 200ms)
Maximum SPL >130dB
Frequency response 10Hz – 50kHz
Total harmonic distortion <0.1% (1kHz, 1mW)
Impedance 30 ohms
Efficiency 102dB / 1mW
Optimal power requirement 200mW – 4W
Weight 460g

เป็นรุ่นปรับปรุงสำหรับพกพา ใช้ driver ขนาดเล็กลงและโครงสร้างแม่เหล็กเปลี่ยนจาก push-pull มาเป็น Fluxor รายละเอียดเรื่อง magnetic flux ขอข้ามละกัน เดี๋ยวยาก สรุปว่าด้วย technology นี้พอต่อ amp หูฟังทั่วไปได้ดีขึ้นมาดครับ พวก 200-500mW เริ่มพอขับได้ละ

LCD SINE: https://www.audeze.com/products/sine-series/sine-ear-headphone

Style On-ear, closed-back
Transducer type Planar magnetic
Magnetic arrays Single-sided Fluxor
Magnet type Neodymium
Diaphragm type Uniforce
Transducer size 80 x 70mm
Max power handling 6W
Sound pressure level >120dB
Frequency response 10Hz – 50kHz
THD <1% full spectrum @ 100dB
Impedance 20 ohms
Optimal power requirement 500mW – 1W
Weight 230g

จาก EL-8 ก็ลด spec มาเหลือ Fluxor ข้างเดียวแทนที่จะใช้ทั้งสองข้าง power handling จาก 15W ลดเหลือ 6W แต่ช่วง range ของกำลังขับที่แนะนำก็ลดลงมาทั้งต้นและปลายเยอะพอสมควร จาก 200-4000mW มาเหลือที่ 500-1000mW เพราะ single sided ทำให้ต้องการกระแสดันชดเชยคงที่กว่าเดิม แต่จากโครงสร้าง driver ที่เล็กลงและใช้กระแสน้อยลงก็ยังขับง่ายกว่า EL-8 ครับ

Oppo PM-3: https://www.oppodigital.com/headphones-pm-3/headphones-PM-3-Features.aspx
Acoustic Principle Closed back
Ear Coupling Circumaural
Nominal Impedance 26 Ohm
Sensitivity 102 dB in 1 mW
Clamping Pressure 5 N
Cables 3 m detachable cable (3.5 mm with 6.35 mm adapter)
1.2 m detachable cable (3.5 mm)
Cable Connectors Output: 3.5 mm stereo jack
Input: 6.35 mm stereo jack, 3.5 mm stereo jack
Weight (without cable) 320 g (Black/White), 310 g (Cherry Red/Steel Blue)
Included Accessories Carrying Case
User Manual
Driver Specifications
Driver Type Planar Magnetic
Driver Size (Round) 55 mm diameter
Magnet System Symmetric push-pull neodymium
Frequency Response
In Free-Field 10 - 50,000 Hz
Long-Term
Max Input Power 500 mW according to IEC 60268-7
Pulse Max Input Power 2 W

อันนี้เป็น Planar สำหรับพกพาได้จริงๆ peak ที่ 2W และรับโหลดได้ที่ 500mW เหมือนหูฟังส่วนใหญ่ แต่ driver เล็กกว่า LCD เยอะ แค่ 55mm เอง

ใครจะต่อตรงหรือต่อ amp อะไรแล้วพอใจก็ไม่ผิดอะไรครับ ผมแค่เอาข้อมูลมาให้ดูเฉยๆ

คห.9 ข้อมูลแน่นจริงครับ นับถือๆ สำหรับช่วงเวลานี้ใครอยากเล่นหู Planar แล้วไม่อยากปวดหัวกับการเลือกแอมป์ที่แมทชิ่งกัน ต้องอันนี้เลยครับ Audeze EL-8 Titanium มี DAC/Amp ในตัว รองรับ iPhone 7 ในอนาคต แค่เสียบสาย Lightning เข้ากับ iPhone ก็จบแล้ว

ข้อมูลแจ๋วมากครับ
คนเล่นทางนี้ ตัวที่ขับยาก ผมว่าเตรียมใจ(และเตรียมสตางค์)กันแล้วแทบทุกคน แต่ตัวที่ขับง่าย(ในเบื้องต้น)..หมายถึง LCD X นั่นแหละครับ ฟังแล้วก็ยังประทับใจว่าต่างกับหูฟังที่เคยได้ลองมาครับ ซึ่งที่จริง มันอันตรายสำหรับคนที่พร้อมจะจ่ายค่าสาย+ชุดเพิ่ม แต่ถ้าคนไม่พร้อมจ่าย ถ้าฟังกับอุปกรณ์ที่มีแล้วแฮปปี้ (และอย่างไรก็ไม่มีงบให้ขยับชุดแน่ๆ ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ)ถ้าเขามีความสุขจะเล่นแบบนั้น...ถ้าจบได้นะครับ(แต่ยาก T^T) ก็เอาที่เขาสบายใจดีกว่าครับ

มีหูฟังดีๆไว้ก่อน อนาคตจะขยับอุปกรณ์ก็ยังไม่สาย ผมมองแบบนี้นะครับ
และก็อย่างที่บอก มันเป็นได้ทั้งประตูสวรรค์และประตูนรกได้ในเวลาเดียวกันเลย... = ="

เคยเอา LCD2.2 ไปต่อกับ Alo the national ตัวเก่าก็เบสหายครับ

โห...National ตัวเดิมที่เคยลองมาค่อนข้างอิ่มหนาแล้วนะครับ(ฟังกับ Grdo)อัตราส่วนทุ้มกับกลางต่ำนี่ค่อนข้างเยอะกว่าย่านความถี่บนด้วยซ้ำ

จากประสบการณ์เล่น LCD 2 กับ LCD 3 เอาออกให้หมดหนิปาดเหงื่อได้เลยครับ 555

ที่ว่าขับไม่ยากนั่น เคยลอง LCD X ใช้แอมป์International กับ Samsung W1ตัวกระจิ๋ว ครับ m2mเป็นสายดัดแปลงจากสายลำโพง Kimber 8TC ซึ่งแบบนั้นก็ยังรับรู้ได้ว่า เสียงมันต่างกับหูฟังอื่นๆเท่าที่เคยได้ฟังมา

ยังเคยคิดเลยว่า ถ้าสลายกรุแล้วทุ่มงบ....................................

หลายตัวเหมือนขับง่าย แต่เทียบกันจริงๆ ระหว่างขับจากแอมป์ที่กำลังถึงกับแอมป์ที่กำลังไม่ถึงเสียงแตกต่างมากจริงๆ ครับ

พี่เหน่งบาสลายกรุไปเล่นเลยครับ 55555

เพื่อนผมใช้ต่อกับพวกแอมป์พกพาเหมือนกันครับ LCD 2 ตอนแรกมันก็บอกว่าเสียงดีละนะ

พอมาถึงบ้านผมจับเสียบ Pathos Aurium มันบอกคนละเรื่องเลย

แหะ แหะ ถึงสลายกรุ แต่ถ้าทำจริงๆ อย่างมากได้แค่ LCD X ตัวเดียวโดดๆครับ และไม่มีทางไปเล่นแอมป์หูฟังตั้งโต๊ะแน่ ชุดที่มีตอนนี้ เป็น DX90 Ref8 กับ Duet ครับ คงเล่นแค่นั้น

พูดยังกับจะสลายกรุไปลงนรกจริงๆงั้นแหละ T^T

เล่นชุดใหญ่มันสนุกตรงจับแมทชิ่งหนิละครับ

ไหนๆก็ไหนๆ ผมอยากทราบว่า คำว่าขับออกหมด คืออะไรครับ

ขับหมดคือ เสียงดัง ขับไม่หมด คือเสียงไม่ดัง หรือยังไง

ผมใช้ EL-8 ต่อตรง IPAD IPHONE เสียงออกดังมาก แต่ผมฟังแล้วไม่รู้สึกว่าเพราะเลย

แต่ลองต่อ Fiio X7 เสียงที่ได้ เบามาก แต่พอลองฟังแล้ว มันดูมีรายละเอียดมากกว่า เพระากว่า แต่รู้สึกขัดๆเพราะเสียงมันเบา

สรุปว่าแบบไหนคือขับออกหมดครับ

ผมชอบที่เฮียอธิบายเรื่องนี้ไว้เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้วครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=76566

ความเห็นที่ 6 ครับ

ตอบ คห.20 ขับหมด หมายความว่าเสียงดังถึงระดับที่สามารถฟังเพลงได้อย่างมีความสุข และเสียงต้องไม่มี distortion (เสียงเพี้ยน) ฟังนานๆ แล้วไม่เสียดหู ไม่ล้าหูครับ ตามตัวอย่างแรกที่คุณยกมา EL-8 ต่อตรง IPAD IPHONE เสียงดังจริงแต่ไม่เพราะเลยนั่นก็คือ distortion ซึ่งถือว่าขับไม่หมดครับ ส่วนตัวอย่างที่สอง Fiio X7 เสียงดีแต่เบาเกินไปก็ถือว่าขับไม่หมดเช่นกันครับ วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดคือซื้อแอมป์เพิ่มครับ เช่น Aune B1 เป็นต้น ถ้าไม่เชื่อที่ผมพูดไปลองฟังดูก่อนก็ได้ การที่เราจำเป็นต้องซื้อแอมป์เพิ่มนั้นไม่ได้หมายความว่าของเดิมเสียงมันเบาเกินไปแล้วอยากให้เสียงดังขึ้น แต่เราต้องการกำลังขับ (แรงดันไฟ+กระแสไฟ) มาช่วยให้ขับหูฟังที่ขับยากๆ แบบนี้ได้ไงครับ สิ่งที่ได้คือคุณภาพเสียงดีขึ้นที่ความดังเท่าเดิม และยังสามารถเพิ่มความดังขึ้นไปมากกว่าเดิมได้ด้วย

ขอบคุณ คห.22 มากครับ ตอนนี้ ผมแก้ไข โดยซื้อ mojo มาต่อแล้วครับ เสียดาย
fiio x7 มากตอนนี้นอนยาว กะว่าจะเอาไปข้างนอก+เอามาเป็น dac พ่วงคอม กลายเป็นจะใช้เฉพาะตอนออกไปข้างนอก ต่อ savant สรุปใช้ประมาณ 1 ช.ม. ต่ออาทิตย์เองครับ T__T เสียดายตังมาก

แหม่เจมส์ เอา LCD ออกถึงขั้นต้องปาดเหงื่อเลยเรอะ 555

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้อีกนิดนึงครับ เรื่องขับหมดขับสุดเนี่ย..
ผมเคยแสดงความเห็น(ซึ่งกลายเป็นว่าไปขัดแย้งคนอื่น)กับการใช้คำว่าขับหมด ขับสุด ว่าคำนี้เดี๋ยวนี้ใช้กันง่าย..ไม่รู้ง่ายเกินไปหรือเปล่า
ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมจากของเฮียที่คุณขุนช้างเอาลิงค์เก่ามาให้ดู คือ ถ้ามันหมด หรือสุดจริงๆ น่าจะถึงขนาดว่า เอาอะไรเพิ่มเข้าไป,เปลี่ยนอุปกรณ์อะไรก็ไม่ดีขึ้น(ไม่ใช่แค่ดังขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงในเชิงปริมาณนะครับ) ถ้าหมดแล้ว สุดแล้ว น่าจะหมายถึงอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ผลักดันหูฟังออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่หูฟังจะทำได้แล้ว เสียงออกมาเต็มศักยภาพของมันแล้ว..

ซึ่งไม่รู้จะให้สุดไปทำไมด้วย เพราะหูฟังหลายตัวจุดสูงสุดของมันอาจจะหมายถึงเรื่องใหญ่ขนาดตั้งโต๊ะชุดแพง(มาก)ถึงจะขับหมดได้

แต่ดันไปตั้งความหวัง หรืออยากได้คำตอบเพื่อความสบายใจของตนเองว่า แอมป์พกพา หรือแม้แตDAP/Playerที่ตัวเองใช้ฟังแบบต่อตรง ขับหมดหรือขับสุด(ไปค้นกระทู้เกี่ยวกับ PK1 เดาเถอะครับ เป็นได้โซ้ยมาม่ากันสำราญบานใจมาก เรื่องขับหมดนี่น่ะ)

ผมใช้ International กับ PS500 ซึ่งแอมป์ตัวนี้เป็นแนวเสียงที่ชอบ(ถึงได้เลือกซื้อ) และกำลังขับดีมาก แต่ฟังมาระยะหนึ่งต้องยอมรับเลยว่า ยังขับ PS500ไม่ได้สุดครับ เพราะเอาPS500 ไปต่อฟังกับชุดบ้าน ทั้งต่อตรงกับซีดีก็ยังดีกว่าฟังกับชุดพกพา และเมื่อฟังกับอินทิเกรตแอมป์บ้านรุ่นเก่าซึ่งไม่ใช่แอมป์หูฟังโดยตรงด้วยซ้ำ มันดีขึ้นได้อีก ซึ่งทั้งนั้นทั้งนี้ ผมก็ยังแฮปปี้กับ International + PS500 อยู่ดี เพราะฟังเองเลือกเอง ไม่ต้อง่ขับสุดก็ฟังเพลงมีความสุขตามอัตภาพ

นี่ขนาด PS500ที่ถือว่าเล่นง่าย และพอจะต่อตรงได้นะครับ(ได้จริงๆ กับเพลเยอร์ดีๆ)หากฟังไม่โหดมาก ไม่ต้องพูดถึงพวก Planarนะครับ ว่าหากจะรีดความสามารถของมันออกมา จะต้องไปไกลขนาดไหน

ยกเว้น อย่างที่เคยลองแล้วง่ายจริงๆกับอุปกรณ์ที่มีอยู่ ฟังแล้วมีความสุข ก็จบได้ครับ ต้องรู้จักความต้องการของตัวเองจริงๆก่อนว่า ต้องการอะไรกันแน่

บรรทัดสุดท้าย ความต้องการของตัวเองจริงๆของพี่เหน่งบาหมายถึง LCD X น่ะเหรอคับ ^ ^

ผมล่ะไม่เข้าใจคุณ X จริงๆ หากินในเว็บเค้าแท้ๆ แต่ขัดของที่เค้ากำลังขายหลายครั้ง คราวที่แล้วก็โมโจ

คราวนี้กำลังขัด Audeze Zine ที่ร้านเฮียลงไวในFB ว่าDAP ก็ขับหมดใช่ป่ะครับ มีอะไรไม่พูดตรงๆล่ะครับ หากระโปรงมาใส่น่าจะดี อีกอย่างเฮียไม่ว่าแต่สามัญสำนึกก็ควรมี โบราณว่าไว้อย่ากินบนเรือนขี้บนหลังคา

อ่านๆ ดูหลายๆความเห็น ผมลองคิดแบบเด็กๆ ถ้าลำโพงมันขับยาก ก็เพิ่มกำลังแอมป์ แค่นั้นเอง เอาไปเสียบๆ ตัวไหนดังดีก็น่าจะจบ ใช่มั้ย ส่วนตัว ไหน เสียบแล้วไม่ดัง ก็แสดงว่า มันไม่พอดี ไม่แอมเราเล็ก หรือ ...มันใหญ่ไป

ครับ เอ๊ย ไม่ใช่ครับ คุณ sarus LCD X น่ะ ตรงก็ฟังเพลงเพราะได้ แต่บั้นปลายที่เห็นไม่มีใครไม่เจ็บหนักนะครับ

ปัญหาคือ ถ้ารู้จักตัวเอง รู้จักของที่จะเล่น ถ้าฟังแล้วเพราะ มันก็ความสุขส่วนตัวของเราครับ บอกแล้วว่า ผมเน้นเรื่องว่าไม่จำเป็นต้องขับหมด ขับสุด เอาว่าฟังแล้วเพราะ เราพอใจก็จบครับ(เห็นด้วยกับความเห็น 28)

แล้วหูฟังที่เคยลอง ผมฟังมาน้อยครับ ปัจจุบันก็อาจจะมีตัวที่ขับไม่ยากตัวอื่นออกมาแบบที่ไม่ต้องฟังราคาแล้วขนลุกอย่าง LCD Xก็ได้ ต้องลองสถานเดียวครับ แล้วมันยังขึ้นอยู่กับแนวเพลงที่ฟัง กับลักษณะการฟังเพลงด้วยว่า ฟังกันโหด อัดกันทารุณแค่ไหน ต่อให้ขับไม่สุด ถ้าไม่ใช่เพลงที่ต้องเน้นพละกำลัง โชว์พาว(เวอร์)ของเสียง แบบนี้ก็ยังง่ายหน่อย

สมัยก่อนจะมีK701 K1000 กับ HD650 แหละนะ ที่ขับกันออกยากเหลือเกิน ต้องใช้แอมป์พลังม้าพลังช้างมาก ๆ ในการขับให้หมด

ซึ่งถ้าเคยฟังแล้วก็จะรู้ว่า อืมมม เสียงที่แท้จริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

หูฟัง planar ก็เช่นกันขับให้หมดจดนั้นยากจริง ๆ แต่ถ้าหมดจดแล้วนี่ เสียงมันสวรรค์มาก ๆ เหมือนกัน

ผมเข้าใจคุณนนท์นะ เพราะถ้าเล่นหูฟังตัวไหนแล้ว ก็ควรจะไปให้สุด ๆ ทางก่อนที่จะคิดเปลี่ยน เพราะบางทีเจอความสามารถที่เต็มที่ของมันแล้ว อาจจะหลงรักมันมากกว่าเดิมก็ได้

เพราะืที่ว่าขับได้ กับ ขับหมด นั้น บางทีมันก็ยังต่างกันเยอะ

ส่วนเจ็บหนักมั้ย เล่นพวกนี้เจ็บหนักอยู่แล้วครับ แค่แอมป์ก็แพงระดับนึง ไหนจะ DAC เทพอีก 555+

นิยามของคำว่า "ขับได้" กับ "ขับหมด" ของแต่ละคนยังไม่เหมือนกันเลยครับ คุณเหน่งบา ยกตัวอย่างเช่นเอาหูฟัง AKG K701 ต่อตรงกับมือถือ Vivo เร่งโวลุ่มสูงๆ มันก็สามารถฟังได้ที่เสียงดังระดับหนวกหูได้เหมือนกัน แต่ใครทนฟังได้เกิน 10 นาที เชิญมารับโล่เกียรติยศจากผมได้เลยครับ เพราะเสียดหูมาก แบบนี้ควรจะเรียกว่า "ขับได้" หรือเปล่าครับ (ส่วนตัวผมใช้คำว่าขับไม่ได้) แล้วถ้าได้ตัวช่วยอย่าง Aune B1 ที่ความดังเท่ากันเสียงดีขึ้นอย่างนรกกับสวรรค์ แบบนี้ควรจะเรียกว่า "ขับได้" หรือ "ขับหมด" ครับ แล้วถ้าได้ตัวช่วยอย่างชุดแอมป์ตั้งโต๊ะตัวละเป็นแสนแบบนี้ควรเรียกว่า "ขับหมด" หรือเปล่าครับ แล้วถ้าได้ชุดอุปกรณ์ที่เทพขึ้นไปกว่านั้นอีกเราควรจะเรียกว่าอะไรครับ

ผมไม่เห็นว่าจะต้องมีคำว่า ขับได้ ขับสุด เลยนะ ..

เพราะเรื่องแบบนี้ เวลาถกเถียงกันทีไร คำตอบสุดท้ายในทุกครั้งก็คือ

( ถ้าได้เสียงที่ "พอใจ" ขับได้เท่าไหร่ก็ช่างมัน )

ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับวลีนี้ ..

แต่ปัญหาก็ดันติดตรงคำว่า "พอใจ" ของแต่ละคนมันไม่เท่ากันซะอีก เฮ้ออออ !!

ตอบ คห.5 และ คห.27 ผมไม่เห็นด้วยกับคุณนะครับ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความจริงแก่ลูกค้าเป็นสิ่งที่เหมาะสมไม่ใช่หรือครับ ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าไปเพราะเชื่อในข้อมูลที่คลาดเคลื่อนแล้วพบความจริงในภายหลังว่าสินค้าตัวนั้นมันไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจมาแต่แรก คุณคิดว่าเขาจะด่าใครล่ะครับ ด่าคนขายไงครับ ความจริงยังไงก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ การนำเสนอความจริงและการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นประโยชน์แบบนี้ผมไม่มองว่าเป็นการหักหน้าหรือกินบนเรือนขี้รดบนหลังคานะครับ

ผมไม่เห็นว่าการให้ข้อมูลสินค้าที่ถูกต้องจะเป็นการทำร้ายสินค้าหรือร้านค้าแต่อย่างใดนะครับ ผมก็บอกอยู่ว่ารุ่นใหม่ๆมันทำให้ขับง่ายขึ้นแม้จะจ่ายกระแสได้ต่ำกว่าที่แนะนำ ร้านจะว่ารุ่น SINE ต่อตรงฟังได้ง่ายขึ้นก็ไม่ผิดอะไรครับ แต่.....

อย่าลืมความเป็นจริงที่ Planar นั้นต้อง amp
ความจริงว่าขับไม่เต็ม
จ่ายกำลังขับเลี้ยงหูฟังหลายร้อยหลายพันมิลลิวัตต์
ให้ขับเต็ม อย่าลืมว่าต่อตรงมันไม่เต็มมมมม ฮื้อ ฮือออ

แต่ถ้าต่อฟังแล้วพอใจก็ไม่ผิดอะไรอย่างที่บอกครับ ผมแค่เอาข้อมูลจากผู้ผลิตมาให้ว่าขับออกเต็มๆเค้าแนะนำต่อ amp ให้จ่ายกระแสกี่ mW ขึ้นไป

อ่อ ตอนแรกผมพูดถึง Planar รวมๆนะครับ หลังๆเห็นคนเข้าใจกันว่า Planar ขับง่ายกว่าสมัย HD650 k701 ซะอีก ต่อ amp ตัวเล็กๆพกพามาฟังก็บอกว่าขับออกฟังเพราะกันหมดแล้ว เดี๋ยวนักเลนรุ่นใหม่จำผิดกันซะหมดจนลืมอ่าน spec กันหมดแล้ว

555ผมว่าไม่ได้เป็นที่เนื้อหาหรอกที่มีปัญหา แต่เป็นเพราะคนตั้งกระทู้คือคุณ Windows X ต่างหาก เลยมีแฟนคลับตามมาชูป้ายไฟให้555

คห. 33 ความรู้สึกช้าไปนิดนะครับ มันควรจะมีดราม่าตั้งแต่ คห. 5 แล้ว ผมอุตส่าห์ปูเสื่อรอดูตั้งนาน 555

หลาย ๆ คนยังคิดว่า ขับได้คือ เสียงดังจนหูแทบแตก

หลายคนยังไม่รู้จักว่า ขับได้หมด คือ เสียงไม่ต้องดัง แต่ทุกอย่างมาเต็ม ๆ อย่างที่มันควรจะเป็น

มันต้องลองไปเปิดกะโหลกกับงานหูฟังเจ๋ง ๆ ซักงาน แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

คห.38 ผมเห็นด้วยครับ แต่ปัญหามันเกิดจากคำว่า "ขับหมด" นี่แหละครับ เพราะถ้าไปเจอชุดอุปกรณ์ที่เทพขึ้นไปกว่านั้นอีกจะเรียกว่าอะไรครับ "ขับหมดกว่า" "ขับสุด" ขับสุดสุด"

ไม่มีหรอกครับที่ ขับได้หมดกว่า หรือ ขับสุดสุด มีแต่เสียงดีกว่า หรือแย่กว่า แค่นั้นครับ

คหสต. ผมว่า เรื่อง "ขับไหว" กับ "ขับไม่ไหว" ยังพอจะแยกได้บ้างครับ

เช่น K701 ต่อตรงเสียงจะบาง เบสไม่มีมวล แบบนี้คือ "ขับไม่ไหว"

แต่ คำว่า "ขับสุด" นี่นิยามยากนะครับ เพราะพอไปเจอ system ที่ดีกว่า เสียงที่ได้ย่อมดีกว่าเดิม เลยไม่รู้ว่า "ขับสุด" เนี่ย เราจะนิยามที่ตรงไหน นี่ยังไม่นับว่า แอมป์แต่ละตัวก็มีบุคลิกเป็นของตัวเองอีก หูฟังที่เสียงบางพอได้แอมป์ที่เติมเสียงอุ่นได้ ก็อาจจะรู้สึกว่าเสียงดีกว่า แมทช์กว่าแอมป์ที่ให้กำลังขับพอกันแต่เสียง โปร่ง กว้าง เราก็อาจจะรู้สึกตัวแรก "สุด" ทั้งๆที่กำลังขับก็เท่ากัน

ทั้งนี้หากยึดเอาตามตัวเลข (ถ้าผู้ผลิต recommenกed มาให้)ก็คงจะพอวัดได้ เช่น LCD3 optimal ที่ 1-4w ถ้าแอมป์ให้กำลังถึง ควรจะถือว่าขับหมด แต่เสียงที่ออกมาจะ "น่าพอใจ" หรือ "แมทช์" หรือปล่าวคงจะเป็นอีกเรื่องนึง

ทั้งนี้ ความพอใจแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นถ้าพอขับได้และพอใจ ก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลว่า "สุดหรือยัง" ครับ ความชอบ ไม่ใช่ค่า "สัมบูรณ์" เลยเป้นเรื่อง นานาจิตตังครับ หนึ่งคนฟัง HD650 แล้วส่ายหน้า อีกคนนึงฟัง K701 แล้วส่ายหน้า 5555555555

ปล. แต่การให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าแบบไหนขับไหว ขับไม่ไหว ตามข้อมูลที่ถูกต้องก็เป็นเรื่องที่สมควรทำครับ

ผม คห.5 ครับ ผมต้องขอโทษหากทำให้ใครเสียหาย หรือ ผิดประการใดนะครับ

คือสิ่งที่พี่ Window X พูด สเปคทุกอย่าง มันเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้องมากเลยครับ

แต่ผมคิดว่าดูพี่ Window X กะเจ้าของรีวิว รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และดูเหมือนจะเป็นคู่ค้ากันด้วย เพราะมีการลงขายผลิตภัณท์ในเว็ป

มันเหมือนกับถ้าคุณมีเพื่อน แล้วเพื่อนคุณทำอะไรผิด คุณจะรีบไปบอกไปเตือนเค้าทันที ว่ามันผิดนะ

กับถ้าเพื่อนคุณทำผิด คุณกับไปเป่าประกาศไปทั่ว ไปโว้ยวายกับอีกกลุ่ม ต้องไปฟ้องอีกกลุ่ม
ว่า ดูดิ เค้าทำผิด ให้ข้อมูลผิด เหมือนคนที่เห็นใครทำผิดแล้วต้องเหยียบซ้ำ

คือผมอาจจะใช้อารมณ์ส่วนตัวมากเกินไปต้องขอโทษพี่ Window X
แค่ผมคิดว่าถ้าเพื่อนผม หรือ คู่ค้า ทำกับผมแบบนี้ผมคงรู้สึกแย่มากเลย

แต่ผมก็ไม่ได้รู้เรื่องเบื้องลึก ความสัมพันธ์ใด ต้องขอโทษจากใจจริงครับ

เอ่อ ผมไม่ได้พูดถึงรีวิวใครนะครับ ผมพูดถึงภาพรวมที่คนมองว่า Planar ขับง่าย ปกติผมไม่ได้ตามอ่านรีวิวไม่รู้หรอกครับว่าใครรีวิวอะไรไว้ยังไงบ้าง

ที่ผมเห็นคือเอา LCD ตัวใหญ่ต่อ amp กำลังขับไม่ถึง 1W ก็ว่าขับเต็มดี หรือมี LCD SINE ออกมาก็บอกกันว่าต่อตรงกับมือถือก็ขับออกฟังได้สบายผมเลยมาโพสให้ข้อมูลเพิ่มเติมแค่นั้นครับ

อ่อ ขับเต็มคือจ่ายกำลังขับได้พอกับที่หูต้องการ ถ้าผู้ผลิตแนะนำ 200mW แล้วป้อนได้ตามนั้นก็ขับออกครับ ส่วนฟังดีไม่ดีก็ดูเป็นเรื่องๆไปครับ

แล้ว Mojo ผมนี่ สามารถขับ Audeze ได้ถึงรุ่นไหนครับเนี่ย ผมดูไม่เป็น

Spec Mojo


-TECHNICAL SPECS:
-Output Power @ 1kHz
-600 ohms 35mW
-8 ohms 720mW
-Output Impedance: 0.075 ohms
-Dynamic Range: 125dB
-THD @ 3v - 0.00017%

Mojo พอจับกับ EL-8 และ Sine ได้ดีครับ น่าจะขับได้ในระดับที่ optimal กับหู ส่วน LCD-X ก็พอขับได้ครับ อาจจะไม่ถึงขั้น optimal แต่ก็น่าจะพอได้มวลเบสและเนื้อหนังของ dynamics ระดับหนึ่ง

LCD 2/3/4 ขับไม่ไหวครับพวกนั้นต้อง desktop amp ระดับ 1-4Watts เลยถึงกำลังดี

ขอบคุณ คุณ Windows X มากๆครับ

อุตส่ามี แผนจะอัพ หูฟัง สงสัยอัพทีต้องอัพทั้ง System T T

ส่วนตัวผมคิดว่า Planar Magnetic นี่ไม่อะไรที่พิเศษตรงไหนเลยครับ

ในวงการลำโพงถือว่าเป็น Tweeter ที่ค่อนข้าง cheap ซะด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ

คห.48 มันว๊าวสำหรับบางคนไงครับ ไม่มีไดรเวอร์ ไม่มีดอกลำโพง แล้วเสียงมันออกมาจากไหน นี่มันของวิเศษจากกระเป๋าโดเรม่อนชัดๆ

วันนี้ผมเพิ่งได้ฟัง Audeze Sine ไปแว่บๆไม่มากนัก มันเป็นหูฟัง planar ที่ขับง่ายขึ้นจากที่เราคุ้นเคยในรุ่น LCD หรือพวก EL8 ครับ อันนี้ไม่ต้องพูดถึง Planar ยุคเก่าอย่าง HE6 หรือ HE500 ครับ ที่ไม่สามารถเล่นกับ DAP ได้เลย

ผมลองต่อ Sine กับ iPhone 7 เปิดฟังผ่านๆ ยังเหลืออีก 3 ขีดก็ดังในระดับที่ฟังได้ดี และได้คุณภาพในระดับที่ยอมรับได้ครับ 555 แต่คำว่ายอมรับได้นี่ก็แทบจะเถียงกันตายแล้วว่าแค่ไหนถึงรับได้ครับ ในมุมของคนทั่วไประดับนี้รับได้ แต่คนเล่นจริงจัง แค่นี้อาจจะยังไม่พอ

ถ้าเป็นนักเล่นที่มีประสบการณ์บ้างจะทราบดีว่าการเพิ่มแอมป์เข้าไปให้ Sine จะได้ผลดีกว่าการฟังแบบต่อตรงกับ DAP หรือการเพิ่มแอมป์เข้าไปอาจจะต้องดูว่าเป็นแอมป์อะไร กำลังขยายเท่าไหร่ บุคลิกเสียงอะไร ถึงจะทำให้เจ้า Sine ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพครับ เพราะหูฟังไม่ใช่ต้องการกำลังขยายตามสเปคเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเรื่องแมชชิ่งที่เหมาะสมกับแอมป์อีกด้วยครับ 555


-------

ส่วนที่เจ้านนท์เขียนอะไรนั้น ทุกท่านสบายใจได้ครับ ว่าไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝงครับ ผมกับเจ้านนท์คุ้นเคยกันดีและรู้จักกันมาร่วม 10 ปี พอจะรู้จักแนวทางหรือวิธีคิดซึ่งกันและกันดีครับ 555

รับรองว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์มาแอบแฝง ไม่มีการดิสเครดิต ไม่มีการปัดแข้งปัดขา ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เป็นการแชร์ประสบการณ์ แชร์ข้อมูลร่วมกัน และผมถือว่าเจ้านนท์เป็นคนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในหลายๆเรื่องที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ 555

ขอให้ทุกท่านที่ใช้งานเว็บบอร์ดนี้สบายใจและมั่นใจได้ครับ ว่าเราอยู่ร่วมกันแบบไม่ปิดกั้นข่าวสาร ไม่คิดเล็กคิดน้อยครับ ขนาดเมื่อวานมีรายการซุกหมี ผมก็ยังอะลุ้มอะล่วยให้ระบายจนหายอัดอั้น ทุกอย่างก็จบลงได้ดี 555

เฮียครับตอนนี้มันมีล่าสุดแค่ IPhone 6S เฮียมาจากอนาคตแหงๆ 555

555 เฮียลองพิมพ์ผิดหน่อยนึง ดูว่าจะมีคนอ่านเห็นเปล่าน่ะครับ 555

iPhone 7 มันไม่มีช่องหูฟัง 3.5 นี่ครับ เฮียเสียบทางสาย Lightning เหรอครับ

ผมว่าจริงๆประเด็นมันอยู่ที่ หูหัง planar ที่นิยามคำว่าขับง่าย มันคือเอาให้เสียงดังมากกว่าครับ คืออย่าง lcd-x จิ้มตรงไอพอดวัดเอาวอลลุ่มอย่างเดียวมันก็ดังฟังได้สบายๆแล้วครับ แต่จะเอาให้มันเสียงดี ชุดแบบข้างต้นนี่ตอนผมใช้ lcd-x ใหม่ๆก็เคยคิดแบบนั้นแหละครับ ว่าคงเป็น lcd ที่ color ฟังง่าย จิ้มอะไรก็เพราะ สุดท้ายไปๆมาๆกลายเป็นนั่งเล่นกับชุดใหญ่ซะงั้น แถมคุณภาพดีมากๆดังง่ายจริงเสียงดียาก ขี้ฟ้อง สุดๆ

ถ้าจะเอาให้สุด มันก็ต้องใช้ DAC / AMP แยกออกมาเพื่อเค้นคุณภาพเหมือนกันครับ ซึ่งยิ่งฟังเพลงไดนามิกเยอะๆ ยิ่งต้องใช้ Amp ดีๆนิ่งๆกำลังสำรองเยอะๆเผื่อเวลาเพลงพีคๆกระชากๆ ถ้าจะเอาเนียน ใส มิติไม่มีแบนก็ต้องเพิ่ม Dac เข้าไปอีกอยู่ดีครับ เพราะหูพวกนี้ อย่าง lcd-x แม้จะเสียงดังง่ายก็จริง แต่ถ้าจะเอาเสียงที่มีคุณภาพจากมัน ชุดที่ใช้ ต้องระดับเดียวกับ LCD-3 ขับออกแบบเต็มๆนั่นแหละครับ เพียงแต่ optimized สำหรับ low impendence ซึ่ง lcd x impendence ต่ำมากๆ ชุดที่ขับ HD800 he-6 หรือแม้กระทั้ง lcd-2 มาขับ lcd-x นี่แป๊กหมดแหละครับ

เวลา planar ขับออกหมด เสียงจะสะอาดใส ไร้เกรน นิ่ง เปิดกว่าหูไดนามิกครับ จังหวะต่างๆ จะแม่นยำกระชับกว่า ขึ้นลงสุดกว่าไม่มีอั้นๆ แต่สไตลเสียงจะติดสมูทๆเนียนๆตามเอกลักษณ์ของๆไดรเวอร์ชนิดนี้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่คนใน head-fi ไม่ได้มีความรู้อะไรมากทุกคน บางคนรีวิวหูขับยากๆ ก็เอาแอมปพลังไม่ถึงมาใช้ เห็นหูฟังขับง่าย จิ้มตรงๆไปเลย ซึ่งจริงๆหูขับง่าย ถ้าต่อกับชุด dac + ampดีๆ เสียงก้ไปได้ไกลๆเหมือนหูขับยากต่อ dac + amp แหละครับ หนักกว่านั้นเวลารีวิวแอมปพลังไม่พอ หรือตัว source ไม่ดี ก็พาลบอกสายแถมแย่บ้าง หูอับทึบมัวร์บ้าง ซึ่งในความจริงหูมันกำลังฟ้องว่าชุดมีจุดด้อยอย่างไรมากกว่าครับ เพราะหูพวกนี้ถ้าเค้นได้เสียงที่มันควรจะได้ เสียงแทบจะไร้ที่ติ ฟังเพลงได้ทุกแนวครับ เพียงแต่ประเด็นคือพวกใน head fi ไปสร้างภาพว่าถ้ามันดังได้จากไอโฟน คือเสียงดีได้แค่นั้น อั้นแค่นั้น ขับไม่ยาก ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ

คห.54 สุดยอดมากครับ หลายๆเรื่องผมเข้าใจผิดมาตลอด วันนี้ผมได้ความรู้ใหม่จากคุณหลายเรื่องเลย ขอบคุณมากครับ

ตอบ คคห 53 ผมแกล้งพิมพ์ผิดน่ะครับ 555 วันนี้ผมต่อ sine กับไอโฟนผ่านช่อง 3.5 ครับ เพราะ sine ที่ผมได้มาตอนนี้เป็นเวอร์ชั่นสายธรรมดา ซึ่ง Sine lightning นั้นของยังไม่มีและยังไม่มาครับ ผมเองก็รอฟังอยู่ครับ

-----------------------------------------

เห็นด้วยกับคุณ hvk ครับ Planar ถ้าได้กำลังขับที่ดี ไดนามิกทรานเซี้ยนดีกว่าแบบไดนามิกพอสมควร คือเสียงมันไร้ขีดจำกัดกว่า ช่วงโหมฟังแล้วอลังกว่า ซึ่งจริงๆแล้วคนเล่นหูฟัง Fullsize ในกลุ่มออดิโอไฟล์ ยังไงทุกคนต้องพิจารณาเรื่อง source เรื่อง dac และภาคขยายด้วยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการซื้อและลงทุนเพียงท่อนเดียวมันไม่จบจริงๆครับ

ส่วน sine นั้นถูกออกแบบมาเพื่อขายแบบ mass โดยเข้า apple store ซึ่งน่าจะมุ่งขายกลุ่มบุคคลทั่วไปเป็นหลัก ซึ่งเล่นกับไอโฟนผ่านช่องทาง lightning ซึ่ง Audeze น่าจะเป็นเจ้าแรกที่ต้องยอมปรับให้สายเป็น lightning ก่อนใคร และมีความพยายามที่จะทำให้สมาร์ทโฟนนั้นสามารถเล่นกันได้กับหูฟังโดยไม่ต้องพึ่งแอมป์ คือยอมประนีประนอมมากขึ้น

ซึ่งเราต้องดูต่อไปว่าจะทำสำเร็จหรือไม่กันครับ ^^

ท่าน hkv นี่ตัวจริงเสียงจริงของยุทธจักรนี้ มิใช่มีแต่กำลังทรัพย์แล้วสักแต่ซื้อ โดยมิได้รู้จุดเด่นจุดด้อยของที่ตัวเองมี มิได้ซื้อเพียงเพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าตัวข้านี้มี แต่สามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชา เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่บุคคลทั่วไปด้วย

ข้าน้อย เลื่อมใส เลื่อมใส

เนื้อหากระทู้จริงๆมีแค่ผมมาแนะนำเรื่องการขับหูฟัง Planar และแจ้ง specs กับกำลังขับที่แนะนำจากทางผู้ผลิตเท่านั้นเองครับ ผมไม่เคยวิพากวิจารณ์เรื่องขับออกไม่ออกกับชุดไหนหูไหนเลย อ่านโพสแรกดูผมไม่ได้อ้างอิงสินค้าอะไรเลยด้วย

ดังนั้นขอให้เรื่องจบอยู่แค่นี้นะครับ เฮียมั่นก็อธิบายไว้ชัดเจนแล้ว เรื่องขอบออกไม่ออกก็แล้วแต่ความพอใจของคนใช้ผมก็เคารพสิทธิ์ในการเลือกใช้ของเขา ผมแค่แนะนำข้อมูลของสินค้าเท่านั้น รุ่นนี้ผู้ผลิตแนะนำกี่ mW ผมก็บอกไปตามนั้น ที่เหลือแล้วแต่วิจารณญาณของผู้ใช้ครับ

แล้ว he400s 22ohm นี่ขับง่ายจริงหรือเปล่าครับ

อยากทราบ 400i ด้วยครับว่าต้องเล่นถึงแอมป์ตั้งโต๊ะรึเปล่า Optimal มันเท่าไหร่ครับ

คห. 54 เห็นค้านนิดนึง ที่ว่า "แม้กระทั้ง lcd-2 มาขับ lcd-x นี่แป๊กหมดแหละครับ "
อันนี้จากประสบการณ์ตรง ไม่แป๊กก็มีครับ
แต่เห็นด้วยกับหลักการและเหตุผลครับ

เจ้าพ่อดราม่า ให้เขาละ window x
สมาชิกลองเสิช google ได้เลย เจ้านชอบดราม่า

คห.54 ตรงที่บอกว่าถ้าเอาแอมป์ที่ออกแบบมาสำหรับหูฟังอิมพิแดนซ์สูงไปขับหูฟังอิมพิแดนซ์ต่ำแล้วจะขับไม่ออกนี่มั่วรึเปล่าครับ

ผมว่าแมทชิ่งมีผลมากกว่าครับ เพราะอย่าง LCD3 ผมไปลองฟังกับชุดที่ขับหมดมาแล้ว เมื่อเทียบกับ Chord Hugo ซึ่งตามสเปคไม่ถึง Optimal requirement (คือ 1-4w) แต่ Hugo ให้กำลังแค่ 600mW ที่ 32 ohms แปลว่าตามสเปคนั้นขับไม่หมด แต่ฟังเทียบกับแบบขับหมดนั้น ผมถือว่า Hugo ทำได้ดีมาก ไม่มีความรู้สึกใดๆว่าขับไม่หมดครับ ไม่มีอาการอั้น หรือทึบ หรือไร้ Dynamic ใดๆ เสียงออกครบทุกย่าน (แต่แน่นอนชุดที่แพงกว่าก็เสียงดีกว่า) ขณะเดียวกัน Schiit Vali ซึ่งให้กำลังมากกว่า Chord Hugo เล็กน้อย กลับทำให้เสียงที่ได้ออกดาร์คเกินไป ไม่ใส ฟังแล้วแปลกๆ ไม่แมทช์ครับ

หรืออีกกรณีนึงก็คือ หูผมทองแดงเกินไป แยกระหว่างขับหมด กับ ขับเกือบหมดไม่ออก 55555

ผมไปเรียนอยู่หลายวันกว่าจะขับได้
และสอบจนได้ใบขับขี่มาในที่สุด

แล้วถ้าใช้ hifiman hm 650 จะขับพวก he 400i หมดหรือเปล่าครับ

650 ไม่น่าจะขับ HE400i หมดนะครับ ต้องหา amp กำลังขับสูงๆมาต่อเพิ่มอีกที ถ้าเป็น iBasso D14 หรือ DX80 ที่โมให้จ่ายกำลังได้เกือบ 400mW น่าจะพอได้ครับ

แล้วถ้าใช้เป็นตัว balance card จะเอาอยู่มั้ยครับ

ก็พอฟังได้ระดับนึงครับ แต่ขับไม่หมดหรอก กำลังขับไม่พอครับ ขั้นต่ำพวกนี้จริงๆต้อง 1000mW up อยู่ละ

คุณ Windows X ครับ
ผมใช้ ONKYO DP-X1 ตอนนี้อยากได้หูฟัง HIFIMAN HE560 หรือ HE400I
ถ้าผมจะเพิ่ม DAC\AMP แบบพกพา MOJO ขับ หมดไหมครับ หรือ ได้ประมาณกี่ เปอร์เซ็น ครับ หรือ คุณ WINDOWS X จะแนะนำ AMP พกพา ตัวไหนครับ ขอบคุณครับ

ถามผู้รู้หูฟัง อยากทราบว่าหูฟังIn-Earรุ่นKef M100 ถ้าใช้กับDragonfly Dac 1.2จะขับไหวไหมคับ

Kef M100 : Specs
- Driver: 10mm Dynamic
- Frequency Response: 20Hz~20kHz
- Sensitivity: 97 dB±4dB (IEC-6071 at 1KHz)
- Impedance: 50±15% Ohm
- Maximum Input Power: 10mW
- Noise Attenuation: -25dB

Dragonfly 1.2 : Specs
- Output voltage: 2vrms
- Minimum driven impedance (headphones, electronic input): 12 ohms
- Maximum headphone driver output power: 125mW @ 32 ohms

จากที่เคยใช้ audeze lcd xc ต่อตรง กับ hifiman 901 ก็รู้สึกว่าฟังได้ดีในระดับหนึ่ง แต่พอไปต่อฟังกับ amp ตั้งโต๊ะ ร้านเฮียแล้ว lcd xc เสียงยังไปได้อีกไกลทีเดียว เหนด้วยกับคุณ windows x อยู่เหมือนกันแฮะ

@natnikon ถ้ากับ HE400i ก็พอฟังได้ครับแต่บยังขับไม่ถึงระดับที่ผมโอเคนะ ส่วน HE560 ไม่น่าไหวครับ sensitivity ต่ำไปสำหรับพกพาต่อตรงๆ ยังไงหูพวกนี้จะให้ดีต้องต่อ amp กำลังขับสูงหน่อยครับ

@torhifi ต่อได้สบายครับ หูรับที่ 10mW dragonfly จ่ายได้ 125mW@32ohm เหลือเฟือครับ

@BAKI99 ตามนั้นเลยครับ คนที่ยังไม่เคยต่อกับชุดที่ขับได้เต็มจริงๆก็มักจะคิดว่าดีแล้ว ขับออกแล้ว คงต้องเจอที่ขับได้ดีจริงๆก่อนแหละครับถึงจะเชื่อสนิทใจ แต่จริงๆ audeze lcd xc ก็ทำให้ดังง่ายขึ้นนะครับ แต่จะขับออกจริงๆก็ใช้กำลังขับเหมือนเดิม ฮาๆๆ

ขอบคุณๆนนท์มากเลยคับ

HM901 balanced card ผม ขับ HE560 ไม่ไหวครับ
ถ้าจะตีเหมารวมแบบหยาบๆ (อาจจะไม่ถูกต้อง) ผมว่า DAP พกพาทุกตัว ขับหู Hifi man ไม่ได้ซักตัว (ตัวที่ไม่แน่ใจคือ edition X เห็นบอกทำออกมาพกพาได้)