โดยในแพ็คเกจของทุกรุ่นนั้นจะมาพร้อมกับ Accessory แบบ Full option ดังนี้ครับ

- ทั้งจุกยางซิลิโคนไซส์ต่างๆ
- จุก complyfoam
- สายหูฟังจำนวน 2 ชุด แบ่งเป็นแบบแจ็ค 3.5 mm. และ 2.5 mm.
- ไขควงปรับเบส
- Wax tool
- และกล่องเก็บหูฟังแบบพรีเมี่ยม (สำหรับ Layla II นั้นจะเป็นกล่องแบบ Full Carbon สวยอลังการมากๆ)

และทุกรุ่นนั้นจะมาพร้อมกับสายหูฟังพิเศษที่ออกแบบร่วมกับ Moon Audio และยังคงมี Bass tuning ที่ตัวสายโดยสามารถหมุนปรับได้เลย โดยใช้ไขควงเล็กที่แถมมาให้ในแพ็คเกจปรับทั้งสองข้าง ((ปรับได้ 0 - +13dB).)

มาถึงตัวแรกเป็น JH Rosie นั้นเป็นน้องเล็กสุดของ Series นี้และเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายกับรุ่นพี่ที่เป็น V2 กันแล้ว

โดย Rosie นั้นจะใช้พื้นฐานการออกแบบจากคัสต้อมรุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากของค่าย JH อย่าง JH13 ซึ่งจะมี Driver ข้างละ 6 ตัว มาพร้อมกับ body สีส้มตัดกับดำที่สวยสะดุดตามากๆ

โดยโทนเสียงนั้นเรียกได้ว่าเป็น Baby Layla II เลยครับ เพราะให้เสียงที่บาลานซ์ เนื้อเสียงมาเต็ม ให้มวลเสียงที่อิ่ม มีบุคลิกเสียงที่ฟังติดหูง่าย นอกจากนี้ยังให้อิมแพ็คที่ดีเยี่ยมตามสใตล์ JH ใครชอบซาวด์แบบเน้นๆ มีเนื้อมีหนัง เนื้อเสียงไม่หยาบกร้าน ต้องรุ่นนี้เลยครับ ฟังได้ดีเยี่ยมทั้งเพลงช้าแบบหวานๆจนไปถึงร็อคแบบมันส์ๆเลยครับ จัดว่าเป็นตัวที่เด็ดในช่วงราคาต่ำกว่าสี่หมื่นที่แนะนำให้ทดลองฟังมากๆเลยครับ

สเป็คเพิ่มเติมครับ

- Custom-made Proprietary Balanced Armature Drivers (6BA per side)
- Powered by soundrIVe technology : Dual low, Dual Mid and Dual High balanced armature drivers per side
- Variable bass output, adjustable from cable : user controlled low frequency drivers with the adjustable bass (0 - +15dB).
Frequency ranges from flat bass response up to +15dB (10Hz to 100Hz)
- Integrated 4th Order crossover
- Triple Bore with Stainless Steel Tubing
- Noise Isolation -26dB

Rosie นั้นสนนราคาอยู่ที่ 39000 บทครับ

Angie II นั้นมาพร้อมกับบอดี้สีแดงตัดกับดำสวยสะดุดตาเช่นกันครับ มาพร้อมกับสเป็ค

- Custom-made Proprietary Balanced Armature Drivers (8BA per side)
- Powered by soundrIVe technology : Dual low, Dual Mid and Quad High balanced armature drivers per side
- Variable bass output, adjustable from cable : user controlled low frequency drivers with the adjustable bass (0 - +10dB).
Frequency ranges from flat bass response up to +10dB (10Hz to 100Hz)
- Integrated 4th Order crossover
- Triple Bore with Stainless Steel Tubing
- Noise Isolation -26dB

ส่วนรายละเอียดเรื่องเสียงนั้นจะมาแจ้งเพิ่มอีกทีครับเนื่องจากรุ่นนี้ยังไม่เข้ามาที่ร้านเลยครับ

JH Angie II สนนราคาอยู่ที่ 55,000 บาท

Roxanne II นั้นจัดว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในรุ่นแรก และพอมาเป็นรุ่นที่สองนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดิมครับ โดยตัวบอดี้นั้นมาพร้อมกับสี ดำและเงินที่เงาวับสะดุดตา

ซึ่ง Roxanne II นั้นเป็นหูฟังที่ตังใจออกแบบให้โทนเสียงนั้นเหมาะสำหรับกลุ่ม Professional รวมไปถึง end user ที่ต้องการหูฟังในระดับสูงเอาไว้ใช้งาน โดยรุ่นนี้จะมี Signature เสียงโดดเด่นและแตกต่างออกไปจากรุ่นอื่นในซีรีส์ โดยจะเป็นหูฟัง IEM ที่ปรุงแต่งเสียงน้อย ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติ และแจกแจงรายละเอียดชิ้นดนตรีได้ถูกต้องและแม่นยำที่สุดในซีรีส์

ให้บรรยากาศในการฟังที่ Live เหมือนฟังเพลงแบบสดๆเลยทีเดียวครับ
โดดเด่นด้วยอิมแพ็คที่หนักแน่นรุนแรงของเสียงกลองชุดที่ดุดัน ผนวกกับกระเดื่องที่ทุ้มและแน่นแบบรู้สึกได้ถึงแรงปะทะที่หาจากหูฟัง IEM ทั่วไปไม่ได้แน่นอน รวมไปถึงเบสที่ทรงพลังเต็มเปี่ยมไปด้วย power และมีคุณภาพที่ใหญ่กว่าไซส์หูฟังไปมากทีเดียวครับ

นอกจากนี้เรื่องการแยกรายละเอียดชิ้นดนตรีนั้นยังลงลึกไปถึงระดับ micro detail ให้ได้แบบครบถ้วนและสมจริง ดังนั้นการฟังเพลงแบบ Hi Res จึงเป็นอีกหนึ่งทางที่ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับบรยากาศและรายละเอียดที่ไม่เคยได้ยินจากหูฟัง iem มาก่อนได้อย่างแน่นอนครับ ซึ่ง Roxanne II นั้นทำได้ดีแบบน่าเหลือเชื่อมากๆครับ

จากตอนแรกที่คิดไว้ว่าจะเด่นกับแนว Pop , Rock , EDM , Metal เพียงไม่กี่แนว แต่ต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่โดยเฉพาะกับเพลง Hi Res ที่ให้รายละเอียดสูงๆ และบันทึกมาดีๆ Roxanne II นั้นไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ

Custom-made Proprietary Balanced Armature Drivers (12BA per side)
- Powered by soundrIVe technology : Quad low, Quad Mid and Quad High balanced armature drivers per side
- Variable bass output, adjustable from cable : user controlled low frequency drivers with the adjustable bass (0 - +13dB).
Frequency ranges from flat bass response up to +15dB (10Hz to 100Hz)
- Integrated 4th Order crossover
- Triple Bore with Stainless Steel Tubing
- Noise Isolation -26dB

JH Roxanne II 79,000 บาท

JH Layla II นั้นเป็นรุ่นเรือธงตัวท็อปสุดของซีรีส์นี้ โดดเด่นด้วยบอดี้สีเงินแบบโครมเมี่ยมเงาวับ ที่มาพร้อมกับสเป็คสุดโหดอย่าง 12 driver ต่อข้าง (Quad low, Quad Mid and Quad High balanced armature drivers) สามารถมอบประสบการณ์ฟังเพลงแบบใหม่ในการฟังเพลงจากหูฟัง IEM ที่มีเอกลักษณ์ และมีคุณภาพสูงที่สุดอีกรุ่นหนึ่งที่เคยมีมา

Layla II นั้นมี Signature เสียงที่โดดเด่นและแตกต่างจากค่ายอื่นในตลาดอย่างเห็นได้ชัด โดยจะให้ image ของทั้งเสียงร้องและชิ้นดนตรีที่ใหญ่เกินขนาดหูฟังไปมาก เสมือนกับฟังหูฟังแบบ Fullsize ระดับ Hi End ในร่างจำลองเลยทีเดียวครับ

Layla II นั้นให้มวลเสียงร้องที่อิ่ม เนื้อเสียงมีความละเมียดละไม ลื่นไหล และถ่ายทอดอารมณ์ของนักร้องออกมาได้อย่างน่าประทับใจเป็นที่สุด ทุกจังหวะของการเอื้อนนั้นเด็ดขาดและสมจริงที่สุดแล้วครับสำหรับเสียงร้องจาก IEM

เวทีเสียงนั้นทำได้อย่างดีเยี่ยมทั้งด้านกว้างและลึก ให้ layer เสียงที่โอบล้อมและซ้อนเป็นชั้นๆอย่างเป็นระเบียบ และแยกรายละเอียดชิ้นดนตรีออกมาได้อย่างเด็ดขาด และให้รายละเอียดเสียงต่างๆออกมาได้อย่างนาเหลือเชื่อว่าหูฟังที่เล็กขนาดนี้จะให้รายละเอียดแบบนี้ได้

เบสนั้นสุดยอดมากๆครับต้องยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลยครับ ทั้ง power แรงปะทะ และ detail ของเบสนั้นมาแบบจัดเต็ม ให้มวลเบสที่แน่น ลูกโต และสมู้ทสุดๆ เรียกได้เป็นเป็นหูฟังที่ให้เบสเยอะ แต่กลับน่าฟังที่สุดรุ่นหนึ่งเลยครับ อีกทั้งยังสามารถลงไปถึงระดับ Deeep bass ที่หาได้ยากยิ่งจากหูฟังแบบ IEM

โดยรวมแล้วเป็นหูฟังที่ให้มวลเสียงที่อิ่ม น้ำหนักเสียงดีมาก ให้รายละเอียดที่สุดยอด รวมไปถึงแรงปะทะที่ดีสุดๆ แต่น้ำเสียงนั้นกลับสมู้ทไหลลื่น และ Musical มากๆ เรียกได้ว่าจูนมาแบบฟังง่าย และฟังเพราะในแทบทุกแนวเพลงเลยครับ

- Custom-made Proprietary Balanced Armature Drivers (12BA per side)
- Powered by soundrIVe technology : Quad low, Quad Mid and Quad High balanced armature drivers per side
- Variable bass output, adjustable from cable : user controlled low frequency drivers with the adjustable bass (0 - +13dB).
Frequency ranges from flat bass response up to +13dB (10Hz to 100Hz)
- Integrated 4th Order crossover
- Triple Bore with Stainless Steel Tubing
- Noise Isolation -26dB

JH Layla II ราคา 119,000 บาท

โดยทุกรุ่นนั้นมีเดโม่ให้ทดลองฟังตัวจริงที่สาขาเรือธง สามารถแวะเข้ามาทดลองฟังและมี stock สินค้าพร้อมจำหน่ายหน้าร้านเลยครับ

เจิม

ซื้อหูฟังตัวละแสน2
กลับบ้านไปหัวแตกแน่

ถูกสุดสี่หมื่นมีทอน

สูงสุดคืนสู่สาม้ญคือสัจจธรรมที่แท้ CEO มั่นคงยังใช้แค่Hifiman RE 400 ราคาสองพันกว่า G7 นักรีวิวหูฟังชั้นแนวหน้าพกSoundmagic pl 30 ราคาพันกว่าบาท อย่างเรามีGR07 ราคาสี่พันก็หรูแล้ว

ส่วนสายอัพเกรดกำลังทยอยสั่งของ Beat Audio และ DHC เข้ามาเพิ่มเเล้วจ้า

สอบถามเลย รับทำ CIEM ของ JH ด้วยเลยหรือเปล่าวครับ

CIEM ของ JH ที่ผมรับทำครับ ไว้ผมจะตั้งกระทู้แจ้งให้ทุกท่านทราบกันในวันสองวันนี้นะครับ ^^

เฮียใช้สิทธิ์แทนคุณJetแน่ๆเลย ส่วนร้านคุณณภัทรก็เหนื่อยหน่อยนะ

มีจัดโปรไหมครับ เปิด Line สินค้า หึ หึ หึ

เฮียครับน่าจะทำโปรผ่อน 0% 10 เดือนบ้างนะครับ อิอิ

ได้มีโอกาสฟังทั้งสามตัวยกเว้น Angie II ผมกลับชอบ Rosie ที่สุด งงตัวเองเหมือนกัน 555

สมู้ท ลื่นไหลดีมาก ใครชอบ K10 น่าจะชอบตัวนี้ได้ไม่ยาก ที่สำคัญราคาจับต้องได้ ไม่เกินเอื้อมเหมือน Layla II และ K10 คุ้มค่า คุ้มราคามากครับ

Rosie จัดว่าเป็นตัวคุ้มตังค์เลยครับ ให้ซาวด์ที่สมู้ท และครบเครื่องสุดๆรุ่นหนึ่งเลยครับ

รบกวนสอบถามครับ..
Jack 2.5 mm. เป็นแบบ SE ใช่มั๊ยครับ.

Jack 2.5 mm. เป็นแบบบาลานซ์เอาไว้ใช้กับตระกูล AK , onkyo , opus 1 เป็นต้นครับ
ส่วน 3.5 mm. เอาไว้ใช้ทั่วไปเลยครับ

ขอบคุณมากครับผม.

ฝากไว้ก่อน Jerry

พอจะสอยtg334 ดันลังเลในราคานางกุหลาบ
เกรงว่านางกุหลาบจะทำให้คันต่อกับน้องแองจี้
ซึ่งราคาก็ไม่โดดกับ334มากนัก
เอาพรือดีเรา